หลิวเต้าเซียงไม่กลัวหลิวเสี่ยวหลันอยู่แล้วจึงท้าทายด้วยสายตา พร้อมกับแสร้งทำสีหน้าหวาดกลัวแล้วพูดว่า “อา... อาเล็ก ท่านอย่าตีข้ากับท่านพี่อีกเลย ขอ... ขอร้องล่ะ ท่านพ่อข้าบอกว่า วันรุ่งขึ้นเราก็จะย้ายออกไปแล้ว แม้ว่ากำแพงบ้านยัง ยังซ่อมไม่เสร็จ แต่... แต่ว่าตัวบ้านสามารถเข้าไปอยู่ได้แล้ว เพียงแต่ อา... อาเล็กต่อไปต้องขยันให้มาก หลังจากแยกบ้าน ข้ากับท่านพี่คงไม่ได้ทำตามคำสั่งนั่นนี่ของอาเล็กอีกแล้ว อาเล็กต้องช่วยท่านปู่ท่านย่าทำงานด้วยนะ”
อุ้งมือเล็กๆ นั้นแอบออกแรงหยิกขาตนเองอย่างแรง จากนั้นบีบน้ำตาออกมาให้คลอเบ้าและมองไปทางหลิวต้าฟู่ “ท่านปู่ ท่านเลิกตีท่านย่าได้แล้ว ท่านย่าเรียกใช้เด็กรับใช้จนเคยชิน ถือเสียว่าพวกข้ากตัญญูต่อท่านย่า ส่วนเื่ก่อนหน้านี้...”
เื่ที่หลิวฉีซื่อลงมือกับบิดามารดาของนางอย่างอำมหิต จะปล่อยให้จบเช่นนี้ไม่ได้
คนอื่นอาจจะไม่เห็นจุดประสงค์ของหลิวต้าฟู่ แต่นางเห็น
เขาใช้โอกาสนี้สั่งสอนหลิวฉีซื่อ แง่หนึ่งเพราะรู้สึกว่าหลิวฉีซื่อทำเกินเหตุ สมควรได้รับโทษ ส่วนอีกแง่หนึ่งก็เพื่อปลอบขวัญลูกชายสามกับลูกสะใภ้สาม และเพื่อปกป้องตัวหลิวฉีซื่อเองด้วย
อย่างน้อยก็ทำให้หลิวซานกุ้ยรู้ว่า บิดานั้นก็รักใคร่ครอบครัวของเขาเช่นกัน
ตามคาด เมื่อหลิวต้าฟู่เอ่ยปาก หลิวเต้าเซียงก็รู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิด
“ซานกุ้ย แม่เ้านั้นตามีแต่มูลหมู เ้าอย่าได้โกรธไป ที่แม่เ้าเอาแต่ด่าทอเ้ารุนแรงที่สุดก็เพราะว่าแม่เ้าเกลียดชังที่ไม่ได้ดั่งใจ พี่น้องสามคนของเ้าทุกคนต่างก็ได้ดี ในบ้านมีเพียงเ้า...”
หลิวซานกุ้ยยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก เขาคอตก ก้มหน้าไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้ตอบรับคำพูดของบิดาแต่ก็ไม่ได้คัดค้าน
ความรู้สึกนั้นราวกับคนแปลกหน้าที่เจอกัน
หลิวต้าฟู่รอสักครู่ เมื่อไม่ได้ยินบุตรชายคนที่สามพูดอะไร จึงถอนหายใจด้วยความอึดอัดแล้วเอ่ย “แม่ของเ้าชอบให้ตระกูลหลิวแตกกิ่งก้านสาขา ปู่ของเ้าก็เคยกล่าวไว้ว่า แม่ของเ้าเป็บุคคลที่สร้างคุณงามให้แก่ตระกูลหลิว!”
เมื่อหลิวซานกุ้ยได้ยินคําว่า ‘ปู่ของเ้า’ เขาก็มีการตอบสนองและมีลมหายใจหนักหน่วงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่หลิวต้าฟู่พูดจบ หลิวซานกุ้ยก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ท่านพ่อ ข้าทราบแล้ว หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะพาพวกนางกลับไปเก็บของ เช้าวันรุ่งขึ้นพวกข้าจะย้ายไปบ้านหลังนั้น”
เงาด้านหลังของหลิวซานกุ้ยดูเศร้าสลดและหนาวเหน็บ เขาคงคิดไม่ถึงว่า ความรักของบิดามารดาที่ตนเองนั้นเฝ้าปรารถนา อันที่จริงก็มีเพียงเท่านี้
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหลิวต้าฟู่จัดการเื่นี้ได้ดีทีเดียว หากวิเคราะห์ในมุมของเขา หลิวฉีซื่อก็ไม่ควรถูกปลดจริงๆ และไม่อาจส่งนางเข้าห้องขังได้ด้วย
ท้ายที่สุดมันก็เป็เื่ในครอบครัว หากเื่เสื่อมเสียของหลิวฉีซื่อถูกเผยแพร่ออกไป ตระกูลหลิวในหมู่บ้านสามสิบลี้ ไม่ว่าชายหรือหญิง เกรงว่าคงไม่มีทางหมั้นหมายได้อีก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงถงเซิงในบ้านทั้งสามคน การเล่าเรียนก็คงจบเพียงเท่านี้ หากเพียงแค่มีมารดาหรือย่าที่มีจุดด้อย ก็มิอาจเข้าสู่บัณฑิตราชสำนักได้
หลิวฉีซื่อนั้นทั้งถูกด่าและตีไปแล้ว
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าความอัดอั้นในใจทุเลาไปเล็กน้อย
ก่อนจะก้าวออกจากเรือนหลังใหญ่ นางหันกลับไปมอง เห็นหลิวเสี่ยวหลันกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าค่อยๆ เช็ดใบหน้าให้ผู้เป็แม่ ช่างเป็คู่แม่ลูกที่ดีงามเหลือเกิน หางตาของนางเผยความเยือกเย็นออกมา
ละครดีๆ อยู่ในตอนท้ายต่างหาก เราได้เห็นดีกันแน่
หลังจากที่หลิวซานกุ้ยกลับไปที่ห้องปีกตะวันตก เขาก็นอนลงบนคั่งด้านในเงียบๆ และไม่ได้พูดถึงเื่ที่จะไปดูบ้านใหม่
จางกุ้ยฮัวรู้ว่าเขากําลังอัดอั้นตันใจอยู่ ทั้งที่รู้ว่าหลิวฉีซื่อคือคนที่มุ่งร้ายกับเขาและภรรยา แต่กลับทำอะไรมารดาไม่ได้ ความอัดอั้นนี้ยากที่จะรับไหว
“ซานกุ้ย!”
“อืม!”
“ข้าวางแผนที่จะกลับไปที่บ้านแม่ของข้าในอีกไม่กี่วัน คราวก่อนน้องชายข้าฝากเงินมา ต้องให้แม่ข้าห้าสิบตำลึงไม่ใช่หรือ?”
เมื่อหลิวซานกุ้ยได้ยินเื่นี้ จึงนิ่งเงียบและคิดอยู่สักพัก แล้วเอ่ยว่า “ต้องโทษข้าที่ไม่ได้ปกป้องเ้าให้ดี ข้ารู้สึกผิดต่อท่านแม่เหลือเกิน”
ท่านแม่ที่กล่าวถึงคือเฉินซื่อ
“คงไม่มีใครคาดคิดหรอก... ต่อไปก็อยู่ให้ห่างกัน นอกจากเทศกาลก็ไม่ต้องมาทางนี้...”
จางกุ้ยฮัวเองก็พูดได้ไม่เต็มปาก
หลิวต้าฟู่อาจจะไม่ใช่บิดาที่ดีนัก แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้าย คนเช่นเขาเป็พวกที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
นั่นคือนิสัยของเขา
“ท่านพ่อไม่ได้เป็คนเลวร้ายอะไร!” หลิวซานกุ้ยยังทำใจเื่บิดาไม่ได้
คนที่คลุกคลีใกล้ชิดกับหลิวต้าฟู่มากที่สุดคงจะเป็หลิวซานกุ้ย นี่เป็อีกหนึ่งเหตุผลเวลาที่หลิวฉีซื่ออาละวาดจนเกินเหตุ หลิวต้าฟู่มักจะะโออกมารับหน้าทะเลาะกับภรรยาแทน
“ท่านพ่อข้าเป็คนขวานผ่าซาก ไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทเก่ง เขาคิดเพียงแต่ว่าจะเพาะปลูกให้ดี และเก็บเกี่ยวข้าวให้เยอะ เพื่อให้บ้านเราจะได้มีข้าวกินมากๆ”
ปากของจางกุ้ยฮัวขยับ แต่ในที่สุดนางก็ไม่ได้พูดอะไร
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในใจของหลิวซานกุ้ย หลิวต้าฟู่ก็เป็บิดาที่ดีจริงๆ
“เมื่อครอบครัวของเราดีขึ้นกว่านี้ เราจะตอบแทนท่านพ่อของเ้ามากขึ้น”
หลิวซานกุ้ยตอบรับเบาๆ ตอนนี้เขาอยากทำดีกับบิดา ส่วนมารดานั้น...
อย่างไรก็ตาม นางมีสินเ้าสาวของนางเอง คงไม่ต้องกลัวว่าจะใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้ ทุกปีเขาก็ต้องเอาเงินสองตำลึงให้ท่านทั้งสองอยู่แล้ว หากประหยัดกินประหยัดใช้ ในชนบทเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว
สำหรับการแต่งงานของหลิววั่งกุ้ยกับหลิวเสี่ยวหลัน
“ครอบครัวของเราแยกบ้านกันเร็ว วั่งกุ้ยกับเสี่ยวหลันยังไม่ได้แต่งงาน ถึงตอนนั้น คงต้องช่วยออกอีกแรง”
จางกุ้ยฮัวไม่ได้พูดง่ายนักในครั้งนี้ “ถึงอย่างไรเ้าก็เป็คนที่สาม ข้างบนยังมีพี่ชายสองคน เราคล้อยตามก็พอ ถึงอย่างไรก็ห้ามออกมากกว่าสองคนข้างบน”
หากไม่ใช่ว่ายังเห็นแก่สัมพันธ์ทางสายเืเล็กๆ น้อยๆ นางไม่อยากควักออกมาให้แม้แต่แดงเดียว
“ลำบากเ้าแล้ว เื่อื่นข้าเองก็ไม่อยากยุ่ง”
หลิวซานกุ้ยรู้สึกอึดอัดมาก แต่ก็รู้สึกว่าบ่าที่แบกรับเื่ต่างๆ นั้นเบาลงไม่น้อย
ถัดจากนั้นก็พูดถึงเื่ที่จางกุ้ยฮัวพูดก่อนหน้านี้
“กุ้ยฮัว ข้าคิดว่าท่านแม่อยู่ที่หมู่บ้านห้าสิบลี้ตามลำพัง มันคงไม่ดีนัก”
เขาเหยียดมือออกไปหยุดจางกุ้ยฮัวที่กำลังจะอ้าปากพูด แล้วเอ่ยขัด “อย่าเพิ่งรีบ เ้าฟังข้าพูดก่อน ท่านแม่อยู่ที่หมู่บ้านห้าสิบลี้เพียงลำพัง หากว่าน้องชายอยู่ ก็คงไม่ต้องห่วงถ้านางจะเก็บเงินห้าสิบตำลึงไว้ เพียงแต่น้องชายอยู่ไกลบ้าน นานทีปีหนจะกลับสักครั้ง ท่านแม่เราอยู่คนเดียว แล้วยังถือเงินไว้มากมาย หากว่าท่านยังอยู่ตามลำพัง เกิดมีคนรู้เข้า เกรงว่าคงเกิดเื่ตามมาไม่หยุดหย่อน”
จางกุ้ยฮัวไตร่ตรองเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “เื่นี้ข้าพอจะคิดไว้อยู่บ้าง แต่ข้าต้องไปปรึกษาท่านแม่ก่อน อยากคิดหาวิธีที่ดี อันที่จริงข้าอยากให้ท่านแม่ย้ายมาอยู่กับพวกเราด้วย”
หลิวซานกุ้ยนึกถึงเฉินซื่อ นางเป็หญิงชราที่อาศัยในที่ห่างไกลตามลำพัง นับว่าน่าเป็ห่วงจริงๆ จึงเอ่ย “เ้า้าให้ท่านแม่ย้ายมาอยู่ ก็ไปรับนางมาเถิด ถึงอย่างไรเราก็มีบ้านของตัวเองแล้ว เ้าคิดจะทำอย่างไรย่อมได้หมด ใช่สิ พรุ่งนี้หลังจากย้ายบ้าน เ้าไปที่บ้านหลี่เจิ้งกับข้าหน่อย จะได้ทำเื่นั้นอย่างเปิดเผย ถึงตอนนั้น เ้ากับลูกๆ อยากเลี้ยงไก่เลี้ยงหมู จะได้ไม่ต้องกังวลว่าท่านแม่จะ...”
“รู้แล้ว ครั้งนี้กลับไปข้าจะคุยกับท่านแม่ข้าด้วย เ้าไปเรียนที่ตำบล อาจารย์บอกให้เ้าลงสอบปีนี้ หากสอบผ่านถงเซิง ปีหน้าเ้าก็จะมีโอกาสเข้าร่วมสนามสอบของถงเซิง ไม่แน่ว่าปีหน้านางอาจจะได้ลูกเขยเป็ซิ่วไฉก็ได้”
จางกุ้ยฮัวพูดอย่างสบายใจ ทำให้ความหดหู่ในใจของหลิวซานกุ้ยหายไปไม่น้อย
“อื้อ ท่านจะได้ป่าวประกาศเื่นี้ให้คนทั้งหมู่บ้านห้าสิบลี้ได้รู้โดยทั่วกัน และผู้คนก็จะบอกว่า เรามีลูกเขยซิ่วไฉแล้ว กุ้ยฮัวของเราเป็ภรรยาซิ่วไฉเชียวนา!”
หลิวซานกุ้ยปลอบโยนจางกุ้ยฮัวด้วยน้ำเสียงแ่เบา
ไม่เพียงแต่ความหดหู่ของเขาเท่านั้น กระทั่งสภาพจิตใจของภรรยาก็เช่นกัน
“นั่นคงทำให้ท่านแม่ดีใจจนทำอะไรไม่ถูกแน่!”
ทั้งคู่กระซิบอยู่พักหนึ่ง เมื่ออารมณ์ของทั้งสองสงบลงไม่น้อยจึงเริ่มเก็บข้าวของ อะไรที่ควรมัดก็มัดไว้ อะไรที่ควรห่อก็ห่อ หลิวเต้าเซียงกับหลิวชิวเซียงช่วยล้อมหน้าล้อมหลังเก็บของกันอย่างเริงร่า
แค่คิดก็ดีใจแล้ว ในที่สุดก็จะได้ออกจากที่นี่สักที!
หลิวเต้าเซียงอยากจะโบกมืออำลาหลิวฉีซื่อจริงๆ ขอลาขาด!
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลี่เจิ้งพาชายหนุ่มสองสามคนมาพร้อมกับเกวียนวัวของเหล่าหวัง
“ท่านลุงหวัง โห ข้ากำลังคิดว่าต้องเดินเท้าเองเสียแล้ว” หลิวเต้าเซียงเอ่ย
เหล่าหวังสะบัดแส้ แล้วตอบพร้อมรอยยิ้ม “สาวน้อย ครอบครัวเ้าย้ายบ้านทั้งที ไม่เห็นต้องให้เ้ามาตามข้าเลย นี่ไง เมื่อวานหลี่เจิ้งบอกกับข้าแล้ว บอกให้ข้าอย่าเพิ่งไปปล่อยวัว”
พ่อของเหล่าหวังเป็คนที่มีวิสัยทัศน์ ตอนนั้นน้องสาวของเหล่าหวังถูกขายไปทำงานในจวน ทำสัญญาแรงงานสิบปี หลังจากขายได้เงินมาก็ซื้อแม่วัว ต่อมาพ่อของเหล่าหวังตายไป เหล่าหวังจึงรับสืบทอดกิจการต่อ และทำหน้าที่รับส่งคนไปตลาดนัด
แต่ในความเข้าใจของหลิวเต้าเซียงก็คือ เขาเป็คนขับรถแท็กซี่!
“ขอบคุณท่านลุงหวัง พ่อข้าบอกว่า วันนี้พอจบเื่ย้ายบ้าน อีกเดี๋ยวจะเลี้ยงอาหารพวกท่านทั้งหลาย ฮ่า อาจจะไม่นับว่าเป็อาหารกินเลี้ยง เพราะกำแพงบ้านข้ายังสร้างไม่เสร็จดี”
หลี่เจิ้งหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วมองไปที่นางและยิ้ม “สาวน้อย เ้าต้องพูดคำไหนคำนั้นนะ คราวก่อนแม่เ้าทำหม่าล่าปอดหมูกับหม้อไฟไส้หมู รสชาติช่างดีนัก”
เขาติดใจอาหารสองอย่างนี้
“ย่อมได้ ยังมีเหล้าข้าวเพิ่มอีกหนึ่งไห จะได้แกล้มกับสองอย่างและดื่มด่ำด้วย”
หลิวเต้าเซียงตอบด้วยรอยยิ้ม
คําพูดของนางทำให้ทุกคนหัวเราะ การย้ายบ้านก็ต้องฉลองอย่างมงคล
ไม่มีใครพูดเพ้อเจ้อในเวลานี้และทำให้เ้าบ้านไม่มีความสุข
“เต้าเซียง เ้าพูดเองนะ อย่าลืมพี่จู้จื่อคนนี้ด้วย ข้าเองก็เป็คนชอบดื่มเช่นกัน”
“พอข้าได้ยินชุนจื่อเล่า อาหารสองจานนี้ของบ้านเ้ากินกับข้าวอร่อยนัก สามารถกินข้าวได้ถึงสี่ถ้วยใหญ่เชียว”
“ฮ่าฮ่า ชุนจื่อคิดว่าตัวเองเป็หมูแล้ว!”
ทุกคนต่างพูดจากันอย่างสนุกสนาน เข้าบ้านพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และรีบเข้าไปยกของในห้องปีกตะวันตก
เมื่อคืนจางกุ้ยฮัวบอกแล้วว่า จะไม่ให้เหลือแม้แต่กิ่งไม้พังๆ แต่จะขนไปทำเป็ฟืนให้หมด
นางยังคงอัดอั้นตันใจอยู่ ไม่อยากทิ้งอะไรไว้ทั้งนั้น และไม่มีทางเสียเปรียบให้แม่สามีอย่างหลิวฉีซื่ออีก
“ท่านพี่หวง เหตุใดจึงมาได้?” ฟ้ายังไม่ทันสว่าง หลิวต้าฟู่ก็พรวนดินเสร็จและเพิ่งกลับมา
เมื่อคิดว่าวันนี้บุตรชายสามจะย้ายบ้าน ในใจก็รู้สึกย่ำแย่แต่ก็มิอาจทำอะไรได้ เขาคิดดีแล้วว่า วันนี้ออกไปทำสวนเช้าหน่อย รอจนเวลาพอสมควรก็รีบกลับมาช่วยบุตรชายย้ายบ้าน
“ซานกุ้ยย้ายบ้านทั้งที จะไม่ช่วยออกแรงได้อย่างไรกันเล่า?”
หลี่เจิ้งจ้องมองที่ใบหน้าของเขาอยู่พักหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่ารอยแผลนั้นคงไม่ใช่แมวข่วน จึงแอบหงุดหงิดที่หลิวต้าฟู่สะกดหลิวฉีซื่อไม่อยู่ จนทำให้ภรรยาจอมชั่วร้ายก่อเื่ที่ไร้ความปรานีเช่นนี้ขึ้น
ความโมโหที่ซ่อนอยู่ของหลี่เจิ้งจึงเผยออกมาทางคำพูดด้วย “ข้าว่าน้องชาย เมื่อวานบ้านเ้ากินปลาหรือ ดูท่าเ้าน่าจะกินเนื้อปลามากโขเชียว แล้วคงี้เีจนลืมล้างหน้า ดูสิ แมวตัวนี้คงคิดว่าเ้าเป็ปลาไปแล้ว!”
-----
