ภายในห้องขังไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงความอับชื้น ทั้งยังสกปรกจนเกินจะรับไหว
ทันทีที่สายตาเริ่มปรับเข้ากับความมืดได้ ภาพของเครื่องทรมานก็ปรากฏให้เห็นรางๆ
หนีเจียเอ๋อร์กวาดตามอง พลางกลืนน้ำลายด้วยความพรั่นพรึง
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หอร้อยบุปผาก็เงียบสงัด
พร้อมกันนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นที่นอกห้องขัง นางจึงตระหนักได้ในทันใด ว่ามีใครบางคนกำลังจะลงมาจัดการกับตนแล้ว
แกรก... ปัง!
เสียงไขกุญแจดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงถีบบานประตูให้เปิดออก
จากนั้น แสงสว่างก็ลอดเข้ามา ทำให้หนีเจียเอ๋อร์ต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย
หญิงสาวมองพี่ฮวากับกุ้ยกงที่สาวเท้าเข้ามา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย มิได้มีอาการหวาดหวั่น หรือครั่นคร้ามแต่อย่างใด
ใช่ว่าจะไม่กลัว แต่แค่ไม่อยากแสดงท่าทีอ่อนแอให้พวกเขาเห็นก็เท่านั้น
ฮวาหยิบแส้ขึ้นมา ก่อนตวัดใส่ร่างอีกฝ่ายอย่างแรง
เสียงฟาดแส้ดังไปทั่วห้อง จนบรรดาหญิงสาวที่อยู่ด้านนอกพากันตัวสั่นด้วยความหวาดผวา
แม้จะเจ็บแสบเพียงใด แต่หนีเจียเอ๋อร์ก็ทำเพียงกัดฟันอดทนไว้
เมื่อเฆี่ยนจนพอใจแล้ว ฮวาก็โยนแส้ในมือทิ้ง พลางตวาดหนีเจียเอ๋อร์อย่างโกรธเกรี้ยว
“ฮึ่ม! เสี่ยวเสี่ยว เ้าหลอกให้ข้าไว้ใจ จะได้แอบหลบหนีอย่างนั้นหรือ? ในเมื่อเ้ากล้าทรยศต่อความไว้วางใจของข้า เช่นนั้นก็ต้องชดใช้!”
ไม่รอให้หนีเจียเอ๋อร์ได้พูดแก้ต่าง นางก็ยื่นมือออกมาบีบปลายคางของหญิงสาวแน่น “เ้าจะต้องอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต จำใส่สมองของตัวเองไว้... มัดนางเสีย!”
ฮวาโยนหนีหญิงสาวลงกับพื้น จากนั้น บ่าวรับใช้สองคนก็เข้ามาโยงร่างของนางไว้กับคานห้อง
ร่างของนางถูกขึงเอาไว้เช่นนั้นเป็เวลาสองวันสองคืน โดยไม่ให้กินอาหาร มีเพียงน้ำให้ดื่มพอประทังชีวิต เพื่อมิให้ตายเท่านั้น
ทรมานเสียจนหนีเจียเอ๋อร์อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
เมื่อเห็นว่านางสิ้นฤทธิ์ ฮวาก็สั่งให้คนมาปลดเชือก แล้วพาหญิงสาวกลับไปยังห้องพัก ทั้งยังสั่งให้เหยียนจือเข้ามาดูแลมิให้คลาดสายตา
นางจึงมาเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง คอยต้มยาป้อนตามคำสั่งหมอ จนกระทั่งอาการาเ็ทั้งหมดค่อยๆ ดีขึ้น หนีเจียเอ๋อร์จึงได้สติตื่น และพบเข้ากับเหยียนจือ ที่นั่งอยู่ตรงปลายฟูก
“อย่างน้อย ข้าก็ยังไม่ตาย!”
ได้ยินเช่นนั้น เหยียนจือก็ยิ้มบางๆ นางพันผ้าไว้ที่ปลายนิ้ว ก่อนเข้ามาเช็ดรอบดวงตาให้ แล้วหันไปหยิบถ้วยโจ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ข้างๆ ขึ้นมา “มากิน เร็ว!”
ริมฝีปากอันซีดเผือดค่อยๆ อ้าออกกว้าง...
พอได้รับความอ่อนโยนจากเหยียนจือเช่นนี้ หนีเจียเอ๋อร์ก็รู้สึกอุ่นใจยิ่งนัก
“เหยียนจือ ขอบคุณเ้ามาก”
“ด้วยความยินดี ทั้งเ้าและข้า พวกเราลงเรือลำเดียวกัน สิ่งที่เ้าต้องพบ ข้าก็เคยประสบมาแล้วเช่นกัน” อีกฝ่ายกล่าว ทั้งยังป้อนโจ๊กให้อยู่เรื่อยๆ ก่อนที่รอยยิ้มบางๆ จะจางหาย กลายเป็ใบหน้าเศร้าสร้อย “แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เ้าก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้!”
หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้าเห็นด้วย...
ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับอุปสรรคอันใด ก็ต้องเข้มแข็งและมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้!
ให้สมกับที่์เห็นใจ ยอมมอบโอกาสให้ฟื้นคืนชีพกลับมา...
ตอนนั้นเอง พี่ฮวาก็พาหมอเข้ามาตรวจอาการของหนีเจียเอ๋อร์ ได้ความว่า ร่างกายของนางฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แค่พักอีกสักสี่ถึงห้าวันก็จะหายเป็ปกติแล้ว
พี่ฮวาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลังจากส่งหมอกลับไป นางก็หันมาพูดกับหนีเจียเอ๋อร์ด้วยน้ำเสียงเ็า “หนีเสี่ยวเสี่ยว เดิมทีเป็เพราะข้าแพ้เดิมพัน จึงมิได้ให้เ้ารับแขกตามคำขอ แต่ในเมื่อเ้าทรยศข้า เช่นนั้นข้อตกลงถือเป็โมฆะ ห้าวันนับจากนี้ ไม่ว่าร่างกายของเ้าจะเป็อย่างไร ก็ต้องรับแขก!”
ดวงตาคมปรายมามองหนีเจียเอ๋อร์ “ดูๆ ไปแล้ว เ้าน่าจะขายได้ราคางามเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ…”
หนีเจียเอ๋อร์เบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก พยายามอ้อนวอนอีกครั้ง “พี่ฮวา หากท่านให้โอกาสข้าอีกครั้ง ข้าสัญญาว่าจะหาเงินมาให้...”
ฮวาถอนหายใจ แล้วเอ่ยว่า “ขอบใจสำหรับความคิดอันเลิศล้ำของเ้า แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!”
เอ่ยจบ นางก็เดินจากไป
พอแม่เล้าก้าวออกจากห้อง กุ้ยกงก็รีบเข้ามาใส่กุญแจ
หนีเจียเอ๋อร์ทิ้งตัวลงกับที่นอน คิ้วของนางขมวดเข้าหากันแน่น เริ่มคิดหาวิธีที่จะพาตัวเองหนีออกไปจากที่นี่
…
เมืองฉีหลาน จวนสกุลหนี
เมื่อหนีเจียเฮ่อทราบข่าวจากโจวชิงหวา ว่าน้องสาวของตนหายตัวไป ก็ได้กราบทูลให้ฝ่าาทรงทราบทันที เพื่อขอกำลังพลมาช่วยค้นหาหนีเจียเอ๋อร์
หลายวันผ่านไป โดยไร้ข่าวคราว
ทั้งนายท่านหนีและเว่ยอี๋เหนียงต่างก็กังวลอย่างหนัก จนสุขภาพของนางทรุดลง นายท่านหนีจึงจำต้องทูลขอหมอหลวงมากฝีมือมา เพื่อรักษาอนุภรรยาที่กำลังตรอมใจ
แต่ทันทีที่มาถึง สวีซื่อก็แสร้งทำเป็ไม่สบาย จนนายท่านหนีต้องให้หมอไปดูแลนางแทน
เมื่อตรวจอาการแล้ว พบว่าไม่มีอะไรน่าเป็ห่วง เขาจึงพาหมอไปที่เรือนของเว่ยอี๋เหนียง
พอคล้อยหลังสามี สวีซื่อก็กระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ
หลินมามาจึงปรี่เข้ามาปลอบโยน “นายหญิง โปรดใจเย็นๆ ก่อน แม้ท่านจะกินยาแก้พิษไปแล้ว แต่กระนั้นก็ยังมีพิษตกค้าง และอาจจะกระทบถึงทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นโปรดใจเย็นเถอะ...”
สวีซื่อหันมาตวาด “หุบปาก แล้วไปตามคนผู้นั้นมา!”
หลินมามาปิดปากเงียบ มิได้เอ่ยอันใด ด้วยเข้าใจว่านี่คืออารมณ์ของสตรีที่กำลังตั้งครรภ์
...
ไม่นานนัก สวีโหย่วเฉิงก็มาถึง
คนผู้นี้คือญาติห่างๆ ของสวีซื่อ ในตอนที่ครอบครัวของเขากำลังลำบาก ก็ได้สวีซื่อเข้ามาช่วยเหลือ สวีโหย่วเฉิงจึงพร้อมมอบกายถวายชีวิตเพื่อตอบแทนนาง
หลังจากทักทายกันพอเป็พิธี เขาก็ถามขึ้นว่า “นายหญิง มีเื่อันใดไม่สบายใจหรือขอรับ? บอกข้ามาเถิด ข้าผู้นี้จะจัดการให้ท่านเอง!”
สวีซื่อชี้ไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม เป็เชิงบอกให้เขานั่งลง ก่อนรินน้ำชาใส่จอก แล้วผลักไปตรงหน้าอีกฝ่าย พลางกล่าว “โหย่วเฉิง ข้ามีงานจะให้เ้าทำ จงไปที่หอร้อยบุปผา แล้วฆ่าหนีเจียเอ๋อร์เสีย!”
สวีโหย่วเฉิงลุกขึ้น ก่อนค้อมตัวรับคำสั่ง “นายหญิงไม่ต้องวิตก โหย่วเฉิงจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
พอเขาก้าวออกจากเรือน หนีจวิ้นหว่านที่แอบฟังมาั้แ่ต้น ก็ค่อยๆ เดินออกมา
บทสนทนาที่ได้ยิน ทำให้หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้าง ด้วยความตื่นตระหนก...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้