“กลิ่นสมุนไพรของท่านช่างแรงเหมือนใส่ทั้งป่าลงไป...พี่รองท่านแน่ใจหรือว่าเ้าสิ่งนี้กินได้ เอ้ย! แปรงได้”
และข้างหลังสุดคืออาเหิง สามีผู้ไม่ต่างจากตัวป่วนเหมือนน้องสาวคนเล็ก ขณะนี้เขากำลังนั่งสับใบสะระแหน่ด้วยสีหน้าไม่ต่างจากเซี่ยชิงเป่า
“ภรรยา...อาเหิงก็ไม่ชอบกลิ่นเ้านี่เหมือนกัน”
เสียงหัวเราะคิกคักของเซี่ยชิงเป่ากับเสียงบ่นของอาเหิงดังสลับกันไปมาราวเสียงพื้นหลัง ในขณะที่เซี่ยชิงหลียังคงบดผงยาด้วยสีหน้าใจเย็นและตั้งใจ
“หยุดบ่นเถอะ หลังจากทำเสร็จแล้ว กลิ่นมันจะหอมแบบเย็นๆ ไม่ใช่ฉุนๆ อย่างที่เ้า....”
ทันใดนั้นเอง เสียงประตูหน้าเรือนก็ถูกเคาะส่งสัญญาณจากด้านนอก ทุกคนในลานเงียบไปชั่วอึดใจ เซี่ยจื่ออี้หันไปสบตากับน้องสาว สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย อาเหิงชะงักมือก่อนส่งเสียงงึมงำ
“อาเหิงจะไปเปิดประตู”
เซี่ยชิงหลีเช็ดมือลวกๆ ลุกขึ้นยืน ดวงตานิ่งสงบแต่ลึกในแววตากลับมีเงาแห่งความระแวดระวังผุดขึ้นช้าๆ หรือว่าเซี่ยจิ่งเฉิงจะพาคนมาก่อกวน
“เ้าไม่ต้อง ข้าจะออกไปดูเอง”
ทันทีที่ประตูบานใหญ่ถูกผลักให้เปิดออก ร่างของชายชราผู้หนึ่งกำลังก้าวลงจากรถม้าอย่างมั่นคง แม้จะดูเรียบง่ายทว่ากิริยากลับเปี่ยมไปด้วยอำนาจและบารมีที่ไม่อาจมองข้าม
เซี่ยชิงหลีชะงักเล็กน้อย ดวงตาหรี่ลง...ก่อนจะเบิกกว้าง
ชายผู้นั้น...คือบุคคลเดียวกับที่นางเคยช่วยเอาไว้ที่โรงหมอจินสุ่ยถังเมื่อหลายวันก่อน ข้างกายของชายชรามีชายหนุ่มชุดดำสองคนเดินตามอย่างสงบ แม้จะเปลี่ยนมาแต่งด้วยชุดผ้าฝ้ายธรรมดาเหมือนชาวบ้านทั่วไป ทว่ากลิ่นอายของทั้งสองนั้นกลับไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
“แม่นาง เ้าจำข้าได้หรือไม่”
ชายชราเอ่ยถามราวกับรู้ถึงตัวตนของนางอยู่แล้ว เซี่ยชิงหลีประสานมือคำนับอย่างชาวบ้านทั่วไป ร่างน้อมต่ำแต่ไม่อ่อนน้อมจนเกินควร
“จำได้เ้าค่ะ ท่านมาที่นี่มีธุระกับข้าหรือ”
เซี่ยชิงหลีถามออกไปตามตรงโดยไม่อ้อมค้อม ท่าทางของนางยามเมื่อเผชิญหน้ากับชายชรากลับไม่มีท่าทีหวั่นเกรงแม้เพียงนิด ไท่ซ่างหวงรู้สึกชมชอบในนิสัยผ่าเผยของนางไม่น้อย
หญิงสาวแอบประเมินคนทั้งสามอยู่ลับๆ นางไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของชายชรา แต่ด้วยรถม้าและองครักษ์เช่นนี้...คงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
ชายชรายกมือขึ้นเล็กน้อยก่อนหัวเราะเบาๆ
“ข้ามิได้มาด้วยธุระอื่นใด...แค่จะกล่าวคำขอบคุณที่เ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ในยามที่แม้แต่หมอทั้งเมืองก็พากันส่ายหน้า”
ชายชราหันไปพยักหน้าให้ผู้ติดตาม
“นี่เป็เพียงน้ำใจเล็กน้อยจากคนแก่ที่เป็หนี้ชีวิตเ้า”
ทันใดนั้น หีบไม้มากมายถูกยกลำเลียงมาวางตรงหน้าหญิงสาว และยังมีหีบไม้เล็กๆ สามใบสุดท้ายมันช่างงดงาม เรียบหรู และมีกลิ่นหอมของไม้หอมจันทร์ลอยคลุ้ง แม้เพียงเห็นภายนอกก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งของภายในต้องมีมูลค่าไม่น้อย
“สิ่งของเหล่านี้ข้ามิอาจรับไว้ได้...ข้าเพียงทำตามหน้าที่ของหมอ ท่านไม่มีความจำเป็ต้องทำเช่นนี้”
เซี่ยชิงหลีมองสิ่งของที่ชายชรานำมาด้วยแววตานิ่งเฉย ไร้ความโลภ ไม่แสดงถึงความ้าออกมาทางสีหน้า การกระทำของนางยิ่งทำให้ชายชราชื่นชม
ใน่เวลาที่ทั้งสองฝ่ายกำลังประเมินซึ่งกันและกัน เงาทอดหนึ่งก็พุ่งตรงมาที่ประตูเรือน ร่างสูงโปร่งในชุดเปื้อนผงสมุนไพรวิ่งมาอย่างร่าเริง ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มมอมแมมเต็มไปด้วยคราบเหงื่อและเศษยาสมุนไพร
“ภรรยา! เ้าคุยกับใครอยู่หรืออาเหิงทำงานเสร็จแล้ว!”
เสียงเรียกใสซื่อดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มสดใสไร้เดียงสา ราวกับเสียงของเด็กน้อยที่เพิ่งวิ่งมาหาแม่หลังจากทำผลงานชิ้นใหญ่สำเร็จ เซี่ยชิงหลียกยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นอาเหิงอวดความสามารถของตน
ทว่ากลับกัน...ชายชราเมื่อเห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางหายไปในพริบตา ไท่ซ่างหวงชะงัก...นิ่งค้าง ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย นั่นมัน...
ใบหน้าที่แสนคุ้นเคย ใบหน้าที่ตนเคยเห็นมาั้แ่วัยเยาว์ คนผู้นั้น…หลานชายที่หายตัวไปของตนเมื่อหลายเดือนก่อน ทว่า...ตอนนี้เขามิใช่ชายหนุ่มที่สุขุม มั่นคง และเฉลียวฉลาดอีกต่อไป
สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือชายหนุ่มที่มีดวงตาเปื้อนความว่างเปล่า ยิ้มเหมือนเด็กห้าขวบ เสียงสดใสไร้ความเป็ตัวเขาในอดีต
“ภรรยา~ อาเหิงช่วยทำงานเสร็จแล้วน้า ดูสิ~ สมุนไพรติดหน้าอาเหิงเต็มเลย ฮิ ฮิ”
เมื่ออาเหิงก้าวเข้ามา เซี่ยชิงหลีจึงไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของแขกผู้มาเยือน นางยกยิ้มอ่อนโยนก้าวเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม ก่อนจะยกมือแตะเบาๆ ที่แก้มของเขา
“มอมแมมไปหมดเลย ดูเ้าสิ…สมกับเป็มือขวาของข้าจริงๆ”
นางพูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบยาที่ติดอยู่บนใบหน้าของสามีอย่างเบามือ ชายชรามองภาพตรงหน้าด้วยแววตาสับสน หัวใจที่นิ่งสงบมาตลอดสั่นะเือย่างมิอาจห้ามได้ เขาไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง เด็กชายผู้ที่เขาเคยโอบไว้ในอ้อมอกกลับมายืนตรงหน้าในสภาพที่ไม่ควรจะเป็...
“เขา… เสียงของชายชราเอ่ยแ่เบา…คือ...ใคร...หรือ”
หญิงสาวหันไปส่งยิ้มให้กับชายชรา เื่ของนางกับอาเหิงไม่ใช่ความลับ ทว่าก็ยากจะเอ่ยออกไป
“เขาคือคนที่ข้าดูแลอยู่เ้าค่ะ”
ใบหน้างามสุกปลั่งแดงเรื่อเมื่อยามต้องเอ่ยถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง
“ไม่ใช่นะ! อาเหิงคือสามี ส่วนหลีเอ๋อคือภรรยา”
ท่าทางแง่งอนของชายหนุ่มดูแล้วช่างน่ารัก หญิงสาวอดที่จะเอื้อมไปหยิกแก้มของอาเหิงอย่างมันเขี้ยวมิได้
“ได้ๆ ทำตามที่อาเหิง้า”
“ภรรยาดีที่สุด อาเหิงรักเ้า”
คำบอกรักของชายหนุ่มที่เอ่ยออกมาโต้งๆ ทำให้หญิงสาวแทบทำตัวไม่ถูก หากไม่มีผู้อื่นอยู่ที่นี่นางคงจะลากเ้าคนฉวยโอกาสเข้าห้องจัดการสำเร็จโทษให้สมกับคำพูดน่ารักของเขา
คำพูดหวานหยดและสายตาของทั้งสองที่สื่อกัน ชายชราแน่ในใจว่าหญิงสาวตรงหน้ายังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหลานชาย ทว่าแม้เขาจะกลายเป็คนสติไม่ดีแต่นางกลับไม่นึกรังเกียจ และตนเองมั่นใจว่าหญิงสาวผู้นี้เป็คนที่ตนสามารถฝากฝังหลานชายเอาไว้ได้
“แม่นาง เ้ามีสามีที่ดี”
เป็ครั้งแรกที่เซี่ยชิงหลีได้ยินใครบางคนเอ่ยถึงอาเหิงในทางที่ดี เพราะนอกจากคนในครอบครัวแล้ว คนอื่นต่างมองอาเหิงเป็ตัวภาระของนาง ว่าร้ายรังแกเขาเพราะเห็นว่าชายหนุ่มสติไม่ดี
“ขอบคุณเ้าค่ะ ข้ารู้ว่าเขาดีกว่าใครๆ”
บัดนี้เซี่ยชิงหลีมองชายชราในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมเพียงเพราะเขาเอ่ยปากชมสามีของนาง
“ท่านจะเข้ามาดื่มชาในเรือนก่อนหรือไม่”
“ไม่เป็ไรข้ายังมีธุระต่อ ที่มาวันนี้เพียง้ามาขอบคุณเ้าอย่างจริงใจสักครั้งเท่านั้น อีกอย่างข้าอยากให้เ้ารับสิ่งของเหล่านี้จากข้า ถือเสียว่าเป็ของขวัญสำหรับงานแต่งของเ้าสองคน”
คำพูดนั้นราวกับมีะเิถูกปามาที่นาง เสียงบึ้มดังขึ้นในหัวพลันใบหน้าของหญิงสาวเห่อร้อนและแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่ ชายชรามองหลานสะใภ้ตัวน้อยด้วยสีหน้าชอบใจ นานแล้วที่ตนไม่ได้เอ่ยเล่นหัวกับลูกหลาน
หากวันหน้าหลานชายผู้นี้ไม่มีทางหายดี แต่เขาได้แต่งงานกับหญิงสาวที่ดีเช่นนั้นตนก็วางใจ เซี่ยชิงหลีมองหีบไม้มากมายตรงหน้า นางตัดสินใจเพียงชั่วอึดใจก่อนพยักหน้ารับ
“เช่นนั้นข้าจะขอรับเอาไว้ ขอบคุณท่านเ้าค่ะ”
“ท่านอันใดกัน ต่อไปเ้าเรียกข้าว่าท่านปู่เมิ่งก็พอ”
ชายชรากลับขึ้นรถม้าไปด้วยสีหน้าอิ่มเอม ในที่สุดภาระที่เคยหนักอึ้งในหลายเดือนนี้ก็ได้ถูกวางลงแล้ว
ต่อไปก็จัดการตัวต้นเื่ที่ทำให้เกิดเื่วุ่นวายเหล่านี้ขึ้น ชายชราตัดสินใจกลับเมืองหลวงเพื่อจัดการกับคนที่เป็สาเหตุให้หลานชายของตนต้องกลายเป็คนสติไม่ดี