ในระหว่างทางที่มู่อวิ๋นจิ่นกลับไปเรือนมวลบุปผา ก็บังเอิญพบกับฮูหยินรองเว่ยหานเฉี่ยว
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นเว่ยหานเฉี่ยวโดยบังเอิญ เมื่อเห็นนางแต่งตัวธรรมดา สีหน้ายังคงหม่นหมองและดูซีดเผือด อาจเป็เพราะยังคงเ็ปใจ จากการาเ็ของมู่อี้หยาง
เดิมทีนางจะแสร้งทำเป็ไม่เห็นเว่ยหานเฉี่ยว แล้วจะเดินผ่านไปอย่างแเี ทว่าเว่ยหานเฉี่ยวกลับเห็นมู่อวิ๋นจิ่น เมื่อเห็นนาง เว่ยหานเฉี่ยวก็โกรธเกรี้ยวเสียจนยั้งไม่ไหว
นางพ่นคำด่าทอใส่มู่อวิ๋นจิ่นอย่างไม่ไว้หน้า “เ้านี่มันเด็กเหลือขอเสียจริง พี่รองของเ้าาเ็ที่ประตูเรือนมวลบุปผาของเ้าแท้ ๆ เ้ากลับไม่รู้เื่อะไรเลย! ถ้าเ้ารู้เร็วกว่านี้ พี่รองของเ้าก็คงไม่...”
เว่ยหานเฉี่ยวกระอักกระอ่วน กัดฟันแน่นมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยแววตาแข็งกร้าว
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเว่ยหานเฉี่ยวพูดจาหยาบคายใส่ นางก็พลันกระตุกยิ้มที่มุมปาก หรี่ตาลงเล็กน้อย “ท่านน้า ท่านด่าข้าว่าเป็เด็กเหลือของั้นหรือ?”
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นกล่าวเช่นนี้ เว่ยหานเฉี่ยวก็ชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง นางเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าได้พ่นคำที่อยู่ในหัวของตัวเองออกไปเสียแล้ว
ก่อนนี้นางไม่ได้สนใจมู่อวิ๋นจิ่นมากมายนัก และก็ไม่เคยที่จะก่นด่าออกมาได้ มู่อวิ๋นจิ่นเป็ลูกสาวของฮูหยินใหญ่ แม้ฮูหยินใหญ่กับเสนาบดีมู่จะไม่ชื่นชอบลูกคนนี้นัก แต่ก็ถือว่าเป็เืเนื้อเชื้อไข
เว่ยหานเฉี่ยวชะงักอีกครากับสายตามู่อวิ๋นจิ่น แต่เมื่อนางนึกถึงลูกชายที่น่าสงสารเหลือเกินของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา
ครู่หนึ่งราวกับนางหาเหตุผลมารองรับคำพูดได้ นางก็ก่นด่ามู่อวิ๋นจิ่นอีกครา “ข้าด่าเ้าแล้วจะทำไม? เยี่ยงไรเสียข้าก็เป็ผู้าุโของเ้า จะสั่งสอนเ้าหน่อยไม่ได้เลยหรือ?”
“พี่รองของเ้าเจ็บหนักเสียขนาดนั้น อ้าปากพูดได้แค่ไม่กี่คำ อยู่หน้าประตูเรือนมวลบุปผาของเ้า เ้าแสร้งทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้ ตั้งใจจะถ่วงเวลาการรักษาของพี่รองเ้าใช่หรือไม่?”
มู่อวิ๋นจิ่นมองเว่ยหานเฉี่ยวราวกับว่ารู้เท่าทัน ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างเหนื่อยหน่าย พลันถอนหายใจ “ท่านน้า ท่านเข้าใจข้าผิดไปแล้วเ้าค่ะ”
“ั้แ่เด็กท่านแม่ของข้าก็สอนมาเสมอ อะไรที่เห็นไม่สมควรยุ่ง ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่จะว่าไปแล้วพี่รองคงจะไม่ ไหวแล้วล่ะเ้าค่ะ แต่ยังคงเหลือพี่ใหญ่นะเ้าคะ ท่านน้าไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคนสืบต่อสกุลมู่หรอกเ้าค่ะ” มู่อวิ๋นจิ่นคลี่ยิ้มอย่างเคอะเขิน นางจงใจพูดอะไรบางอย่างโดยไม่ใช้ความคิดตริตรองให้ถี่ถ้วน ขณะที่สายตาก็พลางจับจ้องไปที่เว่ยหานเฉี่ยวเพื่อรอดูปฏิกิริยาของนาง
คำพูดของมู่อวิ๋นจิ่น แทงทะลุหัวใจของเว่ยหานเฉี่ยวอย่างจัง ทำให้ความโกรธปะทุเขึ้นในอก ความคิดของนางเองก็พลันคิดย้อนไปอีกทางในทันที
หรือว่า ที่ลูกชายของนางได้รับาเ็ จะเกี่ยวข้องกับซูปี้ชิง?
จริงสิ ลูกชายคนโตของซูปี้ชิงกับนายพลฉินไปตะวันตกด้วยกัน แม้จะยึดมาได้สามเมืองแล้ว ทว่าอีกไม่นานก็คงจะกลับมา
หรือจริง ๆ แล้วเพียงเพราะซูปี้ชิง้าจะทำเพื่อลูกชายของตัวเอง ถึงได้เล่นงานอี้หยางของนาง ทำให้อี้หยางต้องพิการไปเพื่อสกุลมู่จะได้อยู่ในกำมือนางงั้นหรือ?
ใช่ ต้องเป็ซูปี้ชิงแน่ นอกจากนางแล้ว คนอื่น ๆ ไม่มีแรงจูงใจในการทำร้ายอี้หยางได้! โดยเฉพาะอี้หยางาเ็ที่รากของชีวิตเช่นนี้แล้ว ราวกับโดนยาพิษ ลูกชายของนางต้องราวกับตายทั้งเป็
“ซูปี้ชิง ซูปี้ชิงคนนั้น!” เว่ยหานเฉี่ยวกัดฟันแน่น สีหน้าพลันเปลี่ยนแปรเป็เยือกเย็นจนน่ากลัว
“ท่านน้า ท่านเป็อะไรไป? อย่าโกรธไปเลย ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ควรพูดอะไร หากข้าพูดอะไรให้ท่านรู้สึกไม่มีความสุข ท่านอย่าเอาไปใส่ใจเลยนะเ้าคะ”
มู่อวิ๋นจิ่นทำสายตาเ้าเล่ห์ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ “จริงสิ พี่รองฟื้นแล้วหรือเ้าคะ?”
มู่อี้หยางคนนั้นถูกนางเตะไปจนต้องพิการ ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาและเล่าทุกอย่างให้เสนาบดีมู่รู้ นางอาจจะต้องถูกลงโทษอีกครั้ง
เว่ยหานเฉี่ยวชะงักงัน สายตาเหลือบมองไปที่มู่อวิ๋นจิ่น ในขณะที่ครุ่นคิดอยู่ภายในใจ ราวกับจะคิดอะไรออก นางก็ระงับความโกรธที่อัดแน่น ก่อนที่สีหน้านางจะดูใจดีขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่รองของเ้ายังไม่ฟื้นหรอก เ้าเป็น้องสาวที่อี้หยางรักและเอ็นดูมากที่สุด เหตุใดเ้าไม่ไปเรือนหยางพิศุทธ์กับข้า ไปเยี่ยมพี่รองเ้าหน่อยเล่า?” เว่ยหานเฉี่ยวกล่าว
“เ้าค่ะ” มู่อวิ๋นจิ่นเห็นด้วย
ที่ด้านข้าง จื่อเซียงกระตุกชายเสื้อของมู่อวิ๋นจิ่นพลางขมวดคิ้วแน่น ั้แ่ก่อนหน้าจนถึงตอนนี้ ความคิดของฮูหยินรองเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเป็ร้อยรอบ แล้วตอนนี้มาไม้นี้จะไม่แปลกไปได้เยี่ยงไร
คุณหนูเองก็เหมือนกัน ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นถึงได้ชอบทำใจดีสู้เสือนัก
“เ้ากลับไปก่อนเลย” มู่อวิ๋นจิ่นมองจื่อเซียง แม่นั่นเป็คนใจเสาะ ถ้าตามไปด้วยอาจจะไม่ดีนัก
จื่อเซียงส่ายหัวไปมา ฝีเท้าวิ่งตามมู่อวิ๋นจิ่น ไม่มีทีท่าว่าจะออกห่าง
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นดังนั้น ก้ไม่รอช้าเร่งเดินตามเว่ยหานเฉี่ยวไปยังเรือนหยางพิศุทธ์
ไม่นานนัก มู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปด้านในเรือนหยางพิศุทธ์ สายตามองไปยังบันไดที่ทำด้วยหินหยกอย่างดี
ตำหนักของมู่อี้หยางตกแต่งประดับประดาอย่างหรูหรา ส่วนตัวนางนั้นกลับต้องอยู่ในสภาพที่น่าอนาถใจและน่าสงสารเสียเหลือเกิน
เว่ยหานเฉี่ยวพามู่อวิ๋นจิ่นเข้าไปยังห้องนอนของมู่อี้หยาง ภายในห้องนอนมีหมอหลายคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด สีหน้าของมู่อี้หยางซีดเผือดนอนแผ่นิ่งอยู่บนเตียง
มู่อวิ๋นจิ่นเลื่อนสายตามองไปยังมู่อี้หยาง ใบหน้าเจือรอยยิ้มเยือกเย็น มู่อี้หยางที่เรือนมวลบุปผาในวันนั้น กับมู่อี้ หยางที่อยู่ตรงหน้านางในวันนี้ เทียบกันไม่ได้เลยแม้แต่นิด
“อวิ๋นจิ่น มาสิ นั่งลงก่อน” จู่ ๆ เว่ยหานเฉี่ยวก็เลื่อนเก้าอี้มาให้มู่อวิ๋นจิ่น และเชิญให้นั่งลงอย่างตั้งใจ
มู่อวิ๋นจิ่นเลื่อนสายตามองเก้าอี้ ก่อนจะนั่งลงไป
“พวกเ้าออกไปก่อน” เว่ยหานเฉี่ยวบอกให้คนในห้องนอนออกไปทั้งหมด
หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว เว่ยหานเฉี่ยวก็เดินไปด้านข้างอีกครั้ง หยิบกล่องผ้าจากตู้ของ มู่อี้หยางและเปิดออกต่อหน้ามู่อวิ๋นจิ่น
กล่องทั้งกล่องนั้นเต็มไปด้วยเครื่องประดับทองคำ มู่อวิ๋นจิ่นมองไปแวบหนึ่ง ก็รับรู้ได้ว่ามันเป็สิ่งที่มีค่ามาก
“ของพวกนี้ เป็สิ่งที่อี้หยางซื้อในร้านขายเครื่องประดับเพื่อเป็ของขวัญวันเกิดของข้า แต่ข้านั้นอายุขนาดนี้แล้ว ไม่เหมาะกับของลวดลายสวยงามเช่นนี้หรอก”
“อวิ๋นจิ่นเ้าหน้าตาสะสวยเยี่ยงนี้ หากสวมใส่สิ่งของเหล่านี้แล้วคงจะสวยมากเป็แน่ ข้ายกให้เ้าเลยแล้วกัน” เว่ยหายเฉี่ยวพูด กล่องใส่เครื่องประดับเมื่อครู่ก็เอายื่นให้กับมู่อวิ๋นจิ่น
ความใจดีของเว่ยหานเฉี่ยว ทำให้มู่อวิ๋นจิ่นไม่รู้จะแสดงท่าทีเยี่ยงไรกลับไป นางไม่รู้เลยว่าเว่ยหานเฉี่ยวตอนนี้จะมาไม้ไหนอีกกันแน่
“หลายปีมานี้ เ้าต้องลำบากตรากตรำ ข้าเห็นเช่นนั้นมาเสมอ เ้านี่นะ เกิดมาพร้อมหน้าตารูปลักษณ์ที่สะสวยปานนี้ แต่แม่ของเ้ากลับรักเพียงน้องสี่ของเ้า เฮ้อ ข้าลองคิดในมุมของเ้าดู ก็คงจะเ็ปมากเป็แน่” เว่ยหานเฉี่ยวทอดถอนหายใจ
“เ้าว่า พวกเ้าเป็พี่น้องท้องเดียวกันแท้ ๆ แต่ทำไมเ้ากับน้องสี่ของเ้า ถึงได้แตกต่างกันนัก บางคราข้าเองนั้นก็อยากจะขอพ่อของเ้า ให้เ้ามาอยู่กับข้าที่นี่ แต่ทุกครั้งที่จะเปิดปาก ก็ถูกแม่ของเ้าขัดไว้เสมอ”
เว่ยหานเฉี่ยวกล่าว พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เป็ผ้าไหมขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่หางตา
มู่อวิ๋นจิ่นฟังแล้วก็เข้าใจได้ทันที ฮูหยินรองผู้นี้คงจะฟังสิ่งที่นางพูด แล้วเข้าใจไปแล้วว่าคนที่ทำร้ายลูกชายของนาง คือซูปี้ชิง
ครานี้ที่นางถูกพามาที่นี่ ก็เพื่อจะยืมมือของนางจัดการกับซูปี้ชิง
‘นี่มันคือการยืมมีดฆ่าคนชัด ๆ’
คิดไปคิดมา มู่อวิ๋นจิ่นที่ได้ฟังคำพูดของเว่ยหานเฉี่ยว จึงทำท่าทีราวกับเล่นตามน้ำ “ที่ท่านน้าพูดมาเมื่อครู่นี้ เป็ความอึดอัดคับข้องใจที่อวิ๋นจิ่นได้รับมาตลอดหลายปีเ้าค่ะ”
“เด็กดี เ้าเอาของพวกนี้เก็บเอาไว้ให้ดี หลีกเลี่ยงไม่ให้พวกน้องสี่ของเ้าเห็นเข้า จะโดนติฉินนินทาเอาได้” เว่ยหานเฉี่ยวเหลือบไปยังกล่องเครื่องประดับ พลางพูดกับมู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า ถือกล่องเครื่องประดับในมือเอาไว้แน่น
เว่ยหานเฉี่ยวเห็นเช่นนั้นก็แอบด่ามู่อวิ๋นจิ่นผู้ซึ่งไม่เคยเห็นโลกไปหนึ่งคำ ก่อนจะชะงักแล้วแสร้งเป็พูดคุยต่อ “อวิ๋นจิ่น น้องสี่ของเ้านั้นได้รับาเ็เมื่อไม่กี่วันก่อน เ้ารู้เหตุผลหรือไม่?”
“เื่นั้นข้าไม่ทราบเลยเ้าค่ะ วันนั้นที่ข้าได้พบกับหลิงจู เพียงแค่พูดคุยไม่กี่คำข้าก็แยกตัวออกมา” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยปาก
เว่ยหานเฉี่ยวถอนหายใจอีกครา “น้องสาวของเ้าก็จริง ๆ เลยซุ่มซ่ามแล้วยังไร้ระเบียบเสียงจริง”
จากนั้นเว่ยหานเฉี่ยวก็ลุกขึ้น เปิดตู้ใบหนึ่งแล้วหยิบขวดออกมาหนึ่งใบจากในนั้น
“อวิ๋นจิ่น ข้าจะให้เ้าดูสิ่งนี้” เว่ยหานเฉี่ยวถือขวดไว้ในมือ ก่อนจะพูดกับมู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า ก่อนจะมองเว่ยหานเฉี่ยวด้วยแววตาว่างเปล่า “ท่านน้า นี่คืออะไรเ้าคะ?”
“ข้าซื้อมันมาจากร้านขายเครื่องประดับและความงามในตลาดเมื่อไม่กี่วันก่อน มันเป็เครื่องประทินโฉมและช่วยเสริมความงาม ว่ากันว่าเมื่อทาบนใบหน้าก็สามารถลบริ้วรอยได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่อวิ๋นจิ่นก็แสร้งทำประหลาดใจ ก่อนจะอุทานว่า “มันอัศจรรย์ขนาดนั้นเลยหรือเ้าคะ?”
“ใช่แล้ว เดิมทีข้าคิดว่าจะมอบให้แม่ของเ้า แต่เ้ามาที่นี่ก็ดี เ้านำสิ่งนี้ไปมอบให้แม่ของเ้าแทนข้าทีแล้วกัน”
“จะได้ช่วยทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกของพวกเ้า ดีขึ้นมาด้วยเยี่ยงไรเล่า”
เว่ยหานเฉี่ยวพูด พลางยัดขวดนั้นใส่มือของมู่อวิ๋นจิ่น แววตาเป็ประกาย “อวิ๋นจิ่น จำไว้นะห้ามบอกเด็ดขาดว่าเป็ข้ามอบให้เ้า เ้าต้องบอกว่าเป็ตัวเ้าที่ตั้งใจมอบให้ท่านแม่ของเ้า เช่นนั้นแม่ของเ้าจะดีใจมากกว่า ของขวัญชิ้นนี้ถึงจะมีคุณค่า เ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบน้ำใจเ้าค่ะท่านน้า”
“อืม นี่ก็ควรค่าแก่เวลาแล้ว เ้าเอาของไปให้ท่านแม่ของเ้าเถิด ข้าจะรอฟังข่าวจากเ้าอยู่ที่นี่”
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปทางประตู
ด้านหลังของนาง เว่ยหานเฉี่ยวไม่วางใจนัก ะโไล่หลังมาอีกว่า “จำไว้นะ เ้าเป็คนมอบให้แม่ของเ้าด้วยตัวเอง”
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเดินไปไกลแล้ว ใบหน้าของเว่ยหานเฉี่ยวเจือด้วยรอยยิ้มทันที พึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเ็า “หึ ซูปี้ชิง เ้าจะต้องเหมือนตายทั้งเป็”
…
มู่อวิ๋นจิ่นออกมาจากเรือนหยางพิศุทธ์ ชั่งน้ำหนักขวดกระเบื้องในมือของตน ก่อนจะเปิดขวดออกมาสูดดมกลิ่นอย่างแ่เบา จากนั้นเหลือบมองจื่อเซียงที่ถือกล่องเครื่องประดับไว้ในมือ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“โยนกล่องเครื่องประดับนั่นลงสระน้ำไปสะ” มู่อวิ๋นจิ่นชี้ไปที่สระน้ำด้านข้างพลางพูด
จื่อเซียงชะงัก นางไม่เข้าใจเล็กน้อย “คุณหนู นี่มันของที่ฮูหยินรองอุตส่าห์มอบให้ด้วยความเมตตาเลยนะเ้าคะ”
“เมตตางั้นหรือ? เดี๋ยวอีกสักพักเ้าก็รู้เอง รีบโยนทิ้งไป!” มู่อวิ๋นจิ่นพูด
จื่อเซียงชะงักงันอีกครา เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นของมู่อวิ๋นจิ่น ก็รีบโยนกล่องทิ้งไปทันที จนผิวน้ำสาดกระเซ็น
“พาข้าไปเรือนของท่านแม่ที”
“เ้าค่ะคุณหนู” จื่อเซียงที่เดินตามมา ตอบเสียงนิ่งเรียบ
ไม่คาดคิดเลยว่า คุณชายรองที่ทั้งเย่อหยิ่งและปากร้ายกับฮูหยินรองนั้นจะมีจิตใจดีและมีเมตตา ที่แท้ในจวนหลังนี้ก็ยังมีคนที่หวังดีต่อคุณหนู
ตอนนี้ฮูหยินรองยังคิดวิธี ที่จะทำให้คุณหนูปรับความเข้าใจกับแม่อีกต่างหาก เมื่อครุ่นคิดถึงเื่นี้ จื่อเซียงก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อมใสในความดีของเว่ยหานเฉี่ยว
มู่อวิ๋นจิ่นมองจื่อเซียงที่กำลังทำหน้าตาซาบซึ้งอยู่ข้างกายนาง ก็อดส่ายหัวไม่ได้ เด็กคนนี้ช่างไร้เดียงสาน่าเอ็นดูเสียจริง
ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็เดินมาจนถึงด้านในหอปี้ลั่วที่ซูปี้ชิงอยู่ ป้าหลี่ที่ก่อนนี้ถูกมู่อวิ๋นจิ่นตบหน้าไปก็ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า เมื่อเห็นมู่อวิ๋นจิ่นนางก็หันมาหาทันที
“ไม่ทราบว่าคุณหนูสามอาจจะมาผิดทางหรือเปล่า? เหมือนว่าที่นี่จะไม่ใช่เรือนมวลบุปผานะเ้าคะ”