ณ คฤหาสน์ท่านเ้าเมือง
“หยุนจิ่น เ้าว่า ยาิญญานี้จะได้ผลไหม?” เซ่าเจี้ยนหลิ่นเอ่ยถาม ในขณะที่ถือขวดยาิญญาสีทองอยู่ในมือ เขาไม่ค่อยแน่ใจในยานี้เท่าไรนัก จึงอยากถามหยุนจิ่น เพื่อความสบายใจ
“สีสันดูสวยงามก็จริงอยู่ แต่ประสิทธิภาพจะเป็อย่างไร ก็พูดยากอยู่เหมือนกัน แต่หานรุ่ยคงไม่หลอกลวงพวกเราหรอก หานรุ่ยเชื่อถือได้” หยุนจิ่นกล่าว แต่เขาเองก็ไม่ได้มั่นใจเท่าไร
“ถ้าอย่างนั้นลองดูเลยไหม?” เซ่าเจี้ยนหลิ่นเอ่ยขึ้น เขาหมดหนทางแล้ว เขาพบเย้าซือและเย้าตานมามากมาย ทุกคนต่างกล่าวว่า เขาหมดหนทางที่จะรักษาแล้ว แต่บัดนี้มีแสงแห่งความหวังอยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่อยากยอมแพ้ ตอนนี้เขาเป็ดั่งคนตกน้ำที่ดิ้นรนตะเกียกตะกายหนีตายอยู่ ในเมื่อเจอท่อนไม้ท่อนหนึ่งอยู่เบื้องหน้าแล้ว เขาก็ควรจะคว้ามันไว้
“ความจริงแล้ว ข้าไม่คิดว่า ท่านจะยอมเจรจาต่อรองกับหานรุ่ยและเ้าหนุ่มจุนห่าวนั่นนะ ข้ายังเกรงว่า ท่านจะเกิดบันดาลโทสะและไล่ตะเพิดพวกเขาไปเสียด้วยซ้ำ” หยุนจิ่นพูดอย่างงงงัน เขารู้จักนิสัยและอารมณ์ของเซ่าเจี้ยนหลิ่นดี ก็หานรุ่ยกับจุนห่าวเล่นมาเปิดเผยาแที่เซ่าเจี้ยนหลิ่นปกปิดมานานหลายปีแบบนี้
“เ้าคิดว่า ข้าเป็คนหุนหันพลันแล่นเช่นนั้นหรือ? ไม่ว่าอย่างไรหานรุ่ยก็คือคนของตระกูลหาน ต่อให้เขาเอ่ยขอตัวซวงเอ๋อร์จางหนิงไปตรง ๆ กับข้า ข้าก็ต้องให้เขา ข้าจะไม่เห็นแก่ความแค้นส่วนตัว จนทำให้ตระกูลเซ่าต้องตกอยู่ในอันตรายหรอก อีกอย่างเซ่าหานอี้เป็ฝ่ายหาเื่ใส่ตัวเอง ทุกคนต่างกล่าวว่า หมาจนตรอกยังะโกำแพง นับประสาอะไรกับกระต่ายที่ร้อนรนจนกัดคนล่ะ? เขาเอาแต่บีบบังคับคนอื่นให้พบกับจุดจบ ถูกตอบโต้กลับบ้างก็สมควรแล้ว เป็เพราะผลกรรมที่เขาเมินเฉยมาหลายปี เขาเอาแต่ทำร้ายผู้อื่น ผู้อื่นเลยกลับมาทำร้ายตนเองบ้าง หลายปีมานี้ไม่รู้ว่า เซ่าหานอี้ทำเื่ชั่วช้าไปเท่าไรบ้าง บัดนี้เขาก็เป็ฝ่ายถูกตอบโต้บ้างแล้ว ทั้งนี้ข้ายังคงโอบกอดประกายแห่งความหวังเอาไว้อยู่ ใครจะไม่อยากมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์บ้างล่ะ นี่เป็ปมในใจของข้า หากแก้ปมนี้ไม่ได้ พลังปราณของข้าก็คงยากที่จะก้าวหน้า แต่บัดนี้ข้ามีความหวังแล้ว แม้ว่าจะหวาดกลัวเพียงใด ข้าก็จักไม่ยอมแพ้” เมื่อกล่าวจบ เซ่าเจี้ยนหลิ่นก็เปิดขวดยา และเงยหน้ากระดกยาดื่มทันที
“นี่ ท่านอย่ารีบร้อนดื่มเกินไปสิ เรายังไม่ได้ตามเย้าซือมาดูเลยว่า ยาิญญานี้มีปัญหาใดหรือไม่” หยุนจิ่นเอ่ยขึ้น เมื่อเขาเห็นเซ่าเจี้ยนหลิ่นกระดกยาขึ้นดื่ม เขาไม่คิดเลยว่า ครั้งนี้เซ่าเจี้ยนหลิ่นจะบุ่มบ่ามเช่นนี้ ถึงขนาดที่ไม่ตรวจสอบที่ไปที่มาของยานี้ก่อน แล้วดื่มมันไปเสียเลย
“ไม่ต้องกังวลไป ข้ารับรู้ได้ว่า เ้าหนุ่มสองคนนั้นไม่ทำร้ายข้าหรอก ดูจากหน้าตาก็รู้แล้วว่า ไม่ได้เป็คนชั่วร้ายอะไร คนที่ไม่ควรสงสัยกลับน่าสงสัยที่สุด นี่คือความหวังสุดท้ายของข้าแล้ว” เซ่าเจี้ยนหลิ่นปลอบใจหยุนจิ่น จริง ๆ เป็เพราะเขาไม่มีอะไรจะเสียแล้วต่างหาก
“เป็อย่างไรบ้าง?” หยุนจิ่นถาม เขาเองก็หวังว่า ยาจะได้ผล พวกเขาจะได้มีลูกของตัวเองกันสักที
เซ่าเจี้ยนหลิ่นสังเกตอาการอยู่สักพัก ก็พลันลุกขึ้นยืน พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างดีใจว่า “หยุนจิ่น ข้ารู้สึกแล้ว ข้ารู้สึกจริง ๆ” เมื่อกล่าวจบ เขาก็เข้าไปสวมกอดหยุนจิ่นพร้อมน้ำตาแห่งความตื้นตันใจ ในที่สุดเขาก็ได้หลุดพ้นจากความอัปยศนี้เสียที หลายปีที่ผ่านมา มีคนแอบหัวเราะเยาะเขามากมาย ถึงขนาดที่เขานับไม่หวาดไม่ไหว
“ยอดเยี่ยมจริง ๆ เยี่ยมเหลือเกิน” หยุนจิ่นกอดเซ่าเจี้ยนหลิ่นตอบ หลายปีที่ผ่านมา เขาก็เศร้าใจไปไม่น้อยกว่าเซ่าเจี้ยนหลิ่นเช่นกัน ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงเสียที
ต่างจากหลานชายของเขา จวนของเซ่าหานอี้นั้น วุ่นวายดั่งมีพายุโหมกระหน่ำ เซ่าหานอี้ไม่อาจยอมรับความจริงในเื่นี้ได้ แม้ว่าเขาจะเป็ลูกผู้ลากมากดีที่ไม่เอาไหน แม้ว่าเขาจะไม่เอาการเอางาน แต่เขาก็ไม่ได้เป็คนที่โง่เขลา ท่านปู่ทอดทิ้งเขาแล้ว เขารู้ตัวดีว่า เขาไม่มีพร์ในด้านการบำเพ็ญเพียร เขาเคยพยายามแล้ว แต่ทักษะของเขาแย่เหลือเกิน ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น สุดท้ายเขาจึงถอดใจ เพราะถึงเขาจะไม่ได้มีพลังปราณที่สูงส่ง แต่เขาก็ยังมีคนที่มีพลังปราณระดับสูงคอยคุ้มกันอยู่ ก็ใครให้เขาเกิดมามีชาติตระกูลที่ดีเช่นนี้กันล่ะ ผู้อื่นก็ได้แต่อิจฉาเขาเื่นี้ ต้องโทษไอ้สารเลวจางหนิงนั่นคนเดียว ที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเขา เขาไม่ปล่อยให้มันลอยนวลแน่ เซ่าหานอี้นึกคิดพลางกำหมัดของเขาแน่น
