อวิ๋นจื่อไม่ได้พบหญิงงามตรงหน้ามาเกือบครึ่งปีแล้ว ชิงซียังคงสวมอาภรณ์สีเขียวเหมือนหยกงาม เส้นผมยาวดำขลับของนางทิ้งตัวลงเหมือนน้ำตก คิ้วเรียวและดวงตาที่กระจ่างใสมีประกายแวววาวเหมือนดวงดาว
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาดูเหมือนหญิงสาวตรงหน้าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
แต่อวิ๋นจื่อกลับพบเจอความเปลี่ยนแปลงมากมายอย่างคาดไม่ถึง
“ปี้เหยียนไม่เจอกันนานเลยนะ” ชิงซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของนางทอประกายคล้ายดวงดาวระยิบระยับ ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายโดยไม่มีเหตุผล
“ข้าได้ยินคุณชายมู่บอกว่าเ้าไปทำการค้าที่แคว้นซินหลัว ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่?” อวิ๋นจื่อถามเบาๆ พลางส่งถ้วยชาให้อีกฝ่าย
ชิงซีรับถ้วยชาจากมืออวิ๋นจื่อแล้วกล่าวว่า “แน่นอน ทุกอย่างราบรื่นดี ไม่เช่นนั้นข้าจะเป็ประมุขได้อย่างไร แล้ว่นี้เ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
“ดีมาก” อวิ๋นจื่อเผยอริมฝีปากสีชาดของนางอย่างแ่เบา
ชิงซีหัวเราะ “พูดเป็เล่น ถ้าเ้ามีชีวิตที่ดีจริงๆ เหตุใดเ้าถึงอยากเจอข้า?”
อวิ๋นจื่อไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไร สุดท้ายนางจึงได้แต่ก้มหน้าและกล่าวว่า “อันที่จริง่นี้นับว่าแย่มาก ป้าอวิ๋นบอกว่าจะให้ข้าเข้าร่วมพิธีประชันสาวงาม” หลังจากพูดจบนางก็ก้มหน้าลงด้วยความอับอาย
ชิงซีเป็คนพิเศษ นางรับรู้ถึงความรู้สึกของอวิ๋นจื่อได้ ดังนั้นนางจึงยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “เ้าไม่ใช่คนเดิมที่เคยเป็อีกแล้ว เหตุใดเ้าจึงยังยึดติดอยู่กับตัวตนนั้น?”
ตอนแรกอวิ๋นจื่อไม่เข้าใจว่าชิงซีหมายถึงอะไร แต่หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าขาวผ่องราวกับหิมะของนางก็เปลี่ยนเป็แดงระเรื่อด้วยความลำบากใจ
ชิงซีกล่าวอีกครั้ง “เ้าแค่เป็ตัวของตัวเองก็พอแล้ว”
ดวงตาของอวิ๋นจื่อเต็มไปด้วยความโศกเศร้าก่อนจะกล่าวว่า “แต่ข้าจะเป็เ้าของตำหนักเหวินฮวาตลอดไป”
แน่นอนนางย่อมเป็ตัวของตัวเอง
เพียงแต่นางไม่สามารถนึกถึงแต่ตนเองได้
ก่อนที่เื่ราวทั้งหมดจะเกิดขึ้น อวิ๋นจื่อไม่เคยสนใจสิ่งใดนอกเหนือจากตนเอง นางเพียงรอให้พิธีปักปิ่นจบลง จากนั้นก็เข้าพิธีแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้การจัดการของเสด็จพ่อ แต่เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นชีวิตของนางจึงเปลี่ยนไป
นางถอนหายใจอย่างแ่เบา
ชิงซีมองอวิ๋นจื่อและนึกถึงหญิงสาวในชุดสีม่วงเมื่อหลายปีก่อน แม้ว่านางจะไม่เคยเห็นอวิ๋นจื่อชัดๆ แต่ชิงซีก็สามารถจินตนาการได้ว่าอวิ๋นจื่อเป็อย่างไรในตอนนั้น
แม้ว่าอวิ๋นจื่อจะยังเด็ก แต่นางก็เป็องค์หญิงน้อยของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน มีผู้คนคนห้อมล้อมเอาใจใส่มากมาย มีหลายอย่างในโลกกว้างนอกกำแพงวังที่นางไม่เคยได้ัั
“ข้ารู้ว่าเ้าคิดอะไรอยู่ เ้าอยากทำเพื่อตระกูลอวิ๋นแต่เ้ากลับตกหลุมรักเย่เช่อ”
ริมฝีปากสีแดงชาดของชิงซีแยกออกเล็กน้อย น้ำเสียงของนางราบเรียบ
อวิ๋นจื่อหน้าแดงและก้มหน้าลง
ชิงซีพูดถูก
“แต่สิ่งใดสำคัญกว่ากัน?” ชิงซีมองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง
สิ่งใดสำคัญกว่ากันน่ะหรือ?
ดูเหมือนว่าทั้งสองอย่างจะมีความสำคัญเท่ากัน!
ตระกูลอวิ๋นคือสายเืของนาง
ส่วนเย่เช่อคือคนที่นางไม่อยากทำให้ผิดหวัง
อันที่จริงทั้งสองอย่างล้วนมีความสำคัญ
“สำคัญเท่ากันหมด ข้าทำพร้อมกันไม่ได้หรือ?”
หญิงสาวอุทานด้วยความตื่นตระหนก
ชิงซีกล่าวว่า “เ้าต้องเลือกเพียงหนึ่งอย่างที่มีความสำคัญต่อเ้าจริงๆ ”
อวิ๋นจื่อก้มหน้าลง นางไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไร
ชิงซีจึงกล่าวต่อว่า “เอาล่ะ อย่าเพิ่งกล่าวถึงเื่นี้เลย เ้าอยากพบข้าเพราะพิธีประชันสาวงามน่ะหรือ?”
อวิ๋นจื่อพยักหน้า
“อย่ากังวล ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ ซูเจินเป็คนเชื่อถือได้” ชิงซีมองอวิ๋นจื่อด้วยดวงตาที่ลุกโชน
“เ้ารู้จักคุณชายซูหรือไม่?” อวิ๋นจื่อโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง “ข้าอยากรู้ว่าเขาเป็คนแบบใด” นางกล่าวเสริม
ชิงซียิ้ม “เ้าจะได้รู้ในอนาคต ไม่ต้องกังวล ข้าต้องไปแล้ว เย่เช่อกำลังจะมา”
…
หลังจากที่ชิงซีจากไปเย่เช่อก็มาถึง วันนี้เขาสวมชุดสีขาวดูสะอาดตา เขาดูเหมือนคุณชายชายตระกูลบัณฑิตจริงๆ เมื่อเห็นอวิ๋นจื่อกำลังมองมาที่เขา เย่เช่อก็ถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ดีหรือ?”
อวิ๋นจื่อส่งเสียง “อ่า” ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านนี่หลงตัวเองจริงๆ! ข้ามักเห็นท่านในชุดฝึกวรยุทธ์ แต่การพบกันในวันนี้ทำให้ข้ารู้สึกแปลกตาเล็กน้อย”
เย่เช่อถามอย่างสงสัย “จริงหรือ? แต่ทุกคนบอกว่าข้าดูดีในชุดสีขาว แต่ข้าไม่ชอบใส่สีนี้ โดยปกติแล้วข้าชอบสีดำมากกว่า มันซ่อนคราบเืได้ดีทีเดียว”
ประโยคดังกล่าวทำให้ความทรงจำของอวิ๋นจื่อหวนกลับมา หัวใจของนางรู้สึกเ็ปแต่ก็ยังแสร้งทำเป็ชมเชยเขา “คุณชายสวมชุดขาวช่างดูดีจริงๆ ราวกับเทพเซียนจากเก้า์”
เย่เช่อกล่าวว่า “ถ้าข้าเป็เทพเซียนจากเก้า์เ้าก็ต้องเป็เทพธิดาที่แอบหนีลงมาที่นี่ มีเพียงข้าเท่านั้นที่คู่ควรกับเ้า จริงหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อยิ้มบางๆ “ย่อมเป็เื่จริง”
เย่เช่อหยิบของบางอย่างออกจากแขนเสื้อ “นี่คือบ๊วยหวานจากถนนฉางหนิง ข้าได้ยินมาว่ามันอร่อยมาก เ้าอยากลองชิมดูหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อหยิบบ๊วยหวานเข้าปาก มันมีรสเปรี้ยวอมหวาน รสชาติดังกล่าวให้ความรู้สึกสดชื่นและติดค้างอยู่ในลำคอเป็เวลานาน
เปรียบได้กับความสัมพันธ์ที่อยากจะเก็บเอาไว้ในใจ
นางยิ้มตาหยีและกล่าวโดยไม่รู้ตัวว่า “ข้าชอบกินผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน ท่านแม่ของข้ามักบอกว่าข้าตะกละเกินไป ถึงอย่างนั้นจินเหนียงก็คอยป้อนข้าทุกครั้ง…” ริมฝีปากของนางสั่นเล็กน้อย นางเกือบจะหลุดปากออกมาว่า ‘ข้ามักแอบออกนอกวังเพื่อซื้อผลไม้’ แต่นางก็แสร้งกระแอมก่อนจะกล่าวว่า “ข้ากับจินเหนียงมักแอบท่านแม่ออกจากบ้านเพื่อซื้อผลไม้”
เย่เช่อยิ้มและกล่าวว่า “ซูเจินบอกข้าแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อ ปรากฏว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ อย่างเ้ากลับชอบทานอาหารรสเปรี้ยวอมหวาน ในเมื่อเ้าชอบข้าก็จะซื้อให้เ้าบ่อยๆ แต่เ้าต้องกินให้น้อยหน่อย ของแบบนี้มักทำให้ฟันผุ”
อวิ๋นจื่อทนฟังคำกล่าวนั้นไม่ได้ “ท่านพูดจาราวกับคนแก่ไม่มีผิด นี่เป็คำพูดไร้สาระ ข้าไม่้าได้ยิน!”
เมื่อเห็นท่าทางขุ่นเคืองของนางเย่เช่อก็ยิ้มกว้าง นางเหมือนแมวตัวเล็กๆ ที่ชอบข่วนหัวใจของเขาให้เกิดความหวานจนเขาไม่สามารถห้ามใจตนเองได้ “ช่างบังเอิญจริงๆ ข้าก็ถูกคนแก่เลี้ยงดูมาจนติดนิสัยของคนแก่มาเหมือนกัน”
อวิ๋นจื่อเงยหน้าขึ้นสบตาเย่เช่อ ดวงตาของเขางดงามสว่างไสวราวกับดวงดาวบน์ชั้นเก้า นาง้าที่จะคว้ามันไว้และไม่อยากปล่อยมือไป
ทั้งสองมองหน้ากัน สายตาประสานกัน
อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
จูบที่อ่อนโยนและอ้อยอิ่งโอบล้อมทั้งสองไว้อย่างอ่อนโยน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้