“พี่เสี่ยวไฉ่? เกิดเื่อะไรขึ้น?”
จั๋วอวิ๋นเซียนเปิดประตูออกมา เขาเห็นสาวใช้คนสนิทของพี่สาวยืนอยู่ด้วยท่าทีร้อนรน
เมื่อเห็นภาพนี้ ในใจจั๋วอวิ๋นเซียนก็เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
สาวใช้เสี่ยวไฉ่กังวลกระสับกระส่าย นางกล่าวด้วยน้ำเสียงติดขัด “นะ…นายน้อย ตระกูลจั๋วถูกล้อมไว้แล้ว! คุณหนูใหญ่ให้ข้ามาบอกท่านว่าให้อยู่ในห้องเฉยๆ อย่าได้ออกไปเด็ดขาด”
“อะไรนะ!”
เมื่อจั๋วอวิ๋นเซียนได้ยินก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เื่ที่เขากังวลมาตลอดเกิดขึ้นแล้ว เกมของจั่วชินอ๋องกับอีกขั้วอำนาจหนึ่งน่าจะพ่ายแพ้แล้ว มิเช่นนั้นอีกฝ่ายคงไม่ลงมือในเวลานี้
“ผู้นำตระกูลเล่า?”
เมื่อได้ยินคำถามของจั๋วอวิ๋นเซียน สาวใช้เสี่ยวไฉ่รีบตอบว่า “นายท่านออกไปส่งสินค้าเมื่อหลายวันก่อนและยังไม่กลับมา ตอนนี้คุณหนูใหญ่เป็คนจัดการเื่ในตระกูลแทน”
“เ้าอย่าเพิ่งลนลาน ไปดูก่อนค่อยว่ากัน”
“ไม่ได้ ไม่ได้ คุณหนูใหญ่ให้นายน้อยอยู่แต่ในห้อง ห้ามไปไหนทั้งสิ้น!”
สาวใช้เสี่ยวไฉ่รีบเดินเข้าไปขวางจั๋วอวิ๋นเซียน ทว่าจู่ๆ สายตาก็พร่ามัว จากนั้นนายน้อยก็หายตัวไปแล้ว
……
ภายในตระกูลจั๋ว บรรยากาศหนักอึ้ง
ตอนนี้ทหารเกราะทมิฬหลายร้อยคนพร้อมหน้าไม้ล้อมจวนเอาไว้หมดแล้ว เพียงเห็นสิ่งนี้ก็รู้ว่าผู้มาเยือนไม่ประสงค์ดี คนรับใช้มากมายล้วนเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา จากนั้นทยอยไปหลบซ่อนในที่ลับตาคน
จั๋วอวี้หวั่นกับลุงเยี่ยนยืนอยู่กลางห้องโถง ทั้งคู่เผชิญหน้ากับทหารเกราะทมิฬไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
“กองทัพเกราะทมิฬจากชายแดนหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจั๋วอวี้หวั่นอดหันไปมองไม่ได้ นางเห็นน้องชายมาปรากฏตัวข้างกาย
“น้องพี่ เ้า…มาอยู่นี่ได้อย่างไร ข้าบอกให้เสี่ยวไฉ่ไปห้ามไม่ให้เ้าออกมาแล้วไม่ใช่หรือ? ยังไม่รีบกลับไปอีก! ที่นี่อันตรายมาก!”
จั๋วอวี้หวั่นรู้สึกร้อนรนจึงไม่ทันได้สังเกตท่าทางผิดปกติของจั๋วอวิ๋นเซียน นางผลักอีกฝ่ายออกไปและะโสั่งให้อีกฝ่ายหลีกทางไปให้ไกล
ลุงเยี่ยนก็มีสีหน้าหนักอึ้งเช่นกัน จึงรีบกล่าวเตือน
ทว่าจั๋วอวิ๋นเซียนกลับส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “พี่หญิง ท่านลุงเยี่ยน ข้าไม่ใช่เด็กอีกแล้ว ยิ่งอันตรายข้าก็ยิ่งควรอยู่”
เพียงสองประโยคสั้นๆ ก็แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวในตัวของชายหนุ่ม
บิดาไม่อยู่ ในฐานะที่จั๋วอวิ๋นเซียนเป็บุรุษเพียงคนเดียวของตระกูลจึงต้องแบกรับความรับผิดชอบของตระกูลไว้ ถึงแม้เขามิอาจช่วยตระกูลผ่านหายนะครั้งนี้ไปได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับตระกูลได้
“เ้า…”
เดิมทีจั๋วอวี้หวั่นอยากดุน้องชาย ทว่าเมื่อเห็นสายตาที่ยึดมั่นของอีกฝ่าย นางก็ใจอ่อนลง “ยืนข้างพี่ไว้ อีกเดี๋ยวไม่ว่าเกิดจะเื่อะไรขึ้นเ้าห้ามส่งเสียงเป็อันขาด ทนได้ก็ทนไว้ รอท่านพ่อกลับมาค่อยตัดสินใจ”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้า ทว่าจิตใจกลับยิ่งหนักอึ้ง เพราะเขารู้ว่าถ้าบิดากลับมาอาจจะอันตรายยิ่งกว่า
หลังจากเว้นจังหวะไป่หนึ่ง จั๋วอวิ๋นเซียนจึงถามซ้ำอีกครั้ง “พี่หญิง เกิดอะไรขึ้นกันแน่? กองทัพเกราะทมิฬเป็กองทัพชั้นยอดของราชวงศ์ พวกเขารักษาการณ์อยู่ชายแดนตลอด ทำไมถึงปรากฏตัวที่นี่ได้?”
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!”
จั๋วอวี้หวั่นขมวดคิ้วแน่นพร้อมกล่าวด้วยความกังวลใจ “จู่ๆ คนเหล่านี้ก็บุกเข้ามาที่ตระกูลจั๋ว จากนั้นล้อมจวนของเราเอาไว้ ห้ามใครเข้าออก…ไม่รู้ว่าเข้าใจอะไรผิดหรือไม่!”
จั๋วอวิ๋นเซียนเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างจึงถามว่า “กองทัพเกราะทมิฬเพียงแค่ล้อมจวนชั้นในของเราหรือ? ไม่ได้ไปที่อื่นหรือ?”
“ไม่มี”
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากจั๋วอวี้หวั่น เขาจะยังไม่เข้าใจอีกได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมตัวมาจัดการสายเืของผู้นำตระกูลจั๋ว…ลงทุนลงแรงไปมากจริงๆ! แม้แต่กองทัพเกราะทมิฬที่รักษาการณ์ชายแดนราชวงศ์ต้าถังก็ยังเรียกระดมพลมาได้ ดูท่าคลื่นใต้น้ำตรงนี้จะลึกกว่าที่เขาคิดเอาไว้
เมื่อเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนไม่พูดไม่จา จั๋วอวี้หวั่นตบบ่าอีกฝ่ายพลางกล่าวปลอบใจว่า “น้องพี่ไม่ต้องกังวลไป ข้าส่งคนไปบอกท่านเ้าเมืองกับพวกปู่รองแล้ว หากพวกเขามาทันเวลาก็ไม่เกิดปัญหาอะไรแน่”
ลุงเยี่ยนอยากจะพูดบางอย่าง แต่ก็กลืนคำพูดกลับไป
จั๋วอวิ๋นเซียนจิตใจหนักอึ้ง เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “เหตุใดพี่หญิงต้องโกหกข้าด้วย อีกฝ่ายกล้าล้อมที่นี่อย่างเปิดเผย เห็นได้ชัดว่ารายงานกับจวนเ้าเมืองไว้แล้ว ถ้าไม่ได้รับการยอมรับจากเ้าเมือง กองทัพเกราะทมิฬไม่มีทางเข้าเมืองมาได้ สำหรับฝั่งปู่รอง เกรงว่าคงหวังไม่ได้แล้ว”
“เ้า…รู้ได้อย่างไร?”
จั๋วอวี้หวั่นตัวแข็งทื่อ ตกตะลึงอยู่กับที่ นางคิดไม่ถึงเลยว่าน้องชายตัวเองที่ดูเหมือนยังเด็ก กลับมองสถานการณ์อันตรายออกหมดแล้ว
เป็อย่างที่จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าว กองทัพเกราะทมิฬมีหน้าที่รักษาการชายแดน ถึงแม้จะมีคนใช้อำนาจสั่งการส่วนตัวก็ไม่มีทางขัดคำสั่งเรียกกองทัพเกราะทมิฬเข้าเมืองตงหลิงโดยตรงได้
ความผิดปกติที่แม้แต่จั๋วอวิ๋นเซียนยังมองออก จั๋วอวี้หวั่นจะไม่รู้ได้อย่างไร? เพียงแต่นางไม่อยากทำให้น้องชายใเท่านั้น…แต่ดูท่านางจะกังวลมากเกินไป
“น้องพี่วางใจเถอะ ถ้าพี่ยังอยู่จะไม่ยอมให้ตระกูลจั๋วเกิดเื่แน่”
จั๋วอวี้หวั่นกวาดมองกองทัพเกราะทมิฬที่ล้อมวงรอบด้านด้วยสายตาเคร่งขรึม “พวกเ้าบุกรุกจวนตระกูลจั๋ว ข้าไม่รู้ว่าพวกเ้าคิดจะทำอะไร แต่ถ้ามีคนกล้าเด็ดหญ้าของตระกูลจั๋วแม้เพียงต้นเดียว ข้าจั๋วอวิ๋นหวั่นจะไม่ปล่อยมันไปแน่!”
เมื่อกล่าวจบมีเงากระเรียนเหมันต์ตัวหนึ่งปรากฏอยู่ด้านหลังจั๋วอวี้หวั่น มันโบยบินขึ้นฟ้าอย่างสง่างามและหนาวเหน็บ มีแสงสีเขียวโปรยปรายตามลงมา…ิญญาเซียนอยู่ระดับนักรบแล้ว
“วิ๊ด!”
เมื่อกระเรียนเหมันต์ปรากฏ อุณหภูมิของทั้งบริเวณลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนรอบด้านหนาวสั่นอย่างห้ามไม่ได้
“ตระกูลจั๋ววิถีเซียน เป็แค่ตระกูลระดับต่ำ คิดว่าเก่งกาจนักหรือ?”
ขุนพลเกราะทมิฬคนหนึ่งเค้นเสียงเ็าปรากฏตัวบนหลังคาจวนชั้นใน เขาก้มมองลงมาอย่างเฉยเมย “ข้าคือเหลียนเว่ยฉี ขุนพลค่ายที่สามแห่งกองทัพเกราะทมิฬ ได้รับรายงานว่าผู้นำตระกูลจั๋วฟู่ไห่ ติดต่อกับศัตรู คบค้ากับปีศาจ ทำร้ายเผ่าพันธุ์เดียวกัน ต้องโทษร้ายแรง…”
“หุบปาก!”
จั๋วอวี้หวั่นไม่รออีกฝ่ายกล่าวจบก็ะโด่าด้วยความโกรธ “ตระกูลจั๋วของข้าเป็ตระกูลวิถีเซียน ไม่เคยทำเื่เสื่อมเสีย บิดาของข้าเป็ผู้องอาจกล้าหาญ จะใช่คนที่พวกเ้าใส่ร้ายได้หรือ?”
“ใส่ร้ายหรือ?”
เหลียนเว่ยฉีหัวเราะอย่างดูแคลน จากนั้นหยิบม้วนกระดาษสีทองฉบับหนึ่งออกมา “นี่คือราชโอกงารขององค์ฮ่องเต้ จับกุมจั๋วฟู่ไห่…”
“ไม่! เป็ไปไม่ได้!”
จั๋วอวี้หวั่นไม่มีทางเชื่อว่าบิดาคบค้าปีศาจและทำร้ายเผ่าพันธุ์เดียวกันแน่ อีกฝ่ายต้องพูดใส่ร้ายแน่นอน ต่อให้มีราชโองการฮ่องเต้ ก็ต้องเป็การยัดความผิดแน่!
ในเวลาเดียวกันจั๋วอวี้หวั่นใช้กำไลสื่อิญญาแอบส่งข้อความไปให้จั๋วไท่หยวน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการตอบกลับแม้แต่น้อย
“เหอะเหอะ”
เหลียนเว่ยฉีหัวเราะเ็า เขาส่งสัญญาณมือพร้อมกล่าวว่า “ทหารค่ายสามกองทัพเกราะทมิฬฟังคำสั่ง จับตระกูลจั๋วทุกคนเอาไว้…ใครกล้าต่อต้าน สังหารทันที!”
“ช้าก่อน”
มีเสียงหนึ่งะโขึ้นมา เขาก็คือจั๋วอวิ๋นเซียน บรรยากาศที่เต็มไปด้วยไอสังหารหยุดชะงัก สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่จั๋วอวิ๋นเซียนอย่างห้ามไม่ได้
“น้องพี่ เ้า…เ้าจะทำอะไร! รีบกลับมาเดี๋ยวนี้! อย่าทำอะไรวู่วาม!”
จั๋วอวี้หวั่นรีบพุ่งตัวไปหยุดจั๋วอวิ๋นเซียน ทว่าสิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ นางออกแรงดึงเขากลับมา แต่อีกฝ่ายกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย!
“พี่หญิง ให้ข้าจัดการเอง”
จั๋วอวิ๋นเซียนผลักมือจั๋วอวี้หวั่นออกเบาๆ หันไปพยักหน้าให้ลุงเยี่ยนเล็กน้อย จากนั้นหันไปมองเหลียนเว่ยฉี
