3 วันถัดมา เรียกได้ว่าเป็่เวลาอันน่ารื่นรมย์ที่สุดเลยก็ว่าได้ ตื่น ยามพระอาทิตย์ขึ้น หลับ ยามพระอาทิตย์ตก เวลาทั้งวันนอกเหนือจากที่เซี่ยวอี๋ดูแลไพรแล้ว เธอก็รู้สึกเหมือนได้ไปตากอากาศในชนบทใน่วันหยุดพักร้อน ทุกวันเธอจะได้ทานอาหารหลากหลายที่ปรุงขึ้นอย่างพิถีพิถัน ตกเย็นก็สามารถแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง ชื่นชมแสงจากดาวดวงน้อยๆ ได้ เบื่อๆ ก็ไปทำท่าทางน่ารักใส่ผู้ใหญ่บ้านเจิ้นถิง ให้ชายชราพาชื่นชมสมบัติในคฤหาสน์จักรพรรดิ วัตถุโบราณอันทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมแต่ละชนิด
คฤหาสน์จักรพรรดิใหญ่โตพอๆ กับพระราชวังต้องห้าม ต่อให้เดินเล่น 3 วันก็ไม่รู้เบื่อ
่นี้เสิ่นิเกียจคร้านมาก ั้แ่ไพรได้รับาเ็ เขาก็ไม่ขึ้นเขาเพื่อไปล่าสัตว์อีกเลย เขาปราศจากผู้ช่วย การเข้าไปในป่าถือว่ารนหาที่ตาย เขาประกาศพักงาน นั่นทำให้เฝิงเฉวียนหงุดหงิดราวกับอยู่ในวัยหมดประจำเดือน
เขาเอาแต่เฝ้าตามเสิ่นิทั้งวัน ในเมื่อเขาจ่ายให้เสิ่นิไปจนหมดหน้าตักแล้ว แต่เสิ่นิกลับนั่งเฉื่อยนั้นหมายความว่าอย่างไร? ต้องรู้ก่อนว่าศีรษะของเฝิงเฉวียนนั้นขึ้นอยู่กับการอยู่รอดในครั้งนี้ ยิ่งเวลาที่ต้องกลับเข้าตระกูลใกล้เข้ามา เขาก็ยิ่งกระสับกระส่าย
ในวันที่สาม เขาถึงกับน้ำตาเอ่อขวางทางเสิ่นิตรงหน้าห้องน้ำ!
“บอดี้การ์ดเฮงซวย! นายสืบเชื้อสายมาจากนักต้มตุ๋นใช่หรือไม่! ฉันให้นายมาจับฆาตกร นายเอาแต่กินข้าวฟรีไปแต่ละวันเพื่อรอความตาย เชื่อไหมว่าฉันจะไปร้องเรียนนายต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค!” เฝิงเฉวียนก่นด่าจนทั้งหน้าทั้งคอแดงไปหมด
“ร้องเรียนเื่อะไร? ฉันเป็บอดี้การ์ด ไม่ใช่มือสังหาร ตามหลักการแล้วหน้าที่ของฉันคือปกป้องผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านตายหรือยัง? คนยังไม่ตายแล้วนายจะมาโวยวายเอาอะไรกับฉัน?” เสิ่นิแคะจมูก
“บ้านนายสิ ผู้ใหญ่บ้านยังอยู่ดี แต่ฉันกำลังจะตายแล้ว! นายรู้ไหมว่าอีกไม่กี่วันฉันก็ต้องกลับตระกูลเฝิงแล้ว? 3 วัน! ฉันจะตายในอีก 3 วัน!” เฝิงเฉวียนคำราม “พระเ้า นายออกไปเดี๋ยวนี้นะ! นาย้าผู้ช่วยเพื่อขึ้นเขาไม่ใช่หรือ? ฉันจะไปด้วย! เป็เป้าให้ก็ดี เป็คู่หูก็ได้ แต่วันนี้นายต้องออกไปฆ่าเขา! "
“ช่างน่าละอาย ฉันจะกล้าขอให้นายน้อยตระกูลเฝิงผู้สูงส่งลงมากันะุปืนให้ฉันได้อย่างไร” เสิ่นิยิ้มเ้าเล่ห์ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอให้นายน้อยเฝิงเสนอตัว
“ดูก็รู้ว่านายรอให้ฉันเสนอตัว! ได้ ถือเสียว่าฉันผิดเองที่คบเพื่อนโดยสะเพร่า ดันมารู้จักกับบอดี้การ์ดหัวหมอแบบนาย รีบหยิบปืนแล้วตามฉันขึ้นไปเขา มาเร็วเข้า” เฝิงเฉวียนหัวเสียจนหมดอารมณ์ เขาสาบานว่าหากยังมีชีวิตรอดจนถึงวันพรุ่งนี้ เขาจะไม่ข้องแวะกับบอดี้การ์ดเฮงซวยคนนี้อีกอย่างอันขาด
“ในเมื่อนายน้อยแข็งขันออกอย่างนี้ ฉันคงต้องสละชีวิตเพื่อติดตามไป” เสิ่นิประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน ณ ขณะนั้นก็เห็นพ่อบ้านไท่เดินมาพร้อมกับโทรศัพท์ไร้สาย
“พ่อบ้านไท่ ทำไมถึงได้ลุกลี้ลุกลนนัก?” เสิ่นิอยู่ที่คฤหาสน์จักรพรรดิมาพักใหญ่ ไม่เคยเห็นชายชราดูท่าทางซับซ้อนขนาดนี้มาก่อน
“นาย...นายน้อยโทรมา!” พ่อบ้านไท่ตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้
“นายคือสไนเปอร์ระดับพระกาฬอย่างนั้นหรือ?” เสียงในสายโทรศัพท์คือเย่าจู่
“ช่างให้เกียรติ ดูเหมือนว่านายจะเป็สัตว์ร้ายตัวน้อย ผู้้าสังหารบิดาของตนเอง” เสิ่นิไม่คิดที่จะพูดดีต่อคนอกตัญญู
“ถ้านายไม่รู้เื่ราวภายในครอบครัวของฉันก็อย่าเผือก ด้วยว่าเราเป็พลซุ่มยิงด้วยกันทั้งคู่ กล้าดวลกันตัวต่อตัวไหม? ถ้านายชนะ จะฆ่าจะแกงฉันก็แล้วแต่ แต่ถ้านายแพ้ นายต้องไสหัวสุนัขของนายออกไปจากบ้านของฉัน!” ผีูเาวางเดิมพันหนัก
“สหาย นายเรียกใครว่าหัวสุนัข? ถ้ากล้าก็มาเรียกต่อหน้าฉัน ถ้าฉันไม่อัดนายจนเป็สุนัขก็นับว่าข้อเข่านายยังพอใช้ได้!” เฝิงเฉวียนหัวร้อนจนจุดเตาไฟได้เลย
“นายไม่คิดว่าคำขอของนายมันไร้ยางอายบ้างหรือยังไง? หมู่บ้านเบเลอร์เป็สนามเหย้าของนาย นายยัง้าให้เล่นเกมตามกติกาของนายอีก นี่ไม่เรียกว่าการแข่งขันหรอก แต่มันเรียกว่าลวงไปสังหาร” เสิ่นิดูถูกซึ่งๆ หน้า
“ฉันไม่ได้ขอให้นายเข้ามายุ่ง ถ้ากลัวตายก็ยุติเื่นี้แล้วไสหัวไปซะ อีกอย่างทักษะการซุ่มยิงของนายก็สูงกว่าฉัน ได้เปรียบขนาดนี้ยังจะไม่กล้าเดิมพันอีก ใจแคบไปหน่อยไหม”
“โลกของเรา ความแตกต่างแค่ 0.1 วินาทีก็หมายถึงความเป็หรือความตาย นายซื้อผักที่ตลาดแล้วเงินขาดไป 2 เหมา ขอตัดส่วนหนึ่งของผักทิ้งไปได้หรือเปล่าล่ะ? บอกนายตามตรง ตอนนี้ฉัน ‘กลับตัวกลับใจ’ แล้ว ถ้าเป็สมัยก่อน ตอนที่นายโทร.มา ฉันจะล็อกพิกัดนายไว้และยิงขีปนาวุธถล่มจนนายกลายเป็ผุยผงในเวลาแค่ไม่กี่นาที นายเชื่อหรือไม่?” เสิ่นิแสยะยิ้ม
“นายคิดว่าฉันกลัวเหรอ? เราจะสู้กันในวันนี้ หรือว่าจะเฝ้าดูกันต่อไป สิ่งที่ฉันมีคือลูกะุและเวลา จะอีก 1 เดือน 1 ปี หรืออีก 10 ปี ฉันก็รอไหว แล้วนายล่ะ?” เย่าจู่เผยให้รู้ชัดๆ ไปเลยว่าเขาไร้ยางอาย
เฝิงเฉวียนจับเสิ่นิไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ดวงตาของเขาแทบจะกระอักออกมาเป็เืและน้ำตา ราวกับเป็การบอกว่า “ถ้านายไม่รับปากฉันตายแน่”
“ก็ได้ ในเมื่อนายมันไร้ยางอาย จะเล่นอย่างไร ก็ว่ามา!” เสิ่นิถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“พรุ่งนี้เป็วันบูชาฟ้าดิน ตามธรรมเนียมแล้วคืนนี้จะเป็คืนที่วัดไม่หลับใหล ถ้าได้แต่ยิงกันไปยิงกันมาตามป่าก็คงน่าเบื่อ มาดวลกันบนถนนเลยเป็อย่างไร?”
“นายคิดจะฆ่าล้างหมู่บ้านเหรอ?” เสิ่นิกล่าวอย่างเ็า
“นายล้อเล่นแล้ว นอกจากไอ้เฒ่าเจิ้นถิง ฉันไม่ได้อยากฆ่าหมาแมวสักตัวในหมู่บ้านนี้เลยด้วยซ้ำ ดวลกันไม่จำเป็ต้องใช้ปืน นายยิงหนังสติ๊กเป็หรือเปล่า?” เย่าจู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ทราบแล้ว ดีล ไว้เจอกัน” เสิ่นิวางสายไป เขามองเวลา ยังมีเวลาอีก 4 ชั่วโมงก่อนฟ้าจะมืด
“ในที่สุดก็ล่อให้คนโง่ออกมาที่หมู่บ้านได้ ฮ่าๆๆ! ต่อไปก็ไม่ใช่เื่ของนายแล้ว ขอแค่เ้าบ้านั่นอยู่ห่างจากฉันไม่เกิน 50 เมตร เทวดาก็ช่วยเขาไม่ได้!” เฝิงเฉวียนพ่นไฟออกมาจากท้อง ในที่สุดเขาก็พบหนทางระบายอารมณ์
“ขออภัย นี่เป็นัดดวลระหว่างฉันกับเขา นายควรจะพักผ่อนสักหน่อยดีกว่านะ!” เสิ่นิกล่าวพลางเดินไปที่ห้องทำงานเล็กๆ ของเขา ยังมีเวลาอีก 4 ชั่วโมง เขาประเมินว่าน่าจะเพียงพอสำหรับการสร้างที่ยิงหนังสติ๊ก
“พี่ชาย นายโง่มาก! สมัยนี้ใครเขาคุยกันด้วยศีลธรรมบ้าง! แน่นอนว่าต้องไปดักอัดไอ้บ้านั่นที่หน้าเมือง!” เฝิงเฉวียนกล่าวหน้าตาเฉย
“อย่าคิดตื้นๆ ความสามารถในการสังเกตของเขาไม่น้อยหน้าใคร เป็ไปไม่ได้ที่เขาจะไม่สังเกตเห็นความผิดปกติรอบตัว เมื่อเขาพบสิ่งผิดปกติแล้วหนีไป เราอาจไล่ตามเขาไม่ทัน นายต้องรู้ก่อนว่าเขาศึกษาวิชาตัวเบาจากพ่อบ้านไท่มาั้แ่สมัยที่เขายังเป็เด็กประถมจนเขาเติบใหญ่ นายไม่มีเวลารอให้เขากลับมานัดดวลอีกครั้งแล้ว” เสิ่นิเตือนสติ
“เข้าใจแล้ว นาย้าเอาชนะเด็กคนนั้นตามลำพัง แต่พลซุ่มยิง 2 นายที่ถือไม้ยิงหนังสติ๊กยิงใส่กันมันคืออะไร? เล่นกันขำๆ?” เฝิงเฉวียนกล่าวด้วยสีหน้าดูถูก
“อย่าประมาทไม้ยิงหนังสติ๊ก ถ้าสิ่งนั้นอยู่ในมือของผู้ชำนาญการ มันก็ไม่ต่างอะไรจากปืนพกเลย” เสิ่นิเริ่ม “วุ่น” อีกครั้ง
เขาใช้โลหะผสมอะลูมิเนียมกับแมกนีเซียมในการทำฐานยึดที่ยิง ที่ดูเหมือนด้ามปืนพก แถบยางซึ่งมีความเหนียวสูง ใช้ในทางการทหารสองเส้นพร้อมกับวิธีการสวมใส่อันทันสมัย เขาพับมันถึง 16 ทบเพื่อสร้างแหล่งพลังงานจลน์ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์บังคับทิศทาง อุปกรณ์แม่เหล็กซึ่งช่วยเก็บะุลูกหินเหล็กบริสุทธิ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 มม. ได้อย่างรวดเร็ว
“นี่มันของเล่นอะไรกัน?” และเมื่อเสิ่นิออกมาจากห้องทำงานพร้อมกับสายัณห์ยามเย็น เซี่ยวอี๋ที่เพิ่งจะทราบเื่การนัดดวลก็มาถึง เธอมองไปยังที่ยิงหนังสติ๊กรูปร่างประหลาดในมือของเสิ่นิ ในความทรงจำของเธอนั้น ไม้ยิงหนังสติ๊กควรจะเป็รูปตัว Y ไม่ใช่หรือ?
“ที่ยิงหนังสติ๊กของทหาร ผมเรียกมันว่า ‘X’ ถึงแม้จะไม่เป็ที่รู้จักนัก แต่ทหารในกองกำลังพิเศษจำนวนมากก็นิยมใช้เครื่องมือสังหารแนวดั้งเดิมและเรียบง่ายชิ้นนี้ มันสามารถปลิดชีพได้โดยปราศจากสุ้มเสียง ให้ผลถึงความเจ็บตายได้ในระยะ 50 เมตร เทียบได้กับปืนพกอัตโนมัติ 9 มม.”
“นายเพ้อเจ้อหรือเปล่า? ที่ยิงหนังสติ๊กมีพิษสงเท่าปืนพกอย่างนั้นเหรอ?” เซี่ยวอี๋ไม่ปักใจเชื่อ หญิงสาวคว้าที่ยิงหนังสติ๊กมาจากเสิ่นิแล้วลองดึงพร้อมกับหัวเราะเยาะ แต่ขณะนั้นเอง รอยยิ้มบนใบหน้าก็ฝืดลง เซี่ยวอี๋ตระหนักได้ว่าตนเองสามารถดึงอาวุธนี้ได้โก่งเท่ากับคันธนู
ถึงเธอจะกัดฟันแน่น แขนเกร็งจนกล้ามเนื้อนูนขึ้นมา ก็ยังดึงได้เพียงหนึ่งหรือสองในสามส่วนเท่านั้น
“อย่ามาไร้สาระ นี่มันของเล่นเด็กชัดๆ!” เซี่ยวอี๋ยังไม่ยอมแพ้ ทั้งที่ใบหน้าแดงระเรื่อ
“ช่างเถอะ ที่ยิงหนังสติ๊กนี่ไม่ใช่ของสำหรับคุณ ดึงเต็มที่ก็คงไม่ยาก” เสิ่นิเก็บมันกลับไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะจ้องไปที่แมลงวันบนกำแพงซึ่งอยู่ห่างออกไป 50 เมตร
เฝิงเฉวียนซึ่งรอคอยมานาน ในที่สุดก็ได้ฟื้นจิติญญาในการรับชมการแสดงจากเสิ่นิ
เสิ่นิหายใจเข้าและตั้งสมาธิ เล็งเป้าวาดคันธนูและปล่อยเชือกเพื่อยิง กระบวนการทั้งสิ้นใช้เวลาเพียงครึ่งวินาที พลังที่ปล่อยออกมาจากกล้ามเนื้อทำให้สายธนูซึ่งมีความเหนียวของยาง 16 เส้นยืดเหยียด ลูกเหล็กกลมลอยขึ้นไปในอากาศวาดรัศมีเหมือนกับะุ บดแมลงวันบนกำแพงที่อยู่ด้านนอกซึ่งอยู่ห่างออกไป 50 เมตรจนแบนบี้ สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ รูะุบนกำแพงซึ่งถูกลูกเหล็กปะทะนั้น ลูกเหล็กยังคงฝังแน่นอยู่ หากเป็ร่างกายของมนุษย์ซึ่งไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวแล้ว คงจะโดนยิงจนทะลุแน่
“เ้าสิ่งนี้เรียกว่าที่ยิงหนังสติ๊กเหรอ?” เซี่ยวอี๋กล่าวด้วยความขวยเขิน
“ระยะสังหารที่มีประสิทธิภาพของ X คือ 50 เมตร ระยะที่ไกลที่สุดน่าจะอยู่ที่ 280 เมตร ถึงจะไกลเช่นนั้นแต่ถ้ายิงโดนแล้วไม่เจ็บหรือคันแล้วจะมีประโยชน์อันใด เว้นเสียแต่ว่าจะใช้สารกัมมันตภาพรังสี สิ่งที่สังหารได้แม้แค่โดนเพียงิั…” เสิ่นิโอดครวญ
“ฉันคิดว่านายเล่นเป็แต่ปืน นึกไม่ถึงเลยว่านายจะเก่งกาจขนาดนี้ ยิงแม่นอย่างกับจับวาง ไว้วันหลังฉันจะแนะนำพี่สาวคนที่สองของฉันให้รู้จัก พี่สองเองก็เป็ผู้เชี่ยวชาญในเื่ของเล่นพวกนี้” เรียกว่าเป็คำสรรเสริญจากเฝิงเฉวียน
“เชื่อฟัง อยู่แต่ในบ้าน อย่าทำอะไรผลีผลาม ผมสังหรณ์ใจแปลกๆ” ก่อนออกเดินทาง เสิ่นิกระซิบที่ข้างหูของเซี่ยวอี๋
“นายสงสัยว่าเ้านั่นจะเล่นเกมล่อเสือออกจากถ้ำเหรอ?”
“ที่นี่คือบ้านของเขาั้แ่เด็กจนโต เขาเปรียบเหมือนเสือูเา เราเป็แค่ลิงที่มายึดยอดของเขาไว้เท่านั้น” เสิ่นิหัวเราะฮึๆ
“นายสิเป็ลิง ก้นนายถึงได้แดงแจ๋!” เซี่ยวอี๋ดูิ่
และเสิ่นิก็ออกจากคฤหาสน์จักรพรรดิไปเช่นนั้น เขาเลือนหายไปในูเาลึก สวมแค่เพียงชุดลำลองและติดที่ยิงหนังสติ๊กไปด้วย
ทางฟากนี้ เมื่อเห็นเสิ่นิออกเดินไป เฝิงเฉวียนก็จะตามไปด้วย
“เฮ้! นายทำไรน่ะ? เสิ่นิให้เราอยู่ที่นี่เผื่อมีอะไร” เซี่ยวอี๋มีอำนาจขนาดนั้น นายน้อยผู้เอาแต่ใจจะทำอะไรได้
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เธอคนเดียวก็เอาอยู่ ฉันต้องรับผิดชอบออกไปหั่นเ้านั่นสักสองสามแผล” เฝิงเฉวียนฉีกยิ้มกว้าง
“นายคิดว่าผีูเาทำจากเต้าหู้หรือยังไง ถึงจะได้ยอมให้นายหั่นเล่น? เสิ่นิบอกแล้วว่าเขาอันตราย” เซี่ยวอี๋ได้แต่พยายามโน้มน้าว ก็นายน้อยที่อยู่ตรงหน้านี่ไม่ใช่หรือที่มอบรถสปอร์ตให้กับเธอ
“ฉันว่าฉันอาจจะดูเป็มิตรมากเกินไป เลยทำให้เธอลืมไปว่า...ในฐานะนายน้อยตระกูลเฝิง ฉันนี่ล่ะ คือตัวอันตรายที่สุด ณ ที่แห่งนี้” แขนของเฝิงเฉวียนยกขึ้นตามธรรมชาติ เข็มเงินยาว 30 มม. พุ่งออกมา เฉียดใบหน้าของเซี่ยวอี๋ไปเพียงเสี้ยว ตอกเข้ากับเสาท่อนซุงสูง 10 เมตรที่ด้านหลังหญิงสาวจนเป็รู เขาใช้พลังชี่กง ทักษะเฉพาะภายในตระกูล
“นายสองคนยังเป็มนุษย์อยู่หรือเปล่า?” เมื่อได้พบเจอกับเื่ราวที่เหมือนนิยายกำลังภายใน ทำเอาเซี่ยวอี๋จ๋อยไปเลย