หยาดเหงื่อเม็ดเป้งไหลหยดลงมาตามไรผมของเหลียนเซวียน คิ้วดาบสีดำเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
"ส่งคนไปซีฉีตรวจสอบครอบครัวอันหย่วนโหวอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวอันหย่วนโหวเอง"
สตรีผู้นั้นจากซีฉีมายี่สิบกว่าปีแล้ว ที่ดูแลซ่งจิ่งซีสองพี่น้องพิเศษหน่อย ย่อมเป็เพราะบิดาของพวกเขา
"พ่ะย่ะค่ะ" เหลยลี่รับคำพลางยกแขนเสื้อปาดเหงื่อเบาๆ
เหลียนเซวียนเห็นแล้วพลันรู้สึกเหมือนเส้นผมของตนเองใกล้จะไหม้เต็มทน อากาศ่กลางเดือนห้าเดิมทีก็ร้อนมากพออยู่แล้ว เขาต้องแช่น้ำพุร้อนหลายวันติดกันไม่ว่า ยังต้องแช่ตัวในถังสมุนไพรที่อุ่นจัด
"จดหมายของหย่งเจียส่งไปหรือยัง"
"ส่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ" แม้เหลยลี่จะยืนตัวตรง แต่กลับไว้อาลัยให้ผูหยางชิงหลันอยู่ในใจ องค์ชายใช่คนที่ถูกหลอกง่ายเสียที่ไหน
ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน ผูหยางชิงหลันก็วิ่งเข้ามาในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง
"เสี่ยวชี เห็ดหุยซินนั่นของข้าเพิ่มอีกดอกได้หรือไม่" ผูหยางชิงหลันแล่นมาถึงหน้าถังสมุนไพร พลางเอ่ยอย่างร้อนรน
เหลียนเซวียนเห็นเขาอาภรณ์ยับไปทั้งตัว ทั้งยังมีกลิ่นเหงื่อเหม็นเปรี้ยว ก็ขยับไปด้านหลังอย่างรังเกียจ เ้าหมอนี่พอได้เห็ดหุยซินไป ก็เอาไปศึกษาค้นคว้าจนไม่ได้อาบน้ำล้างหน้ามาหลายวันแล้วกระมัง
"ก็ให้ไปสามดอกแล้วมิใช่หรือ"
"ยาถอนพิษของเ้าก็ใช้ไปสองดอกแล้ว เหลือแค่ดอกเดียวไม่พอ เ้าแบ่งให้ข้าอีกดอกเถอะ ข้ารู้ว่าในมือของเ้าต้องมีแน่" ผูหยางชิงหลันยื่นหน้าเข้ามาใกล้
เหลียนเซวียนมองเขาเรียบๆ ปราดหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า "ตกลงกันไว้แล้วมิใช่หรือว่า เห็ดหุยซินสามดอก สองดอกใช้ทำยาถอนพิษ หนึ่งดอกให้เป็ค่าตอบแทน แล้วศิษย์พี่จะมาขึ้นราคากลางคันได้อย่างไร"
"ข้าไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย เ้าเองก็น่าจะรู้ สมุนไพรอาจมีการสึกหรอไปบ้างระหว่างการปรุง ไม่ระวังเพียงนิดเดียวปริมาณก็อาจไม่พอเพียง ในมือเ้ามีของอยู่ชัดๆ อย่าใจแคบไปหน่อยเลยน่า"
ผูหยางชิงหลันมองเรือนผมที่เปียกชื้นของเขาก็ลอบอมยิ้ม "อย่างมากก็แช่น้ำสมุนไพรนี้อีกแค่สองวันยังไม่พอใจอีกหรือ"
เหลียนเซวียนทำตาขวางใส่เขาอย่างแรง ประเสริฐ นี่มันเป็แอบอ้างส่วนรวมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวชัดๆ
"เฮ่อ ไม่ใช่อย่างที่เ้าคิดหรอก การแช่สมุนไพรช่วยให้ขับพิษเร็วขึ้น หรือเ้าอยากอยู่ที่นี่ต่อนานๆ เล่า" ผูหยางชิงหลันรีบอธิบายเพิ่มเติม
"อ้อ ยังต้องอยู่อีกกี่วันล่ะ" เหลียนเซวียนชะงักไปชั่วขณะก่อนเอ่ยถาม
"สี่ห้าวันก็คงจะได้แล้ว" ผูหยางชิงหลันกลอกตา "ถ้าเ้าแบ่งเห็ดหุยซินให้ข้าอีกหนึ่งดอก ก็อาจเร็วขึ้นอีกหน่อย"
เหลียนเซวียนทั้งฉิวทั้งขัน แต่คร้านจะเล่นแง่กับเขา "อยากได้เห็ดหุยซินก็เอาเงินมาซื้อ"
ผูหยางชิงหลันเผยสีหน้ายินดี แต่หลังจากนั้นก็ฉายแววเคลือบแคลง "เ้าขาดเงินรึ"
"ไม่ขาด" เหลียนเซวียนคำนวณเวลา ก็ได้ที่พอดี "เหลยลี่ ฉากกั้น"
เหลยลี่ออกไปยกฉากกั้นไม้มะเกลือแกะสลักลายบุปผาจากด้านข้างมากางออก บดบังการมองเห็นของผูหยางชิงหลัน
"ชิ ร่างกายเ้ามีส่วนไหนที่ข้าไม่เคยเห็น ทำเป็เล่นตัวไปได้" ผูหยางชิงหลันยืนเอามือไพล่หลังอยู่หลังฉากกั้น พลางเบ้ปาก
มีเสียงราดน้ำดังมาจากอีกด้านของฉากกั้น แต่ไม่มีเสียงคนตอบ
เหลยลี่หลุบสายตายืนนิ่งอยู่ด้านข้างฉากกั้น
ผ่านไปครู่ใหญ่ เหลียนเซวียนสวมเสื้อคอเฉียงเนื้อบางเบาแขนหลวมกว้างสีขาวเดินออกมา เรือนผมเปียกชุ่มทิ้งคราบน้ำไว้บนหัวไหล่เป็วงกว้าง
"แล้วเ้าจะเอาเงินไปทำอะไร" ผูหยางชิงหลันยังไม่ลืมเื่เห็ดหุยซินของตนเอง
"คนพบเห็นหุยซินไม่ใช่ข้า แต่เป็เสี่ยวหรั่น และนางก็เป็คนขุดมาเองด้วย ดังนั้นหากศิษย์พี่อยากได้ก็ต้องไปซื้อกับนาง" เหลียนเซวียนดึงผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งมาขยี้ผม
ผูหยางชิงหลันดวงตาวับวาว "งั้นก็ได้ ข้าจะกลับไปซื้อกับนาง แต่เ้าแบ่งให้ข้าดอกหนึ่งก่อนได้หรือไม่ ข้าจะได้ปรุงยาไปพร้อมกันเลย"
"ไม่ได้ ท่านต้องไปตกลงกับเสี่ยวหรั่นก่อนค่อยว่ากัน" เหลียนเซวียนแช่สมุนไพรเสร็จ ก็รู้สึกได้ว่ากำลังวังชากลับคืนมาหลายส่วนแล้ว ดวงตาที่มองผูหยางชิงหลันคล้ายจะมีรอยยิ้มเจืออยู่
ผูหยางชิงหลันสะอึก ถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ
"เดี๋ยวข้าจะฝังเข็มให้เ้า" ต้องเร่งความเร็วเพิ่มอีกหน่อย จะได้ไม่เสียเวลาปรุงยาของเขา
"เข็มของท่านฆ่าเชื้อหรือยัง" เหลียนเซวียนจำเื่นี้ได้
"ข้าให้เฟิงหยางต้มในน้ำร้อนแล้ว" ผูหยางชิงหลันกลอกตาใส่ "เมื่อเ้าสนใจเื่นี้นัก กลับไปก็ขอข้ายืมใช้นักหมักสุราที่โรงบ่มของพวกเ้าด้วยล่ะ
"หากท่านกลับเมืองหลวง ข้าก็จะให้ยืมคน" เหลียนเซวียนตอบอย่างเรียบง่ายแต่ชัดเจน
ผูหยันชิงหลันพลันเงียบไป
ฤดูคิมหันต์อากาศร้อนระอุ ดวงตะวันแรงกล้าท้องนภา
ในห้องพักเรือนข้างหน้าต่างเปิดอยู่ เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบพัดผ้าไหมที่ปักลายละเอียดอ่อนขึ้นมาพัดเบาๆ
"วันนี้อบอ้าวจริงๆ ถ้าเดินทางต้องร้อนตายแน่"
โบกพัดได้สองที ก็หยิบพื้นรองเท้าจากตะกร้าเข็มด้ายมาเย็บต่อ
"เปิดหน้าต่างไว้ค่อยดีขึ้นหน่อย ยามเที่ยงวันแดดมักร้อนอบอ้าว" อูหลันฮวาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อ ก่อนจะเย็บพื้นรองเท้าอย่างเดียวกัน
"หงกูบอกว่า เมืองหลวงกำลังนิยมรองเท้าที่นุ่ม บางและมีน้ำหนักเบา คุณหนู พื้นรองเท้าของท่านหนาไปหน่อย
"พื้นรองเท้าบางเกินไป เดินไม่กี่ก้าวก็เจ็บเท้าแล้ว อีกอย่างข้าตัวไม่สูง พื้นรองเท้าหนาหน่อยจะช่วยให้ดูสูงขึ้น" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ชอบรองเท้าส้นบางแบบนั้น
อูหลันฮวาอมยิ้ม "ความหนาของส้นรองเท้าเพียงแค่นี้ ไหนเลยจะทำให้คนดูสูงขึ้นได้
นางเปรียบเทียบความหนาของส้นรองเท้า ก็พอๆ กับนิ้วโป้งเท่านั้นเอง
"มันต้องดีกว่าส้นบางอยู่แล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะเบาๆ "เ้าตัวสูง ไม่เข้าใจความลำบากของคนตัวเตี้ยหรอก"
"คุณหนูไม่ได้เตี้ยมากมายเสียหน่อย ข้าจำได้ว่าคุณหนูเมิ่งผู้นั้นก็สูงพอๆ กับท่านเอง" อูหลันฮวาค่อนข้างภาคภูมิใจในความสูงของตนเอง
เมื่อลองเปรียบเทียบกับสาวใช้ทุกคนในคฤหาสน์ ยังไม่พบว่ามีสตรีคนไหนสูงกว่านาง
เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปาก "แคว้นหลีอยู่ทางใต้ สตรีรูปร่างเล็กย่อมมองไม่ออก แต่ถ้าไปแดนเหนือ น่าจะต่างกันอยู่มาก เ้าดูอย่างเหลียนเซวียนกับศิษย์พี่ของเขา แล้วก็พวกเหลยลี่สิ มีคนไหนที่ไม่สูงใหญ่บ้าง แม่นางของที่นั่นน่าจะรูปร่างสูงอยู่เหมือนกัน"
"ใช่ว่าไม่มีคนเตี้ยสักหน่อย ฟางขุยก็ไม่นับว่าสูง" อูหลันฮวาอมยิ้ม "ข้ากับเขายืนคู่กัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สูงกว่าข้า"
เซวียเสี่ยวหรั่นค้อนใส่นางทีหนึ่ง "เ้าอย่าไปเทียบความสูงกับผู้อื่นเลย ไม่เห็นหรือว่า่สองสามวันนี้ ฟางขุยพยายามหลีกห่างจากเ้า"
"ข้าลองเทียบดูแค่หนเดียวเอง เขาทำเป็ขี้ใจน้อยไปได้" อูหลันฮวาไม่นำพา แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา
"อย่าว่าแต่บุรุษเช่นเขาเลย สตรีเช่นข้าก็สนใจเื่ความสูงเหมือนกัน" เซวียเสี่ยวหรั่นส่ายหน้าอย่างระอาใจ
คนตัวสูงไม่มีวันเข้าใจความเ็ปขอคนตัวเตี้ยจริงๆ นั่นแหละ
ระหว่างทั้งสองคุยเล่นกัน มือก็ทำงานไม่หยุด
อากาศร้อนอบอ้าว เสียงจักจั่นก็ร้องดังระงมชวนให้รู้สึกหงุดหงิด
เซวียเสี่ยวหรั่นมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม "ฝนจะตกหรือเปล่านะ?"
"แมลงปอตรงโน้นบินต่ำเพียงนั้น ฝนคงใกล้จะตกแล้วเ้าค่ะ" อูหลันฮวาเห็นแมลงปอในสวนบินต่ำๆ
"ตกเลย ตกลงมาเลย มีฝนตกคืนนี้อากาศจะได้เย็นลงหน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบพัดผ้าไหมจากด้านข้างมาโบกเบาๆ พลางบ่นพึมพำ "นี่ก็ใกล้จะครึ่งเดือนเต็มที พวกเขาควรกลับมากันได้แล้วกระมัง"
