หลินฟู่อินกระตุกริมฝีปากขึ้น และกล่าวเสียงเบา “พูดต่อแบบไม่ตะคอกสิ แล้วไสหัวไปซะหลังจากตำหนิแล้ว”
“โอ้ ฟู่อิน ตายจริง ช่างกล้าหาญเสียเหลือเกิน!” จ้าวซื่อจับแขนเสื้อนางไว้ ก่อนจะพุ่งเข้าไปตีหลินฟู่อิน ก่อนจะด่านางต่อไป “ช่างเหมือนก่อนหน้านี้เหลือเกิน ถูกเด็กเช่นเ้าตำหนิแต่ข้าทำได้แค่อดกลั้น ตอนนี้ข้าเป็ท่านแม่ของซิ่วไฉแล้ว หากเ้ากล้าตำหนิข้า เท่ากับเ้ากำลังตำหนิซิ่วไฉ ซิ่วไฉมีเกียรติและศักดิ์ศรี เป็เื่ง่ายดายยิ่งนักหากข้าจะฆ่าเ้าน่ะ!”
หลินฟู่อินเห็นว่านางร้อนรนขึ้น แต่หลินต้าซานและปู่หลินไม่แสดงท่าที และหัวเราะอย่างเ็า
นางพูดขึ้นเบาๆ โดยไม่แสดงสีหน้า “ท่านปู่ ท่านย่า ท่านลุง หากท่านมาหาข้าวันนี้เพื่อถกเื่ที่เกิดขึ้น ได้โปรดแสดงความจริงใจของพวกท่านออกมา หากท่านมาเพื่อสร้างปัญหา เช่นนั้นข้าคงยอมไม่ได้ ข้าสามารถซ่อนตัวได้ แต่ในอนาคตคงมีเพียงสกุลหลิน ข้าจะดูแลเพียงบ้านของข้า และโปรดอย่าขอความช่วยเหลือจากข้าอีกต่อไป”
หลังจากพูดออกไป จ้าวซื่อที่กำลังร้อนรนก็หยุดชะงัก นางเห็นสีหน้าของหลินต้าซานเปลี่ยนไป เขายื่นมือออกไปจับจ้าวซื่อทันควัน
จ้าวซื่อถูกหลินต้าซานกอดไว้ และหลินต้าซานก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย “อย่าทำเื่บ้าๆ นะ เหตุใดวันนี้เ้าถึงมาอยู่ที่นี่ และเ้ามาเพื่อเหตุอันใด เ้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ ?”
เขาไม่รู้ตัวว่าที่สีหน้าของตนมืดครื้มลง เป็เพราะคำขู่ของหลินฟู่อินหรือเพราะการกระทำของจ้าวซื่อทำให้ผู้คนขุ่นเคืองใจอีกครั้งกันแน่
“หลินต้าซาน เหตุใดท่านถึงกล้าช่วยหลินฟู่อินกัน?” จ้าวซื่อคำรามก่อนจะปัดป่ายมือไปมา โชคไม่ดีที่หลินต้าซานอยู่ด้านหลังนาง ด้วยพละกำลังแข็งแกร่งนางจึงไม่สามารถทำอะไรหลินต้าซานได้
สีหน้าหลินต้าซานยิ่งดำมืดลงไปอีก และสีหน้าของอู๋ซื่อก็ทะมึนลงเช่นกัน
ปู่หลินเห็นจ้าวซื่อยังคงทำตัวเหมือนหัวขโมยไร้สายตากว้างไกล เขาก็โมโหเสียจนต้องลูบหัวแล้วหันไปะโใส่หลินต้าซาน “ดูนางให้ดี”
หลินต้าซานตอบรับด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว จากนั้นจึงกอดจ้าวซื่อที่กำลังกวัดแกว่งมือไปมาและโถมตัวเข้าหา
หลินฟู่อินมองไปที่จ้าวซื่อ สายตาของนางฉายแววรังเกียจออกมา
นางรู้สึกจริงๆ ว่านี่คือความล้มเหลวสำหรับสตรีในการใช้ชีวิตโดยปราศจากศักดิ์ศรีและการเลี้ยงดู
“ฟู่อิน วันนี้ปู่มาหาเ้าเพราะมีเื่จะพูดกับเ้า” ปู่หลินกล่าวกับหลินฟู่อินขณะยืนอยู่บนขั้นบันได
น้ำเสียงของเขาดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก ในขณะที่หลินฟู่อินได้ยิน ปู่หลินได้ปล่อยหลินต้าหลางไปก่อนหน้านี้แล้ว
สำหรับหลินฟู่อิน นี่ไม่ใช่เื่ดีนัก
ปู่หลินไม่สนใจสีหน้าของตัวเองอีก ไม่มีคำว่าไร้ยางอายสำหรับสกุลหลินอีกต่อไปแล้ว มีเพียงหวังจะสูบเืสูบเนื้อจากบ้านรองและบ้านสามเท่านั้น
“ท่านปู่ ท่านย่า เข้าไปด้านในแล้วค่อยพูดเถอะ” หลินฟู่อินพูดขึ้นเสียงเบาอย่างนิ่งเฉยและไม่แยแสผู้ใด
ปู่หลินมองนางด้วยสายตาลุ่มลึก จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องหลักด้านหลัง อู๋ซื่อเดินตามไป
ปู่หลินบ่นในใจ หากคนอื่นมาเห็นคนจากบ้านใหญ่ละก็ แน่นอนว่าถึงหลินฟู่อินจะไม่ดึงดูดสายตาคน แต่ใบหน้าเล็กๆ นั่นช่างเ็านัก
ตอนนี้ยิ่งนางนิ่งเพียงใด ปู่หลินก็ยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากเดินเข้าโถงหลัก หลินฟู่อินก็เชิญปู่หลินและอู๋ซื่อให้นั่งลงพลางรินชา ก่อนจะเชิญให้พวกเขาดื่ม
ปู่หลินและอู๋ซื่อจิบชาตามคำเชิญ จากนั้นหลินฟู่อินจึงรินน้ำชาให้ตัวเอง นางจิบชาและมองปู่หลินด้วยสายตาอ่อนโยน “ท่านปู่ ท่านย่า พวกท่านมาในวันนี้เพื่อพูดคุยถึงเื่ค่าน้ำร้อนน้ำชาของพี่ต้าหลางกระมัง?”
ปู่หลินกำลังกังวลว่าจะพูดอย่างไร และขณะที่นางกำลังเชิญชวนให้พูดนั้น เขาก็ผงกศีรษะทันทีและมองไปที่หลินฟู่อินด้วยสายตาจริงจัง กล่าวว่า “ตำแหน่งที่นั่งของหลินต้าหลาง พี่ชายใหญ่ของเ้าถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เป็คืนวันที่สองของเดือนสิบสอง เขาตั้งใจเชิญนักทำนายจ้าวมาในวันดีๆ นั้นด้วย”
เมื่อหลินฟู่อินเห็นเขากล่าวถึงนักทำนายจ้าว คิ้วของนางพลันขมวดขึ้นทันใด
ปู่หลินเห็นนางขมวดคิ้ว ความกังวลใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าแก่ชรา เขาลังเลก่อนจะกล่าวถาม “เวลาเร่งรัดไปหรือไม่?”
หลินฟู่อินส่ายศีรษะและแสร้งตีสีหน้าคนดีพร้อมรอยยิ้ม “มิใช่เพราะเื่เวลาไม่พอหรอกเ้าค่ะ”
“เป็เพราะเงินทองเช่นนั้นหรือ?” ปู่หลินยิ่งกังวลใจหนักขึ้นไปอีก
“ท่านปู่ นี่น่าจะนับเป็ครั้งที่สองแล้ว ท่านลุงสองกลับมาจากเมืองคงบอกท่านแล้วนี่เ้าคะ ข้าหมายถึงั้แ่ท่านย่า้าให้ข้าจัดการเื่นี้ เช่นนั้นข้าจะรับไว้จัดการก็ได้เ้าค่ะ” หลินฟู่อินก้มศีรษะลงขณะจิบชาพลางมองไปที่ปู่หลิน
ปู่หลินพูดขึ้น “ปู่รู้ว่าเ้าเป็เด็กดี หลังจากที่ได้ยินลุงหลินของเ้ากล่าวว่าเ้าตกลง ข้าก็วางใจในเื่นี้ได้”
หลินฟู่อินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า
“ท่านปู่ ท่านย่า พวกท่านไม่จำเป็ต้องกังวลอะไรอีก สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้นข้าจะขอให้เถ้าแก่ของภัตตาคารหลิวจี้มาที่บ้านเดิมเพื่อช่วยเหลือ สำหรับเื่เงินของท่านย่านั้น ข้าจะช่วยออกเอง”
“อมิตาภพุทธ ฟู่อินเ้าช่างเป็คนดีเหลือเกิน!” ก่อนที่หลินต้าซานจะได้กล่าวอะไรต่อ อู๋ซื่อก็ชิงกล่าวตัดหน้าเสียก่อน รอยยิ้มเปื้อนเต็มใบหน้าราวกับดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วง มองไปยังปู่หลินหลายครั้งหลายคราว “ตาเฒ่า ข้าเพิ่งพูดไปว่าหากต้าหลางมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา ฟู่อินก็จะมีชื่อเสียงตามไปด้วย และนางจะไม่ช่วยได้อย่างไร”
บนใบหน้าของปู่หลินพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้น ทว่าเขามิได้ปฏิเสธคำพูดของอู๋ซื่อ
ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือลืมปฏิเสธกันแน่
หลินฟู่อินหัวเราะอย่างเ็าขณะกล่าวว่า “ท่านย่า ข้าไม่ได้เห็นแก่หน้าพี่ต้าหลางเลยสักนิด แต่ข้าทนไม่ไหวจริงๆ มองใบหน้าของซิ่วไฉชราที่ถูกดูดเืดูดเนื้อไปเช่นนั้น”
เื่เกี่ยวกับหลินต้าหลาง หลินฟู่อินไม่เคยคิดจะทำตัวเป็สุภาพชนกับเขา ดังนั้นสิ่งที่นางพูดออกมาจึงเต็มไปด้วยเื่ประชดประชัน
สีหน้าของปู่หลินและอู๋ซื่อเปลี่ยนทันควัน
อู๋ซื่อยืนขึ้นอย่างโกรธเคือง “เหตุใดเ้าต้องพูดเช่นนี้เล่า ฟู่อิน? เป็เื่ง่ายอย่างนั้นหรือที่สกุลหลินของเราจะมีบัณฑิตขึ้นมาสักคนน่ะ? เ้ารู้หรือไม่ว่าหลินต้าหลางไม่ใช่คนโง่!”
หลินฟู่อินหัวเราะ “ไม่ใช่เื่ง่ายจริงๆ หลังจากผ่านการสอบมาตั้งหลายครั้ง ข้าเห็นว่าสกุลเราต้องเสียเงินไปมากมายก็เพื่อเขา”
ปู่หลินเห็นว่าหลินฟู่อินยิ่งพูดก็ยิ่งหนักข้อขึ้นทุกครา จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวโทษนางว่า “ฟู่อิน เ้าพูดได้ดีนักนะ นี่ไม่ใช่ข่าวดีของสกุลหลินเราได้อย่างไรกัน? เ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? ลองพูดอะไรออกมาอีกสิ ข้าจะไม่ปล่อยเ้าไว้อีกต่อไป!”
ปู่หลินมีใบหน้าบึ้งตึงยิ่งนักหลังจากกล่าวว่าไม่สามารถปล่อยนางไปได้ ประโยคอันโหดร้ายนั้น ตราบใดที่หลินฟู่อินกล้าที่จะกล่าวอะไรออกมาอีก ปู่หลินก็พร้อมที่จะลงโทษนางเช่นกัน
หลินฟู่อินยิ้มอย่างเ็าในใจ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นใบหน้าของนาง “เช่นนั้น ในเมื่อมีท่านปู่คุ้มครองพี่ต้าหลางแล้ว ก็ขอให้ท่านปกป้องเขาให้ได้ตลอดเท่าที่จะทำได้นะเ้าคะ หลังจากข้าช่วยเกี่ยวกับหลินต้าหลางครั้งนี้แล้ว ไม่ต้องกลับมาหาข้าอีกก็แล้วกัน”
หลังจากที่เขาได้ยินว่าหลินฟู่อินจะช่วยเหลือเื่รับรองทั้งหลายเ่าั้ และต่อมาไม่เต็มใจช่วยเื่ของหลินต้าหลางอีกต่อไปในภายหน้า ทั้งปู่หลินและอู๋ซื่อพลันตื่นตระหนก
ปู่หลินแอบกะพริบตาให้อู๋ซื่อ อู๋ซื่อลุกขึ้นยืนทันทีและก้าวเข้ามาหาหลินฟู่อิน ก่อนจะจับมือนางแตะเบาๆ แล้วกล่าว “ฟู่อิน เหตุใดจึงมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้นล่ะ? อีกอย่างท่านปู่ของเ้าน่ะกำลังร้อนใจ เหตุใดจะต้องถือสากับคำพูดใจร้อนของเขาด้วยล่ะ”
หลินฟู่อินเม้มริมฝีปากของนางก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านปู่ข้าออกจะใจร้อนไปสักหน่อย แต่ข้าตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้วเ้าค่ะ”
“เ้าหมายความว่าเช่นไรนะ?” อู๋ชื่อนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนถามออกมาอย่างเหลือเชื่อ “หากพี่ต้าหลางของเ้าไม่ผ่านการสอบ เ้าก็สามารถปล่อยวางเื่นี้ไปได้ พวกเราไม่ได้บังคับเ้าเสียหน่อย แต่ตอนนี้เขาผ่านการสอบแล้ว เช่นนั้นเกียรติยศและความรุ่งโรจน์ของตระกูลกำลังรอพวกเราอยู่ พวกเราทุกคนควรจะร่วมแรงร่วมใจด้วยกันสิ!”
แน่นอนว่าปู่หลินเชื่อมั่นในแิเช่นนี้ ข้า้าให้ทุกคนในสกุลทุ่มเทให้กับหลินต้าหลาง
ดวงตาของหลินฟู่อินเ็าขึ้นฉับพลัน แม้ตอนนี้นางจะสามารถสนับสนุนคนได้เพียงลำพัง แต่นางไม่มีทางช่วยเหลือคนขี้ขลาดตาขาวเช่นหลินต้าหลางได้
นางเม้มริมฝีปาก ผายมือออก พูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ตราบใดที่พี่ต้าหลางเป็คนดี ข้าก็พร้อมจะช่วยเหลือเขานะเ้าคะ แต่ท่านย่าก็ทราบดี เขาไม่คิดว่าข้าเป็น้องสาว แทบจะเป็แค่ชิ้นเนื้อที่ทำเงินได้เท่านั้นเองนะเ้าคะ”
“ฟู่อิน เ้าจะพูดเช่นนั้นไม่ได้นะ พี่ต้าหลางของเ้าน่ะไม่ได้มีเจตนาร้ายสักนิด เ้าเองก็ช่างเย่อหยิ่งนัก ไม่ให้อภัยเขา ส่วนเขาเองมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับตัวเ้า และเ้าเองก็เข้าใจผิดในตัวเขาเช่นกัน” ปู่หลินพยายามอธิบายด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น
โชคดีที่เขาไม่ได้อธิบายต่อ ยิ่งเขาอธิบาย หลินฟู่อินก็เริ่มโกรธขึ้นเล็กน้อย ถึงนางจะไม่อยากโกรธก็ตาม
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ส่งไปไม่ถึงดวงตาของนาง
“์ นี่ท่านยังกล่าวโทษเื่การร่วมมือกับท่านอีกเช่นนั้นหรือ? นี่เป็ความผิดของข้าอย่างนั้นหรือ?” หลินฟู่อินถามแล้วส่ายหัว “ั้แ่ท่านปู่กล่าวว่าเป็ความผิดของข้า เช่นนั้นฟู่อินก็ไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือเ้าค่ะ ที่จะไปเป็ส่วนหนึ่งของงานแสดงความสามารถของลูกพี่ลูกน้องท่านนั้น เขาจะต้องรับผิดชอบทั้งตระกูลเองเ้าค่ะ”
หลังกล่าวจบ นางไม่ได้สนใจใบหน้าบิดเบี้ยวของปู่หลินและอู๋ซื่อ เพียงก้มหน้าลงจิบชาต่อ
“ฟู่อิน สิ่งที่เ้าพูดนั้นเกินจริงไปมาก ไม่ได้หมายความว่าเ้าจะต้องจ่ายให้กับทั้งสกุลเสียหน่อย เ้าเพียงต้องนำเงินส่วนที่ทำร้านทุกปีมาช่วยพี่ต้าหลางของเ้าเพื่อให้เรียนต่อและไปสอบได้เท่านั้นเอง” ปู่หลินกล่าว
หลินฟู่อินเกือบทำถ้วยชาพลิกคว่ำหลังจากได้ยินคำของชายชรา
ปู่หลินมองไปที่หลินฟู่อินด้วยความคาดหวังอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า
“ข้าได้ยินจากลุงสองของเ้าว่าเ้าน่ะสามารถทำเงินได้ห้าร้อยถึงหกร้อยตำลึงเงินและยี่สิบอีแปะในปีนี้ใช่หรือไม่? ดีเลย เช่นนั้นขอแค่เก้าส่วนเท่านั้น แค่ห้าร้อยตำลึงเงินกับอีกยี่สิบอีแปะเท่านี้ก็พอสำหรับพี่ชายของเ้าไปอีกครึ่งปีแล้ว และจะช่วยบ้านหลังเก่าของพวกเราไว้ได้”
โชคดีที่หลินเฟินไม่ได้บอกลุงหลินต้าเหอไปว่าความจริงนางทำได้เงินเท่าไรกันแน่ มิฉะนั้น… หึหึ
หลินฟู่อินยอมแพ้ให้กับหลินต้าเหอหมดหัวใจ ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้มีความโลภขนาดไหน ช่างมันเถอะ
แต่ปู่หลินไม่รู้จะกล่าวกับนางอย่างไร และขอให้นางนำเงินทุนมากกว่าเก้าส่วนของตัวเองเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนให้กับหลินต้าหลาง
เมื่อไรกันที่นางเป็เครื่องมือทำเงินสำหรับหลินต้าหลางน่ะ หา?
อันที่จริงหลินฟู่อินเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ปู่หลินอยากให้นางช่วยหลินต้าหลางในด้านการเรียนและการสอบ นางไม่ได้คาดคิดว่าปู่หลินจะเป็คนจิตใจแข็งกระด้างขนาดนี้
เริ่มมาก็เก้าในสิบส่วนแล้ว!
เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินไม่ปริปากตอบคำถามของตนแม้ครึ่งคำ ปู่หลินเอื้อมมือไปจิบชาก่อนบ่นพึมพำมุมปาก “เหตุใดเื่เช่นนี้จึงทำไม่ได้กันล่ะ? หลานสาวคนนี้น่ะทำเงินได้มากมายนัก แล้วจะเอาเงินไปทำอะไรกัน มีคำกล่าวว่า เหล็กที่ดีจะได้ดาบดี ฉะนั้นแล้วเงินทองที่เ้าได้รับมาก็เพื่อต้าหลางอย่างไรล่ะ”
“หึหึ…” หลินฟู่อินยิ้มเยาะ “ข้ายังมีน้องชายคนเล็กอีกคนนะเ้าคะ เขายังต้องศึกษาเล่าเรียนและมีค่าใช้จ่ายั้แ่เล็กเ้าค่ะ และข้าจะเป็ผู้เสียสละในตอนนี้เอง ข้าจะต้องเก็บเงินสินเดิมไว้ให้กับน้องสาวของข้า และสินเดิมของตัวข้าเองเช่นกัน เื่นี้ยอมไม่ได้เ้าค่ะ ข้าขอบอกตามตรง ใครสนเื่ความเมตตาของเขากันล่ะเ้าคะ ใครจะฝากชีวิตในภายภาคหน้าไว้กับเขากัน อย่างไรก็ไม่ใช่ข้าแน่นอน ปล่อยข้าไว้ลำพังกับเงินที่ข้าหามาอย่างยากลำบากจากการค้าขายของข้าเองเถอะ เงินที่แสนลำบากกว่าจะหามาได้เพื่อการค้าขายแต่จะให้หมดไปกับเขาหรือเ้าคะ”
ความหมายก็คือไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ
ปู่หลินและอู๋ซื่อเกือบคุกเข่าด้วยความโกรธและความรำคาญ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถทำให้สตรีตรงหน้าขุ่นเคืองใจได้
“ฟู่อิน เ้าไม่มีความเป็มนุษย์เลยหรือถึงพูดเช่นนี้ออกมาได้?” อู๋ซื่อคิดอยู่นานก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา
ปู่หลินกล่าว “เงินค่าเล่าเรียนของเสี่ยวเป่า และเงินสินเดิมของเสี่ยวเป้ยน้องสาวเ้าน่ะยังเร็วเกินไปนัก ถึงแม้เ้าจะเก็บเงินในอีกสองสามปีข้างหน้า เ้าก็ยังสามารถช่วยเหลือภายหลังได้” ปู่หลินมองหลินฟู่อินด้วยสายตาาุโของเขา ก่อนกล่าวต่อไป “เ้าต้องไม่ลืมว่าเ้าเองก็เป็ลูกสาวคนโตของสกุลหลิน เ้าจะต้องแต่งกับใครสักคน ปู่ของเ้าและลุงของเ้าจะช่วยเหลือเื่สินเดิมเอง”
โอ้! สกุลหลินช่างมีเมตตาเสียจริง ในที่สุดก็กล่าวเื่ช่วยเหลือสินเดิมของนางเสียที เื่ซุบซิบสกุลหลินนี่ช่างน่าหัวเราะเสียจริง สินเดิมอะไรที่ข้าสามารถคาดหวังจากพวกเขาได้กัน?
หลังจากตรึกตรองดูแล้ว หลินฟู่อินก็วางแผนที่จะป้องกันคู่สามีชราตรงหน้า จึงกล่าวว่า “ท่านปู่ ข้าไม่ได้สงสัยในความจริงใจของท่านเลยนะเ้าคะ แล้วสินเดิมของข้าล่ะเ้าคะ? หากท่านและท่านลุงสนใจ พวกเขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกเ้าค่ะ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่นางพูด อู๋ซือก็บ่นในใจว่าช่างไร้ยางอายยิ่งนัก เด็กสาวอายุเพียงสิบสามปีกลับกล่าวเื่เกี่ยวกับการแต่งงานกับบุรุษ แต่นางยิ้มและกล่าวว่า “ฟู่อิน วางใจได้เลย ตราบใดที่เ้ามอบเงินให้กับพี่ต้าหลางของเ้าเพื่อการสอบแล้ว แค่เพียงเ้ารอเวลาข้างหน้า ท่านปู่ ท่านลุง และต้าหลางจะดูแลเ้าเป็อย่างดีเลยละ นี่เป็สินเดิมของเ้าอย่างไรล่ะ และตอนนี้ย่าเ้าจะบอกเ้าไว้นะ อะไรที่ดีที่สุดเราย่อมมอบให้กับเ้าได้เช่นกัน!”
หลินฟู่อินได้ฟังคำสารภาพของอู๋ซื่อ อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากของนางออก ก่อนจะเหลือบมองอู๋ซื่อและกล่าวด้วยความสนใจว่า “ท่านย่าบอกกับฟู่อินมาสิเ้าคะ อะไรคือสินเดิมที่ดีที่สุดกัน?”
อู๋ซื่อตกตะลึง จากนั้นจิตใต้สำนึกนางสั่งให้เหลือบไปมองปู่หลิน ปู่หลินมองที่ดวงตาของนาง หลังจากทั้งคู่สบตากัน ปู่หลินก็ผงกหัวด้วยใบหน้าอันบูดบึ้ง “ดีละ” อู๋ซื่อพยักหน้าและมองไปที่หลินฟู่อิน โบกมือทั้งสองข้างก่อนกล่าว “หมู่บ้านหูลู่ของเราเวลาหญิงสาวแต่งงาน สินเดิมมีอย่างน้อยสิบตำลึงเงิน! อีกหน่อยพอฟู่อินแต่งงานพวกเราจะให้สินเดิมเ้าอย่างน้อยหนึ่งร้อยตำลึงเงิน และให้เ้ามีงานแต่งงานที่สวยงาม!”
หลินฟู่อินแทบจะพ่นชาออกมา
นางมองไปที่อู๋ซื่อด้วยสายตาแปลกประหลาด จากนั้นก็มองไปที่ปู่หลิน “สินเดิมข้าคือหนึ่งร้อยตำลึงหรือสองตำลึงเงินนะเ้าคะ? สำหรับเงินที่ข้าต้องมอบให้พี่ต้าหลางที่ข้าหามาได้ทุกปี?”
หลินฟู่อินรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่ามากหากจะรู้สึกโกรธเคือง และการใช้เวลาว่างไปกับปู่ย่าคู่นี้ก็ไม่ได้ทำให้มีความสุขจริงๆ
“ใช่แล้ว เ้าจะไม่ต้องอดทนแม้แต่น้อย” อู๋ซื่อกล่าวด้วยความมั่นใจยิ่งนัก “ฟังนะเด็กน้อย นี่เ้าก็ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่แค่พี่ชายใหญ่ของเ้าจะมีชื่อเสียงที่ดีนะ นี่คือโชคชะตา”
หลินฟู่อินพยักหน้า
เมื่ออู๋ซื่อและปู่หลินเห็นนางผงกหัว ดวงตาของคนแก่ทั้งคู่ต่างก็เปล่งประกายเจิดจ้า
แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลินฟู่อินจะเอ่ยออกมาอีก “พี่ชายที่รักที่มีชื่อเสียง มีราคาแพงมากอย่างนั้นหรือเ้าคะ? เช่นนั้นข้าอาจจะไม่สามารถมีได้เช่นกันนะเ้าคะ”
ใบหน้าของปู่หลินและอู๋ซื่อเปลี่ยนไปอีกครั้ง
หลินฟู่อินกล่าวต่อว่า “ข้าสามารถใช้เงินซื้อที่ดินเป็ร้อยหมู่ และสามารถซื้อร้านได้มากกว่าหกร้าน พวกนั้นจะเป็สินเดิมของข้า จากนั้นรายได้บางส่วนกับร้านค้าจะมอบให้กับเสี่ยวเป่าที่กำลังเล่าเรียนอยู่ และส่วนหนึ่งจะถูกเก็บไว้เป็เงินสินเดิมสำหรับเสี่ยวเป้ยเ้าค่ะ”
หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ หลินฟู่อินก็ยิ้ม ก่อนจะจ้องไปที่ชายชราซึ่งใบหน้าของเขาไม่สามารถมืดครื้มไปมากกว่านี้ได้แล้ว “ท่านปู่ ท่านก็ทราบดีว่าการค้าขายของข้าเองอยู่ระหว่างดำเนินการ และชีวิตของข้าก็กำลังดียิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นเหตุใดข้าจะต้องมอบสินเดิมของตัวเอง และยอมยกสิ่งที่ข้าควรจะได้รับไปด้วยล่ะเ้าคะ”
หลินฟู่อินมองใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปมาตลอดเวลาของปู่หลินและอู๋ซื่อด้วยรอยยิ้ม แต่นางมีความสุขยิ่งนัก
“ฟู่อิน…” ปู่หลินขยับริมฝีปากอย่างยากลำบาก มองนางด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม ก่อนเอ่ยปากขู่ว่า “หากหญิงสาวแต่งงานออกไปแล้วไม่มีครอบครัวเป็ผู้สนับสนุน ชีวิตถึงจะมีสินเดิมมากมายแต่ก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้หรอกนะ”
“ข้าทราบดี” หลินฟู่อินตอบด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นข้าจะใช้เงินที่หามาอย่างดีไปกับเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าซึ่งเป็น้องชายแท้ๆ ของข้า เพราะเหตุใดข้าจะต้องทิ้งน้องชายของข้าไปล่ะเ้าคะ? แล้วใช้เงินหลายตำลึงให้หมดไปกับลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็คนอื่นน่ะหรือ?”
“เ้า…” ปู่หลินกล่าวด้วยความกังวลและโมโห “ข้าเพิ่งบอกเ้าไปว่าเ้าจะฝึกฝนเสี่ยวเป่าก็ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เขายังเป็แค่ทารกแรกเกิดไม่กี่เดือนเท่านั้น!”
“ใช่ แค่ไม่กี่เดือน เอามาเปรียบเทียบกับต้าหลางได้อย่างไรกัน?” อู๋ซื่อช่วยพูดด้วยท่าทางรังเกียจพลางหรี่ตาลง “พูดจามักง่ายเช่นนี้ กับอีแค่เด็กแรกเกิดไม่กี่เดือน อีกอย่างข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะยืนได้หรือเปล่า!”
หลินฟู่อินได้ยินประโยคสุดท้ายของอู๋ซื่อ ดวงหน้าเล็กๆ ของนางพลันเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นะเืทันควัน สีหน้าของนางเย็นเยียบ ดวงตาของนางฉาบไปด้วยน้ำแข็งยิ่งกว่า “ท่านย่า หัวใจของท่านช่างโหดร้ายยิ่งนัก นี่คือคำแช่งเหล่าสมบัติเล็กๆ ของข้า? อย่าลืมนะเ้าคะว่าเขาเองก็เป็หลานของท่านเช่นกัน!”
หลังจากพูดจบ หลินฟู่อินหันไปหาปู่หลินด้วยใบหน้าเ็า “์ หากข้ายังไม่ได้ทำการตัดสินใจก่อนหน้านี้ไปนะเ้าคะ ตอนนี้ท่านและท่านย่าทำให้ข้าเข้าใจอะไรมากขึ้น ท่าน้าเพียงหลินต้าหลาง หลานชายของท่าน”
“เด็กๆ เช่นเราที่มาจากบ้านรองและบ้านสามต้องยอมหลีกทางให้กับหลินต้าหลาง ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“ไร้สาระ!” หลังจากหลินฟู่อินพูด ปู่หลินก็ตำหนิทันที “พวกเ้าทุกคนคือลูกหลานของข้า ข้าจะไปรักใครอื่นได้เช่นไรกัน แต่ต้าหลางตอนนี้อยู่ใน่เวลาสำคัญนัก ข้าเพียงหวังว่าลูกๆ หลานๆ จะร่วมใจไปด้วยกัน และขอให้ต้าหลางไม่ปฏิบัติตัวแย่ๆ กับเ้าอีก ฟู่อิน เหตุใดเ้าไม่เข้าใจความพยายามของปู่คนนี้กัน”
“เพราะท่านไม่รู้ว่าจะไปที่ใดอย่างไรเล่าเ้าคะ ท่านไม่เห็นหัวใจของตัวเองเ้าค่ะ” หลินฟู่อินกล่าวด้วยความอัศจรรย์ใจ
นี่เป็การตำหนิเขาชัดๆ ว่าลำเอียง! ปู่หลินโกรธมากเสียจนมือสั่นเท้าสั่น เขาอยากจะตีปากของหลินฟู่อินเสียแต่ก็หันหน้าหนี แต่ทันทีที่นึกถึงสิ่งที่หลินต้าหลางพูดกับเขา เขาก็หมดสติไป
คำพูดของหลินต้าหลางกล่าวว่า หากจะสอบเข้าเป็ขุนนางจะต้องใช้เงินอย่างน้อยปีละเจ็ดร้อยถึงแปดร้อยตำลึงเงินเลยทีเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้