กลิ่นหอมบางเบาโอบล้อมร่างของเด็กสาว แววตาของนางลุกวาว จมููกเอาแต่สูดดมกลิ่นนั้นไม่หยุด ความสงสัยในแววตาก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
“คุณหนูเวินซี นี่คือสิ่งใดเ้าคะ? หอมมากเลยเ้าค่ะ” เด็กสาวเอ่ยถาม
“มันคือยาสระผมน่ะ ข้าใช้กลิ่นลูกท้อ เพราะคิดว่าเ้าน่ารักและเหมาะกับกลิ่นนี้” เวินซีอธิบายพลางยิ้มเบาๆ
“ขอบพระคุณเ้าค่ะ คุณหนูเวินซี” เด็กสาวหน้าแดงไปกับคำชม จึงรีบเอ่ยขึ้นเพื่อกลบความเขินอาย
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก” เวินซีมองเด็กสาวแล้วตักน้ำมาล้างฟองบนศีรษะของนาง
ไม่นานนักก็ล้างฟองออกจนหมด ก่อนจะนำผ้าผืนใหม่ออกมาเช็ดผมให้
“คุณหนูเวินซี ข้าทำเองเถิดเ้าค่ะ” เด็กสาวถูกดูแลเสียจนรู้สึกอึดอัด จึงรีบเอื้อมมือไปหยิบผ้ามาเช็ดศีรษะตัวเอง
ส่วนคนอื่นๆ ก็สระผมเสร็จแล้ว ทุกคนพากันลุกขึ้นนั่ง
“กลิ่นหอมจัง”
“เป็กลิ่นของลูกท้อ”
“บ้าน่า ข้าได้กลิ่นเซียงฉ่าวชัดๆ”
“แต่ข้าได้กลิ่นดอกไม้นะ”
......
กลิ่นยาสระผมโชยออกไปในอากาศอย่างรวดเร็ว กลิ่นของมันหอมมาก ดึงดูดให้ผู้คนพากันสูดดม
เด็กสาวมองดูผู้คนพลันลดสายตาลง แล้วเอื้อมมือไปลูบผมของตนมาสูดดมที่ปลายจมูก
“หอมมาก” นางเอ่ยอย่างมีความสุข ในขณะที่สายตาของหลายๆ คนก็จับจ้องมาที่นาง
พวกเขายังจำเส้นผมของนางในตอนแรกได้ มันแห้งกร้าน ไม่นุ่มสลวย อีกทั้งยังพันกันยุ่งเหยิงเพราะมิได้ทำความสะอาดมาเป็เวลานาน
แต่ยามนี้นางสระผมแล้ว ถึงแม้ผมจะยังไม่แห้ง แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันดำขลับจนสะท้อนแสง
ผู้คนมองดูขวดกระเบื้องเคลือบที่ตั้งอยู่บนพื้นราวกับของล้ำค่า
ทุกคนต่างก็รักสวยรักงาม แต่ที่ไม่ได้ดูแลเส้นผมเพราะไม่รู้วิธีมาก่อน ยามนี้เมื่อมีโอกาส พวกเขาจึงอยากลองใช้
“คุณหนูเวินซี ยังสระผมหรือไม่เ้าคะ?”
“คุณหนูเวินซี สระผมให้อีกเถิดเ้าค่ะ”
“คุณหนูเวินซี...”
“คุณหนูเวินซี...”
......
ผู้คนเอาแต่เรียกชื่อของนางอย่างต่อเนื่อง มีคนมากกว่าครึ่งอยากจะสระผม เวินซีมองดูพวกเขาแต่มิได้ตอบสนองใดๆ
คนเยอะเช่นนี้ หากนางจะต้องสระผมให้พวกเขาจริงๆ กว่าจะเสร็จทั้งหมดแขนคงจะไร้ความรู้สึกไปแล้วแน่ๆ
“คุณหนูเวินซี สระอีกหน่อยเถิดขอรับ”
“คุณหนูเวินซี”
เมื่อฝูงชนเห็นนางเงียบไป ก็มีคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
เวินซีถูกเรียกร้องจนทนไม่ไหว นางยอมถอยก้าวหนึ่งให้ทุกคน “ทุกท่านเตรียมกะละมังกับผ้าเช็ดผมมาเองเถิดเ้าค่ะ หาคู่มาสลับกันสระผมให้กันและกัน ข้าจะให้ทุกท่านใช้ยาสระผมโดยไม่คิดเงิน”
“ได้สิ ขอบคุณคุณหนูเวินซีเ้าค่ะ”
“คุณหนูเวินซีเป็เทพธิดามาโปรดเสียจริง”
“ขอบพระคุณคุณหนูเวินซีขอรับ”
......
ทุกคนพากันขอบคุณนางและแยกย้ายกลับไปที่บ้าน
หลายคนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ จึงกลับไปนำผ้ากับกะละมังแล้วรีบวิ่งมา โดยไม่สนว่าจะมีคู่หรือไม่ พวกเขาพากันนอนบนเตียง ส่วนคนที่บ้านอยู่ไกลก็ไม่ได้กลับไป แต่เข้าไปช่วยคนอื่นสระผมให้เพื่อขอผลัดกัน
มีคนที่คิดว่าโต๊ะน้อยเกินไป ไม่อยากรอ จึงไปนำโต๊ะจากบ้านของตนออกมา
ชั่วขณะหนึ่ง ถนนทั้งสายก็เต็มไปด้วยคนที่มาสระผม
เวินซีเห็นว่ามีคนจำนวนมาก นางจึงนำยาสระผมออกมาทั้งหมด วางลงบนพื้นให้พวกเขามาเลือกกันเอง
ภายใน่เช้า ยาสระผมที่เตรียมมาก็ถูกใช้จนหมด ไม่มีเหลือให้ขายเลยสักขวด
“คุณหนูเวินซีจิตใจดียิ่งนัก วันหน้าท่านจะต้องร่ำรวยอย่างแน่นอน”
“คุณหนูเวินซี ยา...ยาสระผมนี่ราคาเท่าใดเ้าคะ? ข้าขอซื้อได้หรือไม่?”
“คุณหนูเวินซี ยังมีกลิ่นอื่นหรือไม่ขอรับ?”
......
ผู้คนที่สระผมเสร็จแล้วล้วนมานั่งรอให้ลมพัดผมจนแห้งอยู่ที่หน้าร้าน ทุกคนต่างชื่นชมเวินซี
เวินซีตอบรับคำชมของพวกเขาแล้วเดินเข้าๆ ออกๆ ร้านเพราะยังต้องจัดการกับความยุ่งเหยิง
เด็กสาวที่อาสาเข้ามาสระผมเมื่อครู่นี้ได้เข้ามาช่วยนาง ถึงกับใช้แรงทั้งหมดเพื่อช่วยขนย้ายโต๊ะเข้าไป
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว นางก็เหนื่อยจนพับตัวลงบนโต๊ะมิได้ขยับ
“เอานี่ ขอบคุณที่ช่วยข้า” เวินซีนำซาลาเปาออกมาจากในครัวสามชิ้นแล้วยื่นให้นาง
เด็กสาวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะหยิบซาลาเปามาทานอย่างหิวโหย
“ขอบพระคุณคุณหนูเวินซี ขอบพระคุณคุณหนูเวินซีเ้าค่ะ ข้า...แค่ก...แค่กแค่ก...”
นางรีบทานเกินไป บวกกับกำลังพูดไปด้วยจึงทำให้ซาลาเปาติดคอ ใบหน้าของนางแดงก่ำทันใด พลางใช้มือข้างหนึ่งทุบหน้าอกของตน แต่มืออีกข้างกลับไม่ยอมวางซาลาเปาลง
เวินซีรีบรินน้ำให้ เด็กสาวดื่มน้ำรวดเดียวสี่แก้ว เมื่อหายดีแล้วก็รีบทานซาลาเปาต่อ
นางทานซาลาเปาทั้งสามลูกจนหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นสายตาที่ใของเวินซี จึงเกาศีรษะด้วยความเขินอาย
“คุณหนูเวินซี ข้ามิได้ทานอาหารมานานแล้วจึงควบคุมตนเองมิได้น่ะเ้าค่ะ ข้าทำให้ท่านใหรือไม่เ้าคะ?”
“ไม่เป็ไร อิ่มหรือไม่? หากยังไม่อิ่มข้าจะเอามาให้อีก” เวินซีพูดอย่างใจเย็น
เด็กสาวรีบพยักหน้า “คุณหนูเวินซี ข้ายังหิวอยู่เ้าค่ะ”
“เช่นนั้นรอเดี๋ยวนะ”
เพราะว่าในครัวมีอาหารไม่มากนัก สุดท้ายเวินซีจึงนำผลไม้มาให้
เด็กสาวคนนั้นกอดผลไม้ไว้ในอ้อมแขนราวกับสมบัติล้ำค่า
“คุณหนูเวินซี ท่านเป็คนดีมีเมตตาอย่างที่พวกเขาว่ากันจริงๆ ขอบพระคุณแล้วเ้าค่ะ ขอบพระคุณคุณหนูมาก หากมีโอกาสข้าจะตอบแทนคุณหนูแน่นอนเ้าค่ะ”
เด็กสาวยิ้มแป้นเพราะทานอิ่ม ส่วนผลไม้ที่ยังทานไม่หมดนั้นนางก็หยิบใส่กระเป๋า
“เ้าชื่ออันใด? ครอบครัวเ้ามีเพียงเ้าคนเดียวหรือ?” เวินซีมองดูท่าทีของเด็กสาวจึงถามขึ้น
“ข้าชื่อถันถั่นเ้าค่ะ ข้ายังมีพี่ชายอีกคนหนึ่ง แต่ข้ามิได้เจอเขานานแล้ว ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะตามหาเขาเ้าค่ะ”
“ตามหาพี่ชายหรือ? เ้ารู้หรือไม่ว่าพี่ชายของเ้าอยู่ที่ใด?”
“ไม่รู้เ้าค่ะ แต่ในจดหมายของเขาเคยบอกว่าอยู่ที่นี่ ข้าใกล้จะจี๋จี [1] แล้ว อยากจะให้เขาอยู่กับข้าในวันเกิด มิเช่นนั้นหากข้าออกเรือนไป ก็คงจะไม่มีโอกาสแล้วเ้าค่ะ”
“เ้าอยู่เมืองนี้มานานเท่าใดแล้ว? รู้จักข้าได้เช่นไร?”
“ข้าเข้ามาที่เมืองได้เพียงห้าวันเ้าค่ะ พวกขอทานในเมืองบอกว่าท่านเป็คนดี พวกเขามิได้หลอกข้าจริงๆ ด้วย คุณหนูเวินซีเป็คนดีจริงๆ เ้าค่ะ”
เวินซีมองดูเด็กสาวที่ไร้เดียงสาก็ถอนหายใจเบาๆ
นางเชื่อใจผู้อื่นง่ายมาก สักวันจะต้องถูกหลอกเข้าเป็แน่ ไม่รู้ว่าเหตุใดพี่ชายของนางถึงยอมปล่อยนางไว้คนเดียวในบ้านได้
“คุณหนูเวินซีเ้าคะ?” เมื่อเห็นเวินซีเหม่อลอยไป ถันถั่นก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้
“มีอันใดหรือ?”
“ข้าขอติดตามคุณหนูได้หรือไม่เ้าคะ? ข้าเห็นว่าร้านนี้เพิ่งเปิดใหม่ น่าจะ้าคนแน่ ข้าขออยู่ช่วยงานท่านได้หรือไม่เ้าคะ? ข้าไม่้าอันใดเลยเ้าค่ะ ขอเพียงมีอาหารและที่อยู่ให้ข้าก็พอ”
ถันถั่นพูดจบ เสียงของนางก็เบาลง
นางเองก็รู้สึกว่าทำแบบนี้ไม่ค่อยดี แต่นางก็ยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่ เวินซีเป็คนดีที่สุดที่นางเจอนอกจากพวกขอทานแล้ว
“เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่เถิด ค่อยๆ ตามหาเขา ไม่ต้องรีบร้อน” เมื่อเห็นว่าถันถั่นเป็เด็กดีและน่าเอ็นดูมาก เวินซีจึงเอ่ยปากให้นางอยู่ด้วย
“ขอบพระคุณคุณหนูเวินซีเ้าค่ะ ข้าจะทำงานให้ดีเลยเ้าค่ะ” ถันถั่นมีหน้าตาเบิกบานขณะที่เอ่ยอย่างตั้งอกตั้งใจ
หนึ่งชั่วยามต่อมา คนรับใช้ของตระกูลร่ำรวยก็เข้ามาที่ร้าน
พวกเขามาซื้อยาสระผมหลังจากที่ได้ยินสรรพคุณของมัน ทั้งยังซื้อกลับไปด้วยจำนวนที่ไม่น้อยเลย
เวินซีรับเงินมา จดบันทึกว่าคนรับใช้มาจากตระกูลใด และให้สัญญาว่าจะส่งของให้ถึงจวน
เมื่อเห็นว่าสามารถสั่งจองได้ คนอื่นๆ ก็พากันลงชื่อ ผู้ใดที่ซื้อจำนวนมากจะมีบริการส่งให้ ส่วนผู้ใดที่ซื้อน้อยให้มารับเองที่ร้าน ในเวลาต่อมาก็มีผู้คนเข้ามาสั่งซื้อกันอย่างไม่ขาดสาย
เชิงอรรถ
[1] จี๋จี 及笄 หมายถึงวันที่เด็กสาวจะอายุครบสิบห้าปี ถึงวัยที่จะต้องออกเรือน