เซี่ยเจิงจูงเด็กน้อยทั้งสองคนเดินอยู่ด้านหน้า ในขณะที่ซือจวิ้นและชวีเสี่ยวปอเดินคุยเล่นกันตามมาอยู่ด้านหลัง
เนื่องจากเซี่ยเจิงตัวสูงมาก เมื่อจูงเด็กน้อยจึงเหมือนกับกำลังหิ้วกระติกน้ำร้อนสองใบเอาไว้อยู่อย่างไรอย่างนั้น ชวีเสี่ยวปอคิดว่ามันตลกดี เลยอดไม่ได้ที่จะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายไว้สักหนึ่งรูป
“นี่ คือว่า” ซือจวิ้นชนเขาไปทีหนึ่ง “พักนี้นายไปนอนบ้านเขาตลอดเลยเหรอ? ”
“เปล่าสักหน่อย” ชวีเสี่ยวปอมองเขา อธิบายไปว่า : “ก็เมื่อวานวันเกิดเขาน่ะ กว่าจะกินข้าวเสร็จก็ดึกมากแล้ว เลยนอนที่นั่นไปเลย”
“อ๋อ...นอนที่นั่นเลย” ซือจวิ้นลากเสียงยาว ทั้งยังเน้นเสียงคำคำหนึ่งในนั้นไปด้วย ซึ่งมันทำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าเขามีเจตนาอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่แน่ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็เื่จริง แต่มันก็ไม่อาจหยุดเขาไม่ให้ต่อยลงไปบนไหล่ของซือจวิ้นได้ ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า : “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่านายหมกมุ่นกับเื่แบบนั้นน่ะ”
“ฉันหมกมุ่นกับเื่แบบนั้นที่ไหนกัน” ซือจวิ้นแก้ต่างให้ตัวเองอย่างไม่ได้รับความเป็ธรรม “ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย นายคิดลึกเองทั้งนั้นอะ”
“นายเชื่อไหมเดี๋ยวฉันจะให้เซี่ยเจิงปล่อยมือ ให้เ้าเปี๊ยกสองคนนั้นหันกลับมาหานายแทน? ” ชวีเสี่ยวปอจ้องเขาตาเขม็ง พลางพูดขู่ออกไป
ซือจวิ้นรีบทำท่าทางประมาณว่า “ได้ ฉันแพ้แล้ว” อย่างขี้ขลาดขึ้นมาทันที ชวีเสี่ยวปอไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วทั้งสองคนก็มองไปด้านหน้าพร้อมกัน เซี่ยเจิงพาเด็กน้อยสองคนเดินนำหน้าห่างจากพวกเขาออกไปอย่างน้อยประมาณหนึ่งร้อยเมตรได้ และในตอนนี้ก็กำลังยืนรอพวกเขามาข้ามถนนพร้อมกันอยู่ที่ปากทาง
ชวีเสี่ยวปอยกมือขึ้นมาส่งจูบให้เซี่ยเจิงอย่างเปิดเผยหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะะโออกไปว่า : “รอพวกเราด้วย !” ส่วนเซี่ยเจิงก็ทำได้เพียงมองเขาด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา ขณะเดียวกันเด็กน้อยก็มองพวกเขาทั้งสองคนด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ทำอะไร มีเพียงแค่ซือจวิ้นเท่านั้นที่รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา
“ให้ตายเถอะๆ ? ทำอะไรเนี่ยๆ ทำอะไรฮะเนี่ย? มีเด็กอยู่ด้วยนะระวังหน่อยสิ !” ซือจวิ้นกระวนกระวายใจจนทำมือทำไม้ไม่ถูก ยกขึ้นมาเกาหูลูบแก้มอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนนี้พวกเขาอยู่ใน่หัดพูดแล้วนะ เดี๋ยวกลับไปเล่าให้ป้าฉันฟังจะทำยังไง? ”
“นายก็แค่บอกไปว่าเป็มิตรภาพอันเหนี่ยวแน่นระหว่างเพื่อน” ชวีเสี่ยวปอมองเขาก็รู้สึกเสียอารมณ์ขึ้นมาทันที กลอกตาไปทีหนึ่ง ก่อนที่จะส่งจูบให้ซือจวิ้นด้วยเหมือนกัน อีกทั้งการกระทำยังดูเกินจริงมากกว่าเมื่อครู่สุดๆ “ทีนี้ก็อธิบายง่ายแล้ว เท่าเทียมกันทุกคน”
“พี่ครับ” ต้าเป่าเรียกเซี่ยเจิงขึ้นมาเสียงเบา อย่าเห็นว่าเด็กน้อยสองคนนี้ดื้อซนไม่เชื่อฟังตอนอยู่กับซือจวิ้น ทว่าเมื่อมาอยู่กับเซี่ยเจิงพวกเขากลับอยู่นิ่งมาก เซี่ยเจิงบอกอะไรก็ไม่กล้าขัดเลยสักนิด “พี่ชายคนนั้นส่งจุ๊บให้พี่เหรอครับ? ”
เซี่ยเจิง : “......” ฉันควรตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ดีเนี่ย
“ใช่ !” เอ้อร์เป่าแย่งตอบขึ้นมาก่อน “ฉันเห็นชัดสุดๆ เลย! พี่เขาส่งจุ๊บให้พี่ใหญ่ด้วย! ” ต้าเป่าและเอ้อร์เป่าเรียกซือจวิ้นว่า “พี่ใหญ่” เพราะว่าเป็พี่ชายของครอบครัวคุณป้าคนโต
เซี่ยเจิง : “ ? ”
……………………………..
ชวีเสี่ยวปอที่อยู่ด้านหลังก็ยังคงทะเลาะกับซือจวิ้นอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเดินมาอยู่ตรงหน้าของเซี่ยเจิง เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ จึงถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า : “เป็อะไรไป? เ้าเด็กน้อยไม่เชื่อฟังเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอผู้ซึ่งไม่เคยมีความคิดที่จะรักและทะนุถนอมอนาคตของชาติั้แ่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ในตอนนั้นเขาจึงรีบก้มตัวลงไปจิ้มหน้าผากของต้าเป่าที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ พร้อมทั้งทำหน้าตาโหดร้ายขึ้นมาด้วย : “เ้าเด็กแสบ ถ้าไม่เชื่อฟังเดี๋ยวพี่จะจับนายโยนลงน้ำให้ปลากิน”
“ตอนนี้มันหน้าหนาวครับ แม่น้ำเป็น้ำแข็งหมดแล้ว” ต้าเป่าตอบขึ้นมาอย่างใจเย็น ถึงแม้ว่าในดวงตาจะแฝงไว้ด้วยความเหยียดหยามก็ตาม “ไม่มีความรู้รอบตัวเลย”
ชวีเสี่ยวปอ : “...ว่าใครฮะ !” ฉันเกลียดเด็กที่สุด !
พวกเขาหัวเราะกันอยู่ยกใหญ่ จากนั้นจึงเดินไปอีกทางแยกหนึ่ง และแล้วก็ถึงสวนสาธารณะในที่สุด พวกเขายังพอไหวอยู่ ระยะทางเพียงเท่านี้ถือว่าไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เด็กสองคนกลับรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาแล้ว ทั้งยังบ่นอยากเครื่องดื่มอีกด้วย
“เดี๋ยวฉันไปซื้อเอง” เซี่ยเจิงพูดขึ้น “ไปด้วยกัน” เขากระดิกนิ้วไปทางชวีเสี่ยวปอ
“งั้นเดี๋ยวฉันพาเ้าสองคนนี้เข้าไปก่อนนะ” ซือจวิ้นโอบเด็กแสบทั้งสองคนไว้ด้วยมือข้างเดียว “เดี๋ยวไปรอพวกนายข้างใน”
ชวีเสี่ยวปอะโขึ้นไปหาเซี่ยเจิงที่ด้านหน้า เขารู้สึกร้อนขึ้นมาแล้ว ปลายจมูกและหน้าผากก็ล้วนมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด จึงอดไม่ได้ที่จะดึงผ้าพันคอที่พันอยู่ออก
“อย่าแกะ” เซี่ยเจิงเห็นเข้า
“อะไรอะ ร้อนจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว” ชวีเสี่ยวปอตอบกลับไปเสียงอู้อี้
“งั้นก็รอให้เหงื่อแห้งก่อนค่อยเอาออกนะ” อาจจะเป็เพราะเขาอยู่กับเด็กมาตลอดทาง น้ำเสียงตอนพูดของเซี่ยเจิงจึงอ่อนโยนลงไปเล็กน้อย อีกทั้งเมื่อพูดกับชวีเสี่ยวปอก็ยังไม่ได้เปลี่ยนกลับมาเป็แบบเดิม ราวกับกำลังพูดโอ๋เขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ชวีเสี่ยวปอเองก็เชื่อฟังเขา ไม่ได้ยุ่งกับผ้าพันคอแล้ว พลางเอามือล้วงกระเป๋า เดินไปยังแผงร้านค้าเล็กๆ พร้อมกับเซี่ยเจิง ขณะที่เดินก็พูดขึ้นมาว่า : “ฉันรู้สึกว่านายรับมือเ้าเด็กน้อยได้ดีมากเลยนะเนี่ย”
“เพราะพวกเขาถือว่าเชื่อฟังอยู่ละมั้ง” เซี่ยเจิงอธิบาย “ดื่มอะไรดี? ”
แผงร้านค้าไม่ใหญ่มาก ด้านนอกมีนิตยสารที่ไม่มีใครถามถึงเลยสักคนแขวนอยู่ ส่วนพวกเครื่องดื่มเองก็จัดเรียงเอาไว้ด้านนอกเช่นกันเพื่อให้เลือกหยิบมาจ่ายเงินได้เลย ขณะนั้นเถ้าแก่ที่นั่งอยู่ด้านในเพิ่งจุดบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่ง พลางก้มหน้าก้มตาเล่นเกมไพ่ในโทรศัพท์มือถือ ดูท่าแล้วสวนสาธารณะในฤดูหนาวคนคงจะไม่เยอะ จึงทำให้เขาว่างมาก อีกทั้งยังเบื่อจนไม่รู้จะทำอะไร
“ฉันดื่มน้ำเปล่าก็แล้วกัน” ชวีเสี่ยวปอหยิบขึ้นมาหนึ่งขวดอย่างไม่เื่มาก
“มีเครื่องดื่มแบบร้อนด้วยนะ” เซี่ยเจิงชี้ไปชานมที่อยู่ในเครื่องทำความร้อนด้านข้าง
“ฉันไม่เอาแล้ว ซื้อให้ซือจวิ้นสักแก้วไหม เขาชอบอะไรหวานๆ บาดคอแบบนั้นเลย” ชวีเสี่ยวปอเปิดฝาขวดน้ำออก ก่อนจะกระดกเข้าปากไปอึกใหญ่
“ไม่ซื้อ” เซี่ยเจิงพูดขึ้นมาอย่างเ็า
“ฮะ? ” ชวีเสี่ยวปอนึกว่าเขาฟังผิดไป
“ฉันดื่มอะไร? ” เซี่ยเจิงเหลือมองเขาพลางถามออกไป
“นายก็...ดื่มน้ำเปล่าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกลังเล ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่เซี่ยเจิงจะดื่มอะไรแล้วยังต้องมาถามตัวเองด้วย แต่ในตอนที่ตอบออกไปเขาก็ระมัดระวังมากเป็พิเศษ
เซี่ยเจิงทำเสียงหึขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ แล้วจึงหยิบน้ำเปล่าออกมาหนึ่งขวด ทั้งยังเอาเครื่องดื่มร้อนอีกสามแก้ว หลังจากจ่ายเงินก็เดินดุ่มๆ กลับไปด้วยใบหน้าอันบูดบึ้ง
อะไรเนี่ย? นี่มันหมายความว่าไงกัน?
เมื่อครู่ยังบอกว่าไม่ซื้ออยู่เลยไม่ใช่หรือไง? อารมณ์แปรปรวนอย่างบอกไม่ถูกนี้เซี่ยเจิงมุ่งเป้าไปที่เขาหรือว่าซือจวิ้นกันแน่?
ชวีเสี่ยวปอยึดถือหลักการที่ว่า “เื่ธรรมดาแค่นี้ต้องถามซักไซ้ไล่เลียงให้ถึงที่สุด” เขาจึงเร่งฝีเท้าตามเซี่ยเจิงไป... ถึงแม้ว่าเดิมทีเซี่ยเจิงก็ไม่ได้เดินเร็วอะไร แทบจะเดินรอเขาอยู่ด้วยซ้ำ แต่ชวีเสี่ยวปอกลับรู้สึกว่าการวิ่งเหยาะไปแบบนี้ทำให้ตัวเขาดูรีบร้อนขึ้นมาหน่อย ทั้งยังเพิ่มบทให้ตัวเองไปด้วยเล็กน้อยว่า :
“นายช้าๆ หน่อย! ฉันเป็คนป่วยนะ! ”
เฮ้อ
ตอนนี้เป็คนป่วยแล้ว?
ถึงแม้ว่าจะเป็เช่นนั้น เซี่ยเจิงก็ยังหยุดฝีเท้าลง ยืนรอเขาอยู่ตรงนั้น
“นายไม่อยากดื่มน้ำเปล่าใช่ไหม? ” ชวีเสี่ยวปอไตร่ตรองถึงสาเหตุที่เขาคิดว่าน่าจะเป็ไปได้มากที่สุด “ไม่งั้นทำไมนายถึงโกรธขนาดนี้ล่ะ? ”
……………………………
เซี่ยเจิงบีบขวดน้ำแร่ในมือจนเกิดเสียงดังขึ้นมา บางครั้งเขาก็รู้สึกอยากจะเอาไม้กระบองมาเคาะศีรษะชวีเสี่ยวปอสักที ถามเขาไปสักหน่อยว่าในหัวมีอะไรอยู่ในนั้นบ้างไหม... ตอนตามจีบผู้หญิงก่อนหน้านี้ เขาทำตัวอวดเก่งจนดูเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน แต่ผลปรากฏว่าเมื่อตัวเองมีแฟนขึ้นมาจริงๆ ก็เป็แค่เพียงมือสมัครเล่นที่ไม่ความรู้อะไรเลยแม้แต่น้อย
“ฮะ? นายพูดอะไรหน่อยสิ? ” ชวีเสี่ยวปอไม่ได้รับคำตอบ แต่เขาก็ยังคงถามต่อไปอย่างไม่ลดละ “นายไม่อยากดื่มอันนี้ใช่หรือเปล่า? เดี๋ยวฉันไปซื้ออย่างอื่นให้ไหม? ”
เซี่ยเจิงอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขายกขวดน้ำแร่ในมือขึ้นมาตีไปบนหน้าผากของชวีเสี่ยวปอทีหนึ่ง
“ทำอะไรของนายเนี่ย !” ครั้งนี้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกงงมากจริงๆ ไม่พูดก็ไม่พูดสิ จะตีคนอื่นทำไม ถึงแม้ว่าจะไม่เจ็บ แต่เขาก็ร้องโอ๊ยขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
เซี่ยเจิงกัดฟันแน่น : “ทีซือจวิ้นชอบดื่มอะไร ฉันเห็นนายจำได้ขึ้นใจเลยนะ”
ชวีเสี่ยวปอลูบหน้าผาก เขายังฟังน้ำเสียงที่สื่อถึงความไม่พอใจของเซี่ยเจิงไม่ออก เพียงแต่เอ่ยขึ้นอย่างงุนงงว่า : “หือ? ใช่น่ะสิ ก็เราสองคนอยู่ด้วยกันตลอด”
เซี่ยเจิงยื่นมือขึ้นมาชี้ตัวเอง : “ฉันก็อยู่กับนายตลอดเหมือนกันไม่ใช่ไง ฉันชอบดื่มอะไรนายรู้ไหม? ”
ชวีเสี่ยวปอกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ ในใจเกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นมาทันที อีกทั้งยังถูกเซี่ยเจิงถามจี้จุดขึ้นมาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จริงๆ ว่าเซี่ยเจิงชอบดื่มอะไร
ถึงแม้ว่า
เื่นี้จะเป็เพียงแค่เื่เล็กเท่าเมล็ดงาไม่ใช่หรือไง?
แต่เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเจิง้าเพิ่มประเด็นให้กับ “เื่เล็กน้อย” นี้ เขายื่นมือออกไป คราวนี้พุ่งไปััที่ใบหน้าของชวีเสี่ยวปอ ในขณะที่ชวีเสี่ยวปอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากของเขาก็ถูกััไปเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
ชวีเสี่ยวปอรีบผลักแขนของเซี่ยเจิงออกไปทันที มาบีบปากคนอื่นแบบนี้นี่เป็โรคอะไรฮะ?
แต่ทว่าครั้งนี้เซี่ยเจิงกลับรู้สึกน้อยใจขึ้นมาแล้ว
“นายยังส่งจุ๊บให้ซือจวิ้นด้วยเนี่ย”