อูิโยวกำลังดื่มกินอยู่ แต่จู่ๆ หลิ่วไป๋เจ๋อก็เอ่ยว่า
“มีคนมา”
“ท่านพี่หญิงหรือ”
หลิ่วไป๋เจ๋อส่ายหัว “ไม่ใช่ เป็ชายผู้หนึ่ง”
ทันทีที่เอ่ยจบก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น อูิโยวรีบสวมหน้ากากอย่างเร่งรีบก่อนจะไปยืนอยู่ข้างหลังหลิ่วไป๋เจ๋อด้วยท่าทีจริงจัง เพื่อไม่ให้มีพิรุธจึงเลื่อนถ้วยไปไว้ด้านหน้าของหลิ่วไป๋เจ๋อ แล้วแสร้งทำเป็รินน้ำให้เขา
“เข้ามา”
เมื่อผู้มาเยือนเปิดประตูก็เห็นคนเป็นายและผู้รับใช้ คนหนึ่งนั่ง คนหนึ่งยืน
“คุณชายหลิ่ว ขออภัยที่รบกวน”
หลิ่วไป๋เจ๋อผายมือเชิญ “นั่งคุยกันเถิด”
จื่ออู่ไม่ปฏิเสธแล้วนั่งลงตรงที่ที่อูิโยวนั่งก่อนหน้า
“ไม่ทราบว่าพี่จื่ออู่มีเื่ใดหรือ”
“มิกล้า คุณชายหลิ่วเรียกข้าว่าจื่ออู่เถิด จื่ออู่เป็เพียงคนรับใช้ ไม่กล้าเทียบเคียงเป็พี่น้องกับคุณชายขอรับ”
“แล้วแต่เถิด”
จื่ออู่ครุ่นคิด “ไม่ทราบว่าคุณชายหลิ่วได้ข่าวคุณชายรองอูหรือไม่ขอรับ”
ใบหน้าของหลิ่วไป๋เจ๋อสงบนิ่ง แต่ในใจแอบระแวดระวังขึ้นเล็กน้อย “อูิโยวหรือ เหตุใดจึงเอ่ยถึงเขา”
จื่ออู่ไม่ปิดบังและพูดออกไปตามตรง “แม่นางอวิ๋นลั่วจากคฤหาสน์อวิ๋นหลานซานเดินทางมายังเทือกเขาจู่เสีย โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากแม่นางอู จึงพบนางที่ได้รับาเ็อยู่ในป่าใต้พิภพ มิเช่นนั้นผลที่ตามคงไม่สู้ดี”
“แม่นางอวิ๋น นางมิได้อยู่ที่คฤหาสน์อวิ๋นหลานซานหรอกหรือ”
ิหลิงไม่เคยบอกใครว่านางให้ความช่วยเหลืออวิ๋นลั่วที่แอบหนีออกจากคฤหาสน์ และไม่รู้ว่าเพราะมีเจตนาแอบแฝงใด คฤหาสน์อวิ๋นหลานซานจึงได้จงใจปกปิดเื่นี้เอาไว้ ทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้เื่นี้
จื่ออู่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ในเวลานี้ 'ผู้อารักขา' ที่อยู่ด้านหลังก็ใช้โอกาสตอนที่จื่ออู่ไม่ทันสังเกตสะกิดหลังหลิ่วไป๋เจ๋อเบาๆ อีกฝ่ายเข้าใจความหมายนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“เอ่ยมาตามตรงเถิด”
จื่ออู่ถอนหายใจ ไม่รู้เพราะเหตุใดทั้งๆ ที่อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าตน แต่มักจะรู้สึกถึงแรงกดดันอยู่เสมอ ปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณทำให้เขามักคิดว่าคนตรงหน้านี้อยู่เหนือทุกคน
“แม่นางอวิ๋นลั่วบอกว่า ก่อนหน้านี้นางออกมาจากหุบเขาไป่หลิงพร้อมกับอูิโยว คุณชายรองตระกูลอู แต่ระหว่างทางเกิดเื่ขึ้นทำให้ต้องแยกกัน ตอนนี้ยังไม่มีใครได้ข่าวเกี่ยวกับเขา หลังจากทราบข่าวคุณชายใหญ่อูและแม่นางอูก็เป็กังวลมากขอรับ...”
หลิ่วไป๋เจ๋อนั่งฟังเงียบๆ จื่ออู่มองดูสีหน้าของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติใด
“พวกเขาแยกกันเพราะเหตุใด”
จื่ออู่ชะงัก ไม่คิดว่าคุณชายหลิ่วจะซักละเอียดเช่นนี้ เดิมทีแค่้ามาถามหาจากอีกฝ่ายเพราะอยากตอบแทนแทนอวิ๋นลั่ว ที่อูิโยวหายตัวไปก็เพราะช่วยนางเอาไว้
“เ้าบอกสิ่งที่้ามาตามตรงเถิด” หลิ่วไป๋เจ๋อเอ่ยออกมาตรงๆ
ในที่สุดจื่ออู่ก็ไม่พูดอ้อมค้อม “หากคุณชายหลิ่วมีข่าวคราวเกี่ยวกับคุณชายรองอูหรือได้พบเจอเขา โปรดบอกให้เขาส่งข่าวกับครอบครัวด้วย ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด อย่างน้อยก็ควรแจ้งให้ทราบว่าปลอดภัยดีหรือไม่ เพื่อไม่ให้ครอบครัวของเขาเป็กังวล”
หลิ่วไป๋เจ๋อเคาะนิ้วเบาๆ บนโต๊ะ เมื่ออูิโยวที่ยืนอยู่ด้านหลังเห็นท่าทีเช่นนี้ก็เข้าใจในทันที เวลานี้อีกฝ่ายไม่พอใจสักเท่าไร เขาจึงก้าวขึ้นหน้าและเอ่ยว่า
“คุณชายของข้าทราบเื่แล้ว ตอนนี้ก็เย็นย่ำมาก เชิญคุณชายกลับไปก่อนเถิด”
จื่ออู่เองก็ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่นาน จึงเอ่ยลาหลิ่วไป๋เจ๋อและออกจากห้องไป เมื่อแขกกลับไป อูิโยวก็หันไปมองหลิ่วไป๋เจ๋อ
“ไอ้หยา ข้านี่มันโง่จริงๆ ลืมแจ้งข่าวกับท่านแม่และพี่ใหญ่ว่าปลอดภัยดีไปเสียสนิท”
จู่ๆ หลิ่วไป๋เจ๋อก็กล่าวว่า “จื่ออู่ผู้นี้ไม่ธรรมดา!”
“หือ?” อูิโยวไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงสิ่งใด
หลิ่วไป๋เจ๋อยกมือขึ้นเคาะหน้าผากของอูิโยว “โง่”
อูิโยวปัดมือของเขาออกก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีไม่พอใจ “มีสิ่งใดก็พูดมาตรงๆ ทำไมชอบมองว่าข้าทำเื่น่าขันตลอดเลย เห็นข้าเป็ของเล่นหรืออย่างไร”
หลิ่วไป๋เจ๋อหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยตามตรง “จื่ออู่ผู้นี้เดาได้แล้วว่าเ้ามายังเทือกเขาจู่เสีย และคิดว่าก่อนหน้าเ้าต้องเคยมาเจอข้า”
“อะไรนะ! เ้าล้อเล่นหรือ เขาจะรู้ได้อย่างไร” อูิโยวไม่อาจจับต้นชนปลายได้ เขาเหลือบมองหลิ่วไป๋เจ๋อก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงร้องขอ “รีบบอกข้ามาเถิด...”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีร้อนใจ หลิ่วไป๋เจ๋อจึงหยุดหยอกล้อ “เ้าหนีออกจากหุบเขาไป่หลิงมานานขนาดนี้ ไป๋ฟูเหรินที่อยู่ในหุบเขาย่อมรับรู้แล้ว ส่วนเื่ที่ว่าเ้าจะไปที่ใดไม่ต้องเดาก็รู้ได้ ดูจากนิสัยแล้ว เ้าต้องเดินทางมายังเทือกเขาจู่เสียเพื่อหยุดยั้งการรุกรานของสัตว์ร้ายเป็แน่”
อูิโยวทอดถอนหายใจ เอ่ยพึมพำด้วยน้ำเสียงแ่เบา “นิสัยของข้ามันทำไมกัน ไม่ได้สร้างความเดือนร้อนให้เ้าสักหน่อย! อีกอย่างข้าก็ไม่ได้แอบหนีออกจากหุบเขาด้วย ก่อนออกมาข้าทิ้งจดหมายไว้ให้ท่านแม่แล้ว”
หลิ่วไป๋เจ๋อแกล้งทำเป็ไม่ได้ยินและวิเคราะห์ต่อ “เพื่อความปลอดภัยของเ้า ไป๋ฟูเหรินคงเขียนจดหมายถึงอูิเยี่ย เพื่อให้เขาช่วยสอดส่องดูแลเ้าเมื่อมาถึงเทือกเขาจู่เสีย พี่ชายของเ้ารู้ว่าเ้าจะมาที่นี่ อีกทั้งเ้ายังเดินทางมาพร้อมแม่นางอวิ๋นลั่วอีก หากจะหาเบาะแสจากแม่นางอวิ๋นลั่วก็คงไม่ใช่เื่ยาก ส่วนที่จื่ออู่คาดเดาว่าเ้าอยู่ที่นี่นั้น...” หลิ่วไป๋เจ๋อหันไปทางอูิโยวและถามเขา “ก่อนมาหาข้า เ้าได้พบกับเขาหรือไม่”
อูิโยวคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตบต้นขาดังฉาด “จำได้แล้ว ตอนที่เพิ่งเดินทางมาถึง ข้าบังเอิญพบกับจื่ออู่ เขากำลังตามหาพวกเ้าอยู่ในป่าใต้พิภพ ตอนนั้นข้าเพียงเข้าไปสอบถามข่าวคราวของอวิ๋นลั่วดูสักหน่อย เพราะคิดว่านางคงเดินทางมาถึงก่อนและได้พบเจอกับเขาแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่านางยังมาไม่ถึง ตอนนั้นจื่ออู่ดูเป็กังวลมากจึงไม่ได้สนใจข้าเท่าไร อีกทั้งตอนนั้นข้าก็ปิดหน้าไว้ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าคนคนนั้นคือข้า”
หลิ่วไป๋เจ๋อส่ายหัว ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากอีกฝ่ายแล้วเอ่ยว่า “หากเ้าไม่โง่ บนโลกใบนี้คงเต็มไปด้วยคนฉลาดหลักแหลม”
อูิโยวปัดมือเขาออกและเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “ยังจะล้อเลียนข้าอีก จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เ้า แต่ข้าจะไปบอกเื่ไม่ดีของเ้าแก่ท่านพี่หญิง ทำลายความประทับใจที่นางมีต่อเ้าให้สิ้น!”
หลิ่วไป๋เจ๋อหยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รู้สึกว่าจืดชืดไร้รสชาติ จึงวางลงตรงหน้าิโยวแล้วเอ่ยว่า “เปลี่ยนชา”
อูิโยวเหลือบมองเขาเล็กน้อย “คิดว่าข้าเป็คนรับใช้ของเ้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ เสพติดการออกคำสั่งหรืออย่างไร”
แม้จะอารมณ์ไม่ดี แต่ิโยวก็ลุกขึ้นมาชงชาให้อีกฝ่ายใหม่
“เื่ที่เ้าเดินทางมากับอวิ๋นลั่วมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ ไป๋ฟูเหรินเองก็คงแค่คาดเดา เ้าบอกจื่ออู่เกี่ยวกับการเดินทางมาที่นี่ และไม่ได้ปิดบังว่าร่วมเดินทางมากับนาง ตอนนั้นอาจจะยังไม่รู้ แต่เวลานี้ตัวพบอวิ๋นลั่วแล้ว เขาจึงมั่นใจว่าผู้ที่เดินทางมากับนางก็คือเ้า หากไม่ใช่เ้าแล้วจะเป็ใครไปได้”
หลังจากฟังประโยคยืดยาวนี้ อูิโยวก็เข้าใจในทันทีและตบเข้าที่หน้าผากของตน
“โง่ โง่ โง่ ข้านี่มันโง่สิ้นดี!”
“เดิมทีก็โง่เขลาอยู่แล้ว ยิ่งตีจะยิ่งโง่กว่าเดิมน่ะสิ”
อูิโยวรีบหยุดมือ ลูบหน้าผากป้อยๆ แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ยังไม่เข้าใจ
“แล้วเหตุใดจื่ออู่ถึงมาพูดเื่นี้กับเ้า”
หลิ่วไป๋เจ๋อเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็จังหวะ “นั่นก็คือที่ข้าบอกว่าเขาไม่ธรรมดา”
การที่คนคนนั้นเดาได้ว่าระหว่างเขาและอูิโยวมีความเกี่ยวข้องกัน อีกทั้งไม่ได้นำเื่นี้ไปแจ้งให้อูิเยี่ยทราบ ก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา การคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบเช่นนี้ ไม่ใช่ความหลักแหลมที่คนรับใช้ทั่วไปจะมีได้ ตัวตนของอีกฝ่ายต้องไม่ได้ต่ำต้อยเป็แน่ ไม่รู้ว่าจื่ออู่ผู้นี้มีบทบาทสำคัญอย่างไรในคฤหาสน์อวิ๋นหลานซาน
อูิโยวนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“ข้าควรจะบอกท่านพี่หญิงและคนอื่นๆ อย่างไรดี ถ้าพวกเขารู้ว่าข้าแอบมาอยู่ที่นี่กับเ้าจะต้องตีข้าจนตายแน่”
เมื่อครู่ยังพูดว่าตนเองไม่ได้แอบหนีมา แต่ตอนนี้กลับหลุดปากเผยความจริงเสียนี่ เ้าคนคนนี้เมื่อไรจะเลิกทำให้ผู้อื่นปวดหัวกันนะ
“คงไม่ตีเ้าจนตายหรอก แต่ต้องส่งเ้ากลับแน่นอน”
อูิโยวเอ่ยหน้าเศร้า “เ้ายังมีอารมณ์มาหยอกล้อข้าอีก รีบช่วยข้าคิดหาทางออกเร็ว”
หลิ่วไป๋เจ๋อส่ายหัวแล้วทอดถอนใจ เหตุใดนิสัยใจร้อนของเ้านี่ถึงเปลี่ยนแปลงไม่ได้สักทีนะ
“มีอิ๋นซิงอยู่มิใช่หรือ”
คำพูดเตือนสติของหลิ่วไป๋เจ๋อทำให้ิโยวแทบจะะโโลดเต้นด้วยความดีใจ “จริงด้วย ข้าลืมเ้าตัวน้อยได้อย่างไร! เ้านกตัวนี้ก็ชอบเรียนรู้เื่ไม่ดีจากข้า แม้แต่เื่ที่แอบย่องออกจากหุบเขาก็เช่นกัน”
หลิ่วไป๋เจ๋อแทบสำลักน้ำชา คนผู้นี้ก็ตระหนักรู้ในสิ่งที่ตนเองทำเหมือนกันนี่
ิโยวรีบมองหาพู่กันและหมึก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็บรรจงเขียนจดหมาย เมื่อเขียนเสร็จเรียบร้อยก็พับกระดาษแล้วยัดใส่กระบอกไม้ไผ่เล็กๆ ที่พกติดตัวมา
“ข้าจะไปตามหาอิ๋นซิง” อูิโยวยกเท้าเตรียมวิ่งออกไป ทว่าเพิ่งจะพ้นจากประตูก็ถอยหลังกลับเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“เหตุใดถึงกลับเข้ามาล่ะ”
อูิโยวนั่งลงบนเก้าอี้ เอนกายลงบนโต๊ะแล้วพูดด้วยใบหน้าเศร้าซึม “ข้ากลัวว่าอิ๋นซิงจะไม่ช่วย”
“หา?” หลิ่วไป๋เจ๋อไม่เข้าใจ นอกจากอูิหลิงและเขา คนที่ใกล้ชิดกับอิ๋นซิงมากที่สุดก็คืออูิโยว
“เพราะเหตุใด”
อูิโยวพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ “ข้าก็ไม่รู้ ั้แ่ตอนที่อิ๋นซิงกลับมาจากเฟิ่งเทียนครั้งก่อนก็ไม่เข้าใกล้ข้าอีก มันเอาแต่หลบเลี่ยงข้า บอกมานะว่าเ้าแอบบอกให้มันไม่ยุ่งกับข้าใช่หรือไม่”
หลิ่วไป๋เจ๋อขมวดคิ้ว แม้แต่อูิโยวเองก็ยังไม่ทราบสาเหตุ แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรกัน อิ๋นซิงเป็นกแห่งจิติญญา ทำให้เกิดมาพร้อมความรู้สึกในการรับรู้อันละเอียดอ่อน ขนาดเขายังััได้ถึงกลิ่นอายรุนแรงจากตัวอูิโยวได้ แล้วอิ๋นซิงที่เป็นกดวงดาวจะไม่รู้สึกถึงได้อย่างไร
โดยพื้นฐานแล้วนกดวงดาวนั้นรักสงบและปฏิบัติต่อรอบข้างเหมือนๆ กัน ชอบอยู่ใกล้สิ่งที่ทำให้รู้สึกสบายและสงบ การที่อิ๋นซิงหนีห่างจากอูิโยวก็อธิบายทุกอย่างได้ชัดเจนแล้ว กลิ่นอายของิโยวเปลี่ยนแปลงไปมาก หากไม่ควบคุมไว้ แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็จะสามารถััได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
แต่เขาจะช่วยอูิโยวได้อย่างไร แม้แต่ิโยวเองก็ยังไม่รู้ว่าร่างกายของตนเกิดการเปลี่ยนแปลง หลายเดือนที่ผ่านมาอีกฝ่ายทำอะไร เรียนรู้ทักษะทางจิติญญาแบบใด หลิ่วไป๋เจ๋อไม่กล้าถามออกไปตรงๆ
หากิโยวรู้ว่าร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอันแปลกประหลาดเพราะศึกษาพลังแห่งจิติญญาด้วยตนเอง จากนิสัยของเขา คงไม่มีทางยอมละเว้นตนเองเป็แน่
—-------------------------------------------------
