ภายในรถม้าคันใหญ่ของตระกูลฟู่คนหนึ่งนั่งมองนิ่ง ๆ แต่อีกคนกลับนั่งขยุกขยิกด้วยความดีใจที่จะได้เดินเที่ยวตามร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งมีหลายร้านที่อวี้จิ่นสนใจแม้แต่ตลาดยามเช้านางก็อยากไป เพื่อดูว่าจะมีผักที่คล้ายกับโลกที่จากมาหรือไม่แม้มิติตลาดคลอบจักรวาลจะมีของอยู่มากมายให้เลือกใช้ได้ก็ตาม อวี้จิ่นคิดว่าต้องรออีกสักพักนางจะค่อย ๆ บอกให้คนในครอบครัวได้รู้เื่ของมิตินี้
จนรถม้าผ่านเข้ามาในเขตที่เป็ร้านค้าฟู่หลงเหยียนจึงได้สั่งให้หยุดรถ เพราะเขาจะพาอวี้จิ่นลงเดินั้แ่มุมนี้เป็ต้นไป โดยให้อู๋จิ้งประจำอยู่ที่รถม้าส่วนเฉินอิ่นกับตงลู่คอยติดตามทั้งสองคน ฟู่หลงเหยียนรับอวี้จิ่นลงจากรถม้าได้นางก็เริ่มเดินดูสิ่งของที่วางขายทันที ทั้งร้านแผงลอยที่มีสินค้าแปลก ๆ หรือจะเป็สมุนไพรที่นางรู้จักก็มีวางขาย
ฟู่หลงเหยียนคอยเดินอยู่ข้าง ๆ เพื่อตอบคำถามของอวี้จิ่น ที่มีคำถามไม่สิ้นสุดแต่ทั้งสองคนยังไม่รู้ตัวว่ามีสายตาคู่หนึ่ง ที่มองอวี้จิ่นดั่ง้าฉีกร่างของนางเป็ชิ้น ๆ
เหมาซูเจียวคุณหนูใหญ่แห่งจวนเสนาบดีกรมพิธีการ นางหลงรักฟู่หลงเหยียนั้แ่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นเมื่อสี่ปีที่ผ่านมา แค่นางเห็นเขาเดินเคียงคู่กับอดีตคนรักอย่างพระชายาเซียงก็รู้สึกอิจฉา และ้าให้เป็ตนเองที่ได้ไปยืนอยู่ตรงนั้นแทน ซึ่งเมื่อรู้ข่าวว่าฟู่หลงเหยียนกลับมาจากภารกิจนางจึงออกจากจวนแต่เช้าเพื่อดักรอพบบุรุษในดวงใจ
แต่ภาพที่นางได้เห็นในตอนนี้ทำให้จิตใต้สำนึกของความอิจฉาริษยากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง นางเกลียดอวี้จิ่นในทันทีแม้แต่สาวใช้คนสนิทก็ยังนิสัยเหมือนเ้านายคอยพูดยุแยงตลอดเวลา เหมาซูเจียวยืนมองทั้งสองเดินไปด้วยกันจนกระทั่งเห็นว่าอวี้จิ่นเข้าไปที่ร้านเครื่องประดับ โดยที่ฟู่หลงเหยียนหยุดพูดคุยกับเ้าหน้าที่จากทางการอยู่หน้าบันได เหมาซูเจียวจึงรีบเดินไปที่ร้านนั้นเพื่อ้าสั่งสอนอวี้จิ่น ว่าอย่าได้มายุ่งกับฟู่หลงเหยียนที่นางหมายปองอีก
“เถ้าแก่เ้าคะปิ่นปักผมที่ทำจากหยกและทองคำชิ้นนั้นเถ้าแก่ขายในราคาเท่าใดหรือเ้าคะ ข้าเห็นแล้วชอบมันมากจึงอยากซื้อไปฝากท่านแม่น่ะเ้าค่ะ เถ้าแก่พอจะหยิบมาให้ดูสักหน่อยได้หรือไม่” อวี้จิ่นเข้ามาถึงด้านในร้านก็ถูกใจปิ่นปักผมที่ดูมีราคาหลายสิบตำลึงทองเข้าให้
“โอ้ว คุณหนูท่านนี้ช่างนี้ตาถึงยิ่งนักปิ่นปักผมชิ้นนี้เพิ่งทำขายครั้งแรกเชียวนะ ร้านอื่นยังไม่มีลายคล้ายแบบของร้านข้าอย่างแน่นอน ราคาของมันก็ไม่มากไม่น้อยแค่ยี่สิบตำลึงทองเท่านั้นขอรับ” เถ้าแก่เห็นท่าทางซื่อ ๆ ของอวี้จิ่นที่มีใจอยากจะซื้อปิ่นปักผมไปฝากมารดาก็รู้สึกเอ็นดูนาง
อวี้จิ่นรับปิ่นปักผมชิ้นนั้นมาถืออย่างเบามือเพราะเกรงว่าจะทำมันพังเสียก่อน นางค่อย ๆ พลิกดูการเข้ารูปและรายละเอียดการเก็บงานทุกมุม
“ว้าวว เถ้าแก่นายช่างของร้านท่านฝีมือดีมากจริง ๆ เ้าค่ะ”
“ขอบคุณคุณหนูที่ชมเครื่องประดับในร้านทุกชิ้น นายช่างของเราทำมันอย่างประณีตเนื่องจากลูกค้าซื้อไปใช้ประดับบนร่างกาย จึงต้องระวังเื่การเก็บรายละเอียดต่าง ๆ เป็อย่างดีขอรับ”
“สวยและเหมาะสมกับราคาเช่นนั้นข้าอะ...”
อวี้จิ่นยังพูดไม่ทันจบปิ่นปักผมที่อยู่ในมือกลับมีสตรีอีกคน คิดจะดึงมันออกไปให้ได้แต่มีหรือที่อวี้จิ่นจะยอมปล่อยง่าย ๆ เป็เพราะสตรีแปลกหน้าคนนี้คิดจะแย่งไปให้ได้นางจึงใช้มืออีกข้าง เพื่อแกะมือของอวี้จิ่นออกนั่นถึงได้ทำให้รู้ว่าสตรีคนนี้้าจะทำสิ่งใด
เมื่อรู้แผนการของเหมาซูเจียวว่านางจะแกล้งล้มเมื่อฟู่หลงเหยียนเดินเข้ามา และใส่ร้ายว่าอวี้จิ่นเป็คนทำร้ายนางเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่คนอย่างอวี้จิ่นจะยอมให้แม่ดอกบัวขาวแห่งเมืองหลวงได้ใจรึ
‘หึ เ้าคิดว่าข้าเล่นงิ้วเรียกร้องความสนใจจากบุรุษไม่เป็รึ แล้วเ้าจะได้รู้ว่าบุรุษที่เ้าหลงรักจะทำอย่างไรเมื่อเห็นข้าต้องาเ็ ฮ่า ๆ ๆ’
“ปิ่นปักผมชิ้นนี้ข้า้าซื้อมันหมี่ลั่วจ่ายเงินให้เถ้าแก่ ส่วนเ้ารีบปล่อยมือออกจากปิ่นปักผมได้แล้ว” เหมาซูเจียวสั่งสาวใช้ให้รีบจ่ายเงิน
“เอ่อ คุณหนูเหมา ปิ่นปักผมชิ้นนี้มีเ้าของแล้วนะขอรับ ท่านลองเลือกดูชิ้นอื่นดีหรือไม่ข้าจะพาท่านไปดูเอง” เถ้าแก่ไม่คิดว่าคุณหนูเหมาจะเป็สตรีหน้าด้านเช่นนี้
“ของที่ข้า้าเ้ากล้าไม่ขายให้ข้างั้นหรือเถ้าแก่”
“นี่ท่านเป็ใครเหตุใดถึงได้ทำนิสัยอันธพาลเช่นนี้ แต่งตัวก็ดูมีฐานะหน้าตาก็งดงามแต่นิสัยกับหน้าตาใยตรงกันข้ามนักเล่า” อวี้จิ่นยังไม่ยอมปล่อยมือเพราะนางคอยฟู่หลงเหยียนอยู่ว่าเขาจะเดินมาเมื่อใด
“บังอาจ!! เ้ากล้าใช้วาจาเช่นนี้กับคุณหนูใหญ่บุตรสาวของท่านเสนาบดีกรมพิธีการได้อย่างไร คุกเข่าแล้วรีบกล่าวขอโทษคุณหนูของข้าเดี๋ยวนี้นะ” หมี่ลั่วรีบอวดอ้างบารมีบิดาของเหมาซูเจียว
“อ้อ ที่แท้ก็เป็บุตรสาวขุนนางใหญ่หรอกรึ ในเมืองหลวงมีเพียงบิดาเ้าที่ยิ่งใหญ่จนผู้อื่นต้องก้มหัวให้หรือไร มิใช่ว่าทุกคนต้องก้มหัวให้กับฮ่องเต้ผู้ปกครองแคว้นจ้าวแห่งนี้หรือ ช่างเป็แมวที่อวดอ้างบารมีเสือจริง ๆ ไร้ยางอาย” อวี้จิ่นจะยอมให้สาวใช้มาสั่งให้คุกเข่าได้อย่างไร
“มันจะมากไปแล้วนะเ้ากล้าว่าข้าไร้ยางอายเชียวรึนังเด็กเมื่อวานซืน เ้ากล้าดีอย่างไรมาเดินเคียงข้างคุณชายฟู่ของข้าน่ะ ห๊า!! หัดเจียมตัวเอาไว้เสียบ้างถึงเ้าจะแต่งตัวใส่เสื้อผ้าราคาแพง แต่ฐานะของข้าเหมาะสมและคู่ควรกับคุณชายฟู่มากกว่าหลายเท่า” ในที่สุดเหมาซูเจียวก็พูดเื่ที่เกี่ยวกับการกระทำของนางออกมาเสียที
อวี้จิ่นที่ยังยื้อยุดปิ่นปักผมกับเหมาซูเจียวไม่ยอมให้ไปง่าย ๆ จนกระทั่งหางตาของนางเห็นว่าฟู่หลงเหยียนกำลังเดินขึ้นมาแล้ว จึงฉวยโอกาสที่เหมาซูเจียวออกแรงดึงปล่อยมือทันที แต่ด้านที่นางจับเอาไว้เป็กลีบดอกไม้จึงมีความคมนางจึงเจ็บจริงจากการเล่นงิ้วแม่ดอกบัวขาวนางนี้ และนั่นมันยิ่งทำให้ฟู่หลงเหยียนโกรธเกรี้ยวเป็อย่างมาก
“ปล่อยมือสกปรกของเ้าได้แล้วนังเด็กบ้า!!”
“โอ๊ย!! มือข้า” อวี้จิ่นร้องเสียงดังเพราะเล่นจริงเจ็บจริง
“จิ่นเอ๋อร์!! เ้าเป็อันใดร้องเสียงดังเช่นนี้เกิดอะไรขึ้นบอกพี่มาเร็วเข้า” ฟู่หลงเหยียนได้ยินเสียงร้องของอวี้จิ่นก็สาวเท้ายาว ๆ เข้ามาถึงตัวนางทันที
“คุณชายฟะ....” เหมาซูเจียวใจนยืนอึ้งอยู่กับที่ไปแล้ว
“ฮือ ๆ พี่ชายฟู่จิ่นเอ๋อร์เจ็บเ้าค่ะมีเืออกเยอะมากด้วย ฮึก จิ่นเอ๋อร์แค่จะซื้อปิ่นปักผมไปฝากท่านแม่เท่านั้นเอง ตะ แต่พี่สาวคนนี้ก็มาแย่งมันไปจากมือของจิ่นเอ๋อร์เ้าค่ะ ฮือ ๆ ๆ จิ่นเอ๋อร์จะกลับบ้านและจะไปฟ้องท่านพ่อกับพี่ใหญ่ด้วย ฮึก ว่ามีคนมารังแกจิ่นเอ๋อร์จนาเ็เช่นนี้เ้าค่ะ พี่ชายฟู่จิ่นเอ๋อร์ไม่อยากเดินเที่ยวแล้วเ้าค่ะ ฮือ ๆ ๆ” ถึงจะเจ็บจริงแต่มันก็ไม่ได้มากถึงเพียงนั้น เสียงร้องไห้พร้อมหยดน้ำตาน่ะหรือนางเจ็บเพราะหยิกตัวเองต่างหาก
“ขวับ!! เ้าทำไมต้องแย่งของที่นางเลือกซื้อไปแล้ว ตอบ!!!”
“ขะ ขะ ข้าไม่ได้ทำนะเ้าคะคุณชายฟู่นางทำตนเองต่างหาก” เหมาซูเจียวเห็นท่าทางโมโหของฟู่หลงเหยียนก็เริ่มกลัว
“ทำตนเองงั้นหรือหากเ้าไม่ยื้อแย่งของในมือนาง นางจะาเ็จนเืตกยางออกเช่นนั้นได้อย่างไร ห๊า!!” ฟู่หลงเหยียนโมโหจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดแล้วในตอนนี้ เขารับปากกับบิดาของอวี้จิ่นไว้ว่าจะดูแลนางเป็อย่างดี แต่นี่นางกลับต้องมาาเ็ถึงกับได้เืเชียวนะ
“คุณหนูเจียงเจ็บมากหรือไม่ขอรับขอบ่าวดูแผลสักนิดเถิด เถ้าแก่รบกวนท่านช่วยไปตามหมอมาที่นี่โดยด่วน เพราะเืยังไม่ยอมหยุดไหลต้องรีบทำแผลให้คุณหนูเจียงก่อน” เฉินอิ่นรีบเข้าไปคุกเข่าเพื่อขอดูแผลบนฝ่ามือของอวี้จิ่น
“ดะ ดะ ได้ ๆ ๆ ข้าจะรีบไปตามท่านหมอมาให้เดี๋ยวนี้เลยรอไม่นาน ๆ”
“ฮึก ๆ พี่ชายฟู่พี่สาวคนนี้นางบอกว่าไม่ให้จิ่นเอ๋อร์ยุ่งกับท่านอีก เพราะฐานะของนางที่เป็บุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการ เหมาะสมที่จะเดินเคียงข้างท่านมากกว่าหลายเท่าเ้าค่ะ ฮึก ๆ แล้วสาวใช้คนนั้นก็สั่งให้จิ่นเอ๋อร์คุกเข่าเพื่อขอโทษพี่สาวด้วย ฮึก ๆ ๆ”
‘ฮึ ให้มันรู้ซะบ้างว่าแค่เล่นงิ้วให้ผู้ชายดูใคร ๆ ก็ทำได้ย่ะ เชอะ’
“ตึก ตึก ตึก เป็แค่สาวใช้เ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาสั่งให้บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่คุกเข่าขอโทษเ้านายของเ้า คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ข้าสั่งให้เ้าคุกเข่าและโขกหัวขอโทษคุณหนูเจียงเดี๋ยวนี้!!” ฟู่หลงเหยียนเดินไปหาหมี่ลั่วด้วยหน้าตาถมึงทึง และสั่งให้นางคุกเข่าพร้อมโขกหัวให้กับอวี้จิ่น
“คะ คะ คุณหนูช่วยบ่าวด้วยเ้าค่ะ” หมี่ลั่วรีบหลบอยู่หลังเหมาซูเจียวทันที
“เอ่อ คุณชายฟู่ท่านอย่าไปเชื่อนางนะเ้าคะ เพราะนางกำลังแกล้งเจ็บเพื่อเรียกร้องความสนใจจากท่านนะเ้าคะ” เหมาซูเจียวไม่คิดว่ายิ่งนางพูดให้ร้ายอวี้จิ่นมากเท่าไหร่ฟู่หลงเหยียนยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก
“หุบปากของเ้าซะ!! เ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าคนที่กำลังคิดจะใช้มารยา เพื่อเรียกร้องความสนใจจากข้าคือเ้า คุณหนูเหมาเ้าอย่าได้คิดใส่ร้ายป้ายสีจิ่นเอ๋อร์ของข้าเป็อันขาด ในเมื่อเ้าคิดปกป้องสาวใช้นางนั้นไม่ยอมให้นางคุกเข่า ก็ดีข้าจะรอดูว่าวันนี้นางจะมีชีวิตรอดกลับไปรับใช้เ้าต่อหรือจะต้องตายจากการถูกลงโทษจากศาลต้าหลี่ ตงลู่เ้ากลับไปที่จวนแม่ทัพใหญ่เจียงซือกุ่ยอีกครั้ง และรายงานไปว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวที่เพิ่งกลับมาถึงจวน ถูกบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการข่มขู่และทำร้ายร่างกายจนได้รับาเ็ ให้แม่ทัพใหญ่ตามไปที่ศาลต้าหลี่เนื่องจากข้าจะพาจิ่นเอ๋อร์ไปร้องทุกข์ที่นั่น ส่วนพยานคนสำคัญก็คือเถ้าแก่เ้าของร้านเครื่องประดับแห่งนี้ รบกวนท่านตามไปเป็พยานให้กับคุณหนูเจียงด้วยก็แล้วกัน” ฟู่หลงเหยียนพูดด้วยเสียงที่ดังพอสมควรจนคนที่อยู่ด้านนอกร้านยังได้ยินอย่างชัดเจน
“ขอรับใต้เท้าฟู่” แต่ก่อนที่จะไปเป็พยานเถ้าแก่ต้องรอปิดร้านเสียก่อน เพราะยามนี้ทุกคนยังอยู่ในร้านของเขานั่นเอง
“ทะ ทะ ท่านว่าอะไรนะจะพานางไปร้องทุกข์ที่ศาลต้าหลี่ ละ ละ แล้วนางยังเป็บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ด้วยงั้นหรือ” เหมาซูเจียวเริ่มหน้าถอดสีเมื่อเห็นว่าฟู่หลงเหยียนทำจริงอย่างพูด และยิ่งใเมื่อได้ยินว่าอวิ้จิ่นคือบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ หากบิดาของนางรู้เข้าครั้งนี้น้องสาวคนอื่น ๆ คงพากันมาพูดจาทับถมนางแน่
“คะ คะ คุณหนูพวกเราจะทำเช่นไรดีเ้าคะหากเื่ไปถึงศาลต้าหลี่ เื่นี้ย่อมไปถึงหูของนายท่านและทุกคนในจวน คุณหนูพวกเราลองขอร้องใต้เท้าฟู่อีกสักครั้งดีหรือไม่เ้าคะ” หมี่ลั่วที่หลบอยู่หลังเหมาซูเจียวอยากให้นางลองขอร้องฟู่หลงเหยียนดี ๆ อีกครั้ง
เหมาซูเจียวยังนิ่งอึ้งคิดอะไรไม่ออกเอาแต่มองภาพตรงหน้า ที่ฟู่หลงเหยียนคอยดูแลอวี้จิ่นขณะกำลังทำแผลใส่ยา จากท่านหมอที่เถ้าแก่ของร้านไปตามมาจากโรงหมอใกล้ ๆ เสื้อผ้าของอวี้จิ่นมีคราบเืเป็บางส่วนยิ่งเห็นฟู่หลงเหยียนก็รู้สึกปวดใจนัก
“เฉินอิ่นไปบอกอู๋จิ้งให้นำรถม้ามาที่นี่เดี๋ยวนี้ ประเดี๋ยวท่านหมอทำแผลให้จิ่นเอ๋อร์เสร็จข้าจะพานางไปศาลต้าหลี่ทันที”
“ขอรับนายน้อย”
“เจ็บมากหรือไม่จิ่นเอ๋อร์พี่ขอโทษนะที่ดูแลเ้าไม่ดี หากท่านลุงจะลงโทษพี่ยินดีรับโทษทุกอย่าง” ฟู่หลงเหยียนประคองมือบางที่กำลังถูกพันแผลเบา ๆ เพราะกลัวว่าจะกระเทือนแผลยิ่งทำให้อวี้จิ่นเจ็บมากขึ้น
“พี่ชายฟู่อย่าพูดเช่นนั้นเลยเ้าค่ะท่านไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย และข้าเองก็ไม่ได้ไปหาเื่ผู้ใดก่อนแต่กลับเป็ผู้อื่นที่จงใจเข้ามาหาเื่ และทำให้ข้าต้องาเ็เช่นนี้ ท่านพ่อไม่โทษพี่ชายฟู่หรอกเ้าค่ะ หากท่านพ่อโทษท่านข้าจะไม่ทำอาหารอร่อยให้ท่านพ่อทานแต่คนอื่นจะได้ทานแทนเ้าค่ะ” อวี้จิ่นไม่อยากให้ฟู่หลงเหยียนต้องคิดมากว่า
เป็เพราะเขาปล่อยให้นางอยู่ลำพัง
“คะ คะ คุณชายฟู่ตอนนี้นางก็ไม่เป็อะไรมากท่านหมอก็ทำแผลให้นางเสร็จแล้ว ท่านก็อย่าทำเื่เล็ก ๆ อย่างการทะเลาะกันของสตรีให้เป็เื่ใหญ่เลยนะเ้าคะ ข้าจะให้หมี่ลั่วคุกเข่าขอโทษนางอย่างที่ท่าน้าเป็อย่างไรจะ...” เหมาซูเจียวไม่้าให้เื่ไปถึงศาลต้าหลี่
“เื่เล็กบ้านเ้าสิ!! และข้าไม่้าให้สาวใช้ของเ้ามาคุกเข่าขอโทษจิ่นเอ๋อร์ของข้า เพราะมันสายเกินไปที่นางจะทำเช่นนั้นอย่างเดียวที่นางจะได้รับคือโทษทัณฑ์ ที่จะตัดสินโดยศาลต้าหลี่และสาวใช้ของเ้าต้องตายอยู่นั่น” ฟู่หลงเหยียนยิ่งได้ยินเหมาซูเจียวพูดความโมโหยิ่งไม่ลดน้อยลง
“นายน้อยคุณหนูเจียงเป็อย่างไรบ้างขอรับ บ่าวนำรถม้ามารออยู่ด้านหน้าร้านเครื่องประดับแล้ว นายน้อยจะพาคุณหนูเจียงไปยังศาลต้าหลี่เลยหรือไม่ขอรับ” อู๋จิ้งที่ได้รู้เื่ราวที่เกิดกับอวี้จิ่นจากสหายก็รู้สึกเป็ห่วงนางไม่น้อย และโกรธเหมาซูเจียวมากเช่นกันที่นางกลั่นแกล้งจนอวี้จิ่นาเ็
“น้าอู๋จิ้งท่านหมอทำแผลให้ข้าแล้วเ้าค่ะ แค่เริ่มระบมที่แผลนิดหน่อยแต่ยังทนได้ขอบคุณน้าอู๋จิ้งที่เป็ห่วงนะเ้าคะ”
“ข้าจะพาจิ่นเอ๋อร์ไปที่ศาลตาหลี่เดี๋ยวนี้ ท่านหมอรบกวนท่านต้มยาไว้ให้นางสักหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะให้คนตามไปรับที่โรงหมอหากนางไม่ดื่มยาทันทีเกรงว่าจะมีไข้ระหว่างไต่สวนคดีในศาลเอาได้น่ะ”
“ใต้เท้าฟู่โปรดวางใจข้าจะเตรียมไว้ให้คุณหนูด้วยตนเอง และให้คนของท่านไปรับที่โรงหมอของข้าได้เลยขอรับ” ท่านหมอก็มีความเห็นเช่นเดียวกับฟู่หลงเหยียน
“ขอบคุณท่านหมอ พรึ่บ! พวกเราไปที่ศาลต้าหลี่กันเถิดจิ่นเอ๋อร์ วันนี้คนที่ทำเ้าาเ็ต้องถูกลงโทษไม่ต้องกลัว”
“อื้ม ข้าย่อมอยากเห็นเช่นกันเ้าค่ะไปกันเล้ยยยย” แม้จะปวดแผลแต่อวี้จิ่นย่อมรอดูเหมาซูเจียวถูกลงโทษ
พอฟู่หลงเหยียนอุ้มอวี้จิ่นเดินผ่านเหมาซูเจียวไปแล้ว เฉินอิ่นกับอู๋จิ้งที่เดินตามหลังเ้านายของตนก็หันไปพูดเบา ๆ แค่ให้นางได้ยินเพียงคนเดียวเท่านั้น
‘สตรีน่ารังเกียจเ้ารอกลายเป็สาวเทื้อได้เลย หึ ๆ ๆ’
‘เตรียมตัวรอรับโทษไว้เถิดบิดาของเ้าก็ช่วยเ้าไม่ได้ ฮึ’
เมื่อพูดจบทั้งสองคนก็รีบเดินตามฟู่หลงเหยียนไปถึงรถม้า พวกเขาไม่สนใจว่าเหมาซูเจียวจะไปที่ศาลต้าหลี่หรือไม่ หากนางไม่ไปด้วยตนเองและหนีกลับจวนเ้าหน้าที่จากศาลต้าหลี่ ก็ไปตามตัวนางกับสาวใช้ผู้นั้นไปทำการไต่สวนได้อยู่ดี ซึ่งเื่นี้เหมาซูเจียวย่อมรู้อยู่แก่ใจไม่ว่านางจะไม่ตามไป ย่อมมีเ้าหน้าที่ไปตามนางถึงจวนสุดท้ายแล้วเื่ที่นางกระทำลงไป บิดาของนางก็ต้องรู้และตามไปที่ศาลต้าหลี่ถ้าบิดาไม่อยากอับอายขายหน้า มีทางเดียวคือต้องช่วยนางให้รอดพ้นจากความผิดที่ได้กระทำในวันนี้เท่านั้น
