บทที่ 151 โลกที่พังทลาย
หลิวฉิงคือคนที่รู้ความลับของเย่จื่อเฉินก่อนใคร สำหรับการปรากฏตัวของซุนหงอคง ถึงจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการออกมามากเกินไปนัก
ออกมาจากโรงแรมพร้อมกับหลิวฉิง เพิ่งจะพ้นล็อบบี้โรงแรมออกมา เย่จื่อเฉินก็เห็นรถออฟโรดของทหารคันหนึ่งจอดอยู่หน้าโรงแรม ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างรถออฟโรดก็คือซูฉีหู่ พ่อของซูเหยียน
"คุณพ่อตา มารับผมเหรอครับ?"
เย่จื่อเฉินเดินยักคิ้วเข้าไปหา ซูฉีหู่ตีหน้านิ่งขรึม แต่ที่ทำให้ประหลาดใจก็คือ เขาไม่ได้ปฏิเสธ
"พ่อฉันให้มารับเธอ ขึ้นรถเถอะ"
"โอ๊ะ! คุณซูอยากพบผมงั้นเหรอ ดื่มเหล้าหมดแล้วใช่ไหมล่ะครับ"
"อย่าพูดมาก รีบขึ้นรถซะ"
...
เย่จื่อเฉินปรายตามองซูฉีหู่อย่างหมดคำพูด ทำไมพ่อตาถึงได้พูดจาเ็าขนาดนี้
แค่ความเห็นไม่ตรงกันก็ทำท่าจะด่ากันแล้ว
ไหวไหล่ด้วยอารมณ์คุกรุ่น จากนั้นจึงเปิดประตูแล้วเข้าไปในรถ
เงียบตลอดทาง
พอมาถึงบ้านตระกูลซู เย่จื่อเฉินก็เกือบจะหลับไปแล้ว
"ลงมา"
ซูฉีหู่ดึงประตูเปิดออก เย่จื่อเฉินกลืนน้ำลาย ก่อนจะลงมาจากรถด้วยอาการโงนเงน
"ผมไม่ใช่คนร้ายเสียหน่อย พูดจาดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอครับ"
"เธอพูดอีกครั้งสิ!"
ซูฉีหู่ถลึงตาโต เย่จื่อเฉินกลอกตาพูดเสียงห้วน
"โอเค คุณเก่ง ผมไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคุณแล้ว "
"เ้าเด็กบ้า ฉันจะฆ่าแก"
"คุณซูครับ ช่วยด้วย...ลูกชายคุณจะฆ่าผม!"
เย่จื่อเฉินร้องะโพลางวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนซูฉีหู่ก็ถือสายเข็มขัดไล่ตามหลัง
"คุณซูครับ รีบมาจัดการลูกชายคุณเลย"
กว่าจะวิ่งมาถึงข้างโต๊ะของคุณซูไม่ใช่เื่ง่าย เย่จื่อเฉินหายใจหอบเหนื่อยพร้อมกับชี้ไปยังซูฉีหู่ที่อยู่ข้างหลัง
"ฉีหู่!"
ชายชราตบโต๊ะ ซูฉีหู่ที่เมื่อครู่นี้โมโหอยู่สงบลงทันที
"พ่อครับ เ้าเด็กบ้านี่..."
"เด็กบ้าอะไรของแก แกอยากโดนต่อยสินะ"
เย่จื่อเฉินนั่งลงตรงข้ามกับชายชรา แล้วหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่ซูฉีหู่
"เหอะ..."
เขาจะใส่อารมณ์กับชายชราก็ไม่ได้ เมื่อทำอะไรไม่ได้ซูฉีหู่เพียงแค่สะบัดเสียงใส่แล้วเดินจากไป
"คุณพ่อตา เดินดีๆ นะครับ"
ยกมือพลางร้องบอกเสียงดัง ซูฉีหู่ชะงักกึกทันที แต่ก็ยังเดินออกไปโดยไม่หันกลับมา
เมื่อนึกถึงท่าทางที่โดนบีบบังคับของซูฉีหู่ เย่จื่อเฉินก็อดรู้สึกขำอยู่ในใจไม่ได้
"คุณซูครับ ยังขี้เล่นเหมือนเดิมเลย สุราวานรขวดนี้ให้คุณครับ"
ถอนเอาสุราวานรในขวดน้ำเต้าขวดหนึ่งออกมาจากวีแชท นี่เป็ขวดสุดท้ายของเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่เสียใจหรอก มีพี่ลิงอยู่ที่นี่แล้ว สุราวานรนั้นมันก็เป็แค่เื่เล็ก
พอเห็นขวดน้ำเต้าขวดนี้ ชายชราก็ตาเป็ประกาย
"เสี่ยวเย่ ไม่เลวเลย รู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่"
ทั้งสองคนพูดคุยหัวเราะกันอยู่สักพัก จู่ๆ เย่จื่อเฉินพลันหยุดหัวเราะ แล้วเคาะนิ้วลงกับโต๊ะหินเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น
"คุณซู้าพบผม แปลว่ามีเื่อะไรสินะครับ"
ชายชราหัวเราะเบาๆ พลางพยักหน้า แล้วพูดขึ้น
"เธอไปพบกับคนตระกูลตี้มาแล้วใช่ไหม"
"ครับ"
"หลานสาวฉันไม่ได้รับาเ็ใช่ไหม"
"ผมอยู่ด้วย จะปล่อยให้เธอได้รับาเ็ได้ยังไง" เย่จื่อเฉินหัวเราะเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้า แล้วพูดขึ้น "แต่ในเมื่อคุณก็รู้แล้วว่าเธอเจออันตราย แล้วทำไมถึงไม่ไปช่วยเธอ"
"ไม่ใช่ว่าไม่ไปช่วย แต่ไปช่วยไม่ได้ต่างหาก"
ชายชรามีสีหน้าหม่นหมอง แล้วพูดขึ้น
"ตระกูลตี้เป็ตระกูลที่ไม่เปิดเผยฐานะตัวตน อยู่เหนือผู้อื่นในเมืองหลวง ต่อให้เป็บุคคลใหญ่โตก็ยังไม่กล้าลงมือทำอะไรบุ่มบ่ามกับพวกเขา พวกเธอคือคนที่มาจากที่นั่นเหมือนกัน ก็น่าจะเข้าใจตระกูลตี้อยู่บ้างนะ"
...
ในตอนนี้เย่จื่อเฉินกำลังเกิดการต่อต้านอยู่ในใจเป็อย่างมาก เห็นได้ชัดว่าชายชราได้มองเขาเป็คนจากที่แห่งนั้นไปเสียแล้ว
แต่เขา...
ตอนนี้เหมือนว่าเขากำลังได้พบเจอกับคนจากสถานที่แห่งนั้นอยู่ ถ้ายังเป็แบบนี้ต่อไป ไม่ช้าหรือเร็ววันหนึ่งเื่ต้องแดงขึ้นมาแน่นอน
กายทิพย์อะไรนั่น...
ตี้เซียนอะไรนั่นอีก...
ทั้งหมดนี้เขาไม่รู้เื่อะไรเลยสักนิด
เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเย่จื่อเฉิน ชายชราจึงคิดว่าคำพูดของเขาได้ไปจี้จุดอะไรที่ไม่ควรพูดเข้า เขาจึงรีบเปลี่ยนเื่
"เสี่ยวเย่ ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกเธอมีกฎอะไรกัน ถ้าเกิดฉันพูดมากไป เธอก็อย่าถือโทษโกรธฉันเลยนะ"
ช้อนตาขึ้นมองชายชราเล็กน้อย
เขาน่าจะเป็คนประเภทที่ไว้ใจได้
เย่จื่อเฉินขบกัดฟัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูด
"คุณซูครับ ความจริงผม...ผมไม่ใช่คนจากที่นั่นเหมือนอย่างที่คุณคิดหรอกครับ ผมก็เป็แค่คนธรรมดา"
ชายชราอึ้งไปเมื่อได้ยิน
เขาคิดว่าเย่จื่อเฉินนั้นเป็คนที่มาจากสถานที่แห่งนั้นมาโดยตลอด ความอัศจรรย์ของเย่จื่อเฉินมีแค่คนจากสถานที่นั้นเท่านั้นถึงจะสามารถอธิบายได้
แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่แฝงไว้ด้วยความจริงจังของเย่จื่อเฉิน ในใจของเขาจึงได้รับการยืนยัน...
ว่าเย่จื่อเฉินนั้นไม่ได้โกหกตน
"ผมขอพูดความจริงกับคุณเลยแล้วกัน ความจริงเมื่อเดือนที่แล้วผมยังเป็แค่นักศึกษาธรรมดาๆ อยู่เลย สาเหตุที่ผมกลายมาเป็แบบนี้ได้ ที่จริงแล้วมันเป็เพราะ..."
เย่จื่อเฉินตัดสินใจที่จะหงายการ์ดทุกอย่างแล้ว แต่ในตอนที่เขากำลังจะพูดถึงตอนสำคัญ จู่ๆ สมองของเขาก็ดังอื้ออึงขึ้นมาทันที
"ถ้ากล้าพูดมันออกไป ตาย..."
ครืนนน!
ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่สว่างสดใสก็กลายเป็เมฆหมอกสีดำเข้าปกคลุม เสียงฟ้าร้องคำรามลั่นพาดผ่านหมู่เมฆอยู่ไม่ขาดสาย
อึก!
คำพูดที่จะออกจากปากถูกกลืนลงไป เย่จื่อเฉินร้องะโอยู่ในใจ
"คุณเป็ใคร!"
"ข้าคือจักรพรรดิชิงิ[1] หนึ่งในสามของเทพเ้าซานเซียน ข้ารู้ว่าเ้ามีสิ่งที่สงสัยมากมายอยู่ในใจ อีกไม่นานจะมีคนไปพบเ้าแทนข้า และช่วยคลายข้อสงสัยให้กับเ้า แต่ถ้าใน่นี้เ้าปากมากกล้าพูดออกไป เ้าจะโดนฆ่าอย่างไร้ความปรานี! จำเอาไว้ จำทุกอย่างเอาไว้..."
เมฆดำทะมึนสลายไป
ในหัวของเย่จื่อเฉินมีแต่คำพูดเมื่อครู่ของจักรพรรดิชิงิดังสะท้อนกลับไปกลับมา
เขาเป็ใคร!
ทำไมคำพูดของเขาถึงได้ปรากฏขึ้นมาในหัวของตน
หรือว่าสาเหตุที่เขาได้เจอกับพวกคนที่อยู่บน์ จะเป็แผนการที่คนผู้นี้จัดเตรียมเอาไว้ให้?
"เสี่ยวเย่ เสี่ยวเย่..."
อืม
เย่จื่อเฉินลืมตาขึ้นมา เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นคุณซูนั่งอยู่ข้างเตียงมองเขาด้วยสีหน้าเป็กังวล
เกิดอะไรขึ้น?
เมื่อครู่นี้เขาก็ยังนั่งคุยกับคุณซูที่หน้าโต๊ะหินอยู่แท้ๆ แล้วก่อนหน้านี้เขาก็ยังเห็นว่าท้องฟ้ามัน...
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย!
"เสี่ยวเย่ ในที่สุดเธอก็ฟื้นสักที ฉันใหมดคิดว่าเธอจะเป็อะไรไปเสียแล้ว"
สองมือค้ำเตียงยันตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เย่จื่อเฉินถึงได้เห็นว่าท้องฟ้าข้างนอกนั้นมืดแล้ว
"ผมมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง..."
"เธอยังจะพูดอีก" ชายชราพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็ห่วง "ตอนนั้นเรานั่งคุยกันอยู่ข้างนอก แล้วจู่ๆ เธอก็ทำท่าเหมือนว่าตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่าง เธอพูดประมาณว่า ความจริงเธอ...แล้วคำพูดหลังจากนั้นยังไม่ทันได้พูดมันออกมา เธอก็เป็ลมไปก่อน ทำเอาฉันใหมดเลย..."
"อะไรนะ!"
เย่จื่อเฉินทำหน้าใ
เขาจำได้ชัดเลยว่าเขาได้หงายการ์ดบอกกับคุณซูไปแล้ว ทำไมถึงเป็แบบนี้...
ทันใดนั้น เย่จื่อเฉินก็นึกถึงจักรพรรดิชิงิคนนั้นขึ้นมา
ความตื่นกลัวและไม่สบายใจได้หลั่งไหลออกมาจากดวงตาของเขาทันที
ทั้งหมดนี่มันคือเื่อะไรกันแน่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เย่จื่อเฉินถึงได้รู้สึกว่าโลกที่เขารู้จัก มันได้ถล่มทลายไปแล้ว!
___________________________________________________
[1] จักรพรรดิชิงิ คือ หนึ่งในสามของเทพเ้าซานเซียน ซึ่งเป็ปรมาจารย์แห่งเทพ