รถเลื่อนที่ขับเคลื่อนด้วยสุนัขคันหนึ่งมีนายพรานผู้เก่งกาจชาวเอสกิโมบังคับทิศทางให้วิ่งตรงไปด้านหน้าบนผืนหิมะ
บนรถเลื่อนไม่ได้มีเพียงนายพรานชาวเอสกิโมเคราดกที่สวมหมวกขนสัตว์สีขาวอยู่เพียงเท่านั้นด้านหลังยังมีร่างของแมวน้ำที่ตายไปแล้วอยู่อีกด้วย ปลาขนาดต่างๆ ถูกร้อยเอาไว้เป็พวงและขยับเคลื่อนที่ไปด้านหน้าตามรถเลื่อน
เมื่อผ่านกองหิมะใหม่มา นายพรานก็ได้พบกับอิกลูหลังหนึ่งเมื่อดึงสายบังเหียนขึ้น รถเลื่อนก็ไถลไปด้านหน้าอีกไม่กี่เมตร ก็จะค่อยๆ หยุดลง
นายพรานสวมถุงมือหนา เขาลูบเอาเศษน้ำแข็งที่ติดอยู่ที่เคราออกก่อนจะลากร่างแมวน้ำลงมาจากด้านหลังรถลาก แมวน้ำที่โตเต็มที่นั้นอาจมีน้ำหนักถึงหนึ่งร้อยแปดสิบกิโลกรัม แมวน้ำขนาดกลางตัวนี้ก็มีน้ำหนักร้อยกว่ากิโลกรัมเช่นกัน ถ้าหากว่าไม่มีแรงช่วยจากรถเลื่อนแม้ว่านายพรานจะฆ่ามันได้สำเร็จ ก็ยากที่จะนำมันกลับมาที่บ้าน
นายพรานเปิดผ้าขนสัตว์หนาของอิกลูออกก่อนที่เด็กหญิงชาวเอสกิโมวัยสิบกว่าปีจะะโลุกยืนขึ้น “คุณพ่อ วันนี้จับแมวน้ำกลับมาเหรอคะ?”
นายพรานวางแมวน้ำลง เมื่อเห็นใบหน้าที่ดีอกดีใจของไถ่ซือผู้เป็ลูกสาวเขาก็อดที่จะลูบลงบนผมของเธอไม่ได้ ฤดูหนาวที่ขาดแคลนอาหารได้ผ่านพ้นไปแล้วลูกสาวของเขาจะไม่ต้องทนหิวอีกต่อไป แล้วทำไมเขาจึงจะไม่ดีใจล่ะ?
ไถ่ซือวิ่งออกไปโอบกอดหมาลากเลื่อน ก่อนที่จะถือพวงปลาเข้ามาอาหารมากเกินไป พวกเขาไม่สามารถกินให้หมดได้ในครั้งเดียว จึงฝังเอาไว้ใต้หิมะทั้งสามารถคงความสดใหม่และยังสะอาดอีกด้วย
แม้ว่าไถ่ซือจะเพิ่งอายุสิบกว่าปี แต่เธอก็เป็ผู้ช่วยที่ดีของที่บ้านแล้วเธอจึงช่วยกันจัดการเก็บแมวน้ำกับพ่อด้วยความว่องไว
“พ่อคะ ดูนี่สิคะ!” ในตอนที่ไถ่ซือกำลังชำระล้างร่างของแมวน้ำอยู่นั้นเธอก็พบว่าในท้องของมันมีไข่มุกเปื้อนเือยู่ เมื่อใช้หิมะตามพื้นขัดถูแล้วก็กลายเป็ไข่มุกที่เปล่งประกายเม็ดหนึ่งเธอตื่นเต้นดีใจพร้อมทั้งชูมันขึ้นให้นายพรานดู
นายพรานหันไปมองอยู่สักพักไข่มุกแบบนี้เป็ของที่พบเห็นได้ยากในขั้วโลกเหนือไม่รู้เช่นกันว่าแมวน้ำนั่นไปกินอะไรเข้า
เมื่อเห็นว่าไถ่ซือชอบ เขาจึงมอบไข่มุกให้เธอเล่นไป
นายพรานจัดการนำอวัยวะภายในของแมวน้ำไปให้พวกสุนัขกินก่อนที่จะกลับมากินเนื้อแมวน้ำกับลูกสาว
ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งนี้ ไม่มีที่ไหนที่สามารถจุดไฟได้ชาวเอสกิโมนั้น ั้แ่แรกเริ่มมาก็ใช้ชีวิตได้ด้วยการทานเนื้อสดต่อมาด้วยการพัฒนาของสังคม นอกจากสถานที่ที่อยู่ขั้วโลกเหนือแบบนี้ก็ไม่มีคนที่จะอาศัยอยู่ในอิกลูและทานเนื้อสดแบบนี้แล้ว และนายพรานพ่อลูกนี้ก็เป็หนึ่งในผู้คนส่วนน้อยที่ยังคงรักษาการใช้ชีวิตแบบนี้เอาไว้
หลังจากกินเนื้อแมวน้ำไปแล้ว ไถ่ซือจึงนอนเล่นไข่มุกอยู่บนพรมขนสัตว์
บริเวณใกล้เคียงนี้ก็มีชาวเอสกิโมอยู่ไม่น้อยทุกคนต่างก็คอยพึ่งพาอาศัยกันนายพรานจึงจัดการนำเนื้อแมวน้ำส่วนมากออกไปให้กับพวกเพื่อนบ้าน
ไถ่ซืออยู่ในอิกลูคนเดียว เธอแกว่งไข่มุกเล่นไปมาเดิมทีชาวเอสกิโมก็เดินทางมาจากเอเชีย ทำให้พวกเขาตัวเตี้ย ผิวเหลือง ผมดำเป็พื้นฐานรูปร่างทั่วไปของคนมองโกเลียดั้งเดิม เมื่อมองดูแล้ว ไถ่ซือก็ดูเหมือนเด็กชาวจีนคนหนึ่ง
เมื่อนายพรานกลับมา เห็นว่าไถ่ซือยังคงเล่นไข่มุกอยู่เมื่อเห็นว่าลูกสาวชอบมากเขาก็ดีใจ แม่ของไถ่ซือนั้นเสียไปั้แ่ตอนที่เธอเกิดหลายปีที่ผ่านมา เขาก็ได้แต่ใช้นมแพะในการเลี้ยงไถ่ซือให้เติบโตขึ้นมาใช้ความสามารถในการล่าสัตว์ ไม่ให้เธอต้องขาดแคลนอาหาร แต่ว่าเขานั้นไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถเล่นหยอกล้อกับเด็กคนนี้ได้...สุนัขลากเลื่อนที่เขาเลี้ยงไว้ต่างก็สามารถหยอกล้อเล่นทำให้เธอสนุกได้มากกว่าเขาเสียอีก
ในค่ำคืนของขั้วโลกเหนือนั้น ในฤดูร้อนจะไม่มีตอนที่ฟ้ามืดในตอนนี้เป็่คาบเกี่ยวระหว่างฤดูหนาวและฤดูร้อนในค่ำคืนมืดมิดผสมไปด้วยพายุหิมะนั้นเข้ามาอย่างว่องไว
เพราะว่าอาศัยอยู่ในอิกลู แม้จะเป็ในยามค่ำคืนก็ไม่สามารถจะจุดไฟได้ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้อิกลูละลายลง นายพรานคลุมผ้าหนังหมีหนาให้กับไถ่ซือการล่าสัตว์ในตอนกลางวันทำให้เขาเหนื่อยล้าไม่นานนักก็หลับใหลอยู่ที่บริเวณมุมหนึ่งของอิกลู
คืนนี้ไม่รู้ว่าเป็เพราะอะไร แม้ว่าจะกินอิ่มแล้ว แต่ไถ่ซือก็ยังคงนอนไม่หลับ
ไข่มุกที่ได้มาจากท้องของแมวน้ำนั้น ถูกไถ่ซือกุมเอาไว้ในมือในค่ำคืนที่เหน็บหนาว ไข่มุกราวกับมีความอบอุ่นบางอย่างทำให้เธอไม่อาจจะปล่อยมือออกจากมันได้
ไถ่ซือเคยได้ยินเื่เล่ามาว่า ไข่มุกเหล่านี้มีจะมีเื่ราวแปลกๆเธอจึงรู้สึกว่าด้านในมีนางฟ้าที่ซ่อนตัวอยู่
แน่นอนว่า แม้เด็กน้อยจะลืมตามาเกือบครึ่งคืน ง่วงเสียจนเผลอหลับใหลไปก็ยังไม่มีนางฟ้าโผล่ออกมาจากไข่มุกแต่พลังน้ำที่อยู่โดยรอบนั้นกลับขยับคลื่นไหวอย่างรุนแรงดังนั้นจึงทำให้เด็กสาวไม่อยากจะปล่อยมือจากมัน
วันต่อมาเป็วันที่อากาศดี เมื่อนายพรานกินเนื้อแมวน้ำเรียบร้อยแล้วเขาก็ไปคุยเื่ต่างๆ กับพวกเพื่อนบ้าน
ไถ่ซือเล่นกับพวกสุนัขลากเลื่อนอยู่ที่บ้าน พลังน้ำรอบๆไข่มุกนั้นหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ความอ่อนโยนของน้ำ ทำให้คนยิ่งไม่อยากจะวางมันลง
จนเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน นายพรานถึงได้กลับมา
ที่แท้ก็เป็เพราะหนังแมวน้ำที่พวกเขาเก็บสะสมเอาไว้ตลอดหน้าหนาวนั้นมีมากเกินไปแล้วและก็ไม่อยากจะโดนพ่อค้าที่เข้ามาในเผ่ากดราคาจึงเลือกที่จะเข้าไปขายในเมืองด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงจำเป็จะต้องออกไปหลายวันเขาบอกให้ไถ่ซืออยู่ในบ้าน และห้ามออกไปในตอนกลางคืน
ไถ่ซือตอบรับกลับไปโดยที่จิตใจของเธอยังคงอยู่ที่ไข่มุก
นายพรานกำชับลูกสาวก่อนที่จะขนหนังแมวน้ำที่เก็บเอาไว้มาตลอดทั้งฤดูหนาวออกมา บรรจุลงไปจนเต็มคันรถเตรียมอาหารให้เรียบร้อย ก่อนจะออกตัวไป
ไถ่ซือนั้นเป็คนที่ไม่ชอบอยู่เฉยอยู่แล้วในสองวันแรกเธอก็อยู่ในอิกลูอย่างเชื่อฟังแต่ว่าในสถานที่ที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง และยังไม่มีคนพูดคุยกับเธอแม้แต่เหล่าสุนัขลากเลื่อนก็ยังถูกพาไปจนหมดแม้ว่าเธอจะเชื่อฟังและรู้เื่มากแค่ไหน แต่เธอก็ยังเป็เพียงเด็กสาววัยสิบกว่าปีเท่านั้นเมื่อในตอนกลางคืนเธอได้ยินเสียงลมที่พัดพาเศษน้ำแข็งเข้ามากระทบกับประตูหนังยิ่งทำให้เธอนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่
เมื่อได้ยินเสียงที่ถูกส่งออกมาจากบริเวณใกล้ๆ อิกลู ไถ่ซือทั้งกลัวทั้งประหลาดใจเธอจึงลุกขึ้นมาจากผ้าห่มขนสัตว์ แล้วค่อยๆ เปิดประตูออก
หน้าอิกลูเต็มไปด้วยร่องรอยเท้าเรียงต่อกันเป็ทางโดยที่ยังไม่ได้ถูกลมหิมะกลบทับไป
เอ๋ หรือว่าพ่อจะกลับมาแล้ว?
ทุกครั้งที่พ่อกลับมาจากในเมือง มักจะนำเอาลูกอมใสประกายมาฝากเธอด้วยเมื่อนึกไปถึงรสชาติของมัน เธอก็ลืมเื่เสียงแปลกๆ ไปจนหมดสิ้นเธอคิดว่าบางทีพ่ออาจจะไปที่บ้านใกล้ๆ นี้จึงหยิบเอาเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวใหญ่ออกมาก่อนจะเดินตามรอยเท้านั้นไป
ในค่ำคืนที่มืดมิดทั้งยังมีลมหิมะเด็กสาวตัวน้อยถูกแรงลมพัดเสียจนต้องหลับตาลง ไม่อาจจะมองทางได้เธอได้แต่ก้มหน้าลงเดินตามรอยเท้านั้นไป และก็ไม่ทันที่จะได้รู้ว่าทิศทางที่กำลังเดินไปนั้น ไม่ใช่ทิศทางของบ้านใครคนไหนเลย
ไถ่ซือไม่รู้ว่าเธอเดินมานานแค่ไหน เธอรู้แค่เพียงขาทั้งสองของเธอแข็งขึ้นเรื่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของเธอหนาวจนแข็งทื่อไปหมด
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ในที่สุดเธอก็ได้รู้ว่า ตัวเธอนั้นกำลังหลงทาง! ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหิมะ หากหลงทางอยู่กลางหิมะแบบนี้ อาจจะทำให้ตายได้
ในที่สุดไถ่ซือตัวน้อยก็นึกถึงคำที่พ่อบอกว่าไม่ให้ออกมาจากบ้านในตอนกลางคืนขึ้นมาได้ริมฝีปากของเด็กน้อยถูกความเย็นทำเอาเขียวช้ำ เธอพยายามอดทนอยู่นานเพื่อไม่ให้ร้องไห้ออกมา
ในตอนนั้นเอง ไถ่ซือตัวน้อยก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวมาจากด้านหน้าเธอพยายามที่จะลืมตาขึ้นมอง ร่างใหญ่ปรากฏขึ้นในบริเวณที่ไม่ห่างจากเธอมากนักหรือว่าพ่อเหรอ?
ที่แท้ ก็ไม่ใช่ว่าพ่อกลับมาแล้วแต่เป็หมีขั้วโลกที่เข้ามาขโมยเนื้อแมวน้ำและปลาที่บ้านของเธอฝังเก็บเอาไว้ใต้หิมะ!
หมีขั้วโลกเองก็ได้กลิ่นของคนขึ้นมาแล้ว พวกมันเป็สัตว์ที่กินได้ไม่เลือกในตอนหน้าร้อนที่จับปลาไม่ได้ก็จะกินเนื้อเน่าเพื่อข้ามผ่านหน้าร้อนของขั้วโลกเหนือไป แน่นอนว่าพวกมันกินคนได้โดยเฉพาะเด็กที่ไร้ซึ่งการตอบโต้อย่างไถ่ซือ...หมีขั้วโลกโยนเนื้อในมือทิ้งก่อนจะพุ่งมาที่ตัวของไถ่ซือ
ไถ่ซือนั้นเพิ่งจะหมุนตัวเดินโซเซได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ล้มลงที่พื้นไข่มุกที่กำเอาไว้ในมือของเธอก็กระเด็นออกไป ในคืนที่มืดมิดไม่อาจจะรู้ได้ว่ามันหล่นไปที่ไหนแล้ว
ขาทั้งสองของเธอจมลงไปในหิมะ ไถ่ซือวัยสิบกว่าปีกลัวเสียจนลืมที่จะร้องไห้กรงเล็บของหมีขั้วโลกตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไถ่ซือขดตัวจนกลายเป็ก้อนกลมปากของเธอก็เอาแต่พร่ำเรียกผู้เป็พ่อ เนื้อตัวของเธอสั่นสะท้านไปทั่วร่าง
และในตอนนั้นเอง ในทิศทางที่ไข่มุกกระเด็นออกไปก็เกิดแสงเปล่งประกายขึ้นมา ดูเหมือนว่าหมีขั้วโลกจะพบกับอะไรบางอย่างมันถึงได้ใจนถอยหลังออกไป
ไถ่ซือเบิกดวงตาขึ้น มองยังไข่มุกที่เธอเล่นมาหลายวันเมื่อปรากฏแสงประกายตาออกมา ก่อนที่จะค่อยๆ ลอยขึ้นสู่อากาศ เมื่อกะพริบตาลงผู้หญิงสวมชุดกระโปรงก็ปรากฏตัวขึ้นในบริเวณที่ไข่มุกเปล่งแสง
ด้วยแสงสว่างจ้า ทำให้ไถ่ซือมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าไม่ชัดนักไข่มุกที่ประกายแสงประดับอยู่ที่ข้อมือของเธอราวกับดวงอาทิตย์ดวงน้อยที่ส่องประกายให้กับค่ำคืนมืดมิดของขั้วโลกเหนือแห่งนี้
ผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าที่บางเบาขนาดนี้ กระโปรงที่สวยขนาดนี้ และอยู่ๆก็โผล่ออกมาคนนี้ คือนางฟ้าที่จะมาช่วยเธอใช่ไหม?
ไถ่ซือในวัยสิบกว่าปี ยืนนิ่งมองไปยังร่างของนางฟ้าที่เดินเข้ามาก่อนที่หยาดน้ำตาจากความกลัวจะไหลรินลงมาอย่างไม่ทันได้รู้ตัว