"ถ้ากล้วยไม้ขายออกง่าย และขายได้ราคาหลักหมื่นหยวนเหมือนเมื่อก่อน เกษตรกรดอกไม้คนนั้นคงไม่ต้องไปเชิญสถานีโทรทัศน์มาถ่ายทำและสัมภาษณ์แบบนี้หรอก"
คำพูดของคังอิงทำให้สือเจียงหย่วนนิ่งงัน พอลองคิดให้ถี่ถ้วนแล้วก็เป็อย่างนั้นจริงๆ ตอนที่ดอกกล้วยไม้นั้นยังเป็ของหายาก ผู้คนต่างก็เป็ฝ่ายติดต่อเข้าไปเอง ไม่เห็นต้องไปเชิญสถานีโทรทัศน์มาโฆษณาเลยสักนิด
ดูท่าความนิยมของดอกกล้วยไม้คงเริ่มลดลงแล้วจริงๆ สือเจียงหย่วนนึกถึงเพื่อนที่เมืองหลวง มีคนหนึ่งกำลังทำธุรกิจกล้วยไม้อยู่ เขาคิดว่าควรจะบอกให้เพื่อนคนนั้นรีบปล่อยของในมือออกไปให้หมดดีหรือเปล่า แต่เวลานี้ตลาดยังมีเสียงชื่นชมดังกระหึ่มอยู่ ถ้าหากเขาพูดไป เพื่อนเขาคงไม่เชื่ออยู่ดี
เขารู้สึกว่าคังอิงมีมุมมองในการดูข่าวที่เฉียบคมเกินไป จึงยิ้มเอ่ยว่า "คังอิง เหมือนคุณกำลังมองหาทองในกองข่าว หรือพยายามขุดข้อมูลทางเศรษฐกิจในนั้นอยู่ตลอดเวลาเลย”
"ใช่แล้ว เวลาดูข่าวต้องใช้สมองนะ ตอนนี้ทุกคนไม่ชอบดูข่าวกัน คิดว่าข่าวการเมืองน่าเบื่อ ดูแล้วไม่ได้อะไร มีแต่ข่าวผู้นำไปตรวจสอบงานที่ไหน ไปเยือนประเทศใดบ้าง ฉันขอแนะนำให้พวกเขาลองดูข่าวให้ละเอียดถี่ถ้วนสักหน่อย มันต้องคุ้มค่ามากแน่นอน”
คังอิงมาจากยุคที่อินเทอร์เน็ตครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ ข้อมูลข่าวสารต่างเต็มไปหมด เธอสามารถรับข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้วัั
แม้ข้อมูลขนาดใหญ่บนเครือข่ายยังคงส่งข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์ที่คุณใช้บ่อยๆ ไปยังแพลตฟอร์มที่คุณใช้งานเป็ประจำ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่ต้องเสียแรง
แต่อินเทอร์เน็ตยังไม่ถือกำเนิดในยุคสมัยนี้ ดังนั้นคังอิงจึงทำได้เพียงอาศัยโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ เพื่อทำความเข้าใจข้อมูลทางเศรษฐกิจเท่านั้น
ชั่วเวลานั้นเอง ข่าวภาคเที่ยงก็จบลง สือเจียงหย่วนหยิบรีโมตขึ้นมาแล้วกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปมา ก่อนจะหยุดที่ช่องการเงิน
ตอนนี้บ่ายโมงครึ่งแล้ว บนหน้าจอกำลังแสดงข้อมูลหุ้น ซึ่งดึงดูดความสนใจของคังอิงทันที
คังอิงนึกขึ้นมาได้ ในปี 1986 ประเทศจีนได้ออกหุ้นตัวแรกคือหุ้นบริษัทเฟยเล่อออดิโอ ในปี 1989 และปี 1991 เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นได้ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ขึ้นมา ประเทศจีนจึงมีตลาดสำหรับการซื้อขายหุ้นแบบศูนย์รวม ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในปี 1991 ซึ่งเป็่ที่ตลาดหลักทรัพย์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วแข็งแกร่ง
หลังจากก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ก็มีหุ้นแปดตัวแรกจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ เหยียนจงอุตสาหกรรม , เจินคงอิเล็กทรอนิกส์, เฟยเล่อออดิโอ, หุ้นส่วนอ้ายสื่อ, เซินหัวอุตสาหกรรม, หุ้นส่วนเฟยเล่อ, ห้างสรรพสินค้าอวี้หยวน และเจ้อเจียงเฟิ่งหวง
เนื่องจากหุ้นแปดตัวนี้ของตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้เป็กลุ่มหุ้นกลุ่มแรกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จีนแบบเปิดเผย จึงถูกเรียกว่า 'หุ้นแปดตัวเก่า'
บนหน้าจอโทรทัศน์ในตอนนี้กำลังแสดงราคาหุ้นแบบเรียลไทม์ของหุ้นแปดตัวเก่า สือเจียงหย่วนคิดว่า คังอิงที่สามารถวิเคราะห์ข่าวต่างๆ ได้คงไม่เข้าใจเื่หุ้น เขาจึงคิดจะเปลี่ยนช่อง แต่คังอิงกลับเอ่ยขึ้นว่า “อย่าเพิ่งเปลี่ยนช่อง ฉันอยากดูช่องนี้”
“หา คุณยังเข้าใจเื่หุ้นด้วยเหรอ” สือเจียงหย่วนตกตะลึงอีกครั้ง
คังอิงมีท่าทีราวกับว่าิญญาของตนเองถูกดูดออกไป เธอนิ่งอึ้งไปหมด คิดว่าเธอไม่เข้าใจเื่หุ้นงั้นหรือ? เนื่องจากบริษัทของเธอต้องจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เธอจึงได้ศึกษาระบบหุ้นของประเทศจีนอย่างจริงจังว่ามันเริ่มต้น และเติบโตแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างไร
“ฉันพอรู้อยู่บ้าง” คังอิงไม่ได้ปิดบัง
เธอรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองดูน่าสงสัย แต่เธอก็จบมัธยมปลายเหมือนกัน จะเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเองไม่ได้หรือไง? หากเธอพยายามปิดบังความสามารถของตนเองในตอนนี้ พอถึงวันข้างหน้าเมื่อมันถูกเปิดเผยออกมา เธอจะยิ่งน่าสงสัยมากกว่าเดิม ยังไงก็เผยความสามารถของเธอออกมาทีละเล็กทีละน้อยจะดีกว่า เพื่อให้คนอื่นค่อยๆ ยอมรับเธอ
“หุ้นน่ะ อันตรายเกินไป ผมมีเพื่อนคนหนึ่งทำงานที่วอลล์สตรีตในต่างประเทศ เขาเป็นักลงทุน ผมว่าอารมณ์ของเขาน่าจะผันผวนไปตามดัชนีหุ้นตลอดเวลา ซึ่งทำให้เขาปวดหัวมาก ผมแนะนำว่าถ้าคุณไม่มีความรู้ด้านนี้โดยตรง อย่าไปยุ่งกับมันจะดีกว่า เพราะมันจะล้มละลายเอาได้ง่ายๆ”
“ฉันเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับหุ้นมาบ้างจากร้านหนังสือ แต่ว่าฉันไม่มีเงิน ถ้าจะลงทุนตอนนี้ต้องใช้เงินอย่างน้อยห้าพันหยวน ถ้ามีเงิน ฉันคงลองลงทุนสักหน่อยเพื่อเป็การทดสอบ” คังอิงกล่าว
เธอไม่ได้อยากเป็นักลงทุนมืออาชีพ สิ่งที่เธอ้าคว้าเอาไว้คือโอกาสในการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ [1] ซื้อหุ้น เพื่อทำให้ความมั่งคั่งของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เธอจำได้ว่าตอนที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์หุ้น บทแรกทำให้ขนลุกซู่ และรู้สึกตื่นเต้นในใจเป็อย่างยิ่ง เป็บทที่เกี่ยวกับเื่ราวของใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นเก่าแปดตัว
ในเดือนมกราคม ปี 1992 หนังสือพิมพ์ในเซี่ยงไฮ้ได้ตีพิมพ์ข่าวการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นในเซี่ยงไฮ้ ในเวลานั้นคนส่วนใหญ่ไม่รู้จักใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นเลย แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้จะเริ่มดำเนินการในเดือนธันวาคม ปี 1990 และดำเนินการมาได้กว่าหนึ่งปี แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังรู้สึกว่าเื่หุ้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตนเอง แถมยังมองไม่เห็นโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นจากหุ้นอีกด้วย มีเพียงคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลไม่กี่คนเท่านั้นที่พยายามทำความเข้าใจและทดลองลงทุน
ในขณะที่ทุกคนยังไม่เข้าใจเื่หุ้น ก็มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีก นั่นก็คือ ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้น
ตามชื่อที่ปรากฏ ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้น หมายถึง ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่สามารถใช้ซื้อหุ้นได้ ทว่าการซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นไม่ได้หมายความว่า คุณจะสามารถซื้อหุ้นได้ทันที แต่คุณต้องเข้าร่วมการจับสลากเพื่อดูว่าใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นที่คุณถือครองอยู่นั้นถูกรางวัลหรือไม่ หากคุณโชคดีถูกรางวัล คุณก็สามารถใช้ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้น และนำเงินไปซื้อหุ้น IPO [2] ยังเคาน์เตอร์ที่กำหนดได้
ทำไมเซี่ยงไฮ้ถึงเป็เมืองแรกที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นในประเทศจีน? เหตุผลก็คือั้แ่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ก่อตั้งมาได้หนึ่งปี สินค้าในการซื้อขายมีเพียงแปดรายการเท่านั้น นั่นก็คือหุ้นแปดตัวเก่า ซึ่งไม่สามารถตอบสนองความ้าของนักลงทุนทั่วประเทศได้ ใน่เวลาที่การเสนอขายไม่เพียงพอต่อความ้าซื้อ ราคาก็จะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกวันราคามักจะขึ้นจนถึงจุดสูงสุด ดังนั้นพวกเขาจึงได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้น
น่าเสียดายที่พวกเขากล่าวกันว่าในรอบแรกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นถูกจำหน่ายออกไปใน่สิบวัน และไม่เป็ไปตามแผนการขาย สุดท้ายแล้วมีข่าวลือว่าธนาคารและที่ทำการไปรษณีย์ที่รับผิดชอบด้านการขายใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้น ได้เข้าไปแก้ไขสถานการณ์นี้ด้วยการขายให้กับบุคคลภายใน จนกระทั่งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ การจำหน่ายใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นก็สิ้นสุดลง
ด้วยบทเรียนจากครั้งแรก ฝ่ายบริหารจัดการการออกหุ้นจึงคิดหาวิธีใหม่ โดยการเปลี่ยนมาออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นแทน ผู้ซื้อจะต้องใช้เงิน 30 หยวนต่อหนึ่งเล่ม
สำหรับคนทั่วไปที่ได้เงินเดือนเพียง 200 หยวนในยุคนั้น เงิน 30 หยวนนั้นย่อมเป็เงินก้อนหนึ่งที่ต้องใช้เวลาในการไตร่ตรองเป็อย่างดี อีกทั้งยังไม่สามารถรับรองได้ว่าจะถูกรางวัลหรือไม่ ถ้าหากโชคร้ายไม่ถูกรางวัล เงิน 30 หยวนนั้นก็จะสูญเปล่า ราคาแพงขนาดนี้ ถ้าหากเสียเงินไปแล้วไม่ได้ผลตอบแทนอะไรกลับมา จะเป็การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะแบบนี้ผู้คนจึงระมัดระวังตัวเป็พิเศษ
หลังจากถูกรางวัลแล้ว หุ้นแต่ละตัวจะสามารถซื้อได้เพียง 300 หุ้น โดยมีมูลค่าหุ้นละ 1 หยวน ราคาของหุ้น IPO นั้นต่ำมาก โดยทั่วไปจะมีราคาั้แ่ 1 ถึง 5 เท่าของราคาที่ตราไว้ แต่พอจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้ว มูลค่าก็จะเพิ่มขึ้นเป็ทวีคูณ มูลค่าหุ้นของบริษัทห้างสรรพสินค้าอวี้หยวนที่เป็ผู้นำในบรรดาหุ้นแปดตัวเก่านั้นมีราคา 1 หยวนต่อหุ้น ซึ่งเคยพุ่งสูงถึง 108 หยวนต่อหุ้น นักลงทุนที่ถูกรางวัลและซื้อหุ้นตัวนี้ต่างก็ทำกำไรได้มหาศาล และพวกเขาสามารถบรรลุการสะสมทุนในเบื้องต้นได้
ในสถานการณ์เช่นนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นจึงกลายเป็สิ่งที่ใครๆ ก็อยากจะได้ ในสังคมจึงเกิดกระแสเก็งกำไรใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นหนึ่งเล่มเคยมีราคาสูงถึงเกือบ 10,000 หยวน! ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นจึงถูกเรียกว่า ใบสำคัญแสดงสิทธิ์แห่งโชคลาภ ผู้คนจำนวนมากร่ำรวยขึ้นมาจากการลงทุนนี้ และพวกเขาก็กลายเป็หนึ่งในเศรษฐีกลุ่มแรกในประเทศจีน
คังอิงยังจำได้ว่า นักลงทุนรายหนึ่งได้บันทึกเื่ราวการซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นของหล่อนเอาไว้ ตอนนั้นหล่อนมีเงินทุนไม่มากนัก เพียงแค่สามพันกว่าหยวน แต่กลับถูกรางวัลสี่ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้น หล่อนทำกำไรได้กว่าสี่หมื่นหยวน เรียกได้ว่ารวยขึ้นมาในชั่วพริบตา แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับเงินกำไรหลายล้านหยวนของคนอื่นแล้ว เงินสี่หมื่นหยวนของหล่อนก็นับว่าน้อยนิด
ตอนที่คังอิงเรียนรู้ประวัติศาสตร์ใน่นั้น เธอได้แต่เสียใจที่ตนเองเกิดผิดยุคสมัย จึงไม่สามารถคว้าโอกาสทำเงินก้อนโตนี้เอาไว้ได้ ทว่าใครจะคาดคิดว่าการเกิดใหม่ในครั้งนี้ กลับทำให้เธอได้มีโอกาสเข้าร่วมซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นอีกครั้ง
เชิงอรรถ
[1] ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (Warrant) เป็ตราสารทางการเงินประเภทหนึ่งที่ผู้ออกตราสารให้สิทธิแก่ผู้ซื้อตราสารในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์อ้างอิง ณ ราคาที่กำหนดไว้ในอนาคต
[2] หุ้น IPO (Initial Public Offering) หมายถึง การเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนเป็ครั้งแรก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้