“โดนทารุณอนาถเลยสินะ” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองเซียวเฉิน ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม งดงามเฉิดฉัน ความงามของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มิใช่ทรงเสน่ห์ยั่วยวน ทว่าดุจนิลุบลสีครามอันพิสุทธิ์สูงส่ง ทำให้คนอดล่วงล้ำไม่ได้
เวลานี้ นางกำลังมองเด็กหนุ่มที่นอนพังพาบอยู่บนพื้น ดวงตาทอประกายยิ้มแย้มจับใจคน
“เปล่านะ ข้ากับศิษย์พี่ซูกำลังแลกเปลี่ยนความรู้กัน”
เซียวเฉินลุกขึ้น ปัดฝุ่นบนชุดสีขาวหิมะของตนเองแล้วหัวเราะหึๆ ซูเฉินเทียนที่อยู่ด้านข้างผงกศีรษะให้มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์
“ศิษย์น้องมู่หรงบรรลุแล้วหรือ?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์พยักหน้า
“บรรลุเมื่อสามวันก่อน”
เซียวเฉินก็มองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ เมื่อครู่ยังไม่ได้ดูอย่างละเอียด ตอนนี้ดูแล้ว บนร่างของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีสภาวะไร้ลักษณ์เพิ่มขึ้นมาหนึ่งส่วน ทำให้นางยิ่งงดงามเหนือโลกีย์
“ขั้นเสวียนฟ้าหรือ?” เซียวเฉินเอ่ยถาม
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เลิกคิ้ว “ไม่ใช่เช่นนั้นแล้วอย่างไร อย่าลืมว่าเดิมทีพี่สาวล้ำหน้าเ้านะ น้องชาย”
เดิมมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีพร์ยอดเยี่ยม ไม่เช่นนั้นจั๋นอวี่คงไม่รับเป็ศิษย์และเป็ผู้เข้มแข็งอันดับสี่บนผังชางหวง นางย่อมเป็อัจฉริยบุคคล
เซียวเฉินแค่นเสียง
“แล้วมีอะไร ข้าก็บรรลุแล้ว น้องชายยังแข็งแกร่งกว่าเ้า”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้ม
“พวกเรามาศึกษาแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม?”
“ข้าเป็ขั้นเสวียนฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าระดับสูงสุด ไม่รังแกสตรีอ่อนแอที่เพิ่งบรรลุอย่างเ้า”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ไม่เอ่ยวาจา แต่กลับใช้แสงเสวียนในมือโจมตีเซียวเฉิน เซียวเฉินรีบกระโจนหลบ เห็นมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ไม่หยุดมือ ดังนั้น จึงสืบเท้ามารับศึก
ซูเฉินเทียนที่อยู่ด้านข้างยิ้มพลางส่ายศีรษะ
“ข้าทารุณเสร็จยังต้องโดนศิษย์น้องมู่หรงทารุณต่อ น่าสงสารแท้ๆ...”
เซียวเฉินโจมตีอย่างทรงพลัง ส่วนมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์พลังิญญาผันแปรได้ รวดเร็วอย่างน่าประหลาด บางครั้งดุจสายลม บางครั้งดั่งเมฆาอันอ่อนโยน แม้ไม่สามารถสลายการโจมตีของเซียวเฉินได้ แต่กลับทำให้เขาทุกข์ทนไม่จบไม่สิ้น
เพราะแต่ละกระบวนท่าเหมือนจู่โจมลงบนผ้าฝ้าย ไม่รู้สึกถึงเรี่ยวแรงเลยสักนิดและไร้ผลโดยสิ้นเชิง
ปึงปึง!
การโจมตีอย่างต่อเนื่องถูกมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์คลี่คลายได้ เซียวเฉินจึงจริงจัง
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองท่าทางตั้งใจของเด็กหนุ่มก็ยิ่งอยากจะหัวเราะ “น้องเซียวเฉิน เ้าจะแพ้แล้วนะ”
“เป็ไปไม่...ได้...”
ยังเอ่ยไม่จบ ไม่รู้ว่ามู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์หลบการโจมตีของเซียวเฉินมาถึงด้านหลังของเขาั้แ่เมื่อใด มืออันงดงามบีบคอเขาไว้เบาๆ เซียวเฉินพรั่นพรึง
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แข็งแกร่งขนาดนี้เชียว?
หากมิใช่การศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ แต่เป็การต่อกรศัตรู เกรงว่าตนเองคง...
เซียวเฉินยิ้มขื่น
“คนอ่อนแอที่สุดคือข้า...”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มบางๆ ไม่เอ่ยวาจา แม้นางจะสะกดเซียวเฉินได้ แต่กลับไม่ง่ายดายนัก ต้องรู้ก่อนว่า ความสามารถหลังขั้นเสวียนฟ้าแตกต่างกันมาก หนึ่งขั้นมีระยะห่างแสนไกล แต่นางกลับรู้สึกว่าเซียวเฉินสู้ข้ามขั้นได้ ต่อให้เป็ขั้นเสวียนฟ้า
หากมิใช่นางอาศัยท่าร่างระดับดิน เกรงว่าคงถูกเซียวเฉินผลาญพลังจนตาย ดังนั้น ครั้งนี้มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ไม่ได้ชนะที่ระดับ แต่ชนะที่เคล็ดวิชาและท่าร่าง
เห็นได้ชัดถึงความสามารถอันแข็งแกร่งของเซียวเฉิน
หากฝ่ายตรงข้ามไม่มีท่าร่างที่แข็งแกร่ง เกรงว่าเซียวเฉินสามารถข้ามขั้นไปสู้กับผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนฟ้าสองชั้นฟ้าโดยไม่พ่ายแพ้และถึงขั้นได้รับชัยชนะด้วย!
“ท่าทางอันดับหนึ่งบนผังชางหวงของข้าจะถูกเปลี่ยนมือแล้ว” เซียวเฉินเอ่ยอย่างขำขัน ซูเฉินเทียนและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ต่างยิ้ม เซียวเฉินไม่เข้าใจ
“พวกท่านยิ้มอะไร?”
“ตอนนี้พวกเราไม่อยู่บนผังชางหวงแล้ว เพราะผังชางหวงสลักได้แค่ศิษย์ในสถานศึกษาที่ต่ำกว่าขั้นเสวียนฟ้าเท่านั้น เมื่อข้ามจากขั้นตานฟ้าเข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้าจะไล่ตามอันดับอีกอย่าง” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กล่าว
“อะไรหรือ?”
เซียวเฉินเป็เ้าหนูช่างสงสัย ไม่รู้เื่อะไรเลย
“ผังบุตร์ห้าเขตแดน”
ซูเฉินเทียนเอ่ยเรียบๆ พูดถึงตรงนี้ แววตาก็เปล่งประกายราวกับมีความห้าวหาญพวยพุ่ง
“แคว้นชางหวงควบคุมอาณาเขตเป็ล้านๆ แบ่งเป็ห้าเขตแดน ห้าสถานศึกษาต่างมีคนละเขตแดน สถานศึกษาชางหวงเราตั้งอยู่ที่เขตเหนือของแคว้นชางหวง ดังนั้น เวลานี้พวกเราสมควรถูกบันทึกลงบนผังบุตร์เขตเหนือแล้ว” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กล่าว
เซียวเฉินรู้แจ้ง หันมาเอ่ยยิ้มๆ ให้ซูเฉินเทียน “ศิษย์พี่ซู ท่านอยู่อันดับที่เท่าไร?”
ซูเฉินเทียนเงียบงันไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “อันดับที่สองพันสามร้อยเก้าสิบสี่ ตอนนี้กำลังไต่ขึ้นอันดับที่สองพันสามร้อยเก้าสิบ”
เซียวเฉินกับมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ใสุดขีด
อัจฉริยบุคคลเช่นซูเฉินเทียนยังรั้งอยู่อันดับที่สองพันกว่า เขตเหนือถึงกับมีบุคคลโดดเด่นมากมายปานนี้ แล้วผู้อยู่อันดับหนึ่งจะเป็บุคคลที่น่าสะพรึงเพียงไร?
“ผังบุตร์ห้าเขตแดน ไม่จำกัดอายุ ดูเพียงพร์ ถึงจะอายุเก้าสิบ แต่หากมีพร์โดดเด่นก็ยังถูกบันทึกอยู่บนผังบุตร์ได้” ซูเฉินเทียนเอ่ยเรียบๆ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ บุคคลที่อยู่อันดับแนวหน้าทั้งหมดคือตัวประหลาดเฒ่า
“แบบนี้ก็ได้หรือ?” เซียวเฉินรับไม่ได้
ซูเฉินเทียนยิ้มกล่าว “ได้แน่นอน เ้าไม่รู้ว่าหนทางการฝึกวิชาคือเหนือขีดจำกัดอายุขัย มีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าก็อยู่ร้อยสองร้อยปีได้อย่างสบายๆ เมื่อถึงขั้นเสวียนเต๋า ขั้นยุทธ์์ มีชีวิตอยู่จนอายุสี่ห้าร้อยปีก็เป็เื่ปกติ คำนวณดูแล้วพวกเขายังเด็กอยู่”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา คนทั้งสามก็หัวเราะพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
คนทั้งสามไปจากยอดเขา เดินพลางสนทนาไร้สาระ สนิทสนมกลมเกลียวกันดี เมื่อกลับถึงสถานศึกษา ผู้าุโสามก็ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับตั้งใจรอพวกเขา
ผู้าุโสามไม่รอให้คนทั้งสามเอ่ยปากก็พูดทันที
“เฉินเทียน อีกสักครู่เ้าพาเซียวเฉินและเชี่ยนเอ๋อร์ไปวงเวทส่งตัว อาจารย์ใหญ่ให้พวกเ้าไปฝึกวิชาที่เขติญญา พวกเ้าทุกคนเป็บุคคลที่ต้องเข้าร่วมการประลองห้าสถานศึกษา ดังนั้น สถานศึกษาจะฝึกฝนพวกเ้าเป็พิเศษ”
ซูเฉินเทียนและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์สีหน้าแปรเปลี่ยน
“ผู้าุโสาม ท่านให้พวกเราไปเขติญญา?” ซูเฉินเทียนมีสีหน้าหนักใจ มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็เช่นกัน มีเพียงเซียวเฉินที่มีสีหน้าเฉยๆ เพราะเขาไม่รู้เื่อะไรเลย
ผู้าุโสามพยักหน้า
“อืม นี่คือการตัดสินใจของอาจารย์ใหญ่ ผู้ได้รับคัดเลือกคนอื่นๆ จะไปทีละคน ถึงอย่างไรเื่นี้ก็เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของสถานศึกษาชางหวง ไม่อนุญาตให้เกิดความเสียหายขึ้น เกรงว่าสถานศึกษาอื่นๆ อีกสี่แห่งก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน ต่อให้พวกเราชิงอันดับหนึ่งไม่ได้ก็ต้องรักษาอันดับในปัจจุบันไว้ ดังนั้น ผู้เข้าร่วมการประลองห้าสถานศึกษาครั้งนี้จะเข้าฝึกวิชาในเขติญญาทุกคนเพื่อยกระดับความสามารถ”
“ศิษย์พี่เซียวหวงล่ะ?”
“เ้าคิดว่าเขายังต้องไปหรือ?”
ซูเฉินเทียนหัวเราะขื่น “ข้าคิดว่าข้าก็ไม่ต้องไป”
ใบหน้าเคร่งขรึมของผู้าุโสามมีรอยยิ้ม
“ไม่ได้ เ้ายังไม่เก่ง”
“ข้าประท้วง” ซูเฉินเทียนยังไม่ล้มเลิก
“ประท้วงไปก็ไร้ผล อีกสักครู่ข้าจะส่งพวกเ้าไปวงเวทส่งตัว” ผู้าุโสามยิ้มกล่าว ซูเฉินเทียนและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ผลลัพธ์ถูกกำหนดเป็ที่แน่นอนแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง คนทั้งสองได้แต่ยอมรับชะตา
“ไปเถอะ”
ผู้าุโสามเดินนำหน้าสุด คนทั้งสามติดตามอยู่ด้านหลัง
“ศิษย์พี่ซู เชี่ยนเอ๋อร์ แคว้นชางหวงเราไม่ได้มีเขตเหนือ เขตใต้ เขตตะวันออก เขตตะวันตก และเขตภาคกลางเพียงห้าเขตหรือ? แล้วเขติญญาคืออะไร? ทำไมพวกท่านได้ยินแล้วหวาดกลัว น่ากลัวมากเลยหรือ?” เซียวเฉินกระซิบถาม
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มขื่น “ไม่ใช่น่ากลัว แต่เป็ขุมนรก”
“ถึงไม่ตายก็ต้องถูกถลกหนังสักชั้น” ซูเฉินเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง แม้ที่นั่นจะขัดเกลาตนเองและปลุกศักยภาพแฝงได้ แต่ที่นั่นไม่ใช่สถานที่ที่คนอยู่ เป็เมืองแห่งการเข่นฆ่าโดยสมบูรณ์! ในนั้นเต็มไปด้วยคนถูกเนรเทศและฆาตกรที่ไร้ปราณี แม้จะทำให้คนแข็งแกร่งขึ้นได้แต่ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนสูงมาก แม้คนทั้งสองจะไม่เคยไป ทว่าไม่มีใครในสถานศึกษาชางหวงไม่รู้ชื่อเสียงเลื่องลือของเขติญญา เรียกว่าแค่ได้ยินก็กลัวจนตัวสั่น
ทุกคนไม่อยากไป
ณ วงเวทส่งตัวขนาดั์ของสถานศึกษาชางหวง ด้านหน้าวงเวทขนาดใหญ่สูงหลายสิบเมตรมีพลังเสวียนพุ่งมาปะทะหน้าราวกับคลื่นความร้อน สาดพลังเสวียนอันไร้ขอบเขต เซียวเฉินในิดๆ มองวงเวทใหญ่ตรงเบื้องหน้าที่ให้ความรู้สึกกดดัน แข็งแกร่งมาก! คนทั้งสามพากันถอยหลัง
แต่เห็นผู้าุโสามใช้มือทั้งสองข้างทำมุทรา โจมตีด้วยเคล็ดวิชาแกร่งกร้าวลงในวงเวทส่งตัว วงเวทใหญ่เปล่งแสงเสวียนกลายเป็พื้นที่มิติบิดเบี้ยวเหมือนหลุมดำในพริบตา สาดแสงเจิดจรัสเป็สายๆ งดงามจับตา
แฝงกลิ่นอายแกร่งกร้าวจางๆ ทำให้เซียวเฉินใเพราะเหตุนี้
คลื่นพลังแข็งแกร่ง พลังเสวียนบริสุทธิ์ สมกับเป็สถานศึกษาชางหวงซึ่งเป็หนึ่งในห้าสถานศึกษา รากฐานลึกล้ำจริงๆ
“นี่คือวงเวทส่งตัวไปเขติญญาหรือ…”
เซียวเฉินมองพื้นที่มิติบิดเบี้ยวแล้วเอ่ยพึมพำ
“ไปเถอะ”
คนทั้งสามมีสีหน้าหนักใจมาก หลังสบตากันก็สูดลมหายใจลึกๆ ค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปด้านใน จากนั้น พื้นที่มิติบิดเบี้ยวก็หายวับ วงเวทส่งตัวกลับคืนสู่สภาพเดิม
“ตั้งใจฝึกวิชานะพวกเด็กๆ...”
เอ่ยจบ เงาร่างของผู้าุโสามก็หายไปทันที