ทว่าจิตใต้สำนึกบางๆ นั้นกลับรู้สึกถึงความเสียใจ ไม่น่าก่อหวอดวางแผนหาเื่คนทรงพลานุภาพอย่างกับไดโนเสาร์นี่เลย
เ่ิูคนนี้ ไม่เหมือนกับพวกเด็กยาจกคนอื่น เป็จอมมารสะท้านภพที่ไม่เห็นหัวกฎเกณฑ์อะไรทั้งสิ้น
“เฮอะๆ ข้าก็อยู่สันโดษของข้าดีๆ แท้ๆ พวกเ้าดันแส่เล่นตามแผนไอ้สถุลเฉวียนนี่เสียได้ ข้องเกี่ยวอะไรกับข้าสักนิดก็ไม่มี สุดท้ายไอ้โง่บรมอวดฉลาดอย่างเ้า ก็ต้องมาเล่นขนมตุ้บตั้บกับข้าจนได้” เ่ิูมองเฉวียนย่าหลินอย่างดูแคลน คล้ายพญาัที่ไม่เห็นหัวหมาที่เลี้ยงไว้ดูเล่น
เขาหัวเราะเย็น “ในเมื่อเ้ายั่วยุข้าแล้ว ข้าก็จะตอบแทนให้สาสม...” เอ่ยถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็เบือนหน้าไปบนสังเวียนเหนือลานแสดงยุทธ์ “ดูสิ เวลาพวกเ้าเห็นคนในสิบรายชื่อก็เห่าหอนเหมือนเวลาหมาเห็นโครงกระดูก เห็นคนเป็ต้องแว้งกัด ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็จะช่วยพวกเ้าเอง!”
ว่าจบก็เดินตรงขึ้นไปบนสังเวียน
หมู่ชนไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาจะทำอะไร
ทว่ายามเมื่อเ่ิูเดินถึงตรงหน้าอาจารย์คุมกฎ เข้ารับการทดสอบคุณสมบัติประลองยุทธ์และได้มันมา ย่างสามขุมไปบนสังเวียนของเซี่ยโหวอู่
ผู้คนตาดำๆ ก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง
ที่แท้เ่ิูก็จะออกศึกท้าชิงกับคนทั้งสิบแล้วใช่ไหม?
คนมากมายนับไม่ถ้วนเริ่มเืร้อน
เด็กหนุ่มที่พวกเขาหลงคิดว่าอันดับหล่นมาห้าร้อยกว่านั้น ตกต่ำสนิทแล้ว ใครจะรู้ว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก ดูวิธีสยบเฉวียนย่าหลินราบคาบเมื่อครู่ก็รู้แล้ว พลังลึกล้ำไร้เกินใครคาด มีแววตกต่ำตรงไหนกัน?
ดูท่าวันนี้จะเกิดเื่ใหญ่เข้าอีกแล้ว!
...
อีกด้านหนึ่ง
กลุ่มเด็กสูงศักดิ์เข้ามาห้อมล้อมอาจารย์คุมกฎ
“ท่านมองไม่เห็นหรืออย่างไร เ่ิูเพิ่งลงไม้ลงมือต่อยตีคนไปนะ ทำไมพวกท่านไม่เข้ามาจัดการเล่า?” หนุ่มหนึ่งในคนที่ถูกเ่ิูตบหน้าแทบร่วง หน้าบวมเป่งเป็ลูกท้อใกล้เน่าตวาด
“พวกข้ารับผิดชอบแค่ลำดับการศึกสังเวียนเท่านั้น ไม่เกี่ยวกันกับเื่นอกสนาม ถ้าไม่พอใจก็ไปร้องเรียนที่ห้องหมวดปีหนึ่งได้” อาจารย์วัยกลางคนเอ่ยสีหน้าไร้อารมณ์
คนฟังอ้าปากค้างด้วยโทสะ
“ข้าจะร้องเรียน ร้องเรียนว่าเ้าหลีกลี้หน้าที่ นี่มันลำเอียง ลำเอียงกันชัดๆ...” เฉวียนย่าหลินใกล้จะตบะแตกเต็มที เขารู้สึกเหมือนฟันทั้งปากก็โดนเ้านั่นตบละเอียดไปด้วย
“ระวังคำพูดเ้าหน่อย ถ้ายังะโไม่รู้เวลา รบกวนลานแสดงยุทธ์อีกละก็ ข้าก็ทำได้แค่รักษาหน้าที่ ขับไล่เ้าออก” สีหน้าเขาเคร่งขรึมยิ่งนัก
ศิษย์ลูกผู้ดีโกรธจนแทบบ้า
เื่แปลกเื่บ้าอะไรกัน ตลอดมาอาจารย์เหล่านี้ลำเอียงเข้าข้างฝ่ายตนมาตลอด ทำไมอาจารย์ตรงหน้านี้ถึงได้เข้าข้างเ่ิูได้? เื่วันนี้จะมองไปทางไหนก็มีแต่ประหลาดไม่หยุด
เหมือนกับว่า แค่ขอให้เป็เื่ที่เ่ิูข้องเกี่ยว ก็จะกลายเป็แปลก ผิดเดิมได้หมด
และขณะเดียวกันนั้นเอง การต่อสู้บนสังเวียนก็เหมือนจะเริ่มต้น
...
“ในที่สุดเ้าก็มา วะฮะฮ่า ข้ารอโอกาสมานานนัก นานจนเหงือกจะแห้ง เ่ิู คราวนี้แหละ ข้าจะทำให้เ้าพ่ายแพ้หมดรูปต่อหน้าทุกคน” เซี่ยโหวอู่หัวเราะร่าอย่างตื่นเต้น
แน่นอนล่ะว่าเขาเห็นเหตุการณ์ตอนเ่ิูเก็บเฉวียนย่าหลินเต็มสองตา
แต่ว่า...
ข้าไม่ใช่ไอ้สวะเล่นลูกไม้สกปรกแล้วถึงดังอย่างเ้าเฉวียนย่าหลิน ข้าเซี่ยโหวอู่ พึ่งพาพลังตัวเองอย่างแท้จริง ถึงได้เข้ามาเป็หนึ่งในสิบรายชื่อนี้ได้!
ใจเขาเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม
เ่ิูมิปริปากคำใด
เขาหยิบปลอกสีดำใส่หอกจากที่แบกเอาไว้ลงมาวางบนพื้นสังเวียน กวักมือเรียก “มาสิ ข้ากำลังรีบ”
“เ้า...ฮึ ไม่เจียมกะลาหัวจริงๆ ข้าพลังมหาศาลขนาดนี้ อย่างไรก็คนละระดับกับเ้า ยังอาจหาญบ้าบิ่นไม่ใช้อาวุธอีก!” เซี่ยวโหวอู่หัวร่อดุร้าย
เ่ิูเพียงยิ้มไม่ใส่ใจ “เอามาสู้กับเ้าน่ะเหรอ? ไม่จำเป็”
“เ้าเส่หาเื่ตายเองนะ!” เซี่ยโหวอู่แผ่รังสีทมิฬ ตวาดกราดเกรี้ยว ดาบในมือสาดประกายกล้าดั่งห่าฝนเก้าเดือน เปล่งรัศมีชวนครั่นคร้าม แผ่คลุมเ่ิู
เพลงดาบพิฆาตสิบท่า!
เขาร่ำเรียนมาจากหัวหน้าองครักษ์ฝีมือสูงส่งในกองพลทหาร เพลงดาบพิฆาต ท่าใดก็ตามมุ่งสังหารถึงชีวิต น่ากลัวเหมือนปีศาจ
เ่ิูเบี่ยงกายหลบคมดาบสามคมแรก
“ฮ่าๆๆ ทำได้แค่หนีล่ะเซ่ รู้สึกหมดหวังแล้วใช่ไหม? เพลงดาบล้ำลึกสูงส่งนี่น่ะ สวะข้างถนนอย่างเ้าคงไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนสิน่า!”
“ข้าเพิ่งใช้เพลงดาบนี้เอาชนะนังตัวเล็กนั่นไป เหอะๆ ฝากแผลเป็สิบไว้บนร่างนิ่มๆ นั่น...”
“โกรธอยู่ใช่ไหม อยากจู่โจมอยู่ใช่ไหม...ฮ่าๆ น่าเสียดาย เ้าทำไม่ได้หรอก เพลงดาบสิบท่านี้มีไว้เพื่อพิชิตเ้าโดยเฉพาะ!”
เพลงดาบของเซี่ยโหวอู่ ดั่งฟ้าแลบ
ประกายดาบไร้สิ้น ล้อมร่างเขาไว้ตรงกลาง
“ทำไมศิษย์ชั้นสูงอย่างพวกเ้า ถึงได้ชอบคิดเองเออเอง พูดมากปากเหม็นเยี่ยงนี้นะ...” เ่ิูกระทืบพื้นรุนแรงรวดเร็ว กำหมัดวาดออกไป
หมัดกรงเล็บสะกดิญญาทั้งเก้า!
กระบวนยุทธ์ที่ได้มาจากหลิวเล่ยบนสนามประลองยุทธ์วันนั้น ทว่าเมื่อเทียบกับเ่ิูในยามนี้แล้ว เขาหยั่งลึกและเข้าใจถึงแก่นแท้ของมันพูนทวีไม่รู้กี่เท่า
หมัดเดียวเท่านั้น สลาตันกรีดร้องดั่งฟ้าผ่า!
บนสังเวียนอวลบรรยากาศน่าเวทนาดั่งทหารม้าในสมรภูมิ กำปั้นเชือดเฉือน เดินไปไร้ทาง ลงมือไร้หวน!
เคร้ง!
หมัดแม่นยำเหมือนจับวาง พุ่งปะทะแกนกลางดาบโค้งเต็มเหนี่ยว
เซี่ยโหวอู่ไม่อาจรับมือได้ทัน ง่ามนิ้วแตกทลาย เส้นเืดำแหลกะเิ เนื้อหนังปริออก เืสดสาดทะลัก จะจับดาบไว้ก็ไม่ไหวอีกต่อไป มันลอยล่องไปไกล
หน้าเขา ยังยิ้มค้างอยู่เลย
ตูม!
เ่ิูพลิกมือกลับมา ต่อยเข้ากลางท้องไปเต็มรัก
“เหื้อ...เอ้อ...โอว...” เซี่ยโหวอู่ไม่เหลือพื้นที่ให้โต้กลับอีกแล้ว ประคองกายตัวให้ลุก แต่ร่างกายก็ไม่ไว้หน้าเ้าของ ล้มลงคุกเข่าแนบปฐี สำลักเืออกมา
หมัดนี้ ล้างผลาญพลังต่อสู้เขาจนหมดเกลี้ยง
“ทำ...ทำไมถึง...เป็...แบบ...แบบนี้ล่ะ...” เซี่ยโหวอู่เค้นคอถามอย่างยากลำบาก
เขาคิดไม่ออก ว่าทำไมคนที่ไพ่เหนือกว่าเช่นเขา มองตาเปล่าอย่างไรก็ชนะ ดันกลับตาลปัตร หมอบสิ้นคราบแค่เ่ิูจู่โจมมาทีเดียวก็พ่ายแพ้
“เฮอะๆ” เ่ิูหัวเราะ “ขยะ”
เขาก้าวขา ะโลงมาจากสังเวียนเซี่ยโหวอู่
กำปั้นเมื่อครู่ ยังเก็บเรี่ยวแรงอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้ว ปะทะร่างเซี่ยโหวอู่เข้าเต็มๆ ได้กลายเป็กองเนื้อเหลวเละแน่ ทว่า เพียงเท่านี้ก็สาสมกับที่ควรได้รับแล้ว
เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เขาะโลงจากสังเวียนท่ามกลางสายตาคนนับไม่ถ้วน
...
“เ่ิูชนะแล้ว!”
“มัน...จะเร็วเกินไปแล้วนะ!”
“แค่ทีเดียวเนี่ยนะ?”
“ผลมันรู้แพ้รู้ชนะอยู่แล้ว สองคนนี้พลังคนละระดับกัน...เซี่ยโหวอู่เข้าอาณาน้ำพุิญญาไปเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง หรือเ่ิูจะผ่านอาณาน้ำพุิญญาเข้าเต็มๆ แล้วจริงๆ?”
เหล่าปีหนึ่งที่ห้อมล้อมมองดู ตะลึงพรึงเพริดกันเหลือหลาย
ถึงจะมีคนแอบคิดว่าเ่ิูจะเอาชนะได้ แต่ไม่มีใครคิดหรอกว่าจะชนะได้รวดเร็วหมอบราบคาบแก้วขนาดนี้ สภาพการณ์เมื่อครู่ไม่เหมือนคนรุ่นเดียวกันประมือกันเลย แต่เป็ศึกของชายฉกรรจ์กับเด็กกะโปโลไม่รู้แก่นรู้สาร
พลังต่อสู้ที่เ่ิูแสดงออกมา รังให้คนมองยากนักจะทำใจเชื่อได้
นี่เป็เด้กหนุ่มที่กำลังตกต่ำ อันดับร่วงหล่นเหวตอนสอบจริงๆ น่ะหรือ?
ล้อกันเล่นเถอะ ถ้าร่วงห้าร้อยกว่าอันดับแล้วจะพลังมหาศาลขนาดนี้ ใครก็เต็มใจอยากร่วง!
พวกคนที่เย้ยหยันว่าเ่ิูตกที่นั่งลำบากแล้วพวกนั้น มันบ้าแน่ๆ!
“เอ๊ะ? แต่เ่ิูก็ะโลงมาจากสังเวียน...นี่ เขาจะทำอะไรกัน?” มีคนะโขึ้นมา หากยึดตามกฎกติกาแล้ว หากโค่นล้มผู้ครองสังเวียนได้ ก็จะกลายเป็เ้าสังเวียนคนใหม่ เป็หนึ่งในสิบรายชื่อได้แล้ว เ่ิูยอมแพ้จริงหรือนี่?
“เขาจะทำอะไรน่ะ?”
“เดินไปอีกสังเวียนหนึ่ง?”
“อย่าบอกนะว่า...”
“เทพเ้าช่วยด้วย เขาจะท้าประลองนี่!”
“ไปท้าเ้าสังเวียนชั้นสูงอีกคนหรือ?”
ยามชำเลืองเห็นเ่ิูเดินตรงไปสังเวียนถัดไป ความเงียบสงัดเข้าได้แวบเดียวก็หลุดเดือดระอุขึ้นมาอีก พวกเขากระจ่างแจ้งแล้วว่าเด็กหนุ่มกำลังคิดจะทำอะไร...
เขาจะกำจัดศิษย์สูงศักดิ์ให้ราบ!
ท่ามกลางคนมากมายจับตามอง เ่ิูก็ะโขึ้นสังเวียนถัดไป เ้าสังเวียนก็เป็อีกหนึ่งศิษย์ชั้นสูงอัจฉริยะวัยเยาว์ นามว่าเนี่ยเหยียน เกิดมาในกองพลทิศประจิม ชื่อเสียงรองลงมาจากฉินอู๋ซวงและเยี่ยนสิงเทียน มีหลายชีวิตนับไม่ถ้วนยกย่องชื่นชม
“เ้ากล้ามาท้าข้าจริงๆ หรือนี่?” เนี่ยเหยียนอารมณ์เสี้ยนจะสู้เต็มพิกัด “เยี่ยมยอด ข้ากำลังอยากได้อะไรไว้รองมือรองตีนพอดี เ้าชนะเซี่ยโหวอู่แล้วมาแพ้ให้กับข้า ช่างเป็ภาพที่สมบูรณ์แบบ!”
เ่ิูมิเอื้อนเอ่ยใดตอบ เพียงกวักมือเป็สัญญาณเท่านั้น
“สามหาว!” อาวุธของเนี่ยเหยียนคือกระบี่ั์ไร้ขอบ เห็นได้ชัดว่าเป็ศิษย์ทรงพลังยิ่งนัก
กระบี่ั์สั่นสะท้าน
สายลมไร้ที่มาะเิกระจายไปทั่ว
เป็การโจมตีชนิดแหวกูเาเบิกผาหิน
เ่ิูหัวเราะ ทรงพลังยิ่งนักหรือ? เช่นนั้นก็วิเศษไปเลย
เขาเอื้อมมือหยิบหอกไน่เหอ กำไว้ด้วยมือข้างเดียว รับแรงจู่โจมจากกระบี่ั์อย่างสบายอารมณ์
โครม!
เสียงสนั่นดุจจะทลายล้างโลกในพริบตา
เสียงเหล็กกล้าปะทะกึกก้อง จนแก้วหูคนมองทั้งสนามสั่นเป็เ้าเข้า ขาดอีกนิดเดียวก็จะหนวกสนิท
ดาบั์หนักสามร้อยกว่าจินลอยสูงยี่สิบกว่าเมตรเหมือนใบหญ้าอ่อนยวบ จากนั้นจึงดิ่งพสุธามาหนักๆ ผู้ชมตะลีตะลานวิ่งหลบกันให้ควั่ก เสียงตูมบังเกิดอีกครั้ง ทิ้งรอยโบ๋ลึกเป็วงกว้างไว้จะๆ ตา
เนี่ยเหยียนเ้ากรรมก็ปลิวละล่องตกจากสังเวียนมาเช่นกัน
เขาบังคับกายลุกขึ้นยืน สีหน้าแข็งทื่อ อกสั่นขวัญหนี แขนเสื้อทั้งสองขาดวิ่นไปไหนก็ไม่รู้ หยาดเืหยดลงจากสองมือ ง่ามนิ้วแตกทลาย เนื้อหนังมังสาทั้งแขนถูกฉีกเป็ริ้วๆ สายเืพรั่งพรู