"เ้า!" สีหน้าของฉีอินเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก สุดท้ายก็ข่มใจกัดฟัดกล่าวขึ้น "หนานอ๋องเป็วีรบุรุษแห่งเป่ยฉีเรา จะนำไปเปรียบกับหยกเถียนธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่งได้อย่างไร?"
"เช่นนี้ขอบังอาจถามองค์รัชทายาท" จวินหวงก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ประสานมือทำความเคารพแล้วถามด้วยเสียงเยือกเย็น "ฝ่าพระบาทยังทรง้าให้ข้าพระองค์เข้าคุกอยู่หรือไม่?"
"เ้าช่วยหนานอ๋องไว้ก็เป็ข้าราชบริพารผู้มีคุณูปการต่อเป่ยฉีเรา ตามเหตุผลควรประทานรางวัลให้หนักๆ" ฉีอินมองจวินหวงด้วยแววตาเข้มลึก แล้วสงบลงโดยฉับพลัน "ทหาร! ประทานรางวัลให้เฟิงไป๋อวี้พันตำลึงทอง แพรไหมร้อยพับ"
จวินหวงแววตาส่องประกาย ก่อนหน้านี้นางดูิ่ฉีอินไว้หลายส่วน
ที่ฉีอินหมายจะจับกุมนางก่อนหน้านี้ ด้วยบันดาลโทสะก็เป็เหตุผลด้านหนึ่ง แต่เหตุผลข้อใหญ่คือ้าแสดงอำนาจเหนือหนานสวิน แต่ต่อมาตนเองถามคำถามกดดันอย่างหนัก ฉีอินวุ่นวายใจเพียงแค่ชั่วพริบตา แล้วก็เลือกทางที่ให้ประโยชน์มากที่สุดพลิกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เขานั่งตำแหน่งรัชทายาทได้ ย่อมมีกลเม็ดเด็ดพรายอยู่หลายส่วน
จวินหวงไม่สาวความต่ออีก ประสานมือโค้งกายคารวะ "ขอบพระทัยองค์รัชทายาท"
พอส่งรัชทายาทกลับแล้ว จวินหวงก็ใคร่ครวญอยู่ว่าจะหาทางอำลาหนานสวินอย่างไร
ก่อนหน้านางมาเป่ยฉีก็เพื่อล่มแคว้นตงอู๋ชำระหนี้แค้นให้กับซีเชว่ การมาครั้งนี้ย่อมเต็มไปด้วยอันตรายและขวากหนามนับหมื่นส่วน หนานสวินแม้จะมีอำนาจยิ่งใหญ่ในเป่ยฉี แต่กลับสร้างศัตรูอยู่ทุกหนแห่ง หากนางรั้งอยู่ที่จวนหนานอ๋อง จะต้องนำพาปัญหามาสู่หนานสวินไม่จบไม่สิ้น
"มีธุระ?" หนานสวินมองออกว่าจวินหวงมีวาจาจะเอ่ยแต่กลับนิ่งเงียบ จึงถามขึ้นเรียบๆ
องค์หญิงซีเชว่มิใช่ธรรมดาเลยจริงๆ อาศัยคำพูดเล็กน้อยเพียงไม่กี่คำก็สามารถหยุดยั้งรัชทายาทได้ หนานสวินคงต้องปรับเปลี่ยนภาพประทับในใจที่มีต่อจวินหวงใหม่อีกครั้ง
"เมื่อครู่ ขอบคุณท่านมาก" จวินหวงกล่าว
หนานสวินมีสถานภาพเป็ถึงหนานอ๋อง แต่แสดงท่าทีต่อต้านรัชทายาทอย่างโจ่งแจ้งเพื่อสามัญชนคนหนึ่งเช่นนาง นางจึงขอบคุณหนานสวินที่ช่วยปกป้องนางเมื่อครู่
"ไม่เป็ไร" หนานสวินส่ายศีรษะ
สิ่งที่ควรพูดอย่างไรก็ต้องพูด จวินหวงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะกล่าว "ในเมื่อมาถึงเป่ยฉีแล้ว ไป๋อวี้ไม่กล้ารบกวนมากไปกว่านี้ ดังนั้นวันนี้จึงต้องขออำลาไปก่อน..."
"ได้!" หนานสวินตอบ
"เดิมทีข้ามาเป่ยฉีก็เพื่อ... อะไรนะ ท่านบอกว่าได้งั้นหรือ?" จวินหวงกล่าวไปได้ครึ่งเดียว ก็เพิ่งจะรู้สึกตอบสนองกับคำตกลงของหนานสวิน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
"ข้ารู้ว่าคุณชายเฟิงเป็ผู้มีความสามารถ ย่อมไม่อาจรั้งอยู่ในจวนหนานอ๋องนานๆ ได้ เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าคุณชายเฟิงเพิ่งจะพักอยู่เพียงคืนเดียวก็มาบอกลาเสียแล้ว" หนานสวินชี้แจงด้วยความอดกลั้น
"อ้อ อย่างนี้นี่เอง..." จวินหวงตอบรับโง่ๆ ไปประโยคหนึ่ง แต่ในใจกลับรู้สึกหดหู่แปลกๆ อยู่เล็กน้อย
เดิมทีนางนึกว่าเมื่อนางเอ่ยคำอำลา หนานสวินจะต้องรั้งให้นางอยู่ต่อ ในตอนแรกนางคิดไปสารพัดเหตุผล ความคิดตีกันยุ่งอยู่นานว่าควรจะพูดอย่างไร ผลสุดท้าย... ผลสุดท้ายคนอื่นก็ช่วยนางคิดหาเหตุผลเรียบร้อยแล้ว!
หนานสวินเห็นท่าทางจิตตกของจวินหวง ริมฝีปากก็หยักยกเป็รอยยิ้มบางเบาสายหนึ่งโดยมิได้ตั้งใจ "ขอเพียงยังไม่ตายจากกันไป หากเ้ามีอุปสรรคอันใด ก็มาหาข้าที่จวนหนานอ๋องได้ทุกเมื่อ"
เพียงแค่คำพูดนี้ หัวใจของจวินหวงก็รู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด หลังจากรอเขาแสดงท่าทีกลับมา ก็ไม่รู้สึกอึดอัดอีกแล้ว แม้แต่นางเองก็ไม่เข้าใจว่าตนเองเป็อะไรกันแน่ จึงรีบเอ่ยตอบรับ "ขอบคุณขอรับ" แล้วก็เผ่นแน่บออกไปอย่างเร่งร้อนราวกับจวนหนานอ๋องมีผีไล่ตามนางอยู่ก็ไม่ปาน
หนานสวินใช้สายตาส่งจินหวงจนนางออกนอกประตูจวนลับตาไป รอยยิ้มบนริมฝีปากค่อยๆ เลือนหายไป
"อู๋ฉิง อู๋ซวง!" เขาออกคำสั่งเสียงทุ้มต่ำ
"นายท่าน" ร่างเงาชุดดำสองคนปรากฏขึ้นด้านหลังของหนานสวินไร้สุ้มเสียง
"ติดตามนาง" หนานสวินกล่าวเสียงเย็น "หากไม่มีอันตรายถึงชีวิต ไม่ต้องปรากฏตัว"
"ขอรับ!" อู๋ฉิง อู๋ซวงตอบรับเป็เสียงเดียวกัน ก่อนจะพรางกายออกไป
หนานสวินมองทิศทางที่จวินหวงจากไปอยู่เนิ่นนาน ความรู้สึกในแววตาซับซ้อนยากจะอธิบายได้
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นในระหว่างการเดินทางมาเป่ยฉี จวินหวงได้วางแผนการไว้อย่างรอบคอบถึงสิ่งที่จะทำหลังจากมาถึงเป่ยฉี
แคว้นเป่ยฉีมีองค์ชายทั้งหมดสามพระองค์ ในสามพระองค์นี้มีเพียงรัชทายาทฉีอินกับองค์ชายรองฉีเฉินที่สามารถช่วยนางตามแผนการได้ นางพบกับรัชทายาทฉีอินแล้ว ความประทับใจที่ฝากไว้ของทั้งสองฝ่ายไม่ดีนัก ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่ตัวเลือกเดียว… องค์ชายรองฉีเฉิน
ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือ นางจะได้รับความเชื่อถือจากองค์ชายฉีเฉินอย่างไร
ั้แ่ออกจากจวนหนานอ๋องมา จวินหวงก็ขบคิดไปพลาง แล้วก็เดินเรื่อยเปื่อยไปยังจวนเฉินอ๋องของฉีเฉิน
เพียงแต่ยังไม่ทันเดินไปถึง จวินหวงมองอยู่ไกลๆ ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่มารวมตัวอยู่หน้าจวนเฉินอ๋อง
"มีคนตอบคำถามมากมายขนาดนี้ แต่กลับไม่ได้รับเลือกสักคน"
"ใช่แล้วๆ คำถามสามข้อดูเหมือนจะง่าย แต่จริงแล้วต้องอาศัยความรู้มากมายอยู่นะ"
"คนที่แก้ปัญหานี้ได้ จะต้องเป็อัจฉริยบุคคลที่พันคนจะมีเพียงหนึ่งเดียวเป็แน่"
"..."
จวินหวงฟังเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้คนที่มุงอยู่โดยรอบไว้ในหู ดวงตาทอประกายแปลบปลาบ ก้าวเท้าเร็วขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
เฉินอ๋องออกแบบทดสอบเพื่อสรรหากุนซือ นางกำลังกลัดกลุ้มว่าจะทำให้เฉินอ๋องเชื่อถือได้อย่างไรอยู่พอดี ตอนนี้กลับพบโอกาสที่ดีมากเข้าแล้ว
จวนเฉินอ๋องตั้งเวทีอยู่ด้านนอก มีแผ่นป้ายตั้งอยู่กลางเวที บนแผ่นป้ายมีหัวข้อคำถามที่เฉินอ๋องเป็ผู้ตั้งขึ้นมาจารึกไว้ ด้านข้างเวทีมีฆ้องวางอยู่ หากใครจะตอบคำถาม เพียงแค่ตีฆ้องก็จะได้สิทธิ์ตอบคำถาม
จวินหวงเข้าไปใกล้เวที จ้องไปที่หัวข้อคำถามบนแผ่นป้าย หลังจากเห็นชัดเจนแล้ว ริมฝีปากก็หยักยกเป็รอยยิ้มอย่างอดไม่ได้
คำถามสามข้อนี้แท้จริงเรียบง่าย แต่เหตุผลในคำตอบของคนก่อนหน้านี้ยังไม่เป็ที่พึงพอใจของเฉินอ๋อง อาจเป็เพราะยังไม่ได้ศึกษาความคิดจิตใจของเฉินอ๋องอย่างละเอียด
คำถามมีทั้งหมดสามคำถาม คำถามแรกสิ่งใดเรียกว่าความจงรักภักดี คำถามที่สองสิ่งใดเรียกว่าความกตัญญู คำถามที่สามสิ่งใดเรียกว่าคุณธรรม
การที่นางมาหาเฉินอ๋อง ช่างเป็ทางเลือกที่ถูกต้องโดยแท้
"ผ่าง..." ขณะที่นางกำลังครุ่นคิด บัณฑิตชุดขาวคนหนึ่งก็ตีฆ้องเสียงดังขึ้นมา
เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ ในที่สุดก็มีคนตอบคำถามเสียที ใน่เวลานั้นบัณฑิตชุดขาวได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนเข้ามา
จวินหวงวางความคิดในสมองลงชั่วคราว เงยหน้าขึ้นดูว่าบัณฑิตผู้นั้นจะตอบคำถามอย่างไร
บัณฑิตขึ้นไปบนเวที หลังประสานมือคารวะแล้วก็เริ่มตอบคำถาม
"คำถามข้อแรก สิ่งใดเรียกว่าความจงรักภักดี คุณธรรมแห่งใต้หล้าไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่ไปกว่าความจงรักภักดี ความจงรักภักดีคือความซื่อสัตย์และมุ่งมั่นอย่างสุดกำลัง คำถามที่สอง สิ่งใดเรียกว่าความกตัญญู ความกตัญญูรู้คุณคือรากฐานแห่งคุณธรรม ความกตัญญูคือบุตรเชื่อฟังและปฏิบัติตามเจตจำนงค์ของบิดามารดา คำถามที่สาม สิ่งใดเรียกว่าคุณธรรม คุณธรรมคือหลักทำนองคลองธรรมอันเหมาะสมในโลกหล้า ความชอบธรรมถือเอาสัจจะเป็ที่ตั้งแห่งการกระทำโดยปราศจากความลังเล"
บัณฑิตตอบคำถามเสร็จสิ้น ก็ประสานมือคารวะอีกครั้ง
"แปะๆๆๆ..." เพียงชั่วพริบตาเสียงปรบมือจากล่างเวทีก็ดังสนั่น ผู้ชมต่างแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์กันเกรียวกราว
"เขาตอบคำถามได้ไม่เลวเลย สามารถอธิบายทั้งความจงรักภักดี ความกตัญญู ความชอบธรรม สามคำนี้ได้อย่างลึกซึ้งถึงอกถึงใจ"
"มากไปกว่านั้น เขายังเชื่อมโยงทุกคำถามเข้าด้วยกัน ยอดเยี่ยมจริงๆ เลย!"
“…”
จวินหวงดวงตาส่องประกายวิบวับ แต่กลับส่ายหน้าเงียบๆ ในใจ
ความจริงคนผู้นี้ตอบคำถามได้ไม่เลว ไม่ว่าจะเป็ส่วนไหนล้วนโดดเด่นน่าชื่นชม เพียงแต่ปัญหาชี้ขาดมีอยู่เพียงข้อเดียวคือ คำตอบของเขายังไม่ใช่สิ่งที่เฉินอ๋อง้า!