กู้เจิง “...” นางลืมเื่ความใกล้ชิดระหว่างบุรุษสตรีในยุคนี้ไปได้อย่างไร นับประสาอะไรกับการแตะเนื้อต้องตัวกัน ยิ่งถ้าใครมาพบบุรุษสตรีอยู่ด้วยกันในที่ลับตาก็ล้วนถูกเอาไปพูดนินทาได้ว่ามีมลทินแล้ว นางเองก็เคยประสบพบเจอมา สภาพฟู่ผิงเซียงเมื่อครู่ เกรงว่าเื่ราวคงบานปลายไปใหญ่
“พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถิด” เหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างคนต่างมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
หนิงซิ่วหลันยกมุมปากขึ้นยิ้มหยัน ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าเื่ราวจะกลับกลายเป็เช่นนี้ แม้นางจะเกลียดฟู่ผิงเซียง ทว่าฟู่ผิงเซียงก็เป็บุตรีภรรยาเอกตระกูลฟู่ ถูกน้องชายนางพบเห็นในสภาพเช่นนี้เข้า ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็อย่างไร นางก็ขจัดความคั่งแค้นนี้ไปได้แล้ว ต้องขอบคุณกู้เจิงผู้นี้จริงๆ
ชุยกู้กู่ใช้สีหน้าบอกเป็นัยต่อเหล่านางกำนัลที่ติดตามอยู่ด้านหลัง นางกำนัลหลายคนจึงเข้าไปหยุดสตรีสูงศักดิ์เ่าั้ไว้
ชุยกู้กู่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เื่วันนี้นับเป็เื่ใหญ่ ขอเชิญเหล่าคุณหนูที่อยู่ที่นี่ตามหนูปี้ไปตำหนักพระสนมซูด้วยเ้าค่ะ”
แม้พระสนมซูจะไม่ใช่พระสนมที่องค์จักรพรรดิทรงโปรดปราน แต่เนื่องจากบิดาของพระสนมซูเป็พระอาจารย์ขององค์จักรพรรดิเมื่อตอนยังเด็ก ซึ่งเป็ตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญขององค์จักรพรรดิ ดังนั้นนางจึงมีตำแหน่งเป้นพระสนมอยู่ในวังหลัง
บัดนี้พระสนมกำลังพูดคุยหัวเราะกับเว่ยซื่อ สายตาของนางมองไปยังสองพี่น้องกู้อิ๋งและกู้เหยาที่นั่งอยู่ด้านล่างอย่างพินิจพิเคราะห์ ช่างงดงามดั่งกิ่วหลิวลู่ลงบุปผางาม และราวกับดอกโบตั๋นผลิบาน ก่อนจะหันไปมองบุตรชายที่นั่งข้างกายตนเอง รูปคิ้วคมดาบั์ตาดุจดวงดารา เป็สีสันแห่งรุ่งอรุณวสันตฤดู ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าทั้งสองคนประหนึ่งกุมารทองกุมารีหยก[1] เมื่อได้เวลาสมควร กำลังจะให้เริ่มมื้ออาหาร ก็มีนางกำนัลเร่งรีบเข้ามารายงานว่า “พระสนมซู แย่แล้วเพคะ มีเื่ทะเลาะกันเกิดขึ้น คุณหนูใหญ่ตระกูลฟู่ป๋อเจวี๋ยถูกคุณหนูใหญ่กู้ดึงกระโปรงขาด และคุณชายสามตระกูลหนิงป๋อเจวี๋ยก็อยู่ที่นั่นพอดีเพคะ”
“อะไรนะ? ดึงกระโปรงขาดอย่างนั้นหรือ?” พระสนมซูขมวดคิ้ว คิดว่าตนเองได้ยินผิดไป
“ใช่เพคะ”
เว่ยซื่อปวดหัวขึ้นมาตุบๆ คุณหนูใหญ่กู้? กู้เจิง?
จ้าวหยวนเช่อที่นั่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาฉายแววเย้ยหยัน สตรีผู้นี้มาก่อเื่ถึงในที่ประทับ
กู้อิ๋งกับกู้เหยาสบสายตากัน ขุ่นเคืองที่พี่ใหญ่ผู้นี้ก่อปัญหาให้พวกนางอีกแล้ว
ไม่นาน ชุยกู้กู่ก็พาเหล่าท่านหญิงเข้ามาในที่ประทับ กู้เจิงถูกชุยกู้กู่เรียกให้มาตรงหน้าพระสนมซู
กู้เจิงเข้ามาก็รับรู้ได้ถึงสายตาเฉียบคม นางแหงนหน้าขึ้น ก็พบกับดวงตาเฉียบคมแฝงด้วยความจงเกลียดจงชังขององค์ชายห้า มือของนางเอื้อมไปััตรงสะโพกโดยไม่รู้ตัว พระสนมซูเกิดในหมู่บ้านริมน้ำที่เจียงหนาน แม้ยามกริ้วโกรธนั้นก็ยังคงความงามอันสุภาพนุ่มนวลของสตรีหนานเจียงไว้มากกว่าเมื่อเทียบกับสายตาแหลมคมของบุตรชาย
“กู้เจิง เ้า เ้าไปดึงกระโปรงของสตรีอื่นได้อย่างไร?” เสียงของเว่ยซื่อสั่นเทาด้วยความโกรธ เนื่องจากพระสนมซูอยู่จึงไม่อาจแสดงอาการได้
ขณะที่กู้เจิงกำลังจะตอบ ก็ได้ยินเสียงแหลมคมดังขึ้นว่า “เป็นาง เป็นางที่ทำให้ข้าต้องอับอาย”
ฟู่ผิงเซียงที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพุ่งเข้ามาตรงหน้ากู้เจิง ยกมือขึ้นอย่าง้าจะตบหน้านาง ทว่ากลับถูกกู้เจิงพลิกมือแล้วจับข้อมือไว้กลางอากาศ
เมื่อเห็นฟู่ผิงเซียงมองตนเองด้วยความคั่งแค้นน้ำตาไหลเต็มหน้า ในใจกู้เจิงก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่เื่นี้จะตำหนินางก็ไม่ได้ นางจึงออกแรงผลักอีกฝ่ายออกไป
“เซียงเอ๋อร์ อย่าได้ไร้มารยาทต่อหน้าพระสนมซู” นายหญิงเยี่ยนซื่อแห่งตระกูลฟู่ที่ถูกเชิญมาเกือบจะเป็ลมเมื่อได้ยินเื่ที่เกิดขึ้นกับบุตรสาว แต่ทว่าเื่มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะทำอะไรได้?
“พระสนมซูเพคะ เป็นางที่ทำร้ายหม่อมฉันจนต้องอับอายเช่นนี้ ขอพระสนมซูช่วยตัดสินด้วยเพคะ” ฟู่ผิงเซียงคุกเข่าลงเบื้องหน้าพระสนมซู ชี้นิ้วไปยังกู้เจิง สายตาจ้องมองนางราวกับจะกินเืกินเนื้อ
“พระสนมซูเพคะ หากไม่ใช่ฟู่ผิงเซียงเอาแต่จะหาเื่คุณหนูใหญ่ตระกูลหนิงจนเดือดร้อนมาถึงหม่อมฉัน หม่อมฉันคงจากไปนานแล้ว และก็คงไม่ล้มลง” กู้เจิงไม่คิดจะแบกรับเคราะห์ปัญหาครั้งนี้ “เมื่อตอนที่เกิดเื่ได้มีข้ารับใช้มาพาหม่อมฉันไปยังอุทยานล่าสัตว์ แต่ระหว่างทางได้พบกับคุณหนูใหญ่ตระกูลหนิงและน้องชายโดยบังเอิญ เื่นี้ข้ารับใช้คนนั้นเป็พยานได้เพคะ ต่อมาก็ได้พบคุณหนูใหญ่ฟู่และคนอื่นๆ คุณหนูใหญ่ฟู่นำเื่ในอดีตของน้องสามกับคุณหนูใหญ่หนิงมาถากถาง เมื่อเห็นว่าหม่อมฉันกับคุณหนูใหญ่หนิงเดินอยู่ด้วยกัน จึงหาเื่มาถึงหม่อมฉันด้วย ตอนที่หม่อมฉันกำลังจะเดินหนีไป ก็ถูกคนขัดขาเข้า ถึงได้ดึงกระโปรงของนางขาดโดยไม่ทันระวัง คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเป็พยานได้เพคะ”
หนิงซิ่วหลันมองกู้เจิงอย่างตื่นตระหนก กู้เจิงผู้นี้ จะอธิบายเื่ราวก็อธิบายไปสิ เหตุใดจะต้องดึงเอาเื่ของนางมาทำให้นางอับอายด้วย
ชุยกู้กู่ยอบกายไปทางพระสนมซูแล้วพูดว่า “เหนียงเหนี่ยง[2] หนูปี้ตรวจสอบชัดเจนแล้วเพคะ ที่คุณหนูใหญ่กู้กล่าวเป็ความจริง”
เหล่าท่านหญิงสูงศักดิ์ไหนเลยจะกล้าโกหกต่อหน้าพระสนมซู ต่างคนต่างรีบพยักหน้า
“พวกท่านเห็นหรือไม่ว่าใครขัดขาข้า” กู้เจิงถามอีกครั้ง
เหล่าท่านหญิงต่างเ้ามองนาง พร้อมส่ายศีรษะ
พระสนมซูมองไปยังกู้อิ๋ง “อิ๋งเอ๋อร์ เ้ากับคุณหนูใหญ่หนิงมีเื่เก่าอันใดกัน?”
กู้อิ๋งมองไปที่หนิงซิ่วหลัน สีหน้าก็ยิ่งลำบากใจขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะยืนขึ้นทำความเคารพต่อพระสนมซูแล้วเล่าเื่ในอดีตเมื่อไม่กี่ปีก่อน
หนิงซิ่วหลันกำสองมือไว้แน่น ก้มศีรษะเก็บซ่อนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอาย เื่ในอดีตถูกคนเล่าออกมา ซ้ำยังต่อหน้าพระสนมซูและองค์ชายห้า
พระสนมซูฟังจบก็หันไปมองหนิงซิ่วหลันอย่างรังเกียจ นางหันกลับไปถามฟู่ผิงเซียงว่า “เ้าไปถากถางตระกูลหนิง เหตุใดต้องลามปามไปถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้อีกเล่า?”
ฟู่ผิงเซียงทำหน้าสลดนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองพระสนมซู กู้เจิงยืนอยู่ข้างนาง เห็นนางกัดริมฝีปากจนเป็รอยลึก
“คุณหนูใหญ่ฟู่ เหนียงเหนี่ยงกำลังถามท่านอยู่นะเ้าคะ?” ชุยกู้กู่ย้ำเตือน
------------------------------------------
[1] กุมารทองกุมารีหยก คือ เด็กชายและเด็กหญิงที่อยู่ข้างกายเ้าแม่กวนอิม หมายถึง เด็กชายและเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง
[2] เหนียงเหนี่ยง เป็คำเรียกขานยศของราชวงศ์หญิงฝ่ายในในวังหลวง