เมิ่งต้ากล่าวเสียงแข็ง “พวกเ้ามีคนน้อย พวกเรามีคนมาก บางคราวก็ยากจะเลี่ยง ล้วนเป็คนครอบครัวเดียวกัน แม่ของเ้ายังไม่ได้กล่าวคำใด ไฉนเ้าจึงต้องคิดเล็กคิดน้อยจนเกินเหตุเช่นนี้ด้วย”
นางเย่ไกล่เกลี่ยว่า “คราวนี้เ้ามารับธัญพืชกระมัง เจียนเจีย รีบไปตวงธัญพืชให้อาอู่สิ”
เมิ่งอู่ไม่ได้เอ่ยคำใด เมิ่งต้าจึงคิดว่านางยอมประนีประนอม กล่าวอย่างมั่นใจเต็มที่อีกครั้ง “เมื่อวานเ้าทำร้ายท่านย่าของเ้าจนาเ็ที่เท้า ยังบังคับให้นางดื่มยา วันนี้เ้าทำให้หน้าผากของท่านย่าเ้าแตก ต้องไปตามหมอและจ่ายค่ายา เมิ่งอู่ เ้าวางแผนจะทำอย่างไรกับเื่นี้?”
เมิ่งอู่ย้อนถาม “ท่านลุงใหญ่คิดจะจัดการกับเื่นี้อย่างไรเล่า?”
เมิ่งต้ากล่าว “เห็นแก่ที่เ้ายังเด็ก ไม่รู้อันใดควรไม่ควร เื่อื่นๆ ข้าจะไม่เอาเื่เอาราว แต่เื่นี้เ้าเป็ผู้ก่อขึ้น ค่าหมอค่ายาย่อมต้องเป็เ้าที่ชดใช้คืน ลุงใหญ่รู้ว่าไม่ง่ายเลยสำหรับเ้ากับแม่ของเ้า จึงไม่ฝืนใจให้เ้าควักเงินสักสองสามก้อน เพียงรอให้ข้าวฟ่างในแปลงสุก เ้าก็ยกข้าวฟ่างครึ่งแปลงมาจ่ายแทนแล้วกัน”
เมิ่งอู่พยักหน้า กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าขอคำนวณกับท่านลุงใหญ่ด้วย ข้าวที่บ้านของพวกข้าปลูกทุกปี ล้วนถูกนำมาเก็บไว้ในยุ้งฉางบ้านท่านลุงใหญ่ รวมแล้วห้าปีติดต่อกัน แต่ห้าปีมานี้ข้ากับท่านแม่ได้รับข้าวเพียงสองโต่วทุกสามเดือน หนึ่งปีไม่เกินสิบโต่ว แต่ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้จากนา ไม่ว่าจะเป็ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี หรือข้าวเปลือก รวมกันแล้วอย่างน้อยต้องมีสองถึงสามตั้น [1] ส่วนที่เหลือขอให้ท่านลุงใหญ่ช่วยส่งคืนด้วย”
เมิ่งต้าสำลัก ถึงกับพูดไม่ออกชั่วครู่
นางเย่เสแสร้งจ้องเมิ่งต้าเขม็งผาดหนึ่ง กล่าวว่า “อันที่จริงท่านกับอาอู่จะโต้เถียงกันเื่นี้ไปไย อาอู่เอ๋ย ลุงใหญ่ของเ้าล้อเ้าเล่น ค่าหมอค่ายาของท่านย่าเ้าไม่จำเป็ต้องให้พวกเ้าจ่าย พวกเราจะจ่ายเอง!”
เมิ่งอู่กล่าว “ยากนักที่ท่านป้าสะใภ้ใหญ่จะใจกว้างขนาดนี้ เช่นนั้นคืนธัญพืชที่เหลือทั้งหมดให้ข้าเถิด”
ใบหน้าของนางเย่หมองลงอยู่บ้างอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า “มิได้พูดแล้วหรือว่าไม่ติดใจเอาความ เหตุใดเ้าถึงยังกัดไม่ปล่อยเล่า”
เมิ่งอู่หรี่ตากล่าว “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่บอกว่าไม่ต้องจ่ายค่าหมอค่ายาแล้ว แต่ข้าไม่ได้บอกว่าไม่เอาธัญพืชนะเ้าคะ”
นางเหอเข้าไปในห้อง แล้วรีบหยิบผ้าผืนหนึ่งมาเช็ดหน้าผาก ก่อนกลับออกมาอีกครั้ง กล่าวอย่างดุร้ายดุจภูตผีปีศาจว่า “ธัญพืชพวกนั้นเป็ลุงใหญ่ของเ้าที่ลงแรงสุดตัวเก็บเกี่ยวและขนย้ายมาเก็บไว้ในยุ้งฉาง เขาไม่เคยทวงบุญคุณ ซ้ำยังทำงานหนักอย่างเหน็ดเหนื่อย หลายปีมานี้พวกเ้าสองแม่ลูกก็ไม่ได้อดตาย เ้ายัง้าอันใดอีก?!”
พลันนั้นเมิ่งอู่ก็เอ่ย “อ้อ หมายความว่าเพียงแค่ท่านลุงใหญ่ขนกลับมาก็จะกลายเป็ของเขา เช่นนั้นยามนี้หากข้าขนออกไป ก็จะกลายเป็ของข้าอีกครั้งสินะ”
กล่าวแล้ว เมิ่งอู่ก็ก้าวเท้าขึ้นหน้า
เมื่อเมิ่งต้ากับนางเย่เห็นดังนั้น ก็คิดว่านางกำลังจะไปที่ยุ้งฉาง จึงรีบเข้าไปขวางอย่างไว
แต่กลับกลายเป็ว่าขวางผิดทาง เมิ่งอู่ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังยุ้งฉาง แต่ตรงไปยังครัวของบ้านพวกเขา
เมื่อครู่นางเย่เดินออกมาจากครัว มีควันลอยออกมาจากปล่องไฟ คาดว่าในครัวยังจุดไฟเอาไว้
เมิ่งอู่เข้าไปดู ก็เป็เช่นนั้นจริงๆ ต้มโจ๊กไว้ในหม้อ ไฟในเตายังคงลุกไหม้เงียบๆ
นางเหอะโจากข้างนอก “นางตัวแสบ! เ้าเข้าครัวไปทำอันใด!”
เมิ่งอู่ไม่ตอบสักคำ แค่ดึงแท่งไฟที่ลุกไหม้ออกจากเตา แล้วเดินออกไปคล้ายไม่มีอันใดเกิดขึ้น
เมิ่งต้ากับนางเย่เห็นดังนั้นก็รีบหลบอย่างรวดเร็ว ขณะที่นางเหอก็ไม่กล้ารุดหน้าเข้าชนอย่างผลีผลาม
เวลานี้เมิ่งเจียนเจียตวงธัญพืชเสร็จแล้วและใส่ไว้ในถุงผ้าใบหนึ่ง ยังคงทำท่าราวกับให้ทานคน นางกล่าว “เมิ่งอู่ ข้าใส่ธัญพืชไว้ในถุงให้เ้าแล้ว”
แต่เมื่อเห็นเมิ่งอู่ถือแท่งไฟเดินตรงมาหานาง นางใมากจนยืนโง่งมอยู่ด้านหนึ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะเคลื่อนไหวชั่วขณะ
เมิ่งอู่ไม่ได้มองนางแม้แต่แวบเดียว เดินตรงผ่านข้างกายไป
นางเย่เพิ่งรู้สึกตัว อุทานลั่น “รีบขวางนางไว้! นางจะไปที่ยุ้งฉาง!”
แต่เมิ่งอู่มีแท่งไฟอยู่ในมือ ใครเล่าจะกล้าขวางนาง
เมื่อมาถึงยุ้งฉาง ยุ้งฉางนี้ทำจากไม้กระดาน และอาหารธัญพืชที่เก็บไว้ภายในล้วนเป็ของแห้งทั้งหมด
เมิ่งอู่ยืนอยู่ตรงทางเข้ายุ้งฉางพลางยิ้มให้ครอบครัวเมิ่งต้าที่หน้าซีดเผือดด้วยความกริ่งเกรง กล่าวว่า “หากเผาที่นี่ทิ้ง ข้าก็ไม่เสียใจ อย่างมากข้ากับแม่ก็แค่หาทางทำมาหากินด้วยวิธีอื่น ไม่ใช่ว่าไม่เคยมี่เวลาที่ยากลำบากซะหน่อย แต่ครอบครัวพวกท่านห้าคน ก่อนผลผลิตใหม่ของปีนี้จะออกคงต้องกินลมตะวันตกเฉียงเหนือ [2] ไยทุกคนไม่ลองลิ้มว่าความหิวโหยมีรสชาติอย่างไรเล่า?”
นางเย่รีบเกลี้ยกล่อม “เมิ่งอู่ เ้าใจเย็นๆ หน่อย! เจียนเจียตวงข้าวให้เ้าไม่พอใช่หรือไม่ หากไม่พอ พวกเราจะเพิ่มให้ดีหรือไม่?”
เมิ่งอู่เหลือบมองยุ้งฉางผาดหนึ่งแล้วกล่าว “ที่ดินของสองครอบครัวไม่ได้ต่างกันมากมาย ข้าไม่สนใจอาหารที่พวกเ้ากินเข้าไปเ่าั้ หรือที่ขายออกไปเ่าั้ก่อนหน้านี้ ถือเสียว่ามอบเป็ทานแก่พวกเ้า แต่ธัญพืชที่อยู่ในยุ้งฉางยามนี้ให้แบ่งครึ่งกัน”
นางเหอโวยวายทันควัน “แบ่งครึ่งกัน? เมิ่งอู่ เ้าสมองไม่ปกติใช่หรือไม่ แค่ให้อาหารเ้ากินก็ไม่เลวแล้ว ยังกล้าขอแบ่งครึ่ง!”
สีหน้าของนางเย่กับเมิ่งต้าก็น่าเกลียดมากเช่นกัน รู้สึกว่าเมิ่งอู่โลภมากดั่งงูที่พยายามจะกลืนช้างจริงๆ
นางเย่ข่มอารมณ์ได้ดีทีเดียว ขณะเมิ่งต้าก็แสดงตนเป็ผู้าุโในฐานะลุงใหญ่ กล่าวว่า “อาอู่ เ้านี่ทำแบบนี้ก็เกินไปหน่อย บ้านของพวกเรามีตั้งห้าคน ส่วนเ้ากับแม่ของเ้ามีแค่สองคน มิใช่ว่าเ้ากำลังทำให้พวกเราลำบากใจหรอกหรือ...”
เมิ่งอู่กล่าว “ที่ดินก็ถูกแบ่งกันไปนานแล้ว พืชผลก็เป็ข้ากับแม่ที่ปลูก นี่เกี่ยวอะไรกับจำนวนปากท้องในครอบครัวของพวกท่านด้วยเล่า?”
เมิ่งซวี่ซวีโกรธกรุ่น เอ่ยว่า “เ้า…เ้ายังไม่รีบวางแท่งไฟลงอีก ไม่รู้จักพอเช่นนี้ ระวังจะไม่มีจุดจบที่ดี!”
เมิ่งอู่เหลือบมองนางอย่างไม่ใส่ใจก่อนกล่าว “ไม่รู้จักพอหรือ? เช่นนั้นทุกคนก็อย่าเอาธัญพืชไปเลย รอจนเก็บเกี่ยวปลายฤดูร้อนปีนี้แล้วค่อยเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
กล่าวจบ นางก็ยกมือขึ้นจะโยนแท่งไฟในมือเข้าไปในยุ้งฉาง
เมิ่งต้ารีบะโห้าม แทบจะกัดฟันกล่าว “เมิ่งอู่! หยุดมือ! ข้าจะตวงธัญพืชให้เ้า!”
เมิ่งอู่ยิ้มในพริบตากล่าวว่า “นี่ถูกต้องแล้ว หนึ่งครอบครัวครึ่งหนึ่งย่อมดีกว่าเหลือเพียงเถ้าถ่านหนึ่งหยิบมือ เช่นนั้นก็รบกวนท่านลุงใหญ่แล้ว ก่อนนี้ท่านยืมหาบสองชุดไปจากบ้านข้ายังไม่คืน คราวนี้ก็ใช้ขนธัญพืชได้พอดี”
สุดท้ายคนบ้านเมิ่งต้าล้วนมีสีหน้าไม่สู้ดี แต่เมิ่งต้าก็ยังต้องนำหาบสองชุดที่เคยยืมมาจากบ้านของเมิ่งอู่แต่ไม่คืนมาใส่ธัญพืชจนเต็มทั้งสองชุด แล้ววางไว้ในลานเรือน
เดิมยุ้งฉางของครอบครัวเมิ่งต้าที่เคยอุดมสมบูรณ์พลันหายไปครึ่งหนึ่งในคราวเดียว
นางเหอกับนางเย่เคียดแค้นชิงชังยิ่งยวด นี่ราวกับเฉือนเนื้อของพวกนางไป เมิ่งเจียนเจียกับเมิ่งซวี่ซวีมองเมิ่งอู่ด้วยสายตาหนึ่งอาฆาตหนึ่งเคืองแค้น
เมิ่งต้าขนธัญพืชออกมา แต่จะให้เขาช่วยขนกลับไปให้เมิ่งอู่ย่อมเป็ไปไม่ได้
คานหาบธัญพืชสองชุดที่หนักอึ้งเยี่ยงนี้ ต่อให้มารดาของเมิ่งอู่มาด้วยก็คงทำอะไรไม่ได้
เมิ่งต้าคิดว่าเมิ่งอู่ต้องขนกลับไปกลับมาถึงสองรอบ พอนางตระหนักได้ว่าตนแบกหามรับน้ำหนักไม่ไหวก็คงจะช่างมันเถิด
แต่เมิ่งอู่เดินไปที่ประตูลานเรือน รออยู่ครู่หนึ่งก็เห็นชาวบ้านสองคนเดินทางกลับจากการทำงานข้างนอก จึงเรียกพวกเขาให้หยุด
ท่ามกลางสีหน้าตะลึงงันของคนในครอบครัวเมิ่งต้า เมิ่งอู่ขอให้ชาวบ้านทั้งสองคนช่วยขนธัญพืชทั้งสองชุดกลับไปที่เรือนของนาง โดยตอบแทนด้วยธัญพืชคนละครึ่งโต่ว
ยามเดินออกจากประตูลานเรือนของเมิ่งต้า ยังได้ยินเสียงนางเหอผรุสวาทตีอกกระทืบเท้าอยู่ในลานเรือน “ไฉนในครอบครัวถึงมีนางเด็กสารเลวที่น่าแทงให้ตายนับพันครั้งโผล่ออกมาเช่นนี้!”
ตราบใดที่ไม่พาดพิงถึงนางเซี่ย เมิ่งอู่ก็คร้านจะสนใจ ปล่อยให้นางปากเสียไป
นางเย่ยิ่งคิดยิ่งโกรธ หรี่ตาลง แววโเี้นิดหน่อยพาดผ่านในตา แต่นางสงบนิ่งสุขุมกว่านางเหอ กล่าวว่า “หลังเหตุการณ์จับนางถ่วงบึงน้ำ ข้าก็รู้สึกว่านางผิดปกติ ยามนี้ยิ่งเหมือนเปลี่ยนเป็คนละคนโดยสิ้นเชิง”
……….
[1] ตั้น (石) เป็หน่วยตวงข้าวสารหรือธัญพืชแห้งของจีนโดยในแต่ละสมัยแตกต่างกัน 1 ตั้นประมาณ 100 ลิตร
[2] หมายถึง อดอยากยากจน ไม่มีจะกิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้