ณ อาณาจักรจ้าว ผู้ปลุกิญญาาขั้นเหลืองได้จะถือว่าเป็อัจฉริยะ ส่วนผู้ปลุกิญญาาขั้นเขียวได้จะเรียกว่าสัตว์ประหลาด และเฟิงเฉียนก็คือสัตว์ประหลาด ไม่เพียงแต่มีพลังแกร่งกล้า แต่ยังมีพร์ล้ำเลิศ ดังนั้นสำนักยุทธ์จึงโปรดปรานและรับเป็ศิษย์
“เห็นหรือยัง ที่ผ่านมาข้ายังไม่ได้ทุ่มอย่างสุดกำลัง ิญญาาขั้นเขียวไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเ้าจะเทียบเคียงได้” เฟิงเฉียนกล่าวอย่างหยิ่งผยอง
“ขั้นเขียวหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มแต่ไม่โต้แย้งอะไรอีกฝ่าย แม้ิญญาาของเฟิงเฉียนจะทรงพลัง แต่จะนำมาเปรียบเทียบกับิญญาาเทพัขั้นครามของเย่เฟิงได้อย่างไร เขาก็แค่ไม่คิดจะเปิดเผยให้ใครรู้ก็เท่านั้น ดังนั้นมีน้อยครั้งที่จะทำให้เขาปลดปล่อยิญญาาในการต่อสู้ได้ เขาจึงจงใจกดพลังิญญาาให้อยู่ขั้นเขียว ทำให้ผู้คนคิดไปว่าิญญาาที่เขาปลุกอยู่ขั้นเขียว
“แค่ขั้นเขียว ฆ่าเ้าก็เป็เื่ง่ายดาย!” เฟิงเฉียนกล่าวเสียงเย็น เขาชูมีดพร้อมิญญาามีดคลั่งปลดปล่อยแสงจ้า ตอบสนองต่อมีดของเฟิงเฉียนและกู่ร้องเสียงดัง มีดอาศัยพลังิญญาา ทำให้พลังของมันทรงอานุภาพขึ้น เมื่อมีดตวัดออกไป ฟ้าดินพลันเปลี่ยนสี เวทีประลองถูกปกคลุมไปด้วยรังสีมีดนั่น
ขณะที่เย่เฟิงมองรังสีมีดที่จู่โจมมาก็รู้สึกใเล็กน้อย พลางคิดในใจว่า “เฟิงเฉียนสมกับเป็ผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา การโจมตีนี้เพียงพอจะฆ่าผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาธรรมดาได้ง่าย ๆ”
เย่เฟิงพลันก้าวออกมาพร้อมเคล็ดวิชาย่างก้าวดาวตกผีเสื้อโคจร บนร่างเรืองรองด้วยแสงดารา ก่อนจะหลบรังสีมีดในชั่วพริบตา ตามมาด้วยเสียงดังะเิ เวทีประลองสั่นไหวและปรากฏรอยมีดเป็ทางยาว
“จะหนีไปไหน!” เฟิงเฉียนตวาดอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นเขาเคลื่อนไหวอีกครั้งและเข้าประชิดตัวเย่เฟิงให้มากที่สุด ก่อนตวัดมีดโจมตีเย่เฟิง
“กึก!” เย่เฟิงหยุดชะงัก เขาแทงหอกออกไป ก่อนจะเข้าปะทะกับมีดนั่น ตัวหอกสั่นเทาไม่หยุด ทั้งเย่เฟิงและเฟิงเฉียนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว สายตาต่างจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเอาเป็เอาตาย
การประลองยังคงดำเนินต่ออย่างดุเดือด เย่เฟิงกับเฟิงเฉียนปะทะกันอย่างรุนแรง พลอยทำให้เวทีประลองสั่นะเืไปด้วย ผู้คนต่างก็ตกตะลึงกับพลังของทั้งสองคนที่แข็งแกร่งมากเกินไป โดยเฉพาะเย่เฟิง ในสถานการณ์ที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าเฟิงเฉียน แต่ก็ยังคงสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างสูสี กระทั่งเป็ฝ่ายได้เปรียบกว่าด้วยซ้ำ
เฟิงเฉียนไม่แสดงความอ่อนแอออกมา และิญญาามีดคลั่งก็ช่วยเขาไว้ไม่น้อย ทุกครั้งที่พึ่งพาพลังิญญาาในการโจมตี พลังของมันช่างน่าทึ่งมาก ทำให้เย่เฟิงต้องระวังตัวเป็พิเศษ
การประลองที่ดุเดือดทำให้ผู้คนใจเต้นแรง ทุกสายตาต่างจับจ้องศึกต่อสู้บนเวทีประลองอย่างไม่วางตา
“มีดคลั่งทลายฟ้า!” เมื่อเฟิงเฉียนหลบการโจมตีของเย่เฟิงได้ก็ปลดปล่อยพลังมีดทันที รังสีมีดพาดผ่านท้องฟ้า เคลื่อนที่ไปหาเย่เฟิงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ มีดนี้ผสานด้วยพลังมหาศาลของเฟิงเฉียน เรียกได้ว่าเป็การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุด!
เย่เฟิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ฝีเท้ากลับไม่ถอยหลัง นี่ทำให้ผู้คนประหลาดใจ พวกเขาไม่รู้ว่าเย่เฟิงคิดจะทำอะไร เมื่อเย่เฟิงเข้าไปใกล้เฟิงเฉียน พลังดาราเริ่มโคจรรอบกายอีกครั้ง รังสีมีดจู่โจมมา ส่วนเย่เฟิงเบี่ยงตัวหลบ แต่รังสีมีดนั่นกรีดผ่านตัวเขา กระทั่งเย่เฟิงััถึงไอเย็นที่แผ่ออกจากรังสีมีดได้ ทำให้เขารู้สึกเจ็บตรงิั ถึงอย่างนั้นวินาทีที่รังสีมีดจู่โจมมา เย่เฟิงก็แทงหอกออกไป รังสีหอกเร็วประหนึ่งลำแสงก็ไม่ปาน
เฟิงเฉียนเผยสีหน้าตึงเครียด เขาหลบรังสีหอกอย่างรวดเร็ว แต่ในเวลาเดียวกันฝ่ามือนับไม่ถ้วนกระหน่ำโจมตีเขาจากทั่วทิศทาง เฟิงเฉียนต้องแผดเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เขายกมือปล่อยการโจมตี ก่อนจะปะทะกับฝ่ามือของเย่เฟิง
“ปัง!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว เฟิงเฉียนรู้สึกว่าการโจมตีของเย่เฟิงแข็งแกร่งเกินไป มันทำแขนของเขาชา ตัวสั่นสะท้านแรง ฝีเท้าอดก้าวถอยหลังไม่ได้
“แกร่งมาก การโจมตีนี้ช่างร้ายกาจนัก ไม่รู้ว่าเย่เฟิงคนนี้ไปฝึกเคล็ดวิชาที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้ได้ยังไง ถึงทำให้พลังกายแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายา ไม่ว่าใครจะปะทะกับเขาก็เท่ากับรนหาที่ตายชัด ๆ” ผู้คนต่างตกตะลึงขณะมองเฟิงเฉียนที่ก้าวถอยหลังไม่หยุดรวมถึงสีหน้าย่ำแย่นั่น
การกดดันทางพลังกาย ตราบใดที่ปล่อยให้เย่เฟิงฉวยโอกาสได้ เขาเฟิงเฉียนก็สามารถใช้วิธีการที่แข็งแกร่งของตนเข้ากำราบอีกฝ่าย จำต้องบอกว่า จากประสบการณ์การต่อสู้และทักษะต่อสู้ เย่เฟิงนั้นถึงระดับสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาแล้ว
ิญญาามีดคลั่งที่อยู่ด้านหลังเฟิงเฉียนแผดเสียงคำรามพร้อมควบแน่นพลังมีด เพื่อที่จะโจมตีเย่เฟิง ทว่ามีหรือเย่เฟิงจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้โอกาสนั้นไป
พลังฝ่ามือภูผาพิฆาตที่น่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายไปทั่วอากาศ ทั้งยังมีพลังหอกแฝงอยู่ในฝ่ามือ ทุกฝ่ามือที่ปล่อยออกไปราวกับมีพลังหอกแทรกซึมสู่ร่างเฟิงเฉียน ทะลวงโครงสร้างร่างกายของเขา ทำให้เฟิงเฉียนเผยสีหน้าบูดเบี้ยว ตอนนี้เขากำลังถูกพลังฝ่ามือของเย่เฟิงทำร้ายอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาหลีกเลี่ยงได้ยาก
การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ บางครั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตา และในชั่วพริบตานั้นจะกำหนดผู้ชนะคนสุดท้าย
หลังจากที่เย่เฟิงโจมตีระยะประชิด เฟิงเฉียนก็ถูกกดดันโดยไม่มีเวลาให้หยุดพักหายใจ พลังฝ่ามือภูผาพิฆาตนั่นก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเฟิงเฉียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้อวัยวะภายในเสียหายและเขาต้องกระอักเืออกมา
“บอกข้าทีว่าเ้าฝึกเคล็ดวิชาอะไร ทำไมพลังกายของเ้าถึงแข็งแกร่งเพียงนี้ แล้วพลังป้องกันก็ยังแข็งแกร่งมากด้วย?” เฟิงเฉียนกล่าว เขา้ารู้ว่าทำไมเย่เฟิงถึงแข็งแกร่งได้มากขนาดนี้
“เ้าไม่มีสิทธิ์รู้ ตอนอยู่ที่น้ำตกเทียนเชี้ยน เ้าเลือกที่จะกำจัดข้า และนั่นก็ได้กำหนดชะตาของเ้าไว้แล้ว!” เย่เฟิงกล่าว เฟิงเฉียน้าฆ่าเขา แล้วเขาจะเมตตาอีกฝ่ายไปทำไม พลันเจตจำนงหอกปะทุออกจากร่างเย่เฟิง พร้อมเคล็ดวิชาหอกเงินประกายโคจรเองภายในกาย ก่อนจะปล่อยรังสีหอกออกไป แสงส่องระยิบระยับดุจทางช้างเผือก ทุก ๆ หอกล้วนน่าทึ่ง ราวกับมีพลังแห่งฟ้าดินผสานอยู่ในนั้น ทำให้รังสีหอกที่เย่เฟิงปล่อยออกมามีท่วงทำนองสูงสุดที่สอดคล้องกับฟ้าดิน
“พึ่งพิงอำนาจ อำนาจแห่งฟ้าดิน!” บนอัฒจันทร์ ผู้าุโคนหนึ่งอุทานด้วยความใ
“ขั้นบ่มเพาะกายาก็เรียนรู้อำนาจฟ้าดินได้แล้ว ทั้งยังรู้วิธีใช้อำนาจฟ้าดินผสานเข้ากับการโจมตีของตน เด็กคนนี้มีสติปัญญาล้ำเลิศ เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าคนผู้นั้นในสำนักยุทธ์” ผู้าุโคนนั้นกล่าวต่อ ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างนิ่งงัน ในหมู่พวกเขาไม่เคยขาดแคลนผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายา แต่ว่าไม่มีใครสักคนที่เรียนรู้อำนาจฟ้าดินได้ แม้กระทั่งพวกเขาเองก็ััถึงการมีอยู่ของอำนาจฟ้าดินไม่ได้ นี่ก็คือความห่างชั้นระหว่างมนุษย์และมนุษย์
เย่เฟิงนั้นได้เรียนรู้อำนาจฟ้าดินที่ใต้ต้นเทียนเสวียน เมื่อไต่ขึ้นบันไดเถาวัลย์จนถึงขั้นที่เก้า ก็ถึงระดับที่ใช้อำนาจได้แล้ว และการใช้อำนาจฟ้าดินผสานกับเคล็ดวิชาหอกเงินประกาย ทำให้พลังของหอกทวีอานุภาพขึ้นหลายเท่า
ตอนนี้สีหน้าของเฟิงเฉียนดูย่ำแย่เป็อย่างมาก เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนจมอยู่ในมหาสมุทร คลื่นโหมกระหน่ำใส่ไม่หยุดยั้ง จนตัวเขาหดเล็กลงราวกับถูกคลื่นมหาสมุทรกลืนกินได้ทุกเวลา เขาพยายามดิ้นรนหนี แต่ก็ค่อย ๆ สูญเสียสติสัมปชัญญะ เฟิงเฉียนได้รับผลกระทบทั้งทางกายภาพและทางจิติญญา จึงสูญเสียเจตจำนงต่อสู้ไป เขาคืุ์ แล้วจะต่อสู้กับ์ได้อย่างไร?
ในที่สุดรังสีหอกที่ผสานด้วยอำนาจฟ้าดินนั่นก็ทะลวงร่างเฟิงเฉียน เืพลันสาดกระเซ็นไปทั่วอากาศ เฟิงเฉียนพยายามดิ้นรน แต่อำนาจฟ้าดินกดทับร่างเขา หนักราวกับูเาลูกั์ ทำให้เฟิงเฉียนทนรับไม่ไหวและต้องคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เฟิงพร้อมใบหน้าซีดขาว
“นี่...” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใจเต้นแรงและเริ่มหายใจถี่เร็ว เฟิงเฉียนผู้อยู่อันดับที่ 5 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา เผชิญหน้ากับการโจมตีของเย่เฟิง เขาไม่เพียงแต่ถูกหอกทะลวงร่าง แต่ยังคุกเข่าลงต่อหน้าอีกฝ่าย
“เฟิงเฉียน เ้าสำนึกผิดหรือไม่!” เสียงเย็นเยือกดังออกจากปากของเย่เฟิง ประหนึ่งคำพิพากษาที่โหดร้ายที่สุด เฟิงเฉียนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา เป็ประโยคที่เรียบง่าย แต่กลับทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
“ข้า... สำนึกผิดแล้ว!” เฟิงเฉียนกล่าวเสียงสั่นพลางสีหน้าขาวซีด ด้วยการกดดันจากอำนาจฟ้าดินที่แข็งแกร่งเช่นนั้น ทำให้เขาไร้หนทางเลือก มีเพียงยอมศิโรราบเท่านั้น ดวงตาคู่นั้นของเฟิงเฉียนไร้สีสันใด ๆ ตอนนี้เขาไม่มีความกล้าที่จะต่อต้านแม้แต่นิดเดียว ในสายตาเขา เย่เฟิงแข็งแกร่งเป็อย่างมากไม่ต่างจากเทพาแห่งยุค มองแวบเดียวก็ทำให้เขายอมศิโรราบได้ ดูเหมือนว่าเขาไม่มีทางเอาชนะได้ั้แ่แรกอยู่แล้ว
ความโกรธปะทุอยู่ภายในใจ แต่กลับไม่มีความกล้าพอที่จะระบายมันออกมา ทำได้เพียงยอมรับความอัปยศอดสูนี้
“ถือว่าเห็นแก่ข้า ปล่อยเขาเถิด!” ขณะนั้นมีเสียงเกรงขามดังมาจากฟากฟ้าปกคลุมลานกว้าง ผู้คนในที่แห่งนั้นต่างได้ยินชัดเจน ราวกับเสียงเทพเ้าก็ไม่ปาน
“คนยังมาไม่ถึง แต่เสียงมาถึงก่อนแล้ว นี่มันพลังอะไรกัน?” ผู้คนจำนวนมากต่างอกสั่นขวัญแขวนพลางกวาดสายตามองทั่วท้องฟ้าเพื่อค้นหาเ้าของเสียง แต่กลับไร้วี่แววใด ๆ นี่ช่างน่าสะพรึงกลัวมาก พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งมากขนาดนี้ ถึงกับส่งเสียงจากระยะไกลได้นับพันลี้ ทำให้ทุกคนใจเต้นโครมครามและพยายามคาดเดาตัวตนของเ้าของเสียงว่าเป็ใคร
“เป็เขา เขาปรากฏตัวแล้ว!” จู่ ๆ ผู้าุโนับสิบที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ลุกขึ้นยืนฉับพลันพร้อมอุทานอย่างใ พวกเขาเป็ถึงผู้าุโของสำนักยุทธ์แล้วทำไมจะไม่ทราบ ตอนนี้ผู้คนกำลังแตกตื่นกับเ้าของเสียงนั้น
อาจารย์ของเฟิงเฉียน ผู้มีฐานะสูงศักดิ์กว่าเฉินเซี่ยงเทียน เมื่อเฟิงเฉียนพ่ายแพ้ สูญเสียกำลังต่อสู้ และคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เฟิง ผู้าุโคนนั้นถึงกับส่งเสียงมาไกลนับพันลี้ เพื่อขอให้เย่เฟิงเห็นแก่เขาและปล่อยตัวเฟิงเฉียน
เย่เฟิงเป็เพียงศิษย์สายนอกของพรรคเทียนเสวียน มีฐานะต่ำต้อย ผู้าุโคนนั้นไม่มีทางเห็นคนอย่างเย่เฟิงอยู่ในสายตา เพราะเขามีฐานะและอำนาจสูงสุด คำพูดของเขา แม้แต่เ้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็ยังต้องฟัง เช่นนั้นแล้วคนต่ำต้อยอย่างเย่เฟิงจะต่อกรได้อย่างไร
เขาขอให้เย่เฟิงปล่อยตัวเฟิงเฉียน ดูเหมือนว่าเย่เฟิงจะต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีทางเลือก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้