เจ็ดวันต่อมา เย่เฟิงรักษาาแเรียบร้อย ทั้งยังทำให้ขั้นรวมชี่ที่ 4 ของตนเริ่มเสถียร จากนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปยังที่พักของฉินเจิ้นถิง
“มาแล้วหรือ”
ฉินเจิ้นถิงเหมือนรู้ว่าเย่เฟิงจะมา จึงรออยู่ที่ลานบ้านก่อนแล้ว
“ขอรับ” เย่เฟิงพยักหน้า
“ไป ข้าจะพาเ้าไปที่ที่หนึ่ง”
ฉินเจิ้นถิงกล่าว จากนั้นเดินเข้าห้องในที่พัก เย่เฟิงกะพริบตาปริบ ๆ แล้วเดินตามไป
“เข้ามาสิ!”
ภายในห้องมีประตูลับบานหนึ่ง จากนั้นฉินเจิ้นถิงเดินเข้าไปในนั้น
เย่เฟิงใเล็กน้อย ไม่รู้ว่าในประตูลับจะมีอะไรซ่อนอยู่ แต่หลังจากเข้าไปก็พบว่าในนี้เป็ห้องหิน ไม่ได้สวยงามอะไรนัก
เพียงแต่มีหินก้อนใหญ่เรืองแสงมิติหลายก้อนวางอยู่ใจกลางของห้องหินและโอบล้อมพื้นที่ว่างนั้นไว้ นาทีนี้หินก้อนใหญ่พวกนั้นเปล่งแสงอย่างเจิดจ้าจนพลังมิติรุนแรงขึ้น เย่เฟิงรู้สึกว่าร่างกายตนถูกโอบล้อมไปด้วยพลังมิติมหาศาล กระทั่งรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย
จากนั้นฉินเจิ้นถิงส่งสัญญาณ ก่อนทั้งสองคนจะเข้าสู่พื้นที่ว่างนั้นพร้อมกัน
เมื่อเขาเห็นภาพตรงหน้าก็พบว่าตัวเองมาปรากฏตัวในอีกมิติหนึ่ง ที่นี่ดูเหมือนจะเป็ห้องโถงขนาดใหญ่ รอบเต็มไปด้วยชั้นหนังสือ บนชั้นหนังสือก็ดูเหมือนจะเป็พวกเคล็ดวิชาที่แตกต่างกัน มิหนำซ้ำยังต่างจากหอวิชาที่เย่เฟิงเคยเห็นก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
การจัดหมวดหมู่หนังสือก็ต่างกัน และที่นี่ไม่มีผู้ใดอยู่แม้แต่คนเดียว มีเพียงเขาเย่เฟิงและฉินเจิ้นถิงเท่านั้น
“ผู้าุโฉิน ที่นี่คือที่ไหนหรือ?” เย่เฟิงเอ่ยถาม
“ชั้นที่ 4 ของหอวิชา” ฉินเจิ้นถิงตอบกลับ
“อะไรนะ?”
เย่เฟิงต้องใ เขาไม่คิดว่าฉินเจิ้นถิงจะพาเขามายังชั้นที่ 4 ของหอวิชา ก่อนหน้านี้เฒ่าจิงผู้เฝ้าหอวิชาเคยบอกเขาว่า มีเพียงระดับเ้าสำนักและหัวหน้าพรรคจึงจะเข้าถึงชั้นที่ 4 ของหอวิชาได้
เย่เฟิงไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฉินเจิ้นถิงถึงพาเขามาที่นี่
“ไม่มีอะไรให้ต้องแปลกใจ ที่นี่คือชั้นที่ 4 ของหอวิชาจริง ๆ ผู้ได้อันดับที่ 1 ของงานประลองสำนักยุทธ์ในทุกปีจะได้สิทธิ์เข้าถึงชั้นที่ 4 เ้าก็เช่นกัน” ฉินเจิ้นถิงกล่าว
ดวงตาของเย่เฟิงวาบประกายแสง “ถ้าเช่นนั้นตู๋กูหลงก็เคยมาที่นี่หรือขอรับ?”
“ใช่ เขาเคยมาที่นี่เมื่อปีก่อน แต่กลับไม่รู้ว่า้าสิ่งใด” ฉินเจิ้นถิงพยักหน้าพร้อมเผยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย
“แต่ปีนี้เ้าก็ลองดูแล้วกัน” ฉินเจิ้นถิงกล่าวพลางมองหน้าเย่เฟิง
“หอวิชาชั้นที่ 4 มีอะไรอยู่หรือขอรับ?” เย่เฟิงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ต้องประสบด้วยตัวเองเ้าถึงจะรู้”
ฉินเจิ้นถิงยิ้มจาง ๆ จากนั้นเขาชี้นิ้วไปที่ผนังด้านหนึ่ง พร้อมกล่าวว่า “ตรงนั้นมีประตูอยู่สามบาน เ้าเข้าประตูบานแรกก่อน มีเวลาแค่สามวันเท่านั้น หากครบสามวันแล้วเ้าได้ในสิ่งที่้าในประตูบานนั้น ประตูบานที่สองจะเปิดออกเอง”
เย่เฟิงหันไปมองทางนั้น เป็ไปตามที่ฉินเจิ้นถิงบอก ผนังด้านนั้นมีประตูที่มีพลังประหลาดแผ่ออกมาอยู่สามบาน ช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก
“ผู้าุโฉินบอกได้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และจะได้รับสิ่งใด ถ้าข้าเข้าประตูบานแรกได้อย่างราบรื่น?”
จู่ ๆ เย่เฟิงก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย มีเพียงผู้ได้อันดับที่ 1 ของงานประลองในทุกปีจะมีสิทธิ์เข้าประตูสามบานนี้ และในนั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ในความคิดเขา พร์ของตู๋กูหลงเรียกได้ว่าเหนือธรรมชาติ แต่กลับไม่ได้อะไรเลยจากข้างในประตูบานนั้นเลย เห็นได้ชัดว่าประตูสามบานนี้ไม่ธรรมดา
“ตอนนี้ยังไม่สะดวกที่จะเปิดเผย แต่เ้าต้องพยายามให้เต็มที่” ฉินเจิ้นถิงไม่ได้ตอบคำถามของเย่เฟิงตรง ๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เย่เฟิงพยักหน้า จากนั้นพูดต่อว่า “เช่นนั้นข้าขอตัวเข้าไปก่อน”
เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงหมุนตัวเดินไปยังประตูบานแรก
“ครืน!”
ผนังสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนประตูหินจะค่อย ๆ เปิดออก พลันแสงเจิดจ้าส่องประกายออกมาจากในประตูหิน พร้อมกับพลังประหลาดเข้าปกคลุมร่างเย่เฟิง
“พลังนี้แปลกพิลึกยิ่ง!”
เย่เฟิงกะพริบตาปริบ ๆ พลางพึมพำในใจ
ด้วยพลังที่ห่อหุ้มร่างกายนั่น เขารู้สึกสบายตัวขึ้น รูขุมขนรอบตัวเหมือนหายใจได้ มันช่างสดชื่นยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ การบ่มเพาะของเย่เฟิงก็ก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง
เมื่อประตูหินเปิดเต็มบาน พลังประหลาดที่รุนแรงยิ่งกว่าก็พวยพุ่งออกมา ราวกับเข้าปกคลุมทั่วพื้นที่
จากนั้นเย่เฟิงเดินเข้าไปข้างในประตูหิน เพียงพริบตาเย่เฟิงรู้สึกว่าวิสัยทัศน์รอบตัวเปลี่ยนไป กลายเป็พื้นที่กว้างขวางไร้ซึ่งผู้คน กระทั่งไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
ท้องฟ้าและผืนดินมากันจนเกิดประกายแวววาว ประหนึ่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังสูงสุด
เย่เฟิงจมอยู่ท่ามกลางมิตินี้ และรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังนั้นแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก
“ประตูทั้งสามบาน ในนั้นซ่อนมิติอื่น ๆ อยู่ ดูท่าที่นี่อาจคุ้มค่าแก่การสำรวจกว่าที่ข้าคิดไว้!”
เย่เฟิงคิดในใจขณะมองภาพที่ปรากฏตรงหน้า
แทนที่จะเดินไปข้างหน้า แต่เขาไขว้ขานั่งลงขัดสมาธิ หลับตาเรียนรู้ท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี ให้ตัวเองหลอมรวมเป็หนึ่งกับมิตินี้ เมื่อมิตินี้ไม่ได้ขับไล่ เขาจึงเริ่มขุดค้นความลับในมิติแห่งนี้
ไม่นานนักเย่เฟิงก็หลอมรวมกับมิติแห่งนี้อย่างช้า ๆ เขาดูเหมือนจะฝันไปอย่างยาวนาน ฝันนั้นราวกับเป็พยานในชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งและัักับความลำบากของชีวิต
ในความฝัน เย่เฟิงคือคุณชายของตระกูลหนึ่ง ได้รับความโปรดปรานและการอบรมสั่งสอนที่ดีจากตระกูลั้แ่เยาว์วัย แต่เพราะหนึ่งในพร์ของเย่เฟิงทำให้บิดาตนต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่บิดาของเขารักใคร่เอ็นดู ไม่ว่าเขาจะเป็อย่างไร บิดาเขาก็รักเขามาก และไม่ลังเลที่จะใช้ทรัพยากรที่ดีที่สุดของตระกูลเพื่อเขา แม้บรรดาบุคคลระดับสูงของตระกูลจะคัดค้านก็ตาม
ทว่าสุดท้ายแล้วเย่เฟิงก็ทำให้บิดาและบุคคลระดับสูงของตระกูลต้องผิดหวัง อัตราการเติบโตของเขาช้ากว่าที่คาดไว้มาก
จากสาเหตุนี้ทำให้คนในตระกูลบางส่วนเริ่มคิดฉวยโอกาสนี้หักหลังเย่เฟิงและบิดาเขา กระทั่งวางแผนจัดการเขาพ่อลูก
เมื่อบิดาเย่เฟิงรู้เื่นี้จึงโกรธเป็อย่างมาก จากนั้นเขาตามคนเ่าั้ และเกิดการปะทะจนแตกคอกัน
เมื่อเวลาผ่านไป คนเ่าั้ที่เกลียดชังเย่เฟิงพ่อลูกก็กำเริบเสิบสานมากขึ้น จนเริ่มกระทำการอย่างโจ่งแจ้ง
เพียงไม่นานทั้งสองฝ่ายมาถึงจุดที่อยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้ ศึกปะทะจึงปะทุขึ้น เย่เฟิงเห็นบิดาตนใช้พลังเฮือกสุดท้ายส่งเขาไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อปกป้องเขายันวินาทีสุดท้ายของชีวิต และเย่เฟิงที่อยู่ภายในค่ายกลยังเห็นบิดาถูกฆ่าด้วยวิธีโเี้!
