บรรยากาศแปลกๆ ที่มีคนจำนวนมากจ้องมาที่รายได้จากการประมูลเช่นนี้ เป็เหตุการณ์ที่พบเจอได้ยาก
เมื่อเห็นหลัวเลี่ยมาถึงแล้ว ไป๋หลี่ชางไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่จ้องมาที่หลัวเลี่ย จากนั้นแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา บวกกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นโดยรอบนี้ หากสภาพจิตใจไม่แข็งแกร่งพอคงจะถูกกดดันจนกลัวได้โดยง่าย เพราะแม้แต่องค์ชายสามและองค์ชายเก้าที่ไม่ได้ตกเป็เป้าหมายก็ยังรู้สึกอึดอัดมาก
หลัวเลี่ยยืนอยู่ตรงกลางท่ามกลางฝูงชนอย่างสงบ พูดอย่างใจเย็นว่า “ข้ามารับสิ่งที่เป็ของข้า ไม่ได้มาเพื่อรับโทษ”
เขาเกลียดสถานการณ์แบบนี้มาก
ไม่ใช่ว่าเขาทนไม่ได้ที่ทุกคนมองเหมือนว่าเขาเป็นักโทษ แต่ความจริงคือเขาแค่มาเอาของของเขา เพราะเขามอบหมายให้หอการค้าฟ้านเทียนจัดประมูลสิ่งของให้ ในเมื่อเขาเป็ลูกค้า เขาก็ควรจะได้รับการเคารพอย่างถึงที่สุด แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตร
ไป๋หลี่ชางเลิกคิ้วขึ้น และแววตาของเขาดูเ็า
ครั้งที่แล้วเขา้าขู่ให้หลัวเลี่ยยอมยกหยาดจันทร์นิรวานให้เขาด้วยความสมัครใจ แต่หลัวเลี่ยกลับไม่ยอม ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบหลัวเลี่ยมากนัก ครั้งนี้เขาเลยถือโอกาสพยายามกดดันหลัวเลี่ยทางจิตใจ แต่หลัวเลี่ยก็ยังคงนิ่งเฉย
“หยาดจันทร์นิรวานของเ้าถูกประมูลเสร็จแล้วเรียบร้อย และเ้าคงรู้อยู่แล้วสินะว่าคนคนนั้นใช้อะไรในการประมูล” ไป๋หลี่ชางพูด
“ข้าไม่รู้” หลัวเลี่ยพูดอย่างเฉยเมย “ข้าปิดเรือน ไม่ได้พบใคร และไม่ได้เข้าร่วมการประมูลด้วย แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”
คำตอบนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
การประมูลหยาดจันทร์นิรวานนั้นเป็ที่สนใจของคนมากมาย เพราะมันจะต้องมีราคาสูงมากแน่ แต่หลัวเลี่ยกลับไม่ได้เข้าร่วมชมการประมูลด้วย พวกเขาคิดว่าหลัวเลี่ยช่างใจกล้าจริงๆ
อย่างที่ทุกคนทราบ หลัวเลี่ยไม่ได้สนใจหยาดจันทร์นิรวานเลย
“ผู้ที่ประมูลหยาดจันทร์นิรวานไปได้คือท่านบรรพชนข่งเซวียนแห่งตระกูลข่งเชวี่ย ซึ่งเป็ผู้มากฝีมือท่านหนึ่ง” ไป๋หลี่ชางกล่าวช้าๆ “ส่วนของที่เขาใช้เพื่อประมูลคือ...ตราราชันข่งเชวี่ย”
แม้หลัวเลี่ยจะเตรียมใจไว้ั้แ่แรกแล้วว่าของที่ถูกนำมาเพื่อประมูลจะต้องไม่ธรรมดา แต่เขาก็ยังใมากเมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
ตราราชันข่งเชวี่ย!
ตรานี้ไม่ใช่ตราของยอดฝีมือทั่วไปในตระกูลข่ง และไม่ใช่ตราของประมุขแห่งตระกูลข่ง แต่เป็ตราพิเศษของบรรพชนอันดับหนึ่งที่มีลำดับรองจากนักปราชญ์ มันเป็ของบรรพชนข่งเซวียนแต่เพียงผู้เดียว
อยู่ใต้นักปราชญ์แต่เพียงผู้เดียว คาดว่ารางวัลนี้ แม้แต่ผู้ที่มีระดับบรรพชนเช่นเดียวกันก็คงจะหวั่นไหวกับของสิ่งนี้ไม่น้อย
“จริงหรือ?” หลัวเลี่ยถาม
“ข้าไม่หลอกเ้าแน่นอน เพราะผู้ที่อยู่ในบริเวณนี้ทุกคนล้วนรู้เื่นี้กันหมดแล้ว” ไป๋หลี่ชางตอบอย่างเ็า
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “น่าแปลกจริง ตระกูลข่งถึงกับยอมจ่ายมากขนาดนี้เพื่อหยาดจันทร์นิรวานเชียวหรือ”
ไป๋หลี่ชางส่งเสียงออกมาหนึ่งคำ เพราะเห็นใบหน้าของหลัวเลี่ยเต็มไปด้วยความไม่รู้
หลิวจื่ออั๋งผู้าุโเจ็ดของหอเซียวเหยาจึงกล่าวว่า “เพราะตระกูลข่งได้ให้กำเนิดอัจฉริยะที่หาตัวจับยากผู้หนึ่ง ว่ากันว่าพลังของคนคนนี้ใกล้เคียงกับ ‘มีัอยู่ในเป้า’ เลยทีเดียว และพลังวรยุทธ์ของเขาก็แข็งแกร่งมากกว่าคนทั่วไป บรรพชนข่งเซวียนกล่าวว่า หากเด็กคนนั้นมีความสามารถทางวิชายุทธ์ล้ำเลิศจริงๆ ย่อมเป็ยอดฝีมือที่โดดเด่นเป็แน่ จึงตั้งชื่อให้เขาว่า ข่งเหรินเจี๋ย ที่แปลว่าโดดเด่น ดังนั้นเพื่อเด็กคนนี้แล้ว ตระกูลข่งย่อม้านำหยาดจันทร์นิรวานนี้มาให้เขา”
ทันใดนั้นหลัวเลี่ยก็นึกเื่หนึ่งขึ้นได้
ศักยภาพของหยาดจันทร์นิรวานคือการเปลี่ยนร่างไปสู่ระดับกายทองคำในอนาคต และระดับกายทองคำนี้ก็มีลักษณะพิเศษคือจะมีอายุยืนยาว ดังนั้นเมื่อได้รับหยาดจันทร์นิรวานนี้แล้ว อนาคตของข่งเหรินเจี๋ยคงไม่มีขีดจำกัดในการฝึกฝนอย่างแน่นอน
“เช่นนั้น ดวงข้าก็นับว่าไม่เลวเลย ถึงได้ตราราชันข่งเชวี่ย” หลัวเลี่ยไม่สามารถซ่อนความดีใจไว้ในใจได้อีกต่อไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข
ผู้คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็ใคร หรือแม้แต่ไป๋หลี่ชางและหลิวจื่ออั๋งก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
เมื่อพูดถึงตราราชันข่งเชวี่ย สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ครั้งหนึ่งมีกองกำลังมหาอำนาจที่ก่อตั้งโดยบรรพชนท่านหนึ่งที่มีพลังแข็งแกร่งจนน่ากลัว กองกำลังอำนาจนี้กระทำการโดยพลการเข้าควบคุมและทำลายราชวงศ์ของแคว้นนั้น ทำให้แคว้นนั้นถูกเปลี่ยนราชวงศ์ที่ขึ้นมาปกครอง และถือกำเนิดเป็รัชสมัยใหม่ ซึ่งเดิมทีสิ่งดังกล่าวเป็สิ่งที่คนอื่นนึกไม่ถึงว่าตนจะทำได้ แต่สำหรับพลังในระดับบรรพชนนี้ไม่ถือว่าเป็เื่ใหญ่เลยสักนิด
แต่ใครจะคาดคิดว่าราชวงศ์ในรัชสมัยก่อนที่จะโดนล้มล้างนั้นได้เก็บของลับที่สามารถช่วยชีวิตได้เอาไว้ สิ่งนั้นก็คือตราราชันข่งเชวี่ย และก่อนที่ทายาทคนสุดท้ายของราชวงศ์นั้นจะสิ้นใจ เขาได้ขอให้ตราราชันข่งเชวี่ยล้างแค้นให้กับราชวงศ์ของเขา
ในตอนแรกผู้คนคิดว่าบรรพชนข่งเซวียนจะไม่ตอบรับคำขอนี้ แต่สุดท้ายข่งเซวียนไม่เพียงเคลื่อนไหว แต่เขายังแจ้งให้บรรพชนผู้นั้นทราบว่าเขาจะลงมือในอีกสิบวันข้างหน้า และขอให้บรรพชนผู้นั้นรีบหาเพื่อนมาช่วยเหลือด้วย
บรรพชนผู้นั้นจึงได้หาเพื่อนหกคนที่มีระดับเป็บรรพชนเช่นกันมาช่วยเหลือตนเอง ในหกคนนั้นมีผู้ที่มีชื่อเสียงคือบรรพชนชื่อจิงจื่อและนักเวทซวนโตต้า
แต่ผลที่ได้คือบรรพชนข่งเซวียนที่ต่อสู้กับทั้งหกคนนั้นได้ตัดหัวบรรพชนผู้นั้นโดยที่เขาไม่ได้รับาเ็ใดๆ และเขายังทำให้เพื่อนทั้งหกคนของบรรพชนผู้นั้นได้รับาเ็สาหัสด้วยการใช้พลังจากมือเพียงข้างเดียว
หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น บางคนก็ได้เรียกบรรพชนข่งเซวียนว่าเป็บุคคลอันดับหนึ่งรองจากนักปราชญ์
หลังจากนั้นก็มีผู้ฝึกวรยุทธ์ระดับบรรพชนอีกหลายคนมาท้าทายบรรพชนข่งเซวียน แต่ข่งเซวียนก็ไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง เขาจึงได้รับการยอมรับว่าเป็ผู้มีพลังอันดับหนึ่งภายใต้นักปราชญ์
ดังนั้นมูลค่าของตราราชันข่งเชวี่ยนี้จึงนับว่าประเมินค่าไม่ได้
จึงเป็เื่ปกติที่จะมีผู้อิจฉา หรือแม้กระทั่งถึงขั้นเกลียดหลัวเลี่ย
“ผู้าุโไป๋หลี่โปรดนำตราราชันข่งเชวี่ยของข้ามาเถิด” หลัวเลี่ยยื่นมือออกไปรับตราราชันข่งเชวี่ย
ไป๋หลี่ชางไม่ขยับตัวสักนิดและพูดว่า “เ้าคิดว่าเ้าจะสามารถรักษาตราราชันข่งเชวี่ยเอาไว้ได้หรือ”
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “นั่นก็เป็เื่ของข้า”
ราวกับว่าไป๋หลี่ชางไม่ได้ยินคำพูดของหลัวเลี่ย เขาพูดกับตัวเองว่า “ตามกฎแห่งตระกูลข่งแล้ว แม้ความขัดแย้งของคนรุ่นหลังจะร้ายแรงถึงขั้นสังหารกันจนเสียชีวิต แต่คนรุ่นก่อนก็ไม่อาจยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือได้ ด้วยเหตุนี้คนรุ่นหลังจึงไม่อาจพึ่งพาคนรุ่นก่อนได้ ผู้ที่จะแก้แค้นและลงมือได้มีเพียงคนรุ่นเดียวกันเท่านั้น ทุกคนต่างรู้เื่นี้ดี และตระกูลข่งก็เคยมีเหตุการณ์ที่คนรุ่นหลังถูกซ้อมจนเสียชีวิตเช่นกัน แต่คนรุ่นก่อนก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเื่นี้ และแม้ว่าคนรุ่นหลังจะไม่มีใครสามารถแก้แค้นได้ คนรุ่นก่อนก็ยังคงปล่อยให้เื่ราวดำเนินไปเช่นนั้น”
“ดังนั้นหากคนรุ่นก่อนไม่อาจถือครองตราราชันข่งเชวี่ยได้ คนรุ่นหลังย่อมไม่มีทางเช่นกัน ในดินแดนเหยียนหวงนี้เต็มไปด้วยอัจฉริยะมากมาย หากเ้าตราราชันข่งเชวี่ย เ้าย่อมตกเป็เป้าหมายของผู้คนนับไม่ถ้วน”
“ข้าคิดว่าการที่เ้ามอบหยาดจันทร์นิรวานให้หอการค้าฟ้านเทียนของเราได้นำมาจัดประมูล ถือว่าเ้าเชื่อใจพวกเรามาก ดังนั้นหากเ้าตัดสินใจแลกตราราชันข่งเชวี่ย เปลี่ยนเป็ตราฟ้านเทียน คงจะช่วยให้เ้าไม่ถูกตามล่า และเมื่อมีตราฟ้านเทียนนี้ เ้าจะกลายเป็แขกผู้มีเกียรติของพวกเรา ไม่ว่าเ้าจะซื้อของหรือประมูลสิ่งใดย่อมได้ราคาพิเศษ”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ องค์ชายสาม องค์ชายเก้า และคนอื่นๆ ที่เกลียดหลัวเลี่ยก็หัวเราะออกมาอย่างสมน้ำหน้าเขา
ทุกคนมองออกว่านี่เป็การขโมยที่ไร้ยางอายอย่างยิ่ง เพราะไป๋หลี่ชางใช้การข่มขู่ว่า หากหลัวเลี่ยรับตราราชันข่งเชวี่ยไป เขาจะต้องถูกตามล่าอย่างแน่นอน
ครั้งนี้แม้แต่หลิวจื่ออั๋งและคนอื่นๆ ต่างก็มองไปที่หลัวเลี่ย
ทุกคนรอดูว่าหลัวเลี่ยจะทนกับความอัปยศอดสู และยอมแลกตราราชันข่งเชวี่ยกับตราฟ้านเทียนที่มีมูลค่าน้อยกว่ามากหรือไม่ หรือเขาจะกล้าต่อต้านการคุกคามในครั้งนี้
หากต่อต้าน? นั่นถือเป็อันตรายถึงชีวิต
เขาจะทำอย่างไร?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้