ฉินอวี่กวาดสายตามองไปรอบถ้ำอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบร่องรอยของเด็กผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่น้อย หากไม่ได้มองเห็นด้วยตาตนเอง เขาก็อาจคิดว่าเป็เพียงภาพลวงตา
“เป็ไปได้หรือไม่ว่าทุกครั้งที่เพลิงมรณะเคลื่อนไหวจะมีสาเหตุมาจากิญญามรณะนี้? ิญญามรณะตนนี้สามารถดูดซับเพลิงมรณะได้หรือ?” ฉินอวี่ระงับความใเอาไว้ และกวาดสายตาไปโดยรอบ แม้ว่าจะไม่พบเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอีก แต่ฉินอวี่ก็แน่ใจว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะต้องอยู่ในถ้าแห่งนี้
“ใต้เท้า ออกมาเถอะ” ฉินอวี่พูดขึ้นเบาๆ
ถ้ำยังคงเงียบสนิท ไร้คนตอบกลับ
ฉินอวี่ขมวดคิ้วแน่น จากนั้นจึงเรียกวิชาเซียนมรรคา์ออกมา เพลิงมรณะก็ลุกโชติ่ขึ้นอีกครั้ง เปลวเพลิงส่องสว่างไปทั้งถ้ำ แต่ก็ยังไม่พบเจอเด็กผู้หญิงคนนั้น
ไปแล้วหรือ?
ฉินอวี่จ้องตรงไปยังสถานที่ที่เด็กผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ และขมวดคิ้วแน่นทันที
“หรือเด็กคนนั้นคือสาเหตุที่ทำให้เพลิงมรณะต้องสั่นไหวทุกครั้ง? หรืออาจกล่าวได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ได้ติดตามข้ามาั้แ่เข้ามายังแดนมรณะแล้ว? แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นจะใช่ิญญามรณะหรือไม่? หากนางเป็ิญญามรณะ แล้วทำไมนางจึงไม่ยอมโจมตี?” ฉินอวี่กล่าวพลางครุ่นคิด
ตามบันทึกในตำราโบราณิญญามรณะจะได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพลังมรณะ ร่างของมันถูกหล่อหลอมมาจากพลังมรณะ ิญญาอัคคีตนนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แต่ก็เป็สิ่งที่สร้างได้ยากยิ่งและรุนแรงกว่าิญญาอัคคี เป็สิ่งที่ต้องอาศัยพลังของฟ้าดิน และจะกลายเป็สิ่งวิเศษในอนาคต
“ข้าอาจกำลังคิดมากไป เงื่อนไขของิญญาอัคคีแปรเปลี่ยนรุนแรงยิ่งขึ้น พลังความตายที่เข้มขึ้นถึงขีดสุดเท่านั้นจึงจะเรียกขยายพันธุ์ออกมาได้ หรือพูดโดยทั่วไปแล้ว จะมีเพียงสนามรบยุคาเท่านั้นที่จะมีพลังมรณะที่เข้มข้นเช่นนี้ หรือว่าแดนมรณะแห่งนี้เคยเป็สนามรบมาก่อน?”
“หรือบรรพชนของหยาจื้อจะมีเจตนาที่จะให้แดนมรณะแห่งนี้อยู่บนหอคอยขัดเกลาชั้นที่เจ็ด? เพื่อหล่อเลี้ยงิญญามรณะงั้นหรือ?”
“หากไม่เป็เช่นนั้น จะอธิบายเื่แดนมรณะแห่งนี้ได้เช่นไร? แดนมรณะถูกสร้างขึ้นโดยบรรพชนของหยาจื้อ ไม่มีเหตุผลใดเลยที่เขาจะต้องสร้างแดนมรณะเอาไว้บนชั้นที่เจ็ดของหอคอยขัดเกลา ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังทิ้งเืของหยาจื้อเอาไว้ในชั้นที่เจ็ดนี้อีกด้วย นี่้าให้คนรุ่นหลังเข้าไปตายกันหรืออย่างไร?”
“เดี๋ยวนะ”
“แดนมรณะแห่งนี้เกี่ยวข้องกับจอมอสูรที่ถูกบรรพชนหยาจื้อสะกดเอาไว้หรือเปล่านะ? หรืออาจบอกได้ว่า เดิมแล้วแดนมรณะแห่งนี้เป็สิ่งที่บรรพชนหยาจื้อ่ชิงมาจากจอมอสูรร้าย? และอาจเป็ไปได้ว่าจอมอสูรนั่นจะเป็สายเืพยนต์มรณะ?”
“แต่ทำไมบรรพชนหยาจื้อต้องย้ายแดนมรณะมายังชั้นเจ็ดของหอคอยขัดเกลาด้วยเล่า? อีกทั้งยังจำกัดระดับการฝึกฝนของผู้ที่จะเข้ามาอีกด้วย?” ฉินอวี่พูดกับตนเองและครุ่นคิดอยู่นานอย่างไม่ได้อะไรเพิ่มเติม จากนั้นจึงมองไปยังจุดที่เด็กผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ แล้วจึงระงับความคิดทุกอย่างเอาไว้ และเริ่มใช้วิชาเซียนมรรคา์อีกครั้ง เพื่อทดลองการยกระดับฝึกฝนสู่ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สาม
ก่อนหน้านี้ฉินอวี่เกือบจะทะลุผ่านไปได้แล้ว แต่เพราะความรู้สึกอันตรายที่เกิดขึ้นจึงขัดจังหวะการฝึกฝนของเขา
นอกจากนี้ ฉินอวี่ก็้าจะดูว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะกลับมาอีกหรือไม่ ในเมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่โจมตีตนเอง ฉินอวี่จึงไม่จำเป็ต้องระวังมากนัก หากเขาสามารถเก็บิญญามรณะไว้ได้สักตน ก็นับว่าเป็ความโชคดีอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
ิญญามรณะจัดเป็วัตถุพลังหยินขั้นสูง ต่อไปภายหน้าจะต้องเป็พลังที่คอยช่วยเขาได้มากในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถอาศัยความรู้ของิญญามรณะเพื่อทำความเข้าใจวิถีมรณะได้อีกด้วย!
ในฐานะมนุษย์บนโลก ฉินอวี่แตกต่างจากพวกหยาจื้อสิบสามฝ่าย หรือจะเหมือนดั่งถงอวิ๋นเฟยที่มีสายเื์แต่กำเนิด เขาไม่มีพลังที่แข็งแกร่งมากพอจะสนับสนุนตนเอง อาศัยได้เพียงความรู้และประสบการณ์ของตนเองเท่านั้น หากว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือิญญามรณะจริงๆ ดังนั้น ฉินอวี่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้เป็ประโยชน์ต่อตนเองมากที่สุด
เมื่อระดับเทียนชุ่ยชั้นที่สองก้าวเข้าสู่ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สาม จะทำให้ไข่มุกโลหิตกลายเป็โอสถโลหิต เดิมแล้วฉินอวี่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง ซึ่งเป็เื่ง่ายที่เขาจะเข้าสู่ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สามได้อย่างง่ายดาย
แต่ใช้เวลาไม่ถึงสิบวัน ฉินอวี่ก็เข้าสู่ขั้นเทียนขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สามได้สำเร็จ
ถึงอย่างนั้นฉินอวี่ก็ยังไม่หยุดใช้วิชาเซียนมรรคา์ ในขณะที่เขากำลังทำอยู่เช่นนั้น เขาก็พยายามดูอย่างละเอียดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่แห่งนี้หรือไม่ เป็เพราะไม่สามารถใช้มโนจิตได้ ฉินอวี่จึงไม่มีวิธีจะััถึงนาง หลังจากลังเลอยู่นาน เขาก็ได้แต่หรี่ตาลง
ครั้งนี้ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็กลับมาจริงๆ และยังคงดูดซับเพลิงมรณะอยู่เช่นเคย
ดูเหมือนว่าเด็กผู้หญิงจะไม่ทันสังเกตเห็นว่าฉินอวี่ได้ลืมตาขึ้นมา เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังหลับตาดูดซับพลัง ฉินอวี่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และมองเด็กผู้หญิงคนนี้อย่างละเอียด
เมื่อมองจากภายนอก นอกจากลมหายใจอันเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาและผิวอันซีดขาวแล้ว ก็แทบไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเลย มีผมยาวถึงเอว ใบหน้าดูงดงามเป็พิเศษ หากมีสีของเืเล็กน้อย ก็ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาอันแสนงดงาม
“น่าจะเป็ิญญามรณะแน่นอนแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าแดนมรณะแห่งนี้มีความลับอะไรอยู่กันแน่ จึงสามารถหล่อเลี้ยงิญญามรณะได้” ฉินอวี่แปลกประหลาดอยู่ในใจ เด็กผู้หญิงคนนี้มีสติปัญญาอย่างชัดเจน อีกทั้งทั่วทั้งร่างของนางยังเต็มไปด้วยลมหายใจที่เยือกเย็น และยังสามารถดูดซับเพลิงมรณะได้ ย่อมเป็ที่แน่ใจได้แล้วว่านางคือิญญามรณะ
ทันใดนั้น ฉินอวี่ก็ควบคุมเพลิงมรณะส่วนเล็กๆ รวมเอาไว้กลางฝ่ามือข้างขวา จากนั้นจึงค่อยๆ ยกมือขึ้น และยื่นเพลิงมรณะให้กับเด็กผู้หญิงคนนั้น
ดวงตาของเด็กผู้หญิงคนนั้นลืมขึ้นทันที รูม่านตาที่มีสีสันสดใสของนางเปล่งประกายขึ้น ในเวลานี้ โลกทั้งใบของฉินอวี่ก็เหมือนถูกระงับไว้ภายในหัวใจของเขา
พลังอันน่าสะพรึงกลัว ิญญามรณะที่น่าสะพรึงกลัว!
“ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย” ฉินอวี่ระงับพลังปราณอันพลุ่งพล่านในใจของเขาเอาไว้ และพยายามควบคุมน้ำเสียงของตนเอง ก่อนจะพูดไปเบาๆ
สายตาอันแปลกประหลาดของเด็กผู้หญิงคนนั้นจ้องตรงไปยังฉินอวี่อย่างเยือกเย็น และค่อยๆ เคลื่อนสายตาไปยังฝ่ามือของฉินอวี่
ทันใดนั้น ฉินอวี่ก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางฝ่ามือ และเมื่อเพลิงมรณะนั้นหายไป เด็กผู้หญิงคนนั้นก็หายไปด้วยเช่นกัน
หลังจากแน่ใจว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว ฉินอวี่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ความน่าเกรงขามของิญญามรณะนี้น่ากลัวเกินไป เมื่อถูกนางจ้องมองเช่นนี้ ฉินอวี่ก็รู้สึกเหมือนฟ้าดินจะพังทลาย ยากที่จะเชื่อนัก ว่าิญญามรณะที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานจะมีพลังที่น่าสะพรึงเช่นนี้
“ไม่ใช่สิ หากอาศัยมองเพียงลมปราณนี้ พละกำลังของนางไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แล้วเหตุใดนางจึงไม่สังหารข้าและ่ชิงเพลิงมรณะไปล่ะ?” ทันใดนั้นฉินอวี่ก็นึกถึงเื่นี้ขึ้นมาทันที โดยหลักแล้ว ิญญามรณะมีความดุร้าย บ้าเื และโมโหร้ายโดยกำเนิด หาก้าเพลิงมรณะ ก็คงจะต้อง่ชิงไปนานแล้วจึงจะถูก แต่นางกลับไม่ทำเช่นนั้น?
ฉินอวี่ไม่ค่อยกล้าคิดว่าตนเองโชคดี เื่พิเศษย่อมมีเหตุผลของมันเอง
“หรือว่าจะเป็เพราะพลังอสุนีบาต?” ฉินอวี่นึกถึงเมล็ดพันธุ์คืนชีพขึ้นมาได้ จากนั้นจึงมองไปยังเมล็ดพันธุ์คืนชีพที่แปลงมาจากอสุนีบาต พลางครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่
“จะต้องเป็เช่นนี้แน่นอน ิญญามรณะคือวัตถุพลังหยินระดับสูง และอสุนีบาตจัดเป็วัตถุพลังหยาง แต่ิญญานี้ยังไม่เติบโต ดังนั้นจึงเกรงกลัวอสุนีบาต!” หลังจากฉินอวี่แน่ใจแล้ว ในใจของเขาก็รู้สึกโล่ง ยังดีที่มีพลังของอสุนีบาต ไม่เช่นนั้นคงต้องตายอยู่ในมือของิญญามรณะเป็แน่
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉินอวี่ก็วางใจลงไปได้
ทันใดนั้น ฉินอวี่ก็เริ่มใช้วิชาเซียนมรรคา์ และรอให้ิญญามรณะปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ประมาณสิบวันต่อมา ิญญามรณะก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แต่หลังจากชิงเพลิงมรณะไปจากฉินอวี่นางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง
ในอีกครั้งหนึ่ง ฉินอวี่ตั้งใจให้ิญญามรณะชิงเพลิงมรณะไป และทุกครั้งที่ิญญามรณะลงมือเสร็จก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยทุกครั้งไป
อีกครั้ง ฉินอวี่ได้อาศัย่ที่ิญญามรณะปรากฏขึ้น ทำการรวบรวมเพลิงมรณะออกมาส่วนหนึ่ง และยื่นให้ิญญามรณะ
ิญญามรณะชิงออกไปจากมือเขาทันที จากนั้นจึงโยนมันเข้าปากและกลืนกินเพลิงมรณะเข้าไป ราวกับจะเข้าใจได้ว่าฉินอวี่ไม่ได้้าทำร้ายนาง และในครั้งนี้ิญญามรณะไม่ได้หายไปไหน แต่กลับนั่งลงตรงหน้าฉินอวี่ และมองดูฝ่ามือของฉินอวี่อย่างน่าสงสาร
ฉินอวี่ไม่สนใจต่อความน่าสงสารของิญญามรณะ และพูดอย่างช้าๆ “เ้าชื่ออะไร?”
เด็กผู้หญิงคนนั้นทำไม่รู้ไม่เห็น และจ้องฝ่ามือของฉินอวี่ตลอดเวลา ราวกับว่าไม่อาจทนรอได้แล้ว เด็กผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้ฉินอวี่ และด้วยความไร้เดียงสาของนาง นอกจากจะไม่น่ากลัวแล้ว กลับดูน่ารักอีกด้วย
“ไม่มีชื่อหรือ? ต่อไปข้าขอเรียกเ้าว่าเสี่ยวหลิง เป็อย่างไร?” ฉินอวี่พูดอย่างช้าๆ พลางระงับความตื่นเต้นในหัวใจของเขาไว้
เด็กผู้หญิงเงยหน้าขึ้น ั์ตาอันสดใสของนางก็พร่ามัวลง
“จำไว้นะ ชื่อของเ้าคือเสี่ยวหลิง” ฉินอวี่พูดอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย และรู้สึกเหมือนกำลังหลอกลวงเด็กตัวน้อยอยู่
ั์ตาอันสดใสของเด็กผู้หญิงก็ดูพร่ามัวมากขึ้น เรากับไม่เข้าใจสักเท่าไร จากนั้นครู่หนึ่งเด็กผู้หญิงคนนี้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นจากไป ฉินอวี่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ครั้งนี้เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ปลดปล่อยพลังออกมาจนฉินอวี่ก็เริ่มรู้สึกกลัว ราวกับว่าทั่วทั้งฟ้าดินกำลังจะถล่มลงมา ทำให้ฉินอวี่ต้องจุ๊ปากขึ้นทันที โดยทั่วไปแล้ว แม้ว่าิญญามรณะจะแข็งแกร่ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะน่ากลัวเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คงจะเพิ่งถือกำเนิดออกมาได้ไม่นาน
“จะเป็ไปได้หรือไม่ บรรพชนหยาจื้อสะกดจอมอสูรร้ายไว้ ก็เพราะเื่แดนขัดเกลาแห่งนี้? หรืออาจพูดได้ว่า เพื่อิญญามรณะนี้?” เมื่อหวนนึกถึงพลังอันแข็งแกร่งนั้น ในใจของฉินอวี่ก็มีความคิดเช่นนี้ขึ้นมา
และความคิดเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้ฉินอวี่ใอย่างยิ่ง
