“น้องชาย ด้านนอกโหวกเหวกโวยวาย มีคนเยอะแยะเลย”
บุตรสาวคนที่สามมองดูด้านนอกจากรอยแยกประตู
ประตูทางเข้าบ้านตระกูลเฉิงไม่มีเหตุกาณ์ที่ใหญ่โตเช่นนี้นานแล้ว มีเ้าหน้าที่พกดาบคอยเฝ้าทั้งวัน เหล่าเพื่อนบ้านยังต้องเดินอ้อมด้วยซ้ำ
ทุกคนค่อนข้างสงสารตระกูลเฉิง แต่ก็ต้องใช้ชีวิตของตนเองด้วยเช่นกัน ประชาชนไม่อาจต่อสู้กับขุนนาง ราษฎรธรรมดาไหนเลยจะกล้าสงสัยการตัดสินใจของขุนนาง แม้นางหลิ่วจะอบอุ่นและใจดี บุตรสาวทั้งสามเมื่อออกไปยืนล้วนมีท่วงท่าและใบหน้างดงามชั้นหนึ่ง เฉิงชิงยิ่งเป็คนหนุ่มใฝ่ดีที่มีคำว่า ‘พากเพียร’ สองคำนี้ติดอยู่บนใบหน้า ทั้งครอบครัวนี้ทำให้ผู้คนยินยอมที่จะติดต่อด้วย ทั้งๆ ที่เป็บุตรและภรรยาของขุนนางคดโกง เฉิงจือหย่วน… เหล่าเพื่อนบ้านได้แต่เพียงถอนหายใจให้แก่โชคชะตาที่กลั่นแกล้งคน
คนในครอบครัวเฉิงชิงก็ล้วนเข้าใจเป็อย่างดี
ที่จริงแล้ว เป็เพราะพวกนางเช่าเรือนแยกของร้านค้าผ้าสกุลวัง จึงเพิ่มความยุ่งยากให้แก่เหล่าเพื่อนบ้าน ผู้ใดที่เมื่อออกนอกบ้านแล้วเห็นเ้าหน้าที่พกดาบแล้วจะไม่ตื่นตระหนกกันบ้าง?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าผู้เช่าเดิมที่อยู่เรือนหน้าเ่าั้ กลายเป็ผู้ที่ถูกบีบบังคับให้ย้ายออกไป ฉลองปีใหม่แล้วยังต้องหาที่อยู่เพื่อย้ายออกไปด้วย
บุตรสาวคนที่สามกล่าวว่าด้านนอกมีคนมามากมาย เฉิงชิงยังคิดอยู่ว่าเป็เพราะจดหมายที่ตนเองเขียน
จู่ๆ บุตรสาวคนที่สามก็ร้องออกมาด้วยความใ “น้องชาย ข้าเห็นสหายร่วมเรียนของเ้า คนแซ่ชุยผู้นั้นที่ครั้งก่อนที่มากินข้าวในบ้าน!”
ชุยเยี่ยนอยู่ด้านนอก?
เฉิงชิงลุกขึ้นมาทันใด
บุตรสาวคนที่สามขยับให้พื้นที่เฉิงชิง
เมื่อมองออกไปจากรอยแยก ด้านนอกมีความเคลื่อนไหวขนาดใหญ่จริงๆ ด้วย
ชุยเยี่ยนและกลุ่มศิษย์ห้องเรียนติงเก้า ยืนอยู่ตรงท่าเรือประจันกับเหล่าเ้าหน้าที่ เหล่าเ้าหน้าที่ราวกับเห็นศัตรูที่แข็งแกร่ง นำดาบมาขวางที่หน้าอกด้วยเกรงว่าเหล่าศิษย์พวกนี้จะเข้ามาจู่โจมชิงตัวเฉิงชิงหนีไป
แม้เหล่าเ้าหน้าที่จะเป็คนส่งสาร ณ ที่ว่าการ ใบหน้าที่โเี้ดุจจิ้งจอกกับเสือทำให้ราษฎรทั่วไปรู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่ออยู่ในสายตาของเหล่าบัณฑิตกลับไม่นับว่าเป็อันใดได้
ในสายตาของเหล่าบัณฑิตจะสามารถมองเห็นผู้ใดได้ เ้าหน้าที่คือข้ารับใช้ตระกูลต่ำ บุตรหลานล้วนไม่อาจเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการได้ พวกเขาจึงไม่เกรงกลัว
กลับเป็เ้าหน้าที่เหล่านี้ที่ไม่กล้าใช้ดาบแทงพวกเขา
ทำร้ายศิษย์กลุ่มหนึ่ง เื่นี้ก็จะกลายเป็เื่ใหญ่ ต่อให้เป็เ้าเมืองอวี๋ก็รับผิดชอบไม่ไหว
ท่ามกลางเหมันตฤดูอันหนาวเหน็บ บนหน้าผากของเ้าหน้าที่แถวหน้าผุดเม็ดเหงื่อขนาดใหญ่ คำรามเสียงเข้ม
“เ้าหนุ่มชุย เ้าอย่าได้โผล่หัวมาก่อเื่วุ่นวาย รีบกลับไปซะ!”
ชุยเยี่ยนติดสินบนเ้าหน้าที่เหล่านี้ไว้ไม่น้อย อีกทั้งร่างกายของเขายังโดดเด่น แค่เห็นก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็เขา
ชุยเยี่ยนทำสีหน้าไร้ความผิด “ข้าไม่ได้ก่อเื่วุ่นวาย การสอบระดับอำเภอใกล้มาถึงแล้ว ข้าเป็ห่วงว่าสหายร่วมเรียนเฉิงชิงจะลืมไปลงชื่อจึงตั้งใจมาเตือน ทุกท่านเองก็รู้ดี การลงชื่อในการสอบระดับอำเภอจะต้องมีผู้เข้าร่วมสอบห้าคนมายืนยันให้กันและกัน ฤกษ์มงคลไม่สู้ฤกษ์สะดวก พวกข้าทางนี้้าไปลงชื่อมากกว่าห้าคน ไม่สู้ไปดำเนินการในวันนี้ด้วยกัน!”
เข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ?
ช่างเป็เื่เหนือจินตนาการเสียจริง !
สถานการณ์ของตระกูลเฉิงในตอนนี้ หากสามารถไม่ต้องรับโทษก็ต้องท่องบทสวดมนต์พันจบแล้ว ศิษย์เหล่านี้สมองผิดปกติแล้ว
ชุยเยี่ยนเป็คนเริ่ม คนอื่นก็ทยอยกันส่งเสียงดัง
“เฉิงชิง ่นี้เ้าทบทวนตำราอยู่ใช่หรือไม่ ไม่กล้าไปสอบหรือ? รีบออกมาได้แล้ว พวกเราไปลงชื่อกัน!”
“มิผิด รีบออกมาได้แล้ว ข้าจะรับรองให้เ้าเอง”
ผู้เข้าร่วมสอบห้าคนรับรองกันและกันเพื่อป้องกันการทุจริต หากเกิดการทุจริต ทั้งห้าคนก็จะโดนร่างแหไปด้วย
ยามปกติเฉิงชิงมีระดับความรู้ใด เหล่าสหายร่วมเรียนล้วนตระหนักดี แม้ถูกบิดาลากเข้าไปข้องเกี่ยวจนสูญเสียคุณสมบัติในการเข้าร่วมสอบ แต่ไม่มีทางทุจริตในสนามสอบ ทำให้พวกเขากล้าที่จะรับรองให้เฉิงชิง
เดิมระดับความรู้ของคนผู้หนึ่งก็เพียงพออยู่แล้ว ไยจะต้องเสี่ยงทุจริตด้วยเล่า
เฉิงชิงมองเหตุการณ์ด้านนอกจากภายในเรือนด้วยความอึ้ง
ชุยเยี่ยนเป็คนปลุกปั่นสินะ?
เ้าอ้วนผู้นี้้าเรียกร้องกดดันต่อวังหลวง ทำให้เ้าเมืองอวี๋ไม่อาจไม่ยอมรับได้กระมัง… วิธีนี้ย่อมได้แน่นอน หากเปลี่ยนเป็นางที่ปลุกปั่น ไม่เพียงจะนำเหล่าสหายร่วมเรียนมาส่งเสียงดัง คงจะนำป้ายิญญาของท่านปราชญ์ขงจื๊อเดินไปทั่วอำเภอหนึ่งรอบ มือถือป้ายิญญาของท่านปราชญ์ขงจื๊ออยู่ ต่อให้เ้าหน้าที่จะมีความกล้าเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่าก็ไม่กล้าจับคน
แต่เมื่อวิธีนี้บรรลุเป้าหมายแล้ว ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจถูกเ้าเมืองอวี๋จดจำความแค้น
ไม่ผู้ใดยินยอมถอยเพราะโดนผู้อื่นกดดัน ยิ่งเป็ผู้ที่ตำแหน่งสูง มีอำนาจมากก็ยิ่งรังเกียจการถูกคนข่มขู่
เฮ้อ ชุยเยี่ยนจริงใจต่อนาง อีกทั้งนางยังได้เงินค่าคนกลางของชุยเยี่ยน ที่จริงแล้วไม่ควรเลย
เมื่อมองเหล่าสหายร่วมเรียนอีกครั้ง แต่ละคนโก่งคอส่งเสียงโหวกเหวก เหล่าบัณฑิตที่แม้แต่ไก่ก็ไม่กล้าฆ่า กลับเผชิญหน้ากับเ้าหน้าที่ที่ถือดาบใหญ่อยู่ในมือ พวกเขาไม่กลัวจริงๆ หรือ?
เฉิงชิงเองก็เป็บุตรสาวของพ่อค้าที่ไล่ตามผลประโยชน์หลีกเลี่ยงอันตรายผู้หนึ่ง ในพจนานุกรมของนางไม่มีคำว่า ‘ใจอ่อนให้’ สามคำนี้ พวกถ้อยคำประเภทซื่อสัตย์สุจริตและซื่อตรงก็ไม่เกี่ยวข้องกับนาง มิฉะนั้นก่อนหน้าที่นางจะทะลุมิติมาก็คงเป็ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้
แต่สหายร่วมเรียนเหล่านี้ ทั้งอายุน้อยและไม่รู้ความ ถูกปลุกปั่นได้ง่าย ทั่วทั้งร่างมีความกล้าหาญที่โง่เขลา... และทำให้นางรู้สึกคันคอ
“น้องชายๆ!”
การเคลื่อนไหวด้านนอกทำให้นางหลิ่วและพี่สาวทั้งสามต่างห้อมล้อมมาสอบถามนาง
เฉิงชิงได้สติกลับมา “เป็ชุยเยี่ยนที่นำเหล่าสหายร่วมเรียนมาร้องะโอยู่ด้านนอก หวังให้ข้าสามารถเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอของปีนี้ได้ขอรับ พวกเขามีเจตนาดี ต้องดูแล้วว่าเ้าเมืองอวี๋จะตกลงหรือไม่”
ชุยเยี่ยนทำเช่นนี้เพราะได้รับการสนับสนุนจากสถานศึกษาหรือไม่นะ?
หากสถานศึกษายอมรับอย่างเงียบๆ แล้ว ความเป็ไปได้ที่เ้าเมืองอวี๋จะตกลงก็จะยิ่งมากขึ้น
นางเองก็คิดไม่ถึงว่านอกเหนือจากการยอมรับเงียบๆ ของสถานศึกษา ชุยเยี่ยนก็มีความกล้าหาญมากที่คิดวิธีนี้ออกมาได้ ทั้งได้รับการสนับสนุนจากคนไม่น้อย!
เฉิงชิงตบประตูอย่างสุดกำลัง พวกนางหลิ่วทั้งสี่เองก็ส่งเสียงสูงร้องะโ เหล่าเ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่ถูกการโจมตีจากทั้งสองฝั่งทำให้จิตใจสับสน ใช้ดาบทุบไปบนบานประตูอย่างสุดแรง “เงียบ! หากพวกเ้าคิดฝ่าฝืนคำพิพากษาก็โผล่ออกมาสิ!”
นางต้องบ้าไปแล้วถึงจะโผล่ออกไป เฉิงชิงตบประตูเพียง้าดึงความสนใจของเ้าหน้าที่ เอ่ยอย่างชัดเจนทันที
“ขอถามท่านเ้าหน้าที่ผู้นี้ ข้าละเมิดคำพิพากษาข้อใดกัน?”
เ้าหน้าที่คำรามอย่างหงุดหงิด “ไม่ต้องมาแสร้งโง่ เ้าเมืองอวี๋เป็ผู้สั่งให้กักบริเวณพวกเ้า ก่อนหน้าที่ราชสำนักจะส่งหนังสือตัดสินลงมา ไม่อนุญาตให้ติดต่อกับคนนอก!”
เฉิงชิงส่งเสียงอ้อ
“แต่ใต้เท้าอวี๋เองก็ไม่รู้ว่าราชสำนักจะส่งหนังสือตัดสินลงมาในยามใด บิดาของข้ามีความผิดหรือไม่ ราชสำนักก็ยังไม่ได้ตัดสิน ข้ายังมิใช่บุตรชายของขุนนางต้องโทษ ทั้งยังมีผู้เข้าสอบอีกสี่คนที่จะรับรองข้าได้แล้ว ใต้เท้าอวี๋อาศัยกฎหมายข้อใด จึงมาริบคุณสมบัติในการเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการของข้าไป?”
เมื่อเฉิงชิงเอ่ยคำ ด้านนอกก็เงียบสงบ ผู้อื่นด้านนอกล้วนได้ยินเสียงของนาง
คำถามที่มีเหตุผลของเฉิงชิงทำให้เ้าหน้าที่ไม่อาจเอ่ยตอบได้
ปกติพวกเขาไม่เคยเจอคนเช่นเฉิงชิงมาก่อน หากเ้าเมืองอวี๋้าขังคน ผู้ใดกล้ายกข้อกฎหมายของแคว้นเว่ยไป一一หาความสอดคล้องว่าตนเองกระทำผิดกฎข้อใด สมองโง่งมไปหมดแล้ว ภายในใจพวกเขาทั้งกังวลและหวาดกลัว
เหล่าเ้าหน้าที่ไม่เคยพบเด็กหนุ่มที่ทั้งเ้าเล่ห์และเฉียบขาดเช่นเฉิงชิงมาก่อน
พวกเขาไม่เกรงกลัวอันธพาล แต่ไม่อาจรับมือกับอันธพาลที่มีวัฒนธรรม
เมื่ออ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ได้ ก็มีเหล่าศิษย์หลายคนที่ปรบมืออย่างดีใจ เอ่ยชมคำพูดของเฉิงชิง กล่าวว่ายินดีที่จะรับรองให้เฉิงชิงลงชื่อ
ตรอกหยางหลิ่วครึกครื้นเกินไปแล้ว เหล่าเ้าหน้าที่กลัวบรรดาศิษย์จะจู่โจมขึ้นมาจริงๆ จึงรีบไปขอความช่วยเหลือ ณ ที่ว่าการอำเภอ
น่าเสียดาที่นายอำเภอหลี่ไม่อยู่ ขุนนางชั้นผู้น้อยอย่างปลัดอำเภอและเ้าหน้าที่ปกครองก็ไม่ยินยอมที่จะล่วงเกินตระกูลเฉิง แต่ไหนแต่ไรมาไม่ยอมออกหน้า ตกลงกันอย่างลับๆ ว่าลาป่วยอย่างพร้อมเพรียงกัน
หลังจากนั้นสองชั่วยาม เ้าเมืองอวี๋ก็เร่งมาจากในเมือง
ตรอกหยางหลิ่วเต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัด ทั้งหมดหลีกทางให้แก่ท่านเ้าเมืองผู้ทรงอำนาจ
เ้าเมืองอวี๋สั่งให้คนเปิดประตูด้วยใบหน้าดำทะมึน เฉิงชิงผู้ไม่ได้ออกนอกบ้านมาหนึ่งเดือนกว่าสูดอากาศแห่งอิสรภาพชั่วครู่ เหล่าสหายร่วมเรียนโห่ร้องยินดีทันที รู้สึกว่าการรวมพลังของพวกเขาทำให้เ้าเมืองอวี๋ยอมประนีประนอมแล้ว
เ้าเมืองอวี๋คร้านจะหาความกับพวกเด็กยังไม่โตกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนี้รวมกันยังไม่ฉลาดไม่เท่าเฉิงชิง อนาคตหากถูกเฉิงชิงขายไปแล้วคงยังจะช่วยคนนับเงินด้วย เ้าเมืองอวี๋คิดว่าทั้งหมดล้วนเป็แผนการของเฉิงชิง เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเล็กน้อยยามเอ่ย
“…เฉิงชิง เ้าเคลื่อนไหววุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้ อย่าได้ทำให้ข้าผิดหวัง ต้องสอบให้ผ่านถึงจะดี!”
