ระหว่างพูดูเี่อันพยายามเก็บความรู้สึกเจ็บสะท้านที่แขนขวาของตัวเองเอาไว้โดยไม่แสดงออก
แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับไม่สนใจคำถามของเธอและจับแขนของเธอมาดู ซึ่งตอนนี้อาการไม่เพียงแต่ไม่ดีขึ้น แถมยังเริ่มบวมไปทั่ว
ตอนนั้นเองทีู่เี่อันเพิ่งรู้ตัวว่าแขนของตนมีคราบของยาพ่นสีเหลืองอมน้ำตาลติดอยู่
“เอ๋?”
เมื่อวานตอนอาบน้ำเธออุตส่าห์ขัดมันออกไปแล้วนี่เธอกลัวว่ายาจะเปื้อนที่นอนเขา เลยไม่ได้พ่นซ้ำ แล้วคราบนี้มาได้อย่างไร
เธอหันไปมองลู่เป๋าเหยียนอย่างไม่อยากเชื่อ
“นายช่วยพ่นยาให้ฉันเหรอ”
ลู่เป๋าเหยียนตอบเสียงเย็น
“ก็ใช่น่ะสิ”
“...” ได้ยินดังนั้นูเี่อันก็เริ่มจินตนาการถึงภาพของเขาขณะนั่งพ่นยาให้เธออยู่ข้างเตียงแสงไฟสีนวลอบอุ่นที่อาบลงบนใบหน้าเขาคงดูหล่อสุดๆ...
ทำไมเธอไม่รู้จักตื่นขึ้นมาดูนะ
ด้วยอาชีพของเธอตามปกติแล้วต่อให้หลับลึกแค่ไหน แค่ได้ยินเสียงโทรศัพท์หรือเสียงความเคลื่อนไหวใดๆเธอก็มักจะตื่นในทันที นอกเสียจากว่า...จิตใต้สำนึกของเธอรู้สึกว่าคนคนนั้นคือคนที่เธอเชื่อใจเช่น ซูอี้เฉิงหรือลั่วเสี่ยวซี
แต่กับลู่เป๋าเหยียน...เธอเชื่อใจเขาขนาดนี้ั้แ่เมื่อไร? เขาทำตัวโรคจิตใส่เธอออกจะบ่อยไม่ใช่หรือไง...
“ลุก”ลู่เป๋าเหยียนออกคำสั่ง “กินข้าวเช้าเสร็จแล้วไปโรงพยาบาลอีกรอบ”
ูเี่อันจิ้มบริเวณที่อักเสบจนบวมเริ่มกว่าเดิมก่อนเอ่ย
“ไม่ต้องหรอกทายาอีกหน่อยเดี๋ยวก็หายบวมแล้วล่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตาเรียวยาวของตนส่งรังสีน่ากลัวออกมาจนูเี่อันเริ่มจะกลัวนิดๆ
“ทำไมล่ะฉันก็เป็หมอเหมือนกันนะ มันไม่ได้อาการหนักขนาดนั้นจริงๆ...”
ลู่เป๋าเหยียนนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ชอบโรงพยาบาลจึงปล่อยเลยตามเลย
“งั้นพวกเรามาคุยเื่วันก่อนกันหน่อย”
ูเี่อันนิ่งอึ้งไปเธอจ้องลู่เป๋าเหยียนอย่างพิจารณา ตอนนี้เขาอยู่ในชุดทำงานแล้วเรียบร้อยโดยมีโน้ตบุ๊คตั้งไว้อยู่บนโต๊ะน้ำชาหน้าโซฟา แถมข้างๆ กันนั้นยังมีเอกสารอยู่หลายชุดที่ถูกเปิดค้างไว้อยู่
เขาคงตื่นตั้งนานแล้วแถมยังเริ่มทำงานแล้วด้วย ว่าแต่...ข้าวของที่ดูระเกะระกะนั่นหรือเป็เพราะว่าเขารีบวิ่งมาหาเธอทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของเธอ?
คิดได้ดังนั้นูเี่อันก็เริ่มให้อภัยเขานิดหน่อย แต่ก็ยังเบือนสายตาหนีหน้าเขาอยู่ดี
“นายอยากจะคุยอะไรคุยเื่ที่ว่าทำไมจู่ๆ นายก็โมโหโดยไม่มีสาเหตุน่ะเหรอ? ลู่เป๋าเหยียนฉันขอเตือนนายไว้อย่าง เื่หย่านายเป็คนบอกฉันเองเมื่อวันแต่งงานฉันก็อุตส่าห์ให้ความร่วมมือกับนาย สัญญาว่าจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามชีวิตนายเราจะจากกันด้วยดี แล้วนายยังจะเอาอะไรจากฉันอีก?”
ลู่เป๋าเหยียนจ้องหน้าูเี่อันอยู่นานก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“เจี่ยนอัน ฉันขอโทษ”
เป็ความผิดของเขาจริงๆนั่นแหละ...เขาเข้าใจผิดไปเองว่าูเี่อันตั้งตารอคอยการหย่าแต่ที่จริงเธออาจจะแค่สงสัยว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงบอกว่าจะไม่หย่าแล้วก็ได้
นานๆ ทีบอสลู่ผู้ยิ่งใหญ่จะเอ่ยคำขอโทษกับใครูเี่อันคิดๆ ดูแล้วรู้สึกว่าตัวเองได้กำไร ว่าแล้วจึงหันหน้ากลับไปหาเขา
“คุณลู่กำลังขอโทษฉันอยู่เหรอคะเนี่ย”
ลู่เป๋าเหยียนรู้ดีว่าูเี่อันคงไม่ปล่อยโอกาสอันดีงามนี้หลุดลอยไป
“ครับ”
“เมื่อกี้ฉันได้ยินไม่ค่อยถนัด”เธอเอียงคอพลางยิ้ม
“ไหนลองพูดใหม่อีกรอบช้าๆชัดๆ สิ”
ลู่เป๋าเหยียนกัดฟันพูดออกมา
“ฉันบอกว่า ฉันขอโทษ”
หางเสียงของเขาเจือรังสีน่ากลัวบางอย่างูเี่อันเลยไม่กล้าเล่นตัวไปมากกว่านี้ ไม่งั้นเขาคงโมโหอีกแน่เธอจึงถามเขาไปว่า
“เมื่อวานตอนเช้าทำไมนายเมินฉัน?”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้ว“ก่อนฉันจะไปบริษัท เธอไม่ได้ลงมาข้างล่าง แล้วฉันไปเมินเธอตอนไหน”
“ฉันพูดถึงตอนที่เราเจอกันหน้าห้อง!”
“ตอนนั้นฉันจะรีบไปบริษัทก็นึกว่าเธอจะเดินตามลงมา” ลู่เป๋าเหยียนกุมขมับอย่างปวดหัว“แต่เธอดันเดินกลับเข้าห้อง แล้วเธอก็ไม่ใช่คนตื่นเช้าขนาดนั้นฉันก็นึกว่าเธอกลับไปนอนต่อน่ะสิ”
“...”
ูเี่อันพูดไม่ออก
ความผิดหวัง ความโศกเศร้าเมื่อวานเป็เื่ที่เธอคิดไปเอง เธอซื่อบื้อชะมัดที่ยอมทนหิวไม่ยอมลงไปกินข้าวแบบนั้น
ถ้าเธอลงไปเื่ทุกอย่างก็คงคลี่คลายไปนานแล้ว และเธอก็อาจจะไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้
ลู่เป๋าเหยียนรู้ทันทีว่าูเี่อันเริ่มคิดฟุ้งซ่านจึงเริ่มทายาที่หน้าผากให้เธอ
“ทีหลังมีเื่อะไรให้ถามฉันตรงๆอย่าหมกตัวอยู่แต่ในห้องคิดเดามั่วซั่ว”
ูเี่อันเบะปาก“อย่ามาว่าแต่ฉันนะ วันก่อนนายเองก็ไม่ยอมบอกเหมือนกันน่ะแหละว่านายโมโหเื่อะไร”
ลู่เป๋าเหยียนชะงักมือไปเล็กน้อยก่อนจะแปะแผ่นยาแก้ปวดลงไป
“เจี่ยนอันต่อไปนี้ห้ามพูดเื่หย่าอีก”
ูเี่อันกะพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ตอบรับกลับไป
“อืม รู้แล้ว”
ขอแค่เขาไม่พูดเื่นี้ออกมาก่อนเธอก็ไม่พูดอยู่แล้ว เื่ง่ายๆ
ส่วนที่ว่าทำไมลู่เป๋าเหยียนถึงไม่อยากให้เธอพูดเื่หย่าออกมาอีกนั้น...เธอก็อยากจะถามเขาออกไปเหมือนกันแต่...ช่างมันเถอะ ไหนๆ ตอนนี้พวกเธอก็คืนดีกันแล้วถ้าคำตอบที่ได้รับเป็สิ่งที่เธอไม่อยากได้ยิน จะทำให้เฟลเสียเปล่าๆ
“โอเคแล้ว”ลู่เป๋าเหยียนเอ่ยหลังจากแปะแผ่นยาให้เธอเรียบร้อย
แตู่เี่อันกลับเข้าใจผิดว่าลู่เป๋าเหยียนพูดถึงเื่หย่าว่าให้ปล่อยผ่านมันไป เธอจึงถลึงตามองหน้าเขา
“โอเคอะไร? ไม่โอเคเลยสักนิด!”
นานๆ ทีลู่เป๋าเหยียนจะเห็นเธอทำอะไรบุ่มบ่ามเลยไม่อยากไปแก้ความเข้าใจผิดของเธอ เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย
“งั้นเธอจะเอายังไง”
ูเี่อันชี้นิ้วไปที่ประตูห้อง“นายไปยืนตรงนั้น ห้ามขยับ แล้วมองมาทางฉัน”
ลู่เป๋าเหยียนทำตามที่เธอบอกก่อนจะเห็นูเี่อันลงจากเตียงและเดินผ่านหน้าเขาออกจากห้องไปด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
หลังออกมานอกห้องูเี่อันก็หลับตาพริ้มดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ได้รังแกลู่เป๋าเหยียนในครั้งนี้
รู้สึกดีเป็บ้า!
ทว่า ยังไม่ทันที่เธอจะได้ดื่มด่ำกับมันอย่างเต็มอิ่มเสียงเนือยๆ ของลู่เป๋าเหยียนก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“เธอมั่นใจว่าจะใส่ชุดนี้ลงไปข้างล่าง”
ูเี่อันก้มมองชุดของตัวเอง
เอ่อ...เธอยังอยู่ในชุดนอนเด็กน้อยของเธออยู่เลยนี่นา...
เสียงเด็ดขาดชัดเจนดังสวนกลับไป
“ใครบอกกันว่าฉันจะลงไปตอนนี้?”
ในขณะที่กำลังเดินกลับเข้าห้องเธอก็ถูกลู่เป๋าเหยียนรั้งตัวเอาไว้ เธอเงยหน้ามองเขาอย่างงงๆก่อนจะโดนดึงเข้าสู่อ้อมกอดไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
ััอันชิดใกล้ของคนสองคนทำใหู้เี่อันรับรู้ได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของเขา
“นาย...” คราวนี้ไม่เพียงแต่ร่างกายเธอเท่านั้นที่เริ่มเกร็งเสียงเธอก็ด้วย
“นายปล่อยฉันนะฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ลู่เป๋าเหยียนโอบรอบเอวเธอ“เื่ที่ฉันบอกเมื่อกี้ จำได้หรือยัง”
ูเี่อันพยักหน้า“ฉันจะไม่พูดเื่การหย่าอีกแล้ว...อื้อ...”
ยังพูดไม่ทันจบริมฝีปากของเธอก็ถูกเขาเสียแล้วถ้อยคำที่ตั้งใจจะกล่าวเลยถูกเขาหยุดไว้กลางคัน
ในขณะที่เธอยังมึนงงลู่เป๋าเหยียนก็พรมจูบไปทั่วเรียวปาก
ััที่เย้ายวนทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปทั่วร่างไม่รู้ว่าเมื่อไรกันที่เธอเลิกขืนตัว และยอมอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างว่าง่าย
าเย็นตลอดหนึ่งวันที่ผ่านมาทำให้เธอรู้สึกแย่เธอรู้สึกโหยหารสจูบของเขาอย่างน่าแปลกใจ
ลู่เป๋าเหยียนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะจูบอย่างดุดันราวกับจะกลืนกินเธอลงไปทั้งตัวไม่นานูเี่อันก็เริ่มหายใจไม่ออก พวงแก้มใสเริ่มกลายเป็สีแดงระเรื่อเธอเริ่มขาดอากาศหายใจ จึงยกมือดันเขาให้ออกห่าง
ลู่เป๋าเหยียนจูบเธอหนักๆอีกหลายครั้งก่อนจะยอมผละออกจากเรียวปากงาม สายตาไม่พอใจปนหลงใหลของเขามองมาทางเธอทำเอาหัวใจเธอเต้นไม่เป็จังหวะ
นิ้วเรียวยาวของเขาลูบไล้ริมฝีปากเธออย่างแ่เบาก่อนจะเอ่ยคำขู่ด้วยเสียงแหบพร่า
“ถ้าเธอพูดเื่หย่าอีกครั้งฉันจะไม่ทำแค่จูบแน่ เข้าใจ?”
ถึงสมองของูเี่อันจะยังมึนงงแต่เธอก็พยักหน้ายืนยัน
“เข้าใจแล้ว!”
รอยยิ้มอย่างพอใจฉายชัดบนใบหน้าของเขาก่อนจะปล่อยเธอให้เป็อิสระ
ูเี่อันสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป เธอเกาะอ่างล้างหน้าด้วยมือข้างเดียวพลางหอบหายใจ
หญิงสาวที่สะท้อนอยู่ในเงากระจกเวลานี้พวงแก้มทั้งสองข้างกลายเป็สีแดงก่ำ ริมฝีปากบวมติดแดงนิดๆแววตาเปล่งประกายระยิบระยับ
เธอคงต้องแปรงฟันเพื่อสงบสติอารมณ์สักหน่อย!
และแล้วเธอก็ได้รู้ซึ้งถึงความลำบากของการใช้แขนขวาไม่ได้ใช้มือซ้ายเพียงข้างเดียวแปรงฟันว่ายากแล้วการเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตัวเองนั้นยากกว่า เธอค่อยๆ ใส่เสื้ออย่างระมัดระวังไม่ให้ไปโดนแผลอีกรอบอย่างช้าๆ
ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็ใคร
เธอพูดออกไปอย่างยากลำบาก
“อีกห้านาที!”
สุดท้ายกว่าเธอจะปลุกปล้ำกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จสิ้นก็ใช้เวลาเป็สิบนาทีเมื่อเดินออกจากห้องน้ำมา ก็เห็นลู่เป๋าเหยียนกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่บนโซฟา
มองจากจุดที่เธอยืนอยู่แสงแดดในยามเช้าที่ส่องกระทบใบหน้าด้านข้างอันได้รูปและโครงหน้าที่เด่นชัดของเขาทำให้เธออดใจเต้นไม่ได้
ูเี่อันลอบกลืนน้ำลาย
ตอนนั้นเองลู่เป๋าเหยียนก็วางเอกสารในมือและหันมามอง
“เราควรลงไปได้แล้ว”
ูเี่อันรีบเก็บอาการใจเต้นของตนเอาไว้ก่อนจะเดินตามเข้าออกจากห้องไป
โดยนึกไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับถังอวี้หลันที่หน้าห้อง
เห็นได้ชัดว่าถังอวี้หลันเองก็เพิ่งตื่นเธอมองลู่เป๋าเหยียน ก่อนจะมองมาทางูเี่อันและยิ้มออกมา อยู่ๆ ูเี่อันก็รู้สึกเหมือนเด็กที่กำลังทำเื่ไม่ถูกไม่ควรจึงเขยิบเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังลู่เป๋าเหยียน
ลู่เป๋าเหยียนดึงเธอให้ออกมาเผชิญหน้ากับความจริงูเี่อันพยายามฝืนยิ้มทักทายอย่างเต็มที่
“อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”ถังอวี้หลันยิ้มกว้าง “แขนหนูดีขึ้นบ้างหรือยัง”
“ยังไม่หายบวมค่ะแต่เดี๋ยวทายาอีกหน่อยก็คงดีขึ้นค่ะ”
“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็เรียกหมอมาดูที่นี่นะว่าแต่ตอนนี้เราลงไปกันเถอะ ลุงสวีบอกว่าเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”ถังอวี้หลันกล่าว
อาหารเช้าวันนี้เป็สไตล์จีนอย่างที่ถังอวี้หลันชอบหลังนั่งลงูเี่อันกำลังคิดว่าจะเอื้อมมือไปรินน้ำแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองแขนเจ็บ ในขณะที่กำลังจะเปลี่ยนไปใช้มือซ้ายแทนลู่เป๋าเหยียนก็ช่วยรินน้ำให้เธอจนเต็มแก้วเสียแล้ว
“ขอบคุณนะ” เธอยิ้มตอบ
ถังอวี้หลันเห็นการกระทำดังกล่าวของคู่สามีภรรยาก็ยิ่งปลาบปลื้มใจ
หลังกินอาหารเช้าเสร็จลู่เป๋าเหยียนก็รับเอกสารจากลุงสวี และออกไปบริษัททันทีในบ้านจึงเหลือแค่ถังอวี้หลันกับูเี่อันแค่สองคน
เมื่อใช้ประคบน้ำแข็งและพ่นยาเรียบร้อยแล้วูเี่อันก็ไม่มีอะไรทำ จึงหยิบ iPad ขึ้นมาเล่นอินเทอร์เน็ตที่จริงเธอไม่ได้คิดจะอ่านข่าวทว่ามีพาดหัวข่าวอันหนึ่งดึงดูดสายตาเธอเอาไว้พร้อมกับความสงสัยที่ท่วมท้น
เพื่อยืนยันในสิ่งที่กำลังคาดเดาเธอจึงคลิกเข้าไปอ่านข่าวที่ว่า...
