ถูกผู้ป่วยคนหนึ่งหมายหัวเป็เื่น่ากลัวอย่างแน่นอน
ทว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ผู้ป่วยบางคนไม่คิดว่าตนนั้นป่วย และคนที่ตกเป็เป้าหมายก็ไม่รู้ตัวแต่อย่างใดเช่นกัน
สุดสัปดาห์นี้ได้มีการแข่งขันภาษาอังกฤษรอบก่อนชิงชนะเลิศ และเกิดเื่ไม่คาดฝันเล็กน้อยระหว่างการสอบทักษะการพูด
หลังเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาที่มหาวิทยาลัย เธอก็รีบไปหาอาจารย์หลินทันที
เซี่ยเสี่ยวหลานเล่าสถานการณ์ตอนนั้นให้อาจารย์หลินฟัง อาจารย์หลินไม่โกรธ เธอแค่รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็ยังให้กำลังใจและเห็นด้วยกับเซี่ยเสี่ยวหลาน “ถ้านี่คือความคิดของเธอก็ควรยืนหยัดต่อไป แม้มันอาจจะส่งผลกระทบต่อคะแนนรวม แต่ทักษะการพูดตอนตอบคำถามของเธอยอดเยี่ยมมาก พูดตามตรง ทักษะการพูดของเธออยู่สูงกว่าที่คาดไว้เสียอีก อาจารย์ภูมิใจในตัวเธอจริงๆ ”
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ลูกหลานตระกูลทูตหรือมาจากครอบครัวนักวิชาการ ได้เรียนภาษาต่างชาติั้แ่เด็กและมีโอกาสฝึกฝนทักษะด้านการพูด ระดับความสามารถของเธอก็คงเรียกว่า ‘ไม่น่าแปลกใจ’ สักเท่าไร แต่นี่ไม่ใช่ เซี่ยเสี่ยวหลานมาจากครอบครัวชาวไร่ในหมู่บ้านอันห่างไกลของมณฑลอวี้หนาน เื่นี้อาจารย์หลินรู้ดีกว่าใครว่า นักศึกษาที่มาจากชนบทคนหนึ่ง หากจะเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ระดับนี้นั้นมันยากแค่ไหน
ไม่มีสภาพแวดล้อมทางภาษา ไม่ได้ซึมซับมาั้แ่เด็ก อาจจะเพิ่งได้ััหนังสือวิชาภาษาอังกฤษสมัยมัธยมปลายด้วยซ้ำ
เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถผ่านเข้ารอบก่อนชิงชนะเลิศได้ เพียงเท่านี้อาจารย์หลินก็พอใจแล้ว
สำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ นักศึกษาชั้นปีสูงๆ ต้องถูกคัดออกไปหลายคน ทั่วทั้งประเทศมีมหาวิทยาลัยอยู่มากมาย ไม่ใช่แค่หัวชิงเท่านั้นที่มีเด็กเก่ง มหาวิทยาลัยที่เทียบเคียงกับหัวชิงได้ยังมีอีกหลายแห่ง และมหาวิทยาลัยเ่าั้ยังมีคนอีกตั้งกี่คนกัน นักศึกษาบางคนแม้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดไม่ได้ แต่เื่พร์ทางด้านภาษาไม่สามารถวัดกันแค่คะแนนสอบเข้าได้ อาจารย์หลินคิดว่าสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานแสดงให้เห็นถือว่าใช้ได้แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งอยู่ปีหนึ่งเท่านั้น ยังมีพื้นที่และเวลาให้พัฒนาอีกมาก
ทำไมมหาวิทยาลัยต้องสอนภาษาต่างชาติ?
ไม่ใช่เพื่อเติมเต็มความฝันในการไปเรียนต่อต่างประเทศของนักศึกษาเพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่หาก้าเข้าถึงงานวิจัยล้ำสมัยระดับโลกหลายๆ ศาสตร์วิชา นักวิจัยเ่าั้ไม่ได้ใช้ภาษาจีนในการเขียนวิทยานิพนธ์ แต่ใช้ภาษาต่างชาติในการเขียนน่ะสิ
ถ้าอยากก้าวแซงผู้อื่น สิ่งแรกที่ต้องทำคือการไล่ตามฝีเท้าของคนอื่นให้ทัน หากไม่เรียนภาษาให้ดีก็เท่ากับปิดตายประตูสู่ความก้าวหน้า
สำหรับเื่นี้เซี่ยเสี่ยวหลานบอกกับอาจารย์หลินแล้วก็ถือว่าผ่านพ้นไป แม้อาจารย์หลินจะคิดว่าโอกาสที่เซี่ยเสี่ยวหลานจะผ่านเข้ารอบมีน้อยมาก แต่ก่อนประกาศผลอาจารย์หลินก็ยังอยากใช้เวลานอกคาบเรียนติวเข้มให้แก่เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ดี
และเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่ปฏิเสธการติวเข้มนี้เช่นกัน
เธอรู้สึกซาบซึ้งที่อาจารย์หลินสละเวลาพักผ่อนของตนมาติวให้ จะได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศหรือเปล่าก็เป็อีกเื่หนึ่ง แต่ความรู้ที่ได้จากการติวจะติดตัวเธอตลอดไป เื่พวกนี้เซี่ยเสี่ยวหลานตระหนักดีกว่าคนอื่น หากได้เกิดใหม่อีกครั้ง สิ่งที่เคยเรียนรู้มาั้แ่ชาติก่อน ชาตินี้ก็ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้!
นอกจากสอบได้ไม่ดีเท่าไร และไม่ได้เจอเฉินชิ่งที่มหาวิทยาลัยจิงเม่า สุดสัปดาห์นี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานนับว่ามีแต่เื่ดีๆ ทั้งสิ้น
มีผู้จัดการใหญ่อู่ไปด้วยกัน เ้าของเรือนสี่ประสานที่สือช่าไห่จึงตกลงซื้อขายกับเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ที่เรียบร้อย หลังจ่ายเงินสดที่เพิ่งถอนจากธนาคารมาหมาดๆ เซี่ยเสี่ยวหลานก็กลายเป็เ้าของบ้านคนใหม่ทันที
บ้านหลังนี้เป็ของเธออย่างแท้จริงแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานลูบกำแพงอิฐเก่าแก่ของตัวบ้านแล้วรู้สึกอุ่นไปทั้งใจ
ที่นี่ไม่เหมือนบ้านที่หมู่บ้านชีจิ่ง บ้านที่ชีจิ่งปรับปรุงใหม่เพื่อทำให้ความปรารถนาของหลิวเฟินเป็จริง เป็การมอบบ้านหลังแรกให้กับหลิวเฟิน ส่วนบ้านที่สือช่าไห่หลังนี้คืออสังหาริมทรัพย์แห่งแรกของเซี่ยเสี่ยวหลานในยุคสมัยนี้ มันเป็ความรู้สึกที่ใช้คำว่าพึงพอใจและอุ่นใจมาอธิบายก็ไม่เพียงพอ ผู้จัดการใหญ่อู่เองก็รู้สึกสะท้อนใจ เขาได้เงินเดือนจากรัฐแต่ก็ยังต้องอุดอู้อยู่ในบ้านพักสวัสดิการหลังเล็ก ทว่าคนทำธุรกิจอิสระกลับมีเงินซื้อเรือนสี่ประสานใหญ่โตหลังแล้วหลังเล่า
ใครบ้างไม่อยากอยู่บ้านหลังใหญ่กัน คนทั้งครอบครัวอัดกันอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ จะใช้ชีวิตดั่งสามีภรรยายังต้องกลัวเพื่อนบ้านได้ยินเสียงรบกวนเลย
ผู้จัดการใหญ่อู่นึกสะท้อนใจเพียงชั่ววูบเท่านั้น ถ้าให้เขาทิ้งงานที่มั่นคงไปทำธุรกิจอิสระก็คงเป็ไปไม่ได้ ธุรกิจอิสระหาเงินได้มากก็จริง แต่สถานะทางสังคมนั้นต่างกันมากเหลือเกิน
“ผู้จัดการใหญ่อู่ ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานตรวจสอบตัวบ้านอย่างละเอียดหนึ่งรอบ เธอซื้อกุญแจบ้านใหม่มาเปลี่ยนเรียบร้อย ก่อนจะขอบคุณผู้จัดการใหญ่อู่อย่างเป็ทางการ
จะให้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลมากกว่านี้ก็คงเป็ไปไม่ได้ ร้านเสื้อผ้าต้องรอให้ถึงปลายปีก่อนจึงจะได้เงินปันผล หลังซื้อบ้านที่สือช่าไห่แล้ว เงินของเซี่ยเสี่ยวหลานเหลืออยู่ไม่ถึงสี่หมื่นหยวน ถ้าเอาไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลหมด เธอก็จะมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจไม่มากพอ ผู้จัการใหญ่อู่เองก็ไม่ใช่คนประเภทที่ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ซื้อพันธบัตรก็จะตัดขาดมิตรภาพเสียหน่อย ความสัมพันธ์ของมนุษย์ควรประคับประคองให้คงอยู่อย่างยาวนาน ภารกิจขายพันธบัตรรัฐบาลปีนี้ยังไม่ลุล่วง แต่ผู้จัดการใหญ่อู่จะจับลูกค้าอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานคนเดียวไม่ปล่อยก็คงไม่ได้น่ะสิ
สานสัมพันธ์อันดีเอาไว้ ปีหน้ายังมีโอกาส!
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากเลี้ยงอาหารผู้จัดการใหญ่อู่ แม้ผู้จัดการใหญ่อู่จะเป็ถึงผู้บริหารระดับสูงของธนาคารที่มีคนนับหน้าถือตา แต่ก็เป็พวกรักการกินจนท้องแตกไปข้าง
ต่อให้กินจนพุงกาง เงินที่ต้องจ่ายก็แค่ไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเซี่ยเสี่ยวหลานจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนี้อย่างเต็มใจ
เซี่ยเสี่ยวหลานชอบสะพายกระเป๋าออกมาข้างนอก กระเป๋าเป้ทำจากผ้าใบนี้เธอซื้อมาจากหยางเฉิง มันเข้ากับสถานะการเป็นักศึกษาของเธอมากกว่ากระเป๋าเอกสารมากโข
ตอนบอกลาผู้จัดการใหญ่อู่ เซี่ยเสี่ยวหลานหยิบบุหรี่สองแถวที่ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อไว้ใส่ตะกร้าจักรยานของเขา “รบกวนคุณมาเสียหลายวัน ทำให้คุณลำบากแล้วค่ะ!”
เธอไม่ให้โอกาสผู้จัดการใหญ่อู่ปฏิเสธ หลังวางบุหรี่ห่อหนังสือพิมพ์ไว้ในตะกร้าของเขา เธอก็รีบขี่จักรยานจากไปทันที ผู้จัดการใหญ่อู่ยิ้มเจื่อน เขาเปิดกระดาษหนังสือพิมพ์ออกดู มันคือบุหรี่ ‘จงหัว [1] ’ สองแถว นักศึกษาเซี่ยผู้นี้มีไหวพริบเหลือเกิน ไม่เหมือนนักศึกษาธรรมดาเลยจริงๆ ! แต่ก็คงมีนักศึกษาแค่ไม่กี่คนที่สามารถซื้อบ้านหลายหมื่นหยวนได้ด้วยตัวเอง นอกจากให้หลิวหย่งมาดูบ้านหนึ่งครั้ง ั้แ่ต้นจนจบ เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนตัดสินใจเื่ใหญ่เช่นนี้เองทั้งหมด
แม้คังเหว่ยกับโจวเฉิงจะไม่ได้ขายบุหรี่แล้ว แต่การหาบุหรี่จำนวนเท่านี้ไม่ใช่เื่ยากแต่อย่างใด ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ต้องเหนื่อยอะไรแม้แต่น้อย
ั้แ่มาปักกิ่งน้อยครั้งที่เธอจะให้บุหรี่กับใคร ทังหงเอินเคยพูดว่า นี่คือหนึ่งในกลยุทธ์การทำธุรกิจ เป็นักศึกษาก็ควรทำตัวให้เหมือนนักศึกษา อย่างเช่น หากเอาบุหรี่หรือเหล้าไปให้กับอาจารย์ในภาควิชาระหว่างเรียนที่หัวชิงย่อมเป็สิ่งที่ไม่เหมาะสม! หากมีเวลาให้ของขวัญพวกนั้น สู้เอามาใช้พัฒนาเื่การเรียนจะดีกว่า ไม่มีอาจารย์คนไหนไม่ชอบเด็กที่ตั้งใจเรียน
ขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงดื่มด่ำอยู่กับความปลาบปลื้มที่ได้เรือนสี่ประสานที่สือช่าไห่มา
วันต่อมา หลังเลิกเรียนก็มีคนมาหาเธอ
เธอคือผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์มากคนหนึ่ง ่เดือนธันวาคมเช่นนี้ เสื้อคลุมขนแกะสีเข้มตัวบางแต่ดีไซน์โก้เก๋เมื่ออยู่บนตัวเธอช่างดูมีเสน่ห์จับตาจับใจเหลือเกิน ั้แ่เนื้อผ้าจนถึงการจัดชุดเสื้อผ้า การแต่งกายของเธอคนนี้เรียกได้ว่าโดดเด่นไม่เหมือนคนสมัยนี้แม้แต่น้อย
เหมือนเดินออกมาจากนิตยสารแฟชั่น ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ พื้นที่ของมหาวิทยาลัยหัวชิงราวกับถูกเธอเปลี่ยนเป็เวทีเดินแบบของปารีสแฟชั่นวีค
ใช่ นี่ก็คือสิ่งที่ประธานเซี่ยเคยเห็นมาก่อน มันคือความรู้สึกที่เอื้อมไม่ถึงเวลามองนางแบบบนเวทีเดินแบบ!
“คุณคือ...”
เธอแย้มยิ้มบางออกมา “ฉันคือแม่ของจี้เจียงหยวน เธอคือนักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลานสินะ ฉันได้ยินเจียงหยวนพูดถึงเธออยู่บ่อยๆ เรามาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า”
ความจริงก่อนหน้านี้เซี่ยเสี่ยวหลานก็พอจะเดาได้ จี้เจียงหยวนหน้าตาไม่คล้ายทังหงเอิน แสดงว่าคล้ายแม่ของเขาน่ะสิ
ว่าแต่แม่ของจี้เจียงหยวนมาหาเธอทำไมกัน?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เชื่อว่าจี้เจียงหยวนจะพูดถึงเธอที่บ้านเป็ประจำ เพราะเธอกับจี้เจียงหยวนไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น!
“คุณน้าคะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอเดินเล่นในมหาวิทยาลัยเป็เพื่อนคุณน้าสักรอบแล้วกันนะคะ”
เชิงอรรถ
[1] บุหรี่ยี่ห้อ ‘จงหัว’ ถือเป็บุหรี่ประจำชาติจีนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในยุคสมัยนั้น ขึ้นชื่อว่ามีราคาแพงและนิยมใช้เป็ของขวัญให้แก่ผู้ใหญ่ที่นับถือ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้