“หมอหลวงอวิ๋น ท่านรีบมาดูตรงนี้เร็ว เสด็จป้าของข้าเป็อย่างไร? ”
เว่ยเหม่ยเจียไม่สามารถดูแลผู้ใดได้ นางลากหมอหลวงอวิ๋นเดินไปยังข้างเตียงของเฉินไท่เฟยทว่าหมอหลวงอวิ๋นยังคงมองย้อนกลับไปที่ซูจิ่นซีและยิ้มอย่างอ่อนโยน
ซูจิ่นซีไม่เคยพบบุรุษที่มีรอยยิ้มอบอุ่นเช่นนี้มาก่อน ทว่านางกลับหาเหตุผลไม่ได้ว่าความคุ้นเคยที่ไม่สามารถอธิบายได้นี้มาจากที่ใด
นี่เป็ครั้งแรกที่นางมายังมิติแห่งนี้ และเป็ครั้งแรกที่เจอบุรุษผู้นี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักมาก่อน
ครุ่นคิดอยู่นาน ซูจิ่นซีจึงนึกออกอยู่เหตุผลหนึ่งที่อาจเป็ไปได้นอกเสียจากว่าหมอหลวงอวิ๋นผู้นี้จะมาจากโลกนั้นเช่นเดียวกันกับนาง และเป็ไปได้อย่างมากที่เขาจะรู้ว่าตนเองข้ามภพมาอย่างไร
แม้ว่านี่จะเป็เพียงการคาดเดาและไม่ใช่วิทยาศาสตร์มากนักทว่า่นี้ก็มีเื่ที่ไม่เป็วิทยาศาสตร์เกิดขึ้นกับนางมากมายเช่นเดียวกันด้วยเหตุนี้ซูจิ่นซีจึงตัดสินใจว่าหากได้พบกันอีก จะต้องหาโอกาสทดสอบหมอหลวงอวิ๋นอย่างแน่นอน
หมอหลวงอวิ๋นจดจ่อกับการตรวจชีพจรของเฉินไท่เฟยอยู่นานเว่ยเหม่ยเจียกังวลจนอยู่ไม่นิ่ง ทว่าเยี่ยโยวเหยาผู้เป็บุตรชายแท้ๆ ของไท่เฟยกลับดูราวกับว่าไม่ได้รู้สึกรู้สาต่อสิ่งใด
ซูจิ่นซีสงสัยเหลือเกินว่าสรุปแล้วเว่ยเหม่ยเจียหรือเยี่ยโยวเหยากันแน่ที่เป็บุตรแท้ๆของเฉินไท่เฟย?
“หมอหลวงอวิ๋น สรุปแล้วเสด็จป้าของข้าเป็อย่างไรกันแน่เล่า? ”
หมอหลวงอวิ๋นวางมือของเฉินไท่เฟยลงแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “่นี้เฉินไท่เฟยได้เสวยสิ่งใดที่ไม่ควรเข้าไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”
สิ่งใดที่ไม่ควรกินอย่างนั้นหรือ?
อาหารของคนในวังแต่ละมื้อนั้นพิถีพิถันมาก ไม่ว่าจะเสวยข้าวหรือดื่มน้ำก็ต้องใช้เข็มตรวจพิษก่อนเสมอหากพูดว่าสิ่งใดที่ไม่ควรกินละก็น่าจะเป็ก่อนหน้านี้ที่เว่ยเหม่ยเจียได้พูดคุยกับเฉินไท่เฟยและขอให้เฉินไท่เฟยดื่มชาของซูจิ่นซีเพื่อหวังใส่ร้ายนาง
ทว่าเื่นี้ก็ผ่านพ้นไปแล้ว เว่ยเหม่ยเจียจะไม่พูดออกมาเพื่อทรยศต่อเฉินไท่เฟยและตนเองอย่างแน่นอน
“หมอหลวงอวิ๋น ท่านอย่าอ้อมค้อมเลย เสด็จป้าของข้าเป็อันใดกันแน่? ร้ายแรงหรือไม่? ”
เว่ยเหม่ยเจียจงใจหลีกเลี่ยงการพูดถึงเื่นี้และถามถึงสิ่งที่้ารู้มากที่สุดเท่านั้น
ดวงตาของหมอหลวงอวิ๋นเป็ประกาย คาดไม่ถึงว่าเขาจะหันเหลือบมองไปยังซูจิ่นซีอีกครั้งโดยไม่สนใจเว่ยเหม่ยเจีย แล้วจึงหยิบเข็มทองคำออกจากกล่องยาเพื่อฝังเข็มให้เฉินไท่เฟย
หมอหลวงอวิ๋นเป็หมอหลวงที่อายุน้อยที่สุดและเป็หมอหลวงที่มีฝีมือสูงเช่นกันซึ่งปกติแล้วจะตรวจรักษาให้กับฮ่องเต้และไทเฮา เหล่านางสนมในวังไม่สามารถรับการรักษาจากเขาได้ครั้งนี้เป็เพราะไว้หน้าเยี่ยโยวเหยาจึงสามารถออกจากวังเพื่อมาวินิจฉัยอาการของเฉินไท่เฟยเว่ยเหม่ยเจียทราบสถานะความต่ำสูงของตนเองดีนางจึงไม่คิดโกรธเคืองกับความเฉยเมยของหมอหลวงอวิ๋น
ซูจิ่นซีซึ่งนั่งอยู่ด้านนอกมองดูหมอหลวงอวิ๋นแล้วรู้สึกว่าคนผู้นี้มีบางสิ่งปิดบังอยู่และนางจะต้องรู้เื่บางอย่างเกี่ยวกับเขาให้จงได้
เพียงไม่นานหมอหลวงอวิ๋นก็ฝังเข็มเสร็จแล้วเดินออกไป
“ท่านอ๋อง พระชายาอ๋อง ยามนี้ไท่เฟยไม่มีสิ่งใดน่ากังวลแล้วอีกสักพักจึงจะตื่นขึ้นมา เพียงแต่ว่าไท่เฟยเสวยผงหลูเกิน [1] ซึ่งเป็พิษต่อร่างกายของนาง ผงหลูเกินนี้สามารถใช้ได้ในชาคนทั่วไปจะไม่เป็อันใด ทว่าเฉินไท่เฟยแพ้ผงหลูเกินตอนนี้นางมีผื่นขึ้นทั่วร่างกายและมีไข้สูง ข้าเพียงเกรงว่าหากเป็ฤดูร้อนเช่นนี้นางจะทนไม่ไหว”
เว่ยเหม่ยเจียพึ่งออกมาจากห้องในมือถืออ่างน้ำที่ใช้ซักผ้าเช็ดตัวถวายให้เฉินไท่เฟย เมื่อได้ยินคำพูดของหมอหลวงเฉินอ่างน้ำในมือของนางก็ตกลงบนพื้นเกิดเสียงดังทันที "เพล้ง!"
“หมอหลวงอวิ๋น ท่าน... ท่านพูดว่าอย่างไรนะ? ท่านบอกว่าเสด็จป้าแพ้ผงหลูเกินอย่างนั้นหรือ?ท่านไม่ได้วินิจฉัยผิดใช่หรือไม่? ”
“หึ! น่าขันเสียจริงหมอหลวงอวิ๋นเป็ผู้มีความสามารถรักษาฮ่องเต้และไทเฮามาหลายปีไม่เคยที่จะวินิจฉัยผิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว หากอาการแพ้ผงหลูเกินยังวินิจฉัยผิดพลาดก็อย่าอยู่เป็หมอหลวงเลย! ”
เห็นได้ชัดว่าหมอหลวงอวิ๋นไม่พอใจในคำพูดของเว่ยเหม่ยเจีย
ผู้อื่นอาจไม่ทราบ ทว่าเว่ยเหม่ยเจียทราบดีอยู่แก่ใจถึงอาการความรุนแรงของเฉินไท่เฟยที่แพ้ผงหลูเกินนี้
เคยมีคนผู้หนึ่งจับผงหลูเกินและไม่ได้ล้างมือ กลับมาััถ้วยชาของเฉินไท่เฟยเมื่อเฉินไท่เฟยดื่มเข้าไปเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจจึงทำให้มีไข้สูงเป็เวลาถึงสามวันสามคืน ร่างกายของนางเต็มไปด้วยผื่นแดงร้ายแรงจนเกือบจะสิ้นพระชนม์
บัดนี้ที่เฉินไท่เฟยบังเอิญกินผงหลูเกินเข้าไป
เว่ยเหม่ยเจียทราบได้ทันใดว่าต่อให้นางมีสิบปาก นางก็บอกเื่นี้ไม่ได้นางเป็คนใส่ยาในถ้วยชาจึงมีเพียงนางและเฉินไท่เฟยเท่านั้นที่ทราบเื่นี้ทว่ายาที่นางใส่ไปนั้นเป็เพียงแค่ยาสลบ ไม่ใช่ผงหลูเกิน เฉินไท่เฟยไม่ทราบเื่นี้และนางไม่สามารถพิสูจน์ต่อเฉินไท่เฟยได้
นางหมดสิ้นแล้ว!
เฉินไท่เฟยจะต้องไม่ปล่อยนางไว้แน่!
เป็อย่างที่คิดไว้ นางยังไม่ทันได้เรียกสติกลับมาเสียงในห้องของเฉินไท่เฟยก็ดังขึ้นมาด้วยความโกรธราวกับสุกรโดนเชือด “เว่ยเหม่ยเจีย เ้าจิ้งจอกตาขาว มาหาข้าเดี๋ยวนี้! ”
เว่ยเหม่ยเจียตัวสั่นด้วยความใและมองไปยังเยี่ยโยวเหยาเพื่อขอความช่วยเหลือทว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ได้มองนางเลยสักนิด
เว่ยเหม่ยเจียจึงมองไปยังหมอหลวงอวิ๋น ทว่าเพราะความสงสัยของนางก่อนหน้านี้หมอหลวงอวิ๋นจึงยังคงโกรธอยู่ เขาสบัดแขนเสื้อส่งเสียงหายใจอย่างเ็าและเพิกเฉยต่อนาง
สำหรับซูจิ่นซี เว่ยเหม่ยเจียที่หยิ่งยโสราวกับก้อนเมฆและนกกระเรียนผู้นี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของนางเลยและซูจิ่นซีก็ไม่คิดที่จะให้การช่วยเหลือด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้ในความคิดของทุกคนซูจิ่นซีสะใภ้ผู้นี้ในใจของเฉินไท่เฟยแล้วยังสู้ไม่ได้แม้แต่กับหมาที่ทรงเลี้ยงมาหลายปีเลย
นอกจากนี้ซูจิ่นซีก็ไม่ได้หวังให้เว่ยเหม่ยเจียมาช่วยเหลือนางนางพอใจเป็อย่างมาก ซูจิ่นซีกระดกขานั่งไขว่ห้าง เงยคอขึ้น ฮึมฮัมเพลงคลอเบาๆ
นางรอที่จะดูการแสดงของเฉินไท่เฟยกับเว่ยเหม่ยเจียอยู่!
เว่ยเหม่ยเจียทำอันใดไม่ถูก นางก้มหัวและเข้าไปด้านในอย่างลำบากใจ
ในไม่ช้าห้องบรรทมของเฉินไท่เฟยก็มีเสียงประหลาดดังขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เ้าเด็กบ้า ตกลงกันแล้วว่าพิษไม่ถึงกับฆ่าคน เพียงแค่ทำให้สลบไปเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าเ้าจะให้ข้ากินผงหลูเกินเข้าไป”
“เสด็จป้า ที่เหม่ยเจียใส่ไปในชาเป็เพียงยาสลบจริงๆ เพคะไม่ได้ใส่ผงหลูเกินเลยแม้แต่น้อย”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเป็เช่นนี้ได้อย่างไร? ”
“เหม่ยเจียก็ไม่อาจทราบได้ ในน้ำชานั้นข้ามั่นใจว่าใส่ยาสลบที่คุยกับเสด็จป้าไว้เดิมที้าใช้วิธีนี้ใส่ร้ายซูจิ่นซี ทว่าในแก้วชาเดียวกันนั้นซูจิ่นซีก็ดื่มเช่นกันทว่ากลับไม่เป็อันใด เสด็จป้าท่านแพ้ผงหลูเกินเหม่ยเจียก็ไม่ทราบว่ามันเป็เช่นนี้ได้อย่างไร”
“อ๊ะ!... คันจะตายอยู่แล้ว! ข้าร้อนจะตายอยู่แล้ว... อ๊ะ!... เหม่ยเจียเ้ารีบไปตามหมอหลวงมา รีบไป ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว รีบไปเสียสิ! ”
“เพคะ เพคะ เพคะ เหม่ยเจียจะไป หมอหลวงอวิ๋นอยู่ด้านนอกเหม่ยเจียจะไปตามหมอหลวงอวิ๋นมาเพคะ”
“หมอหลวงอวิ๋น เสด็จป้าฟื้นแล้ว ร่างกายของนางไม่ค่อยดีท่านรีบเข้าไปดูเสียเถิด! ”
เว่ยเหม่ยเจียรีบออกมาจากด้านในห้อง คิดแต่เพียงว่าต้องเรียกหมอหลวงอวิ๋น ทว่านางไม่ได้สังเกตว่าทุกคนมองนางด้วยสายตาผิดปกติ
“หมอหลวงอวิ๋น ท่านยืนบื้ออยู่ทำไม? รีบเข้ามาเร็ว!”
เว่ยเหม่ยเจียยังคงไม่ได้สังเกตว่าทุกคนแปลกไป
“แคกๆ! ” เยี่ยนเป่ยไท่เฟยตั้งใจทำเสียงกระแอมไอ “คุณหนูเหม่ยเจีย จู่ๆ ข้าก็รู้สึกเหมือนระคายคอ ขอตัวกลับจวนก่อนก็แล้วกันในเมื่อไท่เฟยไม่ได้เป็อันใดมาก เ้าก็ดูแลพระนางดีๆ แล้วกันวันหลังข้าจะมาเยี่ยมใหม่”
“คุณหนูเหม่ยเจีย ข้าพึ่งนึกขึ้นได้ บุตรชายคนโตของจวนข้าได้นัดใต้เท้าสองสามท่านไปล่าสัตว์ที่หลินซานบ่ายนี้ข้าต้องกลับไปเตรียมข้าวของให้เขาเสียหน่อยในเมื่อไท่เฟยป่วยอยู่เช่นนี้ข้าคงไม่ได้เข้าไปลาแล้วละ เ้าช่วยกล่าวลาแทนข้าสักคำแล้วกัน!”
“ข้าก็ด้วยครอบครัวใต้เท้าของเรากับบุตรชายของใต้เท้าไหวหยางไปล่าสัตว์ด้วยกันและข้าก็อยากจะเตรียมของด้วย”
เว่ยเหม่ยเจียพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่านางและเฉินไท่เฟยคุยกันเสียงดังเกินไปในห้องนั้นเนื่องจากผู้หนึ่งกังวล อีกผู้หนึ่งก็โกรธมากเวลานั้นจึงลืมไปว่าข้างนอกมีคนอยู่มากมายเื่ทั้งหมดนั้นถูกผู้คนได้ยินหมดเสียแล้ว
ขายหน้าเสียจริง ขายหน้าเสียยิ่งกว่าโจรร้องะโจับโจร [2] เสียอีก
เดิมทีผู้คนเหล่านี้ได้รับเชิญจากเฉินไท่เฟยและเว่ยเหม่ยเจียเพื่อมาร่วมเปิดฉากทำให้ซูจิ่นซีอับอายทว่าไม่ได้ผลตอนนี้พวกเขาเหมือนกำลังตบหน้าตนเองในที่สาธารณะ
ไม่ว่าพวกนางจะทราบถึงสถานการณ์จริง หรือไม่ เมื่อมาถึงจุดนี้พวกนางไม่สามารถนั่งเฉยๆได้อีกต่อไป และต่างกำลังมองหาเหตุผลที่จะหนีออกจากหนานย่วน เพียงไม่นานผู้คนก็กลับไปจนหมดในห้องเหลือเพียงเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซี หมอหลวงอวิ๋น เว่ยเหม่ยเจีย และเฉินไท่เฟยที่นอนอยู่ด้านในห้องและข้ารับใช้อีกไม่กี่คน
เฉินไท่เฟยไม่ได้ตระหนักถึงความอับอายนอกห้องนี้ นางนอนอยู่ในห้องเอาแต่ต่อว่าเว่ยเหม่ยเจียและคร่ำครวญอยู่ตลอด
เว่ยเหม่ยเจียรู้สึกอับอายและโกรธเสียจนยากที่จะอดทนไหว นางยับยั้งตนเองไม่อยู่และในที่สุดก็มองไปทางซูจิ่นซีแล้วะเิออกมา “พี่สะใภ้ ผงหลูเกินนี้เป็ท่านที่ใส่ลงไปใช่หรือไม่? ”
......
เชิงอรรถ
[1] ผงหลูเกิน คือ รากแห้งของพืช สามารถลดไข้ บรรเทาร้อนใน กระหายนํ้าเพิ่มความชุ่มชื้นให้ปอดและกระเพาะอาหาร ระงับคลื่นไส้ อาเจียน
[2] โจรร้องะโจับโจร สำนวนจีน หมายความถึง คนที่ทำเลวทว่ากลับเจตนาร้องเรียกให้จับคนเลวด้วยกันเพื่อจะได้ถือโอกาสในยามคับขันนี้หนีเอาตัวรอด