เมื่อเห็นท่าทางดีอกดีใจของเหยาเชียนเชียน เป่ยเหลียนโม่จึงเริ่มคิดหาคำตอบอย่างจริงจังว่าปกติแล้วเขาควบคุมนางมากเกินไปจริงหรือ?
แต่สำหรับเื่ออกจากจวนนั้น ครั้งแรกยากสักหน่อย แต่ครั้งที่สองก็จะเคยชินไปเอง เหยาเชียนเชียนผลัดเปลี่ยนอาภรณ์อย่างรวดเร็ว นางเปลี่ยนชุดทั้งตัวต่อหน้าแมวดำ
โดยปกติมักจะห่อหุ้มร่างกายด้วยอาภรณ์หนาหลายชั้น แต่ยามนี้ดูเหมือนว่าสตรีผู้นี้จะมีรูปร่างที่ชวนให้ผู้คนใจสั่นจริงๆ
แมวดำเลียอุ้งเท้าอย่างเฉื่อยชาอยู่บนโต๊ะรอให้เหยาเชียนเชียนมาอุ้มไปอย่างเชื่อฟัง
“ไปกันเถิด” นางเปลี่ยนเป็ชุดที่ไม่สะดุดตานัก และบรรจงอุ้มแมวดำขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง “เรารีบไปรีบกลับ ไม่เช่นนั้นอาเหยียนจะเป็ห่วง”
นับว่าเ้ายังมีมโนธรรมอยู่บ้าง แมวดำคิดในใจ ไม่ว่าเื่อื่นจะเป็เช่นไร แต่สตรีผู้นี้ก็จริงใจกับอาเหยียนอยู่หลายส่วน
เนื่องจากมีป้ายคำสั่งแล้ว ดังนั้นในครั้งนี้เหยาเชียนเชียนจึงสามารถเดินวางมาดออกจากจวนได้ นางเดินไปตามทางที่หลิ่วอิงเอ๋อร์บอก อุ้มแมวดำเดินวนหาอยู่นาน สุดท้ายก็หลงทางจนได้
“แปลกจัง อิงเอ๋อร์บอกให้เลี้ยวตรงนี้ จากนั้นก็เดินตรงไปจนเจอต้นหลิวต้นใหญ่ แล้วก็เลี้ยวขวา...”
ในเมื่อไม่รู้ทางเหตุใดถึงไม่ให้บ่าวไพร่ไปส่งเล่า แมวดำปิดบังความรังเกียจไว้ไม่มิด นอกจากนี้ ในเมื่อเป็การมาเยี่ยมเยือนถึงบ้านก็ควรจะมีของฝากเล็กๆ น้อยๆ ติดมือมาด้วย เ้าอุ้มแมวดำมาตัวหนึ่ง คิดจะมอบข้าเป็ของขวัญให้ผู้อื่นหรืออย่างไร?
“เชียนเชียน?”
น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากข้างหลัง แมวดำพลันตื่นตัวขึ้นมา น้ำเสียงน่าหงุดหงิดนี้ นอกจากเป่ยเซวียนเฉิงก็เป็ผู้ใดไปไม่ได้อีกแล้ว
เหยาเชียนเชียนก็จำเสียงของอีกฝ่ายได้เช่นกัน นางอยากแหงนหน้าขึ้นถอนหายใจยาวๆ หาทางไม่เจอไม่พอ ยังต้องมาพบเจอปัญหาใหญ่อีก
“เป็องค์ชายสามนี่เอง” นางหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน “ช่างบังเอิญเหลือเกิน”
“ใช่แล้ว” เป่ยเซวียนเฉิงพยักหน้า “เรามีวาสนาต่อกันมาเสมอ”
แมวดำวางอุ้งเท้าลงบนไหล่ของเหยาเชียนเชียน พลางพินิจมองรอยยิ้มบนสีหน้าของสตรีผู้นี้อย่างละเอียด คาดว่านางคงไม่ยินดีเท่าใดนัก จึงแตะบ่านางอย่างพึงพอใจ
ที่เขตล่าสัตว์ในวันนั้นผู้คนมากมายล้วนได้ยินกันหมดแล้ว เ้าอย่าได้ลืมสิ่งที่เคยพูดไปเชียว
“แค่ก วันนี้ไม่บังเอิญนัก หม่อมฉันมีธุระเร่งด่วน มิเช่นนั้นจะเชิญองค์ชายไปที่จวนแน่นอนเพคะ”
เป่ยเซวียนเฉิงคิดทบทวนคำนั้นซ้ำไปซ้ำมา 'ไปที่จวน' หมายถึงนางอยากพบเขาที่จวนของชิงผิงอ๋องหรือ?
“น้องสี่เป็คนรอบคอบ ทั้งยังถือสาเื่ในอดีตของข้าและเ้ามาก หากไปที่จวนเ้าอาจเป็การเสียมารยาทได้ ใกล้ๆ นี้มีเรือนเยว่ไหล มิสู้เราไปนั่งที่นั่นกันสักครู่ดีหรือไม่?”
เ้ากล้าหรือ!
แมวดำหรี่ตาเกือบจะลุกขึ้นยืนในอ้อมแขนของเหยาเชียนเชียน ศีรษะยื่นไปที่คางของนาง ไม่ต้องดูก็รู้ว่ายามนี้เขากำลังโกรธ
เหยาเชียนเชียนกอดรัดเ้าตัวน้อยในอ้อมแขน พลางยิ้มอย่างขอโทษขอโพยไปด้วย พูดในใจว่าหากวันนี้ข้าไปกับท่าน พรุ่งนี้เช้าก็อาจมีข่าวหวังเฟยตายอย่างกะทันหันแพร่ออกมาจากจวนอ๋องได้
นัยของคำกล่าวนี้ของนางคือความหมายเดียวกับวันหน้าจะเลี้ยงอาหารท่าน องค์ชายสามผู้นี้เหตุใดถึงไม่เข้าใจกันนะ?
“วันนี้หม่อมฉันมีธุระเร่งด่วนจริงๆ ขอเป็วันหน้าเถิดเพคะ วันหน้าหม่อมฉันจะเชิญองค์ชายสามและท่านอ๋องมาด้วยกัน คาดว่าพวกท่านสองพี่น้องคงมีเื่ในใจอยากสนทนากันมากมายอย่างแน่นอน”
เหยาเชียนเชียนหมุนตัวช้าๆ เตรียมจะจากไป ทว่าข้างหลังกลับมีชายรูปร่างกำยำสองสามคนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเขามีสีหน้าเรียบนิ่ง มองปราดเดียวก็รู้ว่าพวกเขาคือองครักษ์ติดตามขององค์ชายสาม
“เชียนเชียน ข้าแค่อยากสนทนากับเ้าสักเล็กน้อยเท่านั้น พวกเราในยามนี้เพียงจะทำเื่แค่นี้ยังทำไม่ได้เลยหรือ?”
แม้เป่ยเซวียนเฉิงจะมีสีหน้าผิดหวัง ทว่าเขาก็ไม่ได้สั่งให้ลูกน้องหลีกทางให้นาง แมวดำยืดตัวตรงอย่างช้าๆ กลางวันแสกๆ เป่ยเซวียนเฉิงยังกล้าใช้กำลังอีกหรือ?
เหยาเชียนเชียนรู้สึกได้ว่าแมวดำในอ้อมแขนกำลังกระสับกระส่าย นางกดตัวมันไว้อย่างแ่เบาพลางเหลือบตาพินิจมององครักษ์สองสามคนนั้น ถ้าไม่มีคำสั่งจากองค์ชายสาม คาดว่าพวกเขาคงไม่ยอมปล่อยนางไปแน่
นี่เป็ตัวเลือกเพียงข้อเดียวั้แ่ต้น นางลอบถอนใจ ยามนี้ทำได้เพียงพยักหน้าตกลง
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปนั่งที่โรงชาสักครู่แล้วกันเพคะ”
แมวดำใช้อุ้งเท้าเกาะเกี่ยวร่างของนางจนกระทั่งลายปักดอกไม้หลุดรุ่ยถึงจะยอมรามือ
ไม่รู้ว่าเป็เพราะถูกเลี้ยงมาข้างชิงผิงอ๋องหรือไม่ เหยาเชียนเชียนรู้สึกว่าเสี่ยวไกวไกวเองก็ไม่ชอบเป่ยเซวียนเฉิงมากนัก เมื่อครู่ยามที่เห็นเขา แมวดำก็ดูท่าไม่ดีมาั้แ่ยามนั้น
“ไกวไกว เราสนทนากันแค่เล็กน้อยก็จะกลับ ไม่เสียเวลานานแน่นอน”
นางเกลี้ยกล่อมเบาๆ แมวดำทำได้เพียงขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของนางด้วยความกลัดกลุ้ม เขาถูกจับเข้าที่อุ้งเท้าและหัว จนสุดท้ายก็ค่อยๆ สงบลงไปบ้าง
เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เป่ยเหลียนโม่ก็อยากเห็นว่าลับหลังเขา เป่ยเซวียนเฉิงจะมาไม้ไหน
“เชียนเชียน นี่เป็ชาที่เ้าชอบที่สุด เ้าลองชิมดูสิ”
สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดของคนรักเก่าคือการที่อีกฝ่ายจำความชอบและความคุ้นชินของกันได้ แมวดำปัดจอกชาให้ตกจากมือของเหยาเชียนเชียน จากนั้นจึงคลอเคลียนางอย่างไร้เดียงสา
“สัตว์เลี้ยงไม่รู้ความ ทำให้องค์ชายสามขบขันแล้ว”
เหยาเชียนเชียนรีบอุ้มมันขึ้นมาในอ้อมแขน ด้วยกลัวว่าเป่ยเซวียนเฉิงจะไม่พอใจด้วยเหตุนี้ นางรินชาและค่อยๆ จิบไปสองอึก ก่อนจะยิ้มและบอกว่ารสชาติไม่เลว
ที่จริงแล้วนางแยกแยะไม่ออกว่าชานี้มีรสชาติดีหรือไม่ดี หากมอบชาต้าหงเผาคุณภาพดีหรือใบชาแก่หยาบๆ ให้นาง เหยาเชียนเชียนชิมเข้าไปก็นับว่าเป็รสชาติเดียวกันหมด
นอกจากนี้ นางไม่ใช่เ้าของร่างเดิมซึ่งเคยมีความรักให้เขา วิธีการรำลึกความหลังเช่นนี้จึงไม่มีผลอะไรสำหรับนาง
“ครานั้นข้าและเ้ารู้จักกันเพราะชานี้ เ้าหมายจะซื้อต่อจากข้าให้ได้ ในยามนั้นข้าคิดว่าสตรีผู้นี้ช่างแตกต่างจากผู้อื่นนัก”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและนุ่มนวล ราวกับกำลังเล่านิทานอยู่ และยิ่งคล้ายกำลังระบายความรู้สึก ประกอบกับดวงตาของเขาที่ชุ่มน้ำแฝงความรู้สึก หากเป็ผู้อื่น ไม่เพียงแต่เ้าของร่างเดิม แต่เป็แม่นางผู้ใดสักคนก็ล้วนต้องตกหลุมพรางนี้
ทว่าเหยาเชียนเชียนเป็ข้อยกเว้น ยามนี้ไม่เพียงแต่นางไม่มีความรู้สึกใดให้เป่ยเซวียนเฉิงแล้ว นางยังไม่มีความทรงจำอันหวานชื่นในอดีตกับเขา อีกทั้งเวลานี้นางยังมีแมวดำตัวนี้ในอ้อมแขนอีก
“โอ๊ย!”
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้ว บรรพชนน้อยเ้าเลิกข่วนได้แล้ว ถ้าไม่มีผ้าคั่นอยู่ผิวของนางคงโดนข่วนจนฉีกไปแล้ว
ทว่าแมวดำไม่สามารถรับสาส์นของนางได้อย่างชัดเจน และอาจไม่อยากรับั้แ่แรก เขายึดมั่นในแผนการที่ใช้ความเ็ปและทําให้คนตื่นตัว กรงเล็บแหลมแทงทะลุเนื้อผ้า และพยายามตะกุยตะกายเป็ระยะ
“เชียนเชียน นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ข้ารู้ว่าเ้าเสียสละเพื่อข้ามามากเพียงใด ไม่ใช่ข้าไม่อยากให้สถานะที่มั่นคงแก่เ้า แต่ด้วยร่างกายของข้า ไม่รู้จริงๆ ว่าจะทนไปได้ถึงเมื่อใด ข้าไม่อยากให้เ้าลำบาก และยิ่งไม่อยากให้เ้าไร้ที่พึ่งพาในวันหน้า”
มุมปากของนางเผยรอยยิ้มขมขื่น หากต้องบรรยายสภาพของนางในเวลานี้จริงๆ ราวกับร่างกายที่อ่อนแอมาตลอดกำลังกู่ร้องเสียงแหลมบาดหูให้ดังไปทั่วโลกใบนี้
ทว่าเหยาเชียนเชียนทำเป็ไม่ได้ยินก็พอแล้ว
“ยามนี้เมื่อดูไปแล้ว มิสู้รีบสู่ขอเ้ากับเสด็จพ่อั้แ่คราแรก วันนี้เ้าจะได้ไม่เปลี่ยนไป...”
“เ้าอยู่นิ่งๆ หน่อย!”
เหยาเชียนเชียนกัดฟันขัดจังหวะเขา แมวดำตัวนี้ยามอยู่ที่จวนไม่เคยดื้อแบบนี้มาก่อน วันนี้ไม่รู้เป็อะไรไป หรือว่าพอต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยกะทันหัน เขาก็เลยตื่นกลัวหรือ?
เป่ยเซวียนเฉิงมองไปทางแมวดำด้วยสายตาเ็า เขาอาศัยจังหวะระบายความทุกข์ในรักอันลึกซึ้ง อีกฝ่ายไม่ตอบรับเขาไม่พอ แต่เขายังกล่าวต่อไปไม่ได้และจำต้องหยุดลงอีก เป่ยเซวียนเฉิงเหลือบตามองแมวดำในอ้อมแขนของเหยาเชียนเชียน ดวงตาของเขาวาววาบ
“ข้าจำไม่ได้เลยว่าปกติเ้าชอบสิ่งเหล่านี้ด้วย” เป่ยเซวียนเฉิงทำท่าจะยื่นมือออกไปัั แต่ก็ถูกกรงเล็บอันแหลมคมข่วนเสียจนเกือบทำให้ผิวเนื้อฉีกขาด
“แมวตัวนี้...ดุเหลือเกิน”
เหยาเชียนเชียนมองกรงเล็บนั้น ในใจพลอยสะท้านตามไปด้วย นางพูดในใจว่าวันนี้หากมันข่วนเขาไป แม้สามารถระบายความโกรธได้ แต่เขาก็เป็ถึงองค์ชาย หากเขาอยากจัดการแมวสักตัว เช่นนั้นนางจะช่วยให้มันรอดพ้นได้อย่างไร
เ้านายของเ้าไม่อยู่ หากข้าปกป้องเ้าไว้ไม่ได้ เ้าจะทำเช่นไร
“ที่จริงแล้วโดยปกติแมวตัวนี้เชื่องมากเพคะ วันนี้อาจเป็เพราะมันกลัวคนแปลกหน้า องค์ชายสามอย่าเพิ่งจับตัวมันจะดีกว่า เป็การระวังไม่ให้ท่านได้รับาเ็”
เป่ยเซวียนเฉิงสบตากับมันอย่างเงียบเชียบ ดวงตาของแมวตัวนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง ราวกับที่กำลังนั่งเผชิญหน้าอยู่ไม่ใช่แมวตัวหนึ่ง แต่เป็เป่ยเหลียนโม่
“นี่คงเป็แมวของน้องสี่กระมัง” เขากล่าวเสียงเรียบ “ช่างคล้ายกับน้องสี่เหลือเกิน ว่ากันว่าสัตว์เลี้ยงมักจะเหมือนเ้าของ เป็เช่นนั้นโดยแท้”
แม้ว่าเหยาเชียนเชียนจะรู้สึกว่าเสี่ยวไกวไกวคล้ายกับชิงผิงอ๋องมากเช่นกัน แต่คำกล่าวเดียวกันที่ออกมาจากปากขององค์ชายสามกลับทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
ราวกับว่าสำหรับเขาแล้ว นี่เป็สิ่งที่น่ารำคาญเหลือเกิน
ทั้งที่เสี่ยวไกวไกวน่ารักขนาดนี้แท้ๆ
“องค์ชายสามเข้าใจผิดแล้วเพคะ เสี่ยวไกวไกวเป็แมวของหม่อมฉัน” เหยาเชียนเชียนยิ้มและกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ก่อนจะก้มลงไปจูบหัวแมวดำ “หม่อมฉันชอบมันมาก โดยปกติมักจะพามันไปไหนมาไหนด้วย”
เป่ยเซวียนเฉิงชะงัก “แมวของเ้าหรือ?”
ทันทีที่เหยาเชียนเชียนพูดแบบนี้ นางสามารถเห็นสายตาอันเ็าในดวงตาขององค์ชายสามค่อยๆ ละลายไป เขากำลังผลักไสทุกสิ่งเกี่ยวกับชิงผิงอ๋อง การบอกว่าแมวดำตัวนี้เป็ของนางจะทำให้เขาแสดงความไม่เป็มิตรน้อยลง
“เ้ามักจะรังเกียจสิ่งเหล่านี้ เหตุใดยามนี้จึงเปลี่ยนความคิดไปเสียแล้ว” เขาทำเป็เปรยโดยไม่รู้ตัว “เป็แมวที่น้องสี่มอบให้เ้าหรือ?”
เหยาเชียนเชียนเริ่มหมดความอดทน เดิมทีนางก็ไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรกับเป่ยเซวียนเฉิงอยู่แล้ว และก่อนหน้านี้นางก็เคยกล่าวอย่างชัดเจนไปหลายครั้ง ทว่าคนผู้นี้ยังคงถามนางด้วยมาดของคนรักที่แท้จริงอยู่อีก
ต้องทำให้เขาเข้าใจ ยามนี้ชิงผิงอ๋องคือสามีที่ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรมของนาง หากว่าชิงผิงอ๋องเป็ผู้มอบแมวตัวนี้ให้นางจริงๆ เช่นนั้นแล้วมันจะเป็อย่างไรเล่า!
“ท่านอ๋องมอบสิ่งของให้หม่อมฉันไม่น้อยจริงๆ ทว่าส่วนมากเป็สมบัติที่ล้ำค่าเหลือเกิน ไม่สามารถนำออกมาโอ้อวดต่อผู้อื่นได้” เหยาเชียนเชียนยิ้มพลางลูบแมวดำแ่เบา
“เ้าแมวน้อยตัวนี้หม่อมฉันเก็บมาเลี้ยงเองเพคะ ท่านอ๋องทรงอนุญาตให้หม่อมฉันเลี้ยงไว้ข้างกายเพื่อคลายความเบื่อหน่ายได้ ทำให้สามารถเห็นได้ถึงความเอาใจใส่ของเขาได้เช่นกัน”
เปิ่นหวังถูกเ้าเก็บมาเลี้ยงหรือว่าเ้าแย่งมากันแน่ ภายในใจยังไม่กระจ่างอีกหรือ?
แม้ว่าแมวดำจะรู้สึกว่าคำกล่าวนั้นทำเขาเสียมาดไปหลายส่วน แต่การชื่นชมเขาต่อหน้าเป่ยเซวียนเฉิงก็ถือว่านางรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ช่างเถิด ครั้งนี้เขาจะปล่อยนางไปก็แล้วกัน
“เชียนเชียน เ้าเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้มากจริงๆ” เป่ยเซวียนเฉิงมองนางอย่างสำรวจ “หากเ้าไม่ได้ยืนตัวเป็ๆ อยู่ตรงหน้าข้า ข้าก็เกือบจะสงสัยว่าเ้าไม่ใช่เ้าเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว”
เหยาเชียนเชียนชะงัก นางถูกเขาจับได้รวดเร็วเพียงนี้เลยหรือ!
ทว่านางก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ร่างนี้ยังคงเป็ร่างของเ้าของเดิม ดังนั้นแม้ว่าอุปนิสัยจะเปลี่ยนไปมาก แต่พวกเขาก็ไม่มีทางตรวจสอบได้ ผู้ใดจะเชื่อว่าแกนกลางของเปลือกนอกนี้เปลี่ยนไปแล้ว มันเป็สิ่งที่เป็ไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ผู้คนย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ หม่อมฉันเปลี่ยนไปอย่างเป็อิสระและสง่างามมากกว่าเดิม องค์ชายสามไม่ดีใจกับหม่อมฉันหรือเพคะ”
เหยาเชียนเชียนลุกขึ้นยืน “คราแรกหม่อมฉันไม่อยากแต่งเข้าจวนอ๋อง แต่ยามนี้หม่อมฉันก็แต่งเข้ามาแล้ว หม่อมฉันอยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตนั้นแสนสั้น หากมัวยึดติดอยู่กับอดีต เช่นนั้นก็ไม่อาจมีความสุขได้ตลอดไป หากองค์ชายสามหวังดีกับหม่อมจากใจจริง พระองค์ก็ควรจะดีใจที่เห็นหม่อมฉันเป็อิสระมิใช่หรือ?”
แมวดำวางหัวบนไหล่ของนางอย่างเกียจคร้านพลางผินใบหน้ามองไปยังเป่ยเซวียนเฉิงราวกับว่ากำลังดูละครดี
กล่าวได้ถูกต้อง สิ่งที่เขาให้ได้ เปิ่นหวังก็สามารถให้ได้เหมือนกัน เดินไปในทางตันสู่ความมืดมิด รั้งบังเหียนม้าเมื่อถึงหน้าผาชันแล้วทำตาให้สว่างมองให้ชัดเจนว่าผู้ใดคือคนที่ควรจงรักภักดีด้วย เช่นนี้ถึงจะเป็เด็กดี
เป่ยเซวียนเฉิงยืนขึ้นอย่างช้าๆ ใบหน้าอันสง่างามค่อยๆ หุบยิ้มลง เขามองไปทางสตรีที่บอกว่า้าอิสรภาพผู้นี้ สีหน้าพลันมืดมนจนแยกไม่ออก
“หากข้าไม่ยอมให้เ้าลืมเลือนอดีต หากข้าบอกว่าข้าเสียใจ เ้าจะยอมกลับมาอยู่ข้างกายข้าหรือไม่?”
