ฮ่องเต้หยวนเต๋อตกตะลึงเล็กน้อย เขาเองก็รู้ว่าไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าฉู่ชิง ยามนั้นเขาให้ฉู่ชิงรับตำแหน่งนี้ก็เพื่อจะคานอำนาจเหล่าขุนนางในท้องพระโรง ฉู่ชิงคือจุดที่สมดุล ใน่หลายปีมานี้ ความสามารถของฉู่ชิง ตัวเขาเองก็คอยเฝ้ามองตลอด และมันอยู่เหนือจินตนาการเขาอย่างสมบูรณ์ ฉู่ชิงมีความเป็ผู้นำโดยธรรมชาติ ฮองเฮากล่าวไม่ผิด ไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากไปกว่าฉู่ชิง
แต่จ้าวเยี่ยน...
เมื่อคิดถึงการกำเนิดของจ้าวเยี่ยน ฮ่องเต้หยวนเต๋อหันมองฉางไทเฮาโดยไม่รู้ตัว สายตานั้น ผู้คนที่ล้วนเฝ้ามองก็ยิ่งรู้สึกถึงความหมายลึกซึ้ง
ฮองเฮาอวี่เหวินขมวดคิ้ว ดวงเนตรขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอฉายแววไม่พอใจ ลูบครรภ์ที่โค้งนูน ก้าวไปข้างหน้าภายใต้การประคองของจือเถา พลางยกยิ้มราบเรียบ “ข้าเองก็อยากได้ยินความเห็นของเสด็จพี่ไทเฮาเช่นกัน เสด็จพี่สะใภ้ ท่านคิดว่าอย่างไร? ยังมีผู้ใดที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าฉู่ชิงหรือไม่?”
แทบทุกคนต่างไม่คาดคิดว่าองค์หญิงใหญ่ชิงเหอจะก้าวเข้ามาแทรก ทั้งยังถามจี้ไทเฮาอย่างชัดเจนเยี่ยงนี้ ฟังเหมือนเป็คำถาม ทว่าสิ่งที่แอบแฝงอยู่เื้ักลับทำให้ผู้คนอยู่ในภวังค์
ท่ามกลางฝูงชน แม้แต่เหนียนยวี่ยังลอบปรบมือให้กับคำถามขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ
มุมปากของเหนียนยวี่ยกยิ้มเบาบาง เหลือบมองสตรีในชุดเรียบง่ายผู้นั้น ดูเหมือนนางจะฝืนทำท่าทีสงบนิ่งอ่อนโยนเหมือนเดิมไม่ไหว ั์ตาคู่นั้นเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจอย่างยากที่จะอธิบายเป็คำพูด
ไม่พอใจงั้นหรือ?
คนฉลาดเช่นนางคงจะรู้แล้วเช่นกันว่า คำถามนี้ขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ นางตอบได้เพียงคำตอบเดียว ไม่เช่นนั้นจะตกเป็เป้าสายตา ฮองเฮาอวี่เหวินกำลังรอให้นางก้าวพลาด ทว่าหากนางยอมรับว่าไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับตำแหน่งแม่ทัพหลวงมากกว่าฉู่ชิง จ้าวเยี่ยนที่้าตำแหน่งแม่ทัพหลวงมาครอง คงจะไร้หวังแน่นอน
เช่นนั้น นางจะพอใจได้อย่างไร?
ทว่าในเวลานี้ นางยังตอบอย่างไรได้อีก?
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนจับจ้องมองสตรีในชุดเรียบง่ายผู้นั้น ดูเหมือนฉางไทเฮาในวันนี้จะแตกต่างไปจากวันวานอย่างมาก
เวลาทุกวินาทีเคลื่อนคล้อยผ่านไป แม้แต่บุรุษผู้งดงามเหนือผู้ใดในชุดขาวผู้นั้น ยังกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่น เขาแทบจะคาดเดาผลลัพธ์ของเหตุการณ์นี้ได้
ตำแหน่งแม่ทัพหลวงที่เขากับเสด็จแม่วางแผนมาล้มเหลวแล้ว!
อันที่จริง ยามที่เห็นฉู่ชิงบนหลังม้าดูปลอดภัยดี เขาก็คาดเดาผลลัพธ์ได้แล้ว
ฉู่ชิง...
จ้าวเยี่ยนจ้องมองเงาร่างสูงโปร่งในชุดสีดำหน้ากากสีเงินผู้นั้น ในใจพลันรู้สึกเกลียดชังขึ้นมา หากเขาตายในค่ายเสินเช่อ ในยามนี้เหตุการณ์คงจะไม่เป็เช่นนี้!
จ้าวเยี่ยนรู้สึกเกลียดชัง และอีกด้านหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบงันอันยาวนาน ในที่สุดฉางไทเฮาก็เอ่ยปาก “แท้ที่จริง ในเป่ยฉีแห่งนี้ไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ไปกว่าฉู่ชิง ทว่า...”
"ฝ่าาเพคะ หม่อมฉันกับพี่สะใภ้ทั้งสองคิดเช่นนั้นเช่นกันเพคะ"
ฉางไทเฮายัง้าจะกล่าวสิ่งใด ทว่าองค์หญิงใหญ่ชิงเหอกลับขัดบทเสียงดัง ผู้คนล้วนฟังออกว่านางจงใจ ฉางไทเฮากำลูกประคำในมือแน่น วันนี้ถ้าหากเป็คนอื่น ผู้ใดจะกล้าไม่ฟังถ้อยคำของฉางไทเฮา? ทว่าองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ด้วยฐานะและตำแหน่งของนางมิเหมือนคนอื่น
ฮ่องเต้หยวนเต๋อชำเลืองมององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ คนฉลาดเช่นเขาย่อมรู้ดีถึงความหมายของชิงเหอ
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แววตาแปรเปลี่ยนเป็แน่วแน่ “ฉู่ชิงปลอดภัยดี ย่อมเป็โชคดีของเป่ยฉี และยิ่งเป็โชคดีของคนสกุลจ้าวอย่างข้า ตำแหน่งแม่ทัพหลวง เขาเหมาะสมอย่างยิ่ง และตำแหน่งนี้ก็ไม่ควรเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่อย่างนั้นจะยิ่งก่อให้เกิดความยุ่งยาก”
เสียงดังก้องชัดเจน เป็การตัดสินพระทัยครั้งสุดท้าย
ตัดขาดความหวังของผู้คนบางกลุ่มไปอย่างสิ้นเชิง
และั้แ่ต้นจนจบ ฉู่ชิงยืนอยู่ตรงนั้น มิได้กล่าวสิ่งใดเลย ราวกับว่าสำหรับเขาแล้ว ตำแหน่งแม่ทัพหลวงมิได้อยู่ในสายตาของเขาก็ไม่ปาน
ผลลัพธ์เช่นนี้อยู่ในความคาดหมายของเหนียนยวี่ วันนี้คนกลุ่มนั้นแต่ละคนต่างมุ่งมาดตำแหน่งแม่ทัพหลวง ทว่าไม่มีผู้ใดยอมให้ฝ่ายตรงข้ามได้ครองตำแหน่งนี้ เหนียนยวี่เหลือบมองฮองเฮาอวี่เหวิน เห็นเพียงมุมปากของนางผุดรอยยิ้มแย้มสรวลเล็กน้อย ดวงตาสบสายตากับฉางไทเฮา พระพักตร์ของทั้งสองสงบนิ่ง ทว่าเหนียนยวี่รับรู้ดีว่า คลื่นใต้น้ำภายใต้ความสุขุมสงบนิ่งในยามนี้กำลังไหวระลอก
หลังจากวันนี้ไป ความทะเยอทะยานของฉางไทเฮากับหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนจะประจักษ์ตรงหน้าฮองเฮาอวี่เหวินทั้งหมด!
นี่คือสิ่งที่นาง้า ไม่ใช่แค่นั้น...
ครุ่นคิดอะไรขึ้นได้ เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว แสงลึกลับั์ตาวูบวาบ ท่ามกลางผู้คนยังคงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นการมีอยู่ของนาง
“ฉู่ชิง เพลิงไหม้ในตอนนั้นแท้จริงแล้วมันเกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่?” ในที่สุด ฮ่องเต้หยวนเต๋อก็ตรัสถามคำถามที่วนเวียนอยู่ในพระทัยมาเป็เวลานาน เมื่อครู่นี้ระหว่างทางที่เดินมายังประตูอันชิ่ง เขาฟังคำรายงานของหัวหน้าขันที ไม่ใช่แค่ฉู่ชิงยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่เหล่าทหารในค่ายเสินเช่อนับหมื่นคนซึ่งเดิมทีคิดว่าได้ตายไปในกองเพลิงที่เผาไหม้ค่ายเสินเช่อแล้วก็ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมด
โรคระบาดนั่น เหตุการณ์เพลิงไหม้นั่น...หลายสิ่งหลายอย่างในเื่นี้ยังต้องทำให้ชัดเจน
ไม่ใช่แค่ฮ่องเต้หยวนเต๋อเท่านั้น แต่ผู้อื่นตรงนั้นล้วนอยากรู้ความจริงเช่นกัน
ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของทุกคนจับจ้องมองเงาร่างสูงโปร่งในชุดสีดำผู้นั้น ครู่ใหญ่ เสียงหนาทุ้มพลันดังขึ้น...
"ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ โรคระบาดนั่นมิใช่ภัยธรรมชาติ ทว่าเป็ภัยจากฝีมืุ์พ่ะย่ะค่ะ!" ฉู่ชิงกล่าว คำพูดเรียบง่ายทรงพลังออกมาไม่กี่คำ ทว่ากลับทำให้ผู้คนตกตะลึงไปทันใด
ภัยจากฝีมืุ์...โรคระบาดนั่นเป็ภัยจากฝีมืุ์งั้นหรือ?
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
ทุกคนหายใจติดขัด แม้แต่ดวงตาของฮ่องเต้หยวนเต๋อยังดูเคร่งขรึมขึ้นไม่น้อย เขาก้าวไปข้างหน้า คว้าข้อมือของฉู่ชิง “เ้ากล่าวมาให้ชัด อันใดที่กล่าวว่ามิใช่ภัยธรรมชาติ แต่เป็ภัยจากฝีมืุ์?”
หากเป็ภัยจากฝีมืุ์ เช่นนั้นคนที่สร้างความเสียหาย แท้จริงแล้วเป็ผู้ใดกันแน่?
ฮ่องเต้หยวนเต๋อถามอย่างกระตือรือร้น ฉู่ชิงกวาดสายตามองฝูงชนอย่างไม่เร่งรีบไม่เชื่องช้า จับจ้องร่างเล็กในฝูงชน ภายใต้หน้ากาก มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย ครุ่นคิดถึงสถานการณ์ในยามนี้ สีหน้าของฉู่ชิงยังคงเคร่งขรึม “นั่นมิใช่โรคระบาดพ่ะย่ะค่ะ แต่เป็พิษกู่อันร้ายกาจ!”
พิษกู่?
ครั้นถ้อยคำนี้โพล่งออกมาจากปากของฉู่ชิง ในใจของทุกคนะเิออกมาราวกับฟ้าร้อง สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที
พิษกู่...จะเป็พิษกู่ได้อย่างไร?
ความหมายของถ้อยคำนี้คือมีคนวางพิษกู่กับทหารในค่ายเสินเช่องั้นหรือ?
ทุกคนล้วนรู้ว่าพิษกู่บางชนิดรุนแรงมาก สถานที่ห่างไกลจากเป่ยฉีมีพิษกู่ไหลเวียนในโลกใบนี้ ทว่าทั้งหมดเป็แค่พิษกู่ธรรมดาทั่วไป และพิษกู่ที่ทำให้ค่ายเสินเช่อคล้ายเกิดโรคระบาดจะต้องร้ายแรงอย่างมากแน่ และภายใต้ผืนฟ้าแห่งนี้ มีพิษกู่ของแคว้นทางชายแดนใต้!
ทันใดนั้น มีใครบางเหลือบมองฉางไทเฮาตามสัญชาตญาณ ใบหน้าสงบนิ่งเสมอมายังตื่นใจนเสียความสุขุม
ทุกคนรู้ว่าฉางไทเฮาเคยเป็องค์หญิงของแคว้นทางชายแดนใต้
ฮ่องเต้หยวนเต๋อหรี่ดวงตา ตระหนักบางอย่างได้ จึงเหลือบมองผู้คน "ฉู่ชิง เ้าตามเจิ้นไปรายงานที่ห้องทรงพระอักษร!"
ครั้นเอ่ยจบ ฮ่องเต้หยวนเต๋อสะบัดแขนเสื้อ หันหลังก้าวเท้ายาวไปยังประตูอันชิ่ง ทุกคนจ้องมองแผ่นหลังนั้น ในใจเข้าใจดีว่าเื่นี้สำคัญมาก ฮ่องเต้หยวนเต๋อไม่้าให้ผู้คนมากมายรู้ ทว่าคำว่า ‘พิษกู่’ กลับเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนจินตนาการไปไกล
ฉู่ชิงเดินตามเข้าไปทางประตูอันชิ่ง นอกประตูอันชิ่ง ทุกคนล้วนเงียบงัน ต่างครุ่นคิดอะไรในใจ
ชั่วขณะหนึ่ง แผ่นหลังของฉู่ชิงและฮ่องเต้หยวนเต๋อลับหายไปจากสายตา ทุกคนยืนอยู่ที่เดิม ไม่กล่าวสิ่งใดเป็เวลานาน
ทันใดนั้น ฉางไทเฮาหันหลังกลับ และเดินไปข้างกายจ้าวเยี่ยน หยุดชะงักเล็กน้อย “สมควรแก่การคัดลอกพระคัมภีร์แล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปชิงโหยวกว่าน เยี่ยนเอ๋อร์ อย่าลืมช่วยข้าย้ายพระคัมภีร์พวกนั้นด้วย”