หลิวเต้าเซียงอุ้มหลิวชุนเซียงเบียดฝูงชนเพื่อดูนางมอบซองแดงให้กับเ้าหน้าที่ ซองนั้นไม่ได้หนักมาก ดูเหมือนจะใส่เป็เงิน ไม่ใช่เหรียญอีแปะ แต่ไม่รู้เท่าไร?
นางกะพริบตาปริบๆ มองเห็นกลุ่มของซานหนิวในหมู่คน จึงแอบกวักมือให้พวกเขา แล้วเอ่ยเสียงค่อย
“เต้าเซียง!” จู่ๆ ก็มีคนตบบ่าซ้ายของนางไม่กี่ที
หลิวเต้าเซียงหันไปมอง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ย “ชุ่ยฮัว พ้นฤดูหนาวมา เ้าดูขาวขึ้นอีกแล้วนะ”
ชุ่ยฮัวชอบฟังคำเหลานี้ นางยิ้มจนไม่เห็นดวงตาแล้วทักทายพูดคุยกับหลิวเต้าเซียงไม่กี่คำ จากนั้นก็กระซิบข้างหู “ได้ยินหรือยังว่า ชื่อของอาสี่เ้าห้อยท้ายสุดในบรรดาอันดับซิ่วไฉทั้งหลาย”
คิ้วของหลิวเต้าเซียงขยับเล็กน้อย
ก่อนที่นางจะถามหลี่ชุ่ยฮัวว่ารู้ได้อย่างไร ก็มีเสียงวุ่นวายจากด้านหลังดังขึ้น “หลีกทางหน่อย หลีกทางหน่อย แจ้งข่าวดี แจ้งข่าวดี!”
“นี่ ข่าวดีอะไร?”
“คงไม่ใช่ซานกุ้ยสอบผ่านแล้วหรอกนะ?”
“ถ้าใช่ละก็ไม่ใช่ที่นี่ คนเขาแยกบ้านไปแล้ว มีบ้านของตนเอง!”
......
หลิวเต้าเซียงหันไปด้านข้าง เห็นว่ามีเ้าหน้าที่อีกสี่คนกําลังมา หนึ่งในนั้นที่เป็ผู้นำะโว่า “เรียนถาม นี่คือบ้านของหลิวซิ่วไฉที่ชื่อ หลิวจื้อไฉใช่หรือไม่?”
หลิวฉีซื่อกําลังเชิญเ้าหน้าที่กลุ่มแรกเข้ามาในบ้านแล้วกำลังเตรียมจะกลับเข้าไป เมื่อได้ยินเสียงด้านนอกจึงมองออกไปอีกครั้ง เห็นเ้าหน้าที่ส่งสารอีกสี่คน นางเผยรอยยิ้มเบิกบานแล้วเอ่ย “ใช่แล้วๆ นั่นคือหลานชายข้าเอง!”
แม้ว่าจะไม่ใช่หลานชายคนโต แต่ก็เป็หลานชายแท้ๆ ของนาง หลิวฉีซื่อรู้สึกว่าดวงวันนี้ไม่ใช่แค่ดีธรรมดา ในบ้านมีซิ่วไฉถึงสองคน ต่อไปดูสิว่าฮูหยินเซียงเซินทั้งหลายจะยังกล้าเบ่งบารมีใส่นางหรือไม่
“ขอแสดงความยินดีด้วย หลิวซิ่วไฉได้ตำแหน่งั้แ่อายุยังน้อย” เ้าหน้าที่กำลังจะยื่นใบส่งสารให้นาง
“ฮ่าๆ ลูกชายข้าสอบผ่านหรือ?” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น มือขาวสะอาดยื่นมารับใบส่งสารจากมือเ้าหน้าที่ไป
รอยยิ้มของหลิวฉีซื่อแข็งชะงักเล็กน้อย มือของนางที่ยื่นออกไปอยู่ห่างจากกระดาษใบนั้นเพียงแค่ธูปหนึ่งก้าน เพียงนิดเดียวความโชคดีก็จะมาอยู่ในมือของนาง แต่ว่า...
ใครเป็คนปล่อยหลิวซุนซื่อออกมา นางถูกกักบริเวณอยู่ไม่ใช่หรือ?
หลิวซุนซื่อภูมิใจมาก ชุ่ยหลิวจะยั่วยวนผู้ชายของนางแล้วอย่างไร สามารถแข่งบารมีกับบุตรชายนางได้หรือ?
นางอัดอั้นมาเกือบหนึ่งปี ในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยอารมณ์นี้เสียที
จากนั้นก็ไม่สนใจที่จะปะทะกับหลิวฉีซื่อ แล้วนำซองแดงออกมาจากอ้อมอกสี่ซองให้แก่เ้าหน้าที่ หลิวเต้าเซียงคาดคะเนเล็กน้อย ซองแดงน่าจะเยอะกว่าของหลิวฉีซื่อสักหน่อย
หลิวฉีซื่อกําลังโมโหจนจะเป็บ้า แต่ทำได้เพียงยืนให้ชาวบ้านเลื่อมใสอิจฉาอยู่เพียงไม่ถึงชั่วจิบน้ำชา หลิวซุนซื่อผู้ที่หน้าไม่อายก็ออกมาแย่งความสนใจของนางไป
“เ้าหน้าที่ทั้งหลาย รีบเข้ามาดื่มน้ำชาเร็ว”
“รีบหลีกทางหน่อย หลีกทางหน่อย เถาฮัว บ้านเรามีแขกหรือ?” หลิวเหรินกุ้ยตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก เขาได้ยินว่าบุตรชายสอบติดซิ่วไฉ จึงดีใจจนทำอะไรไม่ถูก คนที่ไปแจ้งข่าวบอกให้เขารีบกลับมาที่บ้าน เขาจึงรีบเร่งฝีเท้ากลับมา
หลิวซุนซื่อกําลังยุ่งอยู่กับการบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น หลิวเหรินกุ้ยได้ยินจึงหัวเราะดังลั่นแล้วโบกมือ “เพื่อนบ้านทุกท่าน สามวันให้หลังบ้านข้าจะจัดงานฉลองที่ลูกชายข้าสอบผ่านซิ่วไฉ”
เขาคํานวณในใจว่าที่นาดีสามสิบไร่ภายใต้ชื่อของเขาจะได้รับการยกเว้นภาษีแล้ว
ไม่ว่าจะเป็หลิววั่งกุ้ยหรือหลิวจื้อไฉ สำหรับหลิวเสี่ยวหลันนี่เป็เื่ที่มีหน้ามีตา นางกำลังคิดว่าจะเหยียบย่ำหลิวเต้าเซียงอย่างไร จึงไม่ทันเห็นใบหน้าบูดเบี้ยวของหลิวฉีซื่อ
ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้มารดาของตนนั้นเกลียดชังหลิวซุนซื่อเข้าไส้เพียงใด
“นี่ เ้ายังยืนอยู่นี่อีก แม้ว่าอาสี่ของเ้า หรือก็คือพี่สี่ของข้าจะสอบติดซิ่วไฉแล้ว ฮึๆ ข้าว่านางตัวดี เ้าอย่าลืมเชียวว่าเราแยกบ้านกันแล้ว”
หลิวเสี่ยวหลันได้ยินมารดาของนางเคยกล่าวไว้ว่า หากพี่สี่สอบผ่านซิ่วไฉ ทุกปีในบ้านจะได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย
หลิวเต้าเซียงกลอกตา อุ้มหลิวชุนเซียงหันขวับไปแล้วสบถออกมาคำเดียว “ใครจะไปสนกัน!”
เพียงแต่ในใจก็เต้นรัวเป็กลอง บิดาผู้เป็เด็กเรียนของนาง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ?
เมื่อคิดแบบนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าแล้วกลับไปปรึกษากับพี่สาว
ทว่าเมื่อมาถึงบ้าน ก็ได้ยินเสียงคนะโออกมาจากด้านนอก “เต้าเซียง รีบออกมาเร็ว มีเื่ดีแล้ว!”
เสียงดังลั่นนี้คือเสียงของมารดาหลี่ชุ่ยฮัว ป้าหลี่นั่นเอง ก่อนหน้านี้นางพาชุ่ยฮัวไปดูความคึกคักที่บ้านหลิวต้าฟู่ จากนั้นก็นึกได้ว่าตนเองทิ้งกะละมังเสื้อผ้าไว้ตรงริมแม่น้ำทั้งอย่างนั้น จึงรีบกลับมาที่ต้นหมู่บ้านก่อนใครอื่น ปรากฏว่าเจอกับเ้าหน้าที่ที่เขามาถามทางพอดี
ดวงตาของหลิวเต้าเซียงส่องประกาย ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงหวาน “ป้าหลี่ ข้ามาแล้ว”
จากนั้นก็บอกกับเฉินซื่อที่กำลังปอกเปลือกถั่วเหลืองสดใหม่อยู่ตรงบันไดเรือนหลัก “ท่านยาย ข้าจะไปดู”
“ไปเถิด ฟังเหมือนเป็เสียงป้าหลี่ของเ้า” เฉินซื่อวางงานในมือลง แล้วปล่อยฝาแฝดหนุ่มให้เล่นอยู่บนระเบียง ส่วนตนเองก็ไปต้มน้ำในครัว
หูของนางไม่ดีนัก นางได้ยินป้าหลี่บอกว่าข่าวดี แต่ก็กลัวตนเองจะฟังผิดไป จึงได้แต่แอบไปเตรียมต้มน้ำ
ไม่รู้ว่าวันนี้เป็วันมงคลหรืออะไร หลิวเต้าเซียงยังไม่ทันถึงประตูก็เห็นป้าหลี่ปรากฏตัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มปรีดา
“เต้าเซียง มีแขกมาบ้าน รีบไปเตรียมของอร่อยมาเร็ว” ป้าหลี่พูดจบก็นึกได้ว่าตนเองดีใจเกินเหตุจนลืมบอกเล่าให้ชัดเจน จึงเอ่ยอีก “มีเ้าหน้าที่ส่งข่าวดีมา”
ตามที่คาดไว้ แล้วก็อยู่นอกเหนือความคาดหมายด้วย
หลิวเต้าเซียงขมวดคิ้วแล้วอมยิ้ม และรีบถาม “เ้าหน้าที่อยู่ที่ใด?”
ป้าหลี่ชี้ออกไปด้านนอก “อยู่ด้านหลัง กำลังมาแล้ว ข้ารีบวิ่งมาบอกข่าวก่อน”
นางเอื้อมมือออกไปอีกครั้งและคว้ามือของหลิวเต้าเซียง พร้อมกับดึงนางไปด้านนอกบ้าน เมื่อเห็นเ้าหน้าที่สี่คนกำลังมุ่งหน้ามา ทางด้านหลังก็มีคนกลุ่มหนึ่งตามมาดูความคึกคัก
ซานหนิววิ่งออกมาจากฝูงชนและะโอย่างตื่นเต้น “ท่านพี่เต้าเซียงๆ ข่าวดี พ่อพี่สอบผ่านซิ่วไฉแล้ว”
หลิวเต้าเซียงพูดไม่ออก เหตุใดซิ่วไฉปีนี้จึงดูไม่มีคุณค่าเลย!
เมื่อเ้าหน้าที่ส่งสารมาถึงหน้าบ้าน หลิวเต้าเซียงก็เชิญทั้งสี่คนเข้าไปนั่งด้านใน จากนั้นก็โบกมือให้เด็กน้อยด้านหลังเข้ามาด้วย แล้วจึงพาเ้าหน้าที่ไปนั่งในห้องโถง
เฉินซื่อเห็นคนกลุ่มใหญ่หลั่งไหลเข้ามาก็เดาได้เล็กน้อย เมื่อนางออกจากครัวก็มีคนห้อมล้อมกันเข้ามาแสดงความยินดี
หลังจากนั้นนางก็รีบยกชาร้อนเข้าไปในห้องโถง
เดิมทีเ้าหน้าที่เห็นสภาพกำแพงบ้านยังนึกว่านี่คือบ้านที่ไม่ได้มีฐานะอะไร จึงเกิดความไม่ชอบใจเล็กน้อย ใครจะรู้ว่าพอเห็นหลิวเต้าเซียงที่สวมสร้อยอิ๋นสั่วและแต่งกายด้วยชุดอ๋าวผ้าฝ้ายละเอียดตัวบาง ก็รู้ว่าครั้งนี้คงได้ค่าเดินทางไม่น้อย
“ไม่ทราบว่าหลิวซิ่วไฉ หลิวซานกุ้ยอยู่บ้านหรือไม่” ผู้นำนั้นยื่นใบส่งสารออกมา
หลิวเต้าเซียงตอบด้วยรอยยิ้ม “หลังจากพ่อข้าไปเข้าร่วมสอบ ก็ยังไม่ได้กลับมาบ้าน”
ผู้นำมองเขาด้วยใบหน้าที่รู้แจ้งแล้วเอ่ย “แม่นางไม่ต้องกังวล พ่อเ้าต้องไปร่วมสานสัมพันธ์กับบรรดาสหายแน่นอน นี่คือเื่ปกติ”
หลิวเต้าเซียงคิดดู จึงไม่กังวลที่บิดายังไม่กลับมา เมื่อรู้ว่าหลิวจื้อไฉเองก็ยังไม่กลับมา เกรงว่าจะเป็จริงดั่งที่เ้าหน้าที่เหล่านี้บอก
นางขอบคุณพวกเขาแล้วจึงรับใบส่งสารข่าวดีมา ขณะที่กำลังอ่าน จางกุ้ยฮัวก็กลับมาพอดี ที่แท้ก็ได้ป้าหลี่ไปช่วยแจ้งข่าวให้
เมื่อจางกุ้ยฮัวนั่งลง หลิวเต้าเซียงก็ออกจากห้องโถงแล้วเจอกับหลิวชิวเซียงที่กำลังกลับเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“น้องรอง พ่อเราสอบผ่านแล้วหรือ?”
“พี่รองไม่ได้โกหก ท่านพ่อสอบผ่านแล้ว” หลิวชุนเซียงไม่รู้โผล่มาจากไหนและชิงตอบก่อน
หลิวเต้าเซียงยิ้มและพยักหน้า จากนั้นคว้าตัวสองพี่น้องเข้าไปยังห้องปีกตะวันออก
นางอยากให้ทั้งสองได้รู้วิธีการปฏิบัติต่อผู้คนและการจัดการเื่ราว
จางกุ้ยฮัวเป็คนจิตใจดีมีเมตตา ครอบครัวของนางกำลังจะพลิกผันตามหลิวซานกุ้ย และจะเปลี่ยนไปจากเดิมทุกวัน
“พี่ใหญ่ ก่อนหน้านี้ข้าพาน้องสามไปที่หน้าบ้านท่านย่า เห็นท่านย่าห่อซองแดงให้เ้าหน้าที่คนละซอง”
หลิวชิวเซียงสงสัยว่า “เหตุใดต้องห่อซองแดงด้วย?”
นางเป็สาวชนบทที่แท้จริง ก่อนที่หลิวเต้าเซียงจะข้ามมิติมาก็เผชิญความทุกข์ยากลำบาก หาได้เข้าใจเื่ราวซับซ้อนเหล่านี้
หลิวเต้าเซียงขมวดคิ้วและตอบว่า “พี่ใหญ่ พวกเขาคือเ้าหน้าที่ ว่ากันว่าผีตนใหญ่อยู่ดีมีสุข ผีตนเล็กยากลำบาก ข้าว่าที่ท่านย่าให้ซองแดง เกรงว่าทางเราก็ต้องให้ ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้คือเ้าหน้าที่”
ดังคํากล่าวที่ว่า ประชาชนไม่ต่อสู้กับเ้าหน้าที่
“อีกอย่าง พี่ใหญ่ ท่านคิดดูว่าพ่อเราเป็ซิ่วไฉแล้ว ต่อไปก็ต้องคลุกคลีกับคนเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้ยินคนพูดบ่อยๆ ว่าการให้สินน้ำใจมากเกินไป คนไม่ถือสา”
หลิวชิวเซียงขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดว่าไม่ควรทำให้เ้าหน้าที่เหล่านี้เคืองโกรธจะดีกว่า เพราะกลัวว่าหากไปทำเื่ไม่ดี บิดาของตนจะมีปัญหาไปด้วย
“เ้าเห็นหรือไม่ว่าท่านย่าห่อเท่าไร?”
หลิวเต้าเซียงยกนิ้วชี้ขึ้นมา เดิมทีหลิวชิวเซียงอยากบอกว่าหนึ่งอีแปะ ต่อมาคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกไม่น่าใช่ จึงถาม “สิบอีแปะหรือ?”
“สิบอีแปะ? ฮึ พวกเขาคงนึกว่าไล่ขอทาน ข้าเห็นท่านย่าห่อซองไม่ใหญ่นัก มีจุดนูนเพียงจุดเดียว คิดว่าน่าจะเป็เงินก้อน ข้าเดาว่าน่าจะมีหนึ่งตำลึงหนึ่งอัน”
นางเอื้อมมือออกไปลูบคาง แม้ว่าหลิวฉีซื่อจะชั่วร้ายโเี้ แต่เวลาจัดการเื่ราว ก็มากประสบการณ์กว่าพวกนาง
“เราจะห่อหนึ่งตำลึงด้วยหรือ?”
นางทำใจไม่ได้
หลิวเต้าเซียงถอนหายใจ “หากว่าทุกคนห่อเยอะเช่นนี้ ก็ช่างเถิด แต่ป้ารองเราห่อสองตำลึงเชียวนะ...”
มีเพียงคนโง่เงินเยอะ ถึงจะเงินเยอะแต่ก็ไม่ได้ห่อเช่นนี้
“เราจะห่อสองตำลึงเหมือนกันหรือ?” หลิวชิวเซียงรู้สึกเสียดาย แล้วนึกชิงชังเ้าหน้าที่เหล่านี้เหลือเกิน
คนละสองตำลึง สี่คนก็แปดตำลึง
หลิวเต้าเซียงขมวดคิ้ว “ท่านพี่ มีอีกเื่ที่ท่านไม่รู้ อาสี่สอบติดซิ่วไฉเป็อันดับสุดท้าย ส่วนพี่จื้อไฉสอบผ่านระดับกลาง ทั่วทั้งอำเภอมีหนึ่งร้อยอันดับ พี่จื้อไฉได้ที่ห้าสิบสาม”
นางไม่รู้ว่าสินน้ำใจจะเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับด้วยหรือไม่
หลิวชิวเซียงรู้สึกว่าคำพูดของนางมีความนัยแฝง จึงเอ่ยถาม “ท่านพ่อเราล่ะ?”
“ท่านพ่อเราได้อันดับแปด” นี่นับว่าเป็อันดับต้นๆ เด็กเรียนอย่างบิดาของนางเพิ่งจะเรียนแค่สองปี หรือจะพูดให้ถูกก็คือ สองปีนี้ไปเรียนเพียง่เช้า
“อย่างนั้นเราก็ต้องห่อคนละสามตำลึงหรือ?” หลิวชิวเซียงใจนอ้าปากเหวอ คนละสามตำลึง สี่คนสิบสองตำลึง ปล้นกันเถิดแบบนั้น!
หลิวเต้าเซียงเอื้อมมือออกมาทึ้งผม แล้วกล่าวอย่างทำอะไรไม่ได้ “ช่างเถิด เราห่อสามตำลึงต่อซองเถิด ให้เยอะหน่อยก็ดีกว่าให้คนชิงชัง ยิ่งไปกว่านั้นเ้าหน้าที่เหล่านี้ก็มาจากในอำเภอ”
หลังจากสองพี่น้องพูดคุยกัน พวกนางก็ห่อสินน้ำใจก้อนใหญ่เป็ซองแดงให้เ้าหน้าที่ทั้งสี่
หลังจากเ้าหน้าที่เ่าั้รับมาก็แอบคาดเดา เมื่อคาดคะเนได้ว่ามีเงินเท่าไรในซอง จึงเผยใบหน้ายิ้มแย้ม คนที่เป็ผู้นำก็เอ่ย “หลังจากสอบผ่านซิ่วไฉ เกรงว่าคงต้องไปที่อำเภอบ่อยๆ”
เมื่อเห็นว่าคนทั้งห้องต่างก็มองเขาด้วยสีหน้างุนงง คนที่เป็ผู้นำก็พินิจครู่หนึ่งแล้วเตือน “หลังจากสอบผ่านครั้งนี้ ผู้ที่สอบผ่านพร้อมกันก็จะเป็สหายกัน ต่อไปต้องได้ไปมาหาสู่กันเป็ปกติ อีกอย่างหากว่ามีโอกาสได้ก้าวหน้ากว่านี้ คนเหล่านี้ก็จะกลายเป็สหายที่ดีของพ่อพวกเ้า ใครบ้างในราชสำนักจะไม่มีกำลังเสริมบ้าง”
-----