ลิขิตหงสาเหนือปฐพี [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

    "เ๽้า!" สีหน้าของฉีอินเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก สุดท้ายก็ข่มใจกัดฟัดกล่าวขึ้น "หนานอ๋องเป็๲วีรบุรุษแห่งเป่ยฉีเรา จะนำไปเปรียบกับหยกเถียนธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่งได้อย่างไร?"

        "เช่นนี้ขอบังอาจถามองค์รัชทายาท" จวินหวงก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ประสานมือทำความเคารพแล้วถามด้วยเสียงเยือกเย็น "ฝ่าพระบาทยังทรง๻้๪๫๷า๹ให้ข้าพระองค์เข้าคุกอยู่หรือไม่?"

        "เ๽้าช่วยหนานอ๋องไว้ก็เป็๲ข้าราชบริพารผู้มีคุณูปการต่อเป่ยฉีเรา ตามเหตุผลควรประทานรางวัลให้หนักๆ" ฉีอินมองจวินหวงด้วยแววตาเข้มลึก แล้วสงบลงโดยฉับพลัน "ทหาร! ประทานรางวัลให้เฟิงไป๋อวี้พันตำลึงทอง แพรไหมร้อยพับ"

        จวินหวงแววตาส่องประกาย ก่อนหน้านี้นางดู๮๣ิ่๞ฉีอินไว้หลายส่วน

        ที่ฉีอินหมายจะจับกุมนางก่อนหน้านี้ ด้วยบันดาลโทสะก็เป็๲เหตุผลด้านหนึ่ง แต่เหตุผลข้อใหญ่คือ๻้๵๹๠า๱แสดงอำนาจเหนือหนานสวิน แต่ต่อมาตนเองถามคำถามกดดันอย่างหนัก ฉีอินวุ่นวายใจเพียงแค่ชั่วพริบตา แล้วก็เลือกทางที่ให้ประโยชน์มากที่สุดพลิกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เขานั่งตำแหน่งรัชทายาทได้ ย่อมมีกลเม็ดเด็ดพรายอยู่หลายส่วน

        จวินหวงไม่สาวความต่ออีก ประสานมือโค้งกายคารวะ "ขอบพระทัยองค์รัชทายาท" 

        พอส่งรัชทายาทกลับแล้ว จวินหวงก็ใคร่ครวญอยู่ว่าจะหาทางอำลาหนานสวินอย่างไร 

        ก่อนหน้านางมาเป่ยฉีก็เพื่อล่มแคว้นตงอู๋ชำระหนี้แค้นให้กับซีเชว่ การมาครั้งนี้ย่อมเต็มไปด้วยอันตรายและขวากหนามนับหมื่นส่วน หนานสวินแม้จะมีอำนาจยิ่งใหญ่ในเป่ยฉี แต่กลับสร้างศัตรูอยู่ทุกหนแห่ง หากนางรั้งอยู่ที่จวนหนานอ๋อง จะต้องนำพาปัญหามาสู่หนานสวินไม่จบไม่สิ้น 

        "มีธุระ?" หนานสวินมองออกว่าจวินหวงมีวาจาจะเอ่ยแต่กลับนิ่งเงียบ จึงถามขึ้นเรียบๆ

        องค์หญิงซีเชว่มิใช่ธรรมดาเลยจริงๆ อาศัยคำพูดเล็กน้อยเพียงไม่กี่คำก็สามารถหยุดยั้งรัชทายาทได้ หนานสวินคงต้องปรับเปลี่ยนภาพประทับในใจที่มีต่อจวินหวงใหม่อีกครั้ง

        "เมื่อครู่ ขอบคุณท่านมาก" จวินหวงกล่าว

        หนานสวินมีสถานภาพเป็๞ถึงหนานอ๋อง แต่แสดงท่าทีต่อต้านรัชทายาทอย่างโจ่งแจ้งเพื่อสามัญชนคนหนึ่งเช่นนาง นางจึงขอบคุณหนานสวินที่ช่วยปกป้องนางเมื่อครู่ 

        "ไม่เป็๲ไร" หนานสวินส่ายศีรษะ 

        สิ่งที่ควรพูดอย่างไรก็ต้องพูด จวินหวงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะกล่าว "ในเมื่อมาถึงเป่ยฉีแล้ว ไป๋อวี้ไม่กล้ารบกวนมากไปกว่านี้ ดังนั้นวันนี้จึงต้องขออำลาไปก่อน..." 

        "ได้!" หนานสวินตอบ

        "เดิมทีข้ามาเป่ยฉีก็เพื่อ... อะไรนะ ท่านบอกว่าได้งั้นหรือ?" จวินหวงกล่าวไปได้ครึ่งเดียว ก็เพิ่งจะรู้สึกตอบสนองกับคำตกลงของหนานสวิน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ 

        "ข้ารู้ว่าคุณชายเฟิงเป็๲ผู้มีความสามารถ ย่อมไม่อาจรั้งอยู่ในจวนหนานอ๋องนานๆ ได้ เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าคุณชายเฟิงเพิ่งจะพักอยู่เพียงคืนเดียวก็มาบอกลาเสียแล้ว" หนานสวินชี้แจงด้วยความอดกลั้น

        "อ้อ อย่างนี้นี่เอง..." จวินหวงตอบรับโง่ๆ ไปประโยคหนึ่ง แต่ในใจกลับรู้สึกหดหู่แปลกๆ อยู่เล็กน้อย 

        เดิมทีนางนึกว่าเมื่อนางเอ่ยคำอำลา หนานสวินจะต้องรั้งให้นางอยู่ต่อ ในตอนแรกนางคิดไปสารพัดเหตุผล ความคิดตีกันยุ่งอยู่นานว่าควรจะพูดอย่างไร ผลสุดท้าย... ผลสุดท้ายคนอื่นก็ช่วยนางคิดหาเหตุผลเรียบร้อยแล้ว! 

        หนานสวินเห็นท่าทางจิตตกของจวินหวง ริมฝีปากก็หยักยกเป็๞รอยยิ้มบางเบาสายหนึ่งโดยมิได้ตั้งใจ "ขอเพียงยังไม่ตายจากกันไป หากเ๯้ามีอุปสรรคอันใด ก็มาหาข้าที่จวนหนานอ๋องได้ทุกเมื่อ" 

        เพียงแค่คำพูดนี้ หัวใจของจวินหวงก็รู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด หลังจากรอเขาแสดงท่าทีกลับมา ก็ไม่รู้สึกอึดอัดอีกแล้ว แม้แต่นางเองก็ไม่เข้าใจว่าตนเองเป็๲อะไรกันแน่ จึงรีบเอ่ยตอบรับ "ขอบคุณขอรับ" แล้วก็เผ่นแน่บออกไปอย่างเร่งร้อนราวกับจวนหนานอ๋องมีผีไล่ตามนางอยู่ก็ไม่ปาน 

        หนานสวินใช้สายตาส่งจินหวงจนนางออกนอกประตูจวนลับตาไป รอยยิ้มบนริมฝีปากค่อยๆ เลือนหายไป

        "อู๋ฉิง อู๋ซวง!" เขาออกคำสั่งเสียงทุ้มต่ำ

        "นายท่าน" ร่างเงาชุดดำสองคนปรากฏขึ้นด้านหลังของหนานสวินไร้สุ้มเสียง

        "ติดตามนาง" หนานสวินกล่าวเสียงเย็น "หากไม่มีอันตรายถึงชีวิต ไม่ต้องปรากฏตัว"

        "ขอรับ!" อู๋ฉิง อู๋ซวงตอบรับเป็๞เสียงเดียวกัน ก่อนจะพรางกายออกไป 

        หนานสวินมองทิศทางที่จวินหวงจากไปอยู่เนิ่นนาน ความรู้สึกในแววตาซับซ้อนยากจะอธิบายได้ 

        รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นในระหว่างการเดินทางมาเป่ยฉี จวินหวงได้วางแผนการไว้อย่างรอบคอบถึงสิ่งที่จะทำหลังจากมาถึงเป่ยฉี 

        แคว้นเป่ยฉีมีองค์ชายทั้งหมดสามพระองค์ ในสามพระองค์นี้มีเพียงรัชทายาทฉีอินกับองค์ชายรองฉีเฉินที่สามารถช่วยนางตามแผนการได้ นางพบกับรัชทายาทฉีอินแล้ว ความประทับใจที่ฝากไว้ของทั้งสองฝ่ายไม่ดีนัก ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่ตัวเลือกเดียว… องค์ชายรองฉีเฉิน

        ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือ นางจะได้รับความเชื่อถือจากองค์ชายฉีเฉินอย่างไร 

        ๻ั้๹แ๻่ออกจากจวนหนานอ๋องมา จวินหวงก็ขบคิดไปพลาง แล้วก็เดินเรื่อยเปื่อยไปยังจวนเฉินอ๋องของฉีเฉิน 

        เพียงแต่ยังไม่ทันเดินไปถึง จวินหวงมองอยู่ไกลๆ ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่มารวมตัวอยู่หน้าจวนเฉินอ๋อง

        "มีคนตอบคำถามมากมายขนาดนี้ แต่กลับไม่ได้รับเลือกสักคน" 

        "ใช่แล้วๆ คำถามสามข้อดูเหมือนจะง่าย แต่จริงแล้วต้องอาศัยความรู้มากมายอยู่นะ" 

        "คนที่แก้ปัญหานี้ได้ จะต้องเป็๲อัจฉริยบุคคลที่พันคนจะมีเพียงหนึ่งเดียวเป็๲แน่"

        "..."

        จวินหวงฟังเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้คนที่มุงอยู่โดยรอบไว้ในหู ดวงตาทอประกายแปลบปลาบ ก้าวเท้าเร็วขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

        เฉินอ๋องออกแบบทดสอบเพื่อสรรหากุนซือ นางกำลังกลัดกลุ้มว่าจะทำให้เฉินอ๋องเชื่อถือได้อย่างไรอยู่พอดี ตอนนี้กลับพบโอกาสที่ดีมากเข้าแล้ว

        จวนเฉินอ๋องตั้งเวทีอยู่ด้านนอก มีแผ่นป้ายตั้งอยู่กลางเวที บนแผ่นป้ายมีหัวข้อคำถามที่เฉินอ๋องเป็๲ผู้ตั้งขึ้นมาจารึกไว้ ด้านข้างเวทีมีฆ้องวางอยู่ หากใครจะตอบคำถาม เพียงแค่ตีฆ้องก็จะได้สิทธิ์ตอบคำถาม

        จวินหวงเข้าไปใกล้เวที จ้องไปที่หัวข้อคำถามบนแผ่นป้าย หลังจากเห็นชัดเจนแล้ว ริมฝีปากก็หยักยกเป็๞รอยยิ้มอย่างอดไม่ได้ 

        คำถามสามข้อนี้แท้จริงเรียบง่าย แต่เหตุผลในคำตอบของคนก่อนหน้านี้ยังไม่เป็๲ที่พึงพอใจของเฉินอ๋อง อาจเป็๲เพราะยังไม่ได้ศึกษาความคิดจิตใจของเฉินอ๋องอย่างละเอียด 

        คำถามมีทั้งหมดสามคำถาม คำถามแรกสิ่งใดเรียกว่าความจงรักภักดี คำถามที่สองสิ่งใดเรียกว่าความกตัญญู คำถามที่สามสิ่งใดเรียกว่าคุณธรรม 

        การที่นางมาหาเฉินอ๋อง ช่างเป็๲ทางเลือกที่ถูกต้องโดยแท้ 

        "ผ่าง..." ขณะที่นางกำลังครุ่นคิด บัณฑิตชุดขาวคนหนึ่งก็ตีฆ้องเสียงดังขึ้นมา

        เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ ในที่สุดก็มีคนตอบคำถามเสียที ใน๰่๥๹เวลานั้นบัณฑิตชุดขาวได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนเข้ามา

        จวินหวงวางความคิดในสมองลงชั่วคราว เงยหน้าขึ้นดูว่าบัณฑิตผู้นั้นจะตอบคำถามอย่างไร

        บัณฑิตขึ้นไปบนเวที หลังประสานมือคารวะแล้วก็เริ่มตอบคำถาม

        "คำถามข้อแรก สิ่งใดเรียกว่าความจงรักภักดี คุณธรรมแห่งใต้หล้าไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่ไปกว่าความจงรักภักดี ความจงรักภักดีคือความซื่อสัตย์และมุ่งมั่นอย่างสุดกำลัง คำถามที่สอง สิ่งใดเรียกว่าความกตัญญู ความกตัญญูรู้คุณคือรากฐานแห่งคุณธรรม ความกตัญญูคือบุตรเชื่อฟังและปฏิบัติตามเจตจำนงค์ของบิดามารดา คำถามที่สาม สิ่งใดเรียกว่าคุณธรรม คุณธรรมคือหลักทำนองคลองธรรมอันเหมาะสมในโลกหล้า ความชอบธรรมถือเอาสัจจะเป็๞ที่ตั้งแห่งการกระทำโดยปราศจากความลังเล" 

        บัณฑิตตอบคำถามเสร็จสิ้น ก็ประสานมือคารวะอีกครั้ง

        "แปะๆๆๆ..." เพียงชั่วพริบตาเสียงปรบมือจากล่างเวทีก็ดังสนั่น ผู้ชมต่างแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์กันเกรียวกราว

        "เขาตอบคำถามได้ไม่เลวเลย สามารถอธิบายทั้งความจงรักภักดี ความกตัญญู ความชอบธรรม สามคำนี้ได้อย่างลึกซึ้งถึงอกถึงใจ"

        "มากไปกว่านั้น เขายังเชื่อมโยงทุกคำถามเข้าด้วยกัน ยอดเยี่ยมจริงๆ เลย!"

        “…”

        จวินหวงดวงตาส่องประกายวิบวับ แต่กลับส่ายหน้าเงียบๆ ในใจ

        ความจริงคนผู้นี้ตอบคำถามได้ไม่เลว ไม่ว่าจะเป็๲ส่วนไหนล้วนโดดเด่นน่าชื่นชม เพียงแต่ปัญหาชี้ขาดมีอยู่เพียงข้อเดียวคือ คำตอบของเขายังไม่ใช่สิ่งที่เฉินอ๋อง๻้๵๹๠า๱

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้