หย่งอวี้สับสนอยู่ตรงนั้น จนระบบรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
เขาเอ่ยเตือนอวี๋มู่ [โฮสต์ครับ ดูเหมือนว่าในที่สุดหย่งอวี้ก็เริ่มรู้จักการระบายอารมณ์แล้วนะครับ!]
อวี๋มู่พยักหน้า ซึ่งเขาเองก็ดูออกเหมือนกัน
คงเพราะคำพูดของเขาไปกระตุ้นถูกหย่งอวี้ จนเป็การเปิดจังหวะให้เขาได้ะเิออกมา
ก่อนหน้านี้หย่งอวี้ใช้ชีวิตเหมือนกับขวดที่อัดแน่น เก็บอารมณ์ทุกอย่างไว้ในใจ จนตอนนี้เขาได้ระบายออกมา ซึ่งนับว่าเป็เื่ดี
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาอายุสิบแปด
เขาอดทนกับความเหงาและเ็ามานานหลายปี หากยังไม่ระบายออกมา นานวันเข้าคงต้องแย่แน่
อวี๋มู่ทำตัวเป็ผู้ฟัง คอยรับฟังหย่งอวี้ค่อยๆ ระบายความในใจออกมาทีละคำ ขณะที่เขากำลังระบาย แถบหัวใจความประทับใจบนศีรษะที่เป็ของเฟิงอวี้ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนหยุดอยู่ที่สามดวง
เมื่อฟังจนจบ ชั้นสิบแปดนี้มีเพียงเสียงหายใจกับเสียงหัวใจของหย่งอวี้ที่เต้นเป็จังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นว่าพอประมาณแล้ว อวี๋มู่ก็เรียกเขา “อาจารย์”
หย่งอวี้ที่รู้ตัวว่าตนเองพูดจาบ้าบอออกไปมากมายก็หลุบตาลง ไม่กล้ามองเขา
แต่คำพูดต่อมาของอวี๋มู่ถึงกับทำให้เขาเบิกตากว้าง เงยหน้าขึ้นในทันใด
เขาได้ยินชายหนุ่มบอกว่า “ข้าชอบอาจารย์มาก”
“หากว่าอาจารย์ตายไป ข้าต้องเสียใจแน่” อวี๋มู่กล่าวอย่างจริงจัง “ดังนั้นข้าไม่หวังให้อาจารย์ดูแคลนชีวิตของตัวเอง อีกอย่างท่านก็ไม่ได้เข้าใจข้าจริงๆ…”
เขาจงใจแกล้งหักมุม พลางยกยิ้มแล้วเอ่ย
“แต่ต่อไปพวกเราสามารถใช้เวลาทำความเข้าใจอีกฝ่ายได้”
อวี๋มู่จับผม “อีกอย่าง เมื่อครู่ข้าแค่อยากบอกว่า ข้าคิดวิธีหลบพวกิญญาพวกนั้นได้แล้ว ที่จริงแล้วมันง่ายมาก…”
“แค่ข้าไม่ลงไป ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ? ”
เขามองดูหย่งอวี้ฟังเขาอย่างนิ่งอึ้งไป พลางยักไหล่แล้วยิ้มออกมา หางตาแต่งแต้มสีแดงก็งอนตามรอยยิ้มนั้น แต่กลับไม่ได้ดูน่าสยองเหมือนิญญาพิศวาสเทือกนั้น กลับกันคือออกจะอ่อนโยน
เขาเอ่ย “ข้าจะอยู่กับอาจารย์ที่ชั้นสิบแปดนี้ไปตลอดเลย เป็อย่างไร? ”
“หวังว่าอาจารย์จะไม่รังเกียจข้า แล้วไล่ข้าลงไปก็พอ”
อวี๋มู่แฝงความนัยไว้ในคำพูดนี้ ความหมายเหมือนสบายๆ ผ่อนคลาย แต่เหมือนจะสะกิดหัวใจหย่งอวี้ทุกคำพูด
ชั้นสิบแปดที่เงียบสงัด
นักบวชน้อยนิ่งเงียบ จนผ่านไปครึ่งค่อนวันถึงขบริมฝีปากล่างแล้วเบือนหน้าไปอีกทาง แล้วตอบเสียงอู้อี้ “โยมอวี๋อยากพักนานเท่าไรก็พักสิ อาตมาจะไล่โยมได้อย่างไร” พอกล่าวคำนี้ออกมา หน้าของเขาก็พลันแดงระเรื่อ
อวี๋มู่บอกว่าชอบเขา
นี่เป็ครั้งแรกที่มีคนบอกว่าชอบเขา
ไม่ใช่แบบขอไปที แต่จริงจัง มองเพียงตัวเขา และบอกกับเขา ว่าชอบเขา
เขายังอยากอยู่ด้วยกัน
อยู่ด้วยกัน…
อยู่ด้วยกัน!
ทันทีที่รับรู้เื่นี้ หย่งอวี้ก็รู้สึกว่าศีรษะของตัวเองจะปะทุควันออกมาแล้ว พยายามท่องบทสวดชำระจิตใจเงียบๆ อยู่สองสามรอบ ทว่าตอนที่มองไปที่อวี๋มู่อีกครั้งกลับอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเขินอาย อวี๋มู่มองแล้วก็รู้สึกคันที่ใจ
แน่นอนว่าที่คันที่ใจหมายถึงแค่รู้สึกว่าหย่งอวี้น่ารัก ไม่ได้มีความคิดอื่นใดเลยจริงๆ…
*
ความรู้สึกเวลาอยู่ชั้นสิบแปดนั้นน่าแปลกประหลาด
หย่งอวี้พักผ่อนอย่างมีวินัย ราวสามทุ่มก็เข้านอนแล้ว
ตอนเขานอนก็เรียบง่ายมาก แค่นอนราบกับแท่นหิน โดยเอาศีรษะหนุนฟูกและสองมือวางทาบหน้าอกซ้ายขวา แล้วกล่าวราตรีสวัสดิ์กับอวี๋มู่ ก่อนจะหลับไปเอง
อวี๋มู่ยังนอนไม่ได้ เพราะเขาต้องรอจนเฟิงอวี้ตื่นมาเสียก่อน
อันที่จริงก็ดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน ก่อนนอนคือหนึ่งคน แต่พอตื่นมาก็เป็อีกหนึ่งคน
ส่วนเฟิงอวี้นั้นก็ได้ตีความคำว่าโรคจิตประสาทให้เขาได้ชัดแจ้งต่อหน้าต่อตา
ราวกับหนังผี ที่นักบวชน้อยที่หลับอย่างสงบ จู่ๆ ก็ะโเด้งตัวมาจากแท่นหินเหมือนปลาตีลังกา
อวี๋มู่มั่นใจสุดๆ ว่านี่คือการะโของแท้
เด็กชายเฟิงอวี้ลุกขึ้นมาแล้วยืดเส้นยืดสายที่คอและข้อมือ จนได้ยินเสียงกรอบแกรบแปลกๆ ดังขึ้น
จากนั้นเขาก็เดินไปตรงหน้าอวี๋มู่
แล้วปลดปล่อยพลังที่ใกล้จะเป็ราชันแห่งภูตอย่างน่าเกรงกลัวออกมา
อวี๋มู่นั่งอยู่ โดยมีเฟิงอวี้โน้มตัวลงมามองเขา ใบหน้าเคลื่อนเข้าใกล้มาก จนเผยให้เห็นลักยิ้มสองข้าง แล้วเอียงคอถามเขา “ตอนกลางวันข้าได้ยินเ้าบอกว่าชอบหย่งอวี้ เป็เื่จริงหรือ? ”
น้ำเสียงและท่าทางเช่นนี้ ให้ความรู้สึกอันตรายที่แม้แต่ิญญายังขนหัวลุก
อวี๋มู่เข้าใจแล้ว
เขารีบส่ายหัวอย่างจริงจัง “ไม่จริง”
เฟิงอวี้ยิ้มกว้างกว่าเดิม แล้วเอ่ย “เ้าโกหกข้าอีกแล้ว”
จากนั้น เขาก็เกี่ยวคอเสื้ออวี๋มู่ ยกตัวเขาขึ้นสูงแล้วจูบลงไป
ด้วยท่าทางเช่นนี้ ทำให้อวี๋มู่ไม่อาจใช้แรงและขัดขืนได้ ได้แต่ปล่อยให้เฟิงอวี้ค้ำคอเขา เพื่อเปิดปากเขาออก แล้วจูบเขาอย่างรุนแรง
จูบอยู่เนิ่นนาน จนอวี๋มู่ที่เป็ิญญาก็แทบหายใจไม่ออก เฟิงอวี้ถึงผละออกไป แต่ยังคงเกี่ยวคอเสื้อเขาไว้ แล้วเอ่ยถามย้ำเขาอีก “เ้าชอบหย่งอวี้ใช่หรือไม่? ”
อวี๋มู่ปฏิเสธ “ไม่ใช่”
เฟิงอวี้ก็ ‘บดขยี้’ จูบเขาอีก “ใช่หรือไม่? ”
“ไม่ใช่… ”
แล้วก็จูบอีก ก่อนจะถามขึ้นอีก
“ใช่หรือไม่? ”
ไอ้เ้าบ้า!!!
ในที่สุด อวี๋มู่ก็โมโห เขาจ้องปีศาจนักบวชน้อยตรงหน้า แล้วตอบเขา “ใช่ๆๆ ข้าชอบเขา! ข้ายอมรับก็ได้… ”
จากนั้นก็ถูกปิดปากอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ เฟิงอวี้ปล่อยเขา แต่ดวงตากลับแดงก่ำ
ดูท่าทางน้อยใจ
ไฟโมโหของอวี๋มู่ที่เพิ่งปะทุขึ้นมา พอเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา ก็เหมือนกับถูกสาดน้ำเย็นให้ดับมอด
เขาได้ยินนักบวชน้อยเอ่ยถามเขาอย่างน้อยอกน้อยใจ “เช่นนั้นเ้าชอบข้าหรือไม่? ”
ยังไม่ทันได้คำตอบจากอวี๋มู่ เขาก็เหมือนกลัวคำปฏิเสธ จึงรีบพูดเสริม “เ้าเคยบอกว่าพวกข้าสองคนคือคนเดียวกัน ดังนั้นถ้าเ้าชอบเขา ก็เท่ากับชอบข้าด้วยใช่หรือไม่? ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี๋มู่ก็รู้สึกใจอ่อนยวบทันที
จนไม่อาจพูดคำปฏิเสธออกไปได้
และถึงกับมีความคิดอยากจะลูบหัวโล้นๆ ของเ้านักบวชน้อยนั่นอีกแล้ว
“ตอบสิ พูดสิ! ” เมื่อไม่ได้ยินคำตอบ เฟิงอวี้ก็เริ่มร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด จนน้ำเสียงเริ่มสั่น
อวี๋มู่หน่ายใจ เขาจับมือเฟิงอวี้ที่คว้าเขาไว้ แล้วยืนให้มั่น ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ย “ชอบสิ ข้าชอบพวกเ้าทั้งสองคน”
หูของเฟิงอวี้กระดิกครั้งหนึ่ง ในที่สุด มุมปากก็ฉีกโค้งขึ้น เหมือนว่าสติเริ่มกลับเข้าร่างราวกับฟื้นคืนชีพแล้ว
เขาปล่อยอวี๋มู่ แล้วเปลี่ยนเป็เกี่ยวไหล่ของอีกฝ่ายแทน พลางยื่นริมฝีปากเข้าใกล้ใบหูของเขา แล้วเอ่ยถาม “เช่นนั้นเ้าชอบข้ามากกว่า หรือชอบหย่งอวี้มากกว่าล่ะ? ”
“…”
ระบบหัวเราะโดยปราศจากความเห็นใจ [ฮ่าๆๆๆๆ จบแล้ว ๆ! ดันหึงหวงตัวเองเสียอย่างนั้น ฮ่าๆๆๆ!!]
อวี๋มู่ร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา แน่นอนเขาตอบกลับไปว่า “ข้าต้องชอบใต้เท้าเฟิงอวี้มากกว่าแน่นอนอยู่แล้ว”
เฟิงอวี้ใช้ดวงตาดำขลับคู่นั้นจ้องมองเขาอยู่นาน แล้วเอ่ยสรุปว่า “ฮึ่ม เ้าโกหกข้าอีกแล้ว”
“…”
“ช่างเถอะ” เฟิงอวี้ปล่อยเขา แล้วเปลี่ยนเป็ก้มหน้ากรีดกรายนิ้วที่มีเล็บแหลมคมเล่น
รูปลักษณ์ของเขากับหย่งอวี้นั้นแตกต่างกัน
หย่งอวี้อยู่ในรูปของมนุษย์ทั่วไป แต่พอเปลี่ยนเป็ร่างของเฟิงอวี้ ฟันก็จะเปลี่ยนเป็เขี้ยวแหลมคม ส่วนเล็บก็ยาวและดำ และในบางครั้งที่อารมณ์ถูกกระตุ้น ดวงตาก็จะเปลี่ยนเป็สีแดง
เล่นอยู่อย่างนั้นสักพัก ท่ามกลางสายตาอึดอัดของอวี๋มู่ อีกฝ่ายก็เอ่ยกับเขา “เ้าอ่อนแอเกินไป ถึงถูกิญญาไม่ได้เื่พวกนั้นขู่เอา”
อวี๋มู่นิ่งอึ้ง เขารู้ว่าอีกฝ่ายข้ามหัวข้อนั้นไป และอยากคุยเื่จริงจังกับเขา
คิดไม่ถึงว่าเฟิงอวี้จะให้ความสนใจเื่นี้ด้วย เขาแอบรู้สึกประทับใจเล็กน้อย
จากนั้น เขาก็เห็นนักบวชน้อยวางนิ้วที่กำลังกรีดเล่นลง พร้อมกับยิ้มให้เขา “ข้ามีวิธีที่ทำให้เ้าแกร่งขึ้น”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
