สวี่เจิ้งเอ่ยถาม “ข้าได้ยินว่าบ้านเ้าจะซื้อคนมาดูแลลูกๆ ตอนน้องสะใภ้อยู่เดือนหรือ”
หลี่ซานกล่าวด้วยแววตาจริงใจ “ใช่”
“ซื้อคนอันใดกัน จะเสียเงินไปทำไมกัน” สวี่เจิ้งชี้ไปที่ภรรยาของตน “ให้นางมาช่วยพวกเ้าเถิด”
หลี่ซานยิ้มกล่าวว่า “บ้านเ้ามีงานมากแล้ว ปาโก่วจื่อก็เพิ่งอายุสามขวบ พี่สะใภ้ยุ่งจนไม่ไหวแล้วกระมัง”
สวี่เจิ้งกล่าวเสียงดัง “ข้ากลับมาบ้านแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะไปขายเต้าหู้เอง ซื่อโก่วจื่อกับอู่โก่วจื่อไม่ต้องไปแล้ว ให้พวกเขาอยู่บ้าน ซื่อโก่วจื่อทำอาหารดูแลน้อง ส่วนอู่โก่วจื่อก็มาช่วยงานที่บ้านเ้า เอาตามนี้ก็แล้วกัน”
เมื่อหลี่ซานได้ยินว่าไม่จำเป็ต้องจ่ายเงินซื้อคนอีก ย่อมรู้สึกยินดีประหนึ่งมีบุปผาเบ่งบานในใจ “ทำเช่นนี้ข้าจะรู้สึกดีได้อย่างไร”
“ครอบครัวเ้าช่วยพวกเรามากมายเพียงนั้น ครอบครัวเราก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน” สวี่เจิ้งกล่าวกับจ้าวซื่อว่า “น้องสะใภ้ เ้าตอบมาเถิด ดีหรือไม่”
จ้าวซื่อไม่มั่นใจในความคิดของหม่าซื่อจึงถามไปว่า “แล้วเ้าว่าอย่างไร”
“ความคิดของข้าก็เหมือนความคิดของเขา พวกเราหารือกันมาจากบ้านแล้ว” ในน้ำเสียงของหม่าซื่อเต็มไปด้วยความมั่นใจ นางกล่าวเสียงดังว่า “บ้านข้ายากจนเพียงนั้น มีลูกหลายคนก็ยังเลี้ยงรอดได้ทั้งหมด แม้จะล้มลุกคลุกคลานอยู่บ้าง แต่อย่างมากก็เพียงกินดื่มไม่พอจนผอมไปเล็กน้อย ข้ามิได้จะโอ้อวดอันใด แต่ข้ามีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมากที่สุดในหมู่บ้านแล้ว”
ั้แ่เอ้อร์โก่วจื่อถึงปาโก่วจื่อ ทุกคนมีชีวิตรอดทั้งหมด ส่วนต้าโก่วจื่อที่ตายเพราะโรคระบาดนั้น นับว่าเป็เื่ช่วยไม่ได้
สตรีหลายคนในหมู่บ้านที่คลอดลูกแล้ว มีหลายคนเลี้ยงเด็กไม่ไหวจนตายก่อนกำหนด บางคนเติบโตมาถึงอายุหกขวบก็ยังตาย
จ้าวซื่อพูดยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ลำบากเ้ากับอู่โก่วจื่อแล้ว”
หม่าซื่อกล่าวว่า “การเลี้ยงเด็กก็เหมือนการเล่น จะลำบากอันใดกัน โดยเฉพาะเด็กใน่ที่มารดาอยู่เดือน ก็มีแต่กินกับนอน ไม่รบกวนผู้คน เลี้ยงง่าย พวกเรามีคนมากย่อมไม่เหนื่อยแน่นอน”
ปาโก่วจื่อรีบวิ่งไปบอกหลี่หรูอี้ในห้องครัวว่า “พี่หรูอี้ ท่านแม่กับพี่ห้าจะช่วยท่านน้าเลี้ยงลูก่อยู่เดือน”
“เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านแม่และพี่สาวของเ้าแล้ว” หลี่หรูอี้กำลังสอนหลี่สือเชือดไก่ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ผ่านไปพักใหญ่อู่โก่วจื่อที่ย้ายโต๊ะย้ายเก้าอี้เสร็จแล้วก็เข้ามา บอกว่าหลี่ซานจะไม่ซื้อคนแล้ว ทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่า จะประหยัดเงินเอาไว้ซื้อเครื่องเรือนใหม่
หลี่หรูอี้ตาค้าง ที่แท้เครื่องเรือนกับซื้อคนก็เลือกได้อย่างเดียว เมื่อครู่ดีใจเสียเปล่าจริงๆ
เด็กชายทั้งสี่ของบ้านหลี่กลับมาจากสำนักศึกษาแล้ว ที่บ้านคนมากจนแน่น นั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะทั้งสองตัว
ไก่ตุ๋น เนื้อตุ๋นน้ำแดง เต้าหู้ทอด ไข่ผัดเห็ดหูหนู เนื้อผัดผักดอง ตับทอดกระเทียม มะเขือนึ่งหมู่สับ ผัดเต้าหู้สูตรดั้งเดิม มีอาหารมากมายอุดมสมบูรณ์
หม่าซื่อกลัวว่าปาโก่วจื่อจะกินจนจุกจึงคอยห้ามเขาอยู่ตลอด ทำให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนร้องไห้ ผลก็คือปาโก่วจื่อไม่ได้กินจนจุก แต่กลายเป็สวี่เจิ้งและเอ้อร์โก่วจื่อที่จุกจนต้องเดินพุงกางออกมาจากห้องโถงบ้านหลี่ หนักกว่าจ้าวซื่อที่กำลังท้องกำลังไส้เสียอีก
คนบ้านหลี่รู้ดีว่าการสร้างกำแพงเมืองที่เมืองเยี่ยนและการทำงานในอำเภอล้วนเป็งานที่ทั้งเหนื่อยและทรมาน ไม่ได้กินอาหารดีๆ มาหลายเดือน เมื่อเจอของดีมากมายย่อมไม่แปลกที่จะกินจนเป็เช่นนี้ จึงไม่ได้หัวเราะเยาะสวี่เจิ้งและเอ้อร์ โก่วจื่อแต่อย่างใด
เมื่อหม่าซื่อกลับมาถึงบ้านก็พูดกับสวี่เจิ้งด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง “หลี่ซานและจ้าวซื่อดีเหลือเกิน น่าเสียดายที่พวกเราไม่อาจเกี่ยวดองกับพวกเขาได้”
ทางด้านจ้าวซื่อ นางกำลังกล่าวปลอบหลี่หรูอี้ว่า “จู่ๆ ที่บ้านก็มีคนนอกมาหา ทุกคนยังไม่คุ้นชิน ย่อมรู้สึกกระอักกระอ่วนไปบ้าง”
“ข้าจะทำเครื่องเรือนก่อน ส่วนเื่ซื้อคนค่อยว่ากันอีกครั้ง” หลี่หรูอี้ยังคงไม่ปล่อยวางความคิดที่จะซื้อคน
หิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ตกอยู่ครึ่งคืนจึงหยุดลง บรรยากาศเงียบสงบจนแปลกประหลาด
หลี่ซานลุกจากเตียงเตาอันอบอุ่นั้แ่ก่อนฟ้าสาง
เมื่อผลักประตูออกไปก็ชนกับหิมะที่กองทับถมอยู่บนพื้นบริเวณลานบ้านทำเอาใ และเมื่อเขาเหยียบลงไปก็พบว่าหิมะหนาเกือบครึ่งฉื่อ เท้าจมลงไปจนเกือบมิด นี่เป็หิมะแรกของฤดูหนาว ดูท่าทางปีนี้คงจะหนาวกว่าปีที่ผ่านมา
หลี่สือตื่นมาช่วยหลี่ซานตรงเวลา
ที่ห้องบดบริเวณลานด้านหลัง อุณหภูมิในห้องต่ำกว่าเมื่อวาน สองพี่น้องหลี่ซานนำลาสามตัวไปผูกกับเครื่องโม่เริ่มบดถั่วเหลือง ผ่านไปพักใหญ่ก็นำน้ำของถั่วเหลืองไปต้มในหม้อ เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่บนฟืนค่อนข้างสว่าง ทำให้อุณหภูมิในห้องเพิ่มสูงขึ้น
“ท่านพี่ หรูอี้ยังไม่ตื่น”
“เ้ามาทำเต้าหู้” อากาศเย็นเกินไป สุดท้ายหลี่ซานก็ยังเป็ห่วงบุตรีสุดที่รัก อยากให้นางนอนพักอีกครู่หนึ่ง
“ข้าจะลองดู” หลี่สือรวบรวมความกล้า ใช้ดีเกลือผสมน้ำมาทำเต้าหู้
สองสามวันที่ผ่านมา หลี่หรูอี้สอนหลี่สือทำน้ำดีเกลือสำหรับทำเต้าหู้ หลังจากฝึกมาหลายสิบครั้งหลี่สือก็เริ่มทำได้แล้ว
หลี่ซานจับจ้องเต้าฮวยในหม้อ เมื่อเติมน้ำดีเกลือลงไปมันก็เริ่มแข็งตัวและกลายเป็เต้าหู้ เขาช่วยหลี่สือนำเต้าหู้มาเทลงในแม่พิมพ์
หลี่สือดีใจจนยิ้มไม่หุบ “ท่านพี่ เต้าหู้สำเร็จแล้ว”
“ข้าบอกแล้วว่าเ้าต้องทำได้ วันนี้เ้าก็เป็คนทำเต้าหู้ทั้งหมดแล้วกัน”
ครึ่งชั่วยามต่อมา สวี่เจิ้ง ซื่อโก่วจื่อ และอู่โก่วจื่อ ที่มาซื้อเต้าหู้ตระกูลหลี่ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าห้องบด
อู่โก่วจื่อสวมชุดหนาราวกับหมี ดวงตากระจ่างใส นางเอ่ยขึ้นว่า “ท่านอา เหตุใดไม่เห็นหรูอี้เ้าคะ?”
หลี่ซานยิ้ม “นางหลับอยู่” เขาคิดในใจว่า เ้าก้อนหินเรียนทำเต้าหู้จนเป็แล้ว ต่อไปลูกสาวของเขาก็ไม่ต้องตื่นแต่เช้าอีก
ซื่อโก่วจื่อกล่าวกับสวี่เจิ้งว่า “ท่านพ่อ โชคดีที่หิมะหยุดแล้ว มิเช่นนั้นพวกเราคงขายเต้าหู้ไม่ได้”
“น้องซาน เ้าก้อนหิน พวกเราไปก่อน” สวี่เจิ้งเห็นว่าอู่โก่วจื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว จึงช่วยกันยกเต้าหู้ไปยังลังไม้ในเกวียนล่อที่จอดอยู่บริเวณลานด้านหน้า
ซื่อโก่วจื่อหยิบผ้ามาคลุมลังไม้ที่บรรจุเต้าหู้เอาไว้จนแ่า เมื่อทำเช่นนี้จะทำให้เต้าหู้ไม่แข็งจนกลายเป็เต้าหู้แช่แข็ง
อู่โก่วจื่อขึ้นเกวียนล่อ ซื่อโก่วจื่อและสวี่เจิ้งนั่งบังคับเกวียนล่ออยู่ด้านหน้า
ซื่อโก่วจื่อขับเกวียนไปคุยกับสวี่เจิ้งไปพลาง “หิมะหนาเดินทางไม่สะดวก วันนี้พวกเราคงไปถึงอำเภอซั่งช้ากว่าปกติ”
สวี่เจิ้งกล่าวอย่างกังวล “จะมีผลกระทบกับการขายของหรือไม่” นี่เป็ครั้งแรกที่เขามาขายเต้าหู้ย่อมรู้สึกไม่สบายใจเป็ธรรมดา
ซื่อโก่วจื่อมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงการค้าขายที่ผ่านมา พวกเขาก็ขายดีทุกวัน “คงไม่ส่งผลกระมัง”
เกวียนล่อเคลื่อนอยู่บนทางหิมะส่งเสียงดัง ผ่านไปพักใหญ่เมื่อตัวเกวียนเคลื่อนผ่านบ้านของหวังไห่ ก็พบว่าประตูใหญ่เปิดกว้างอยู่ เฟิงซื่อเข็นรถเข็นออกมาจากในบ้าน นางเดินกะเผลกออกมา ทางด้านหลังหวังเยี่ยนรีบเดินตามมาเพราะอยากช่วยนางเข็นรถ
“อาสวี่กลับมาแล้ว” หวังเยี่ยนมีสายตาดี แม้ฟ้ายังมืดอยู่ก็เห็นว่าบนเกวียนล่อของบ้านสวี่มีสวี่เจิ้งเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
“น้องสวี่กลับมาจากเมืองเยี่ยนแล้วหรือ” เฟิงซื่อกล่าวทักทาย ก่อนหน้านี้หม่าซื่อไม่ชอบที่เฟิงซื่อเสนอตัวไปเป็หมอนให้หวังไห่ ส่วนเฟิงซื่อก็ไม่พอใจในความดื้อดึงของหม่าซื่อ เฟิงซื่อกับหม่าซื่อจึงไม่ค่อยสนิทสนมกันจนคล้ายไม่มีการไปมาหาสู่กัน ทว่าตอนนี้สตรีทั้งสองสนิทสนมกับจ้าวซื่อ สองบ้านต้องอาศัยเต้าหู้ตระกูลหลี่หากินจึงเริ่มไปมาหาสู่กันบ้างแล้ว
สวี่เจิ้งตอบ “พี่สะใภ้ หลานเยี่ยน ข้ากลับมาเมื่อวาน วันนี้ข้ากับลูกจะไปอำเภอซั่ง”
เฟิงซื่อเอ่ยถาม “ต่อไปท่านจะไปขายเต้าหู้ เช่นนั้นซื่อโก่วจื่อกับอู่โก่วจื่อก็ไม่ต้องไปแล้วกระมัง?”
“ข้าคิดไว้เช่นนั้น”
เฟิงซื่อรู้ดีว่า สวี่เจิ้งไม่ใช่คนเกียจคร้านที่ชอบโอ้อวด “อากาศเย็นแล้ว หากให้เด็กสองคนอยู่บ้านย่อมเป็เื่ที่ดี”
ครึ่งชั่วยามต่อมา เด็กชายทั้งสี่ของบ้านหลี่สวมชุดหนาเดินออกจากประตูบ้านมุ่งตรงไปยังตำบลจินจี หิมะเต็มพื้น หากเดินเร็วไปก็กลัวจะลื่น ดังนั้นจึงเดินช้ากว่าที่ผ่านมา กว่าจะมาถึงตำบลจินจีฟ้าก็สว่างแล้ว
ห้องครัวของหลายบ้านมีควันพวยพุ่งออกมา ต่างกำลังทำอาหารเช้ากันตามปกติ ร้านเกี๊ยวของชายชราไฝดำยังคงเดิม มีลูกค้าเก่าหลายคนนั่งอยู่ข้างร้าน แต่ละคนถือถ้วยอยู่ในมือ
ใช่แล้ว มันคือนมถั่วเหลือง
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้