ครั้นเอ่ยจบ ฉู่ชิงสะบัดชายเสื้อ ร่างสูงใหญ่ก้าวเดินออกจากห้องอย่างแ่เบา ทิ้งให้เหนียนยวี่จ้องมองแผ่นหลังเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด
นำกำไลหยกส่งคืนให้เขา ครั้นใช้เข็มหยกหมดแล้วงั้นหรือ?
ความหมายของคำพูดนี้คือ จะเอากำไลหยกก็ต่อเมื่อเข็มหยกหมดเท่านั้น?
เหนียนยวี่ถอนสายตากลับมา จ้องมองกำไลหยกบนข้อมืออย่างสำรวจถี่ถ้วน แม้ชาติก่อนนางจะเคยค้นคว้าเื่อาวุธลับเช่นนี้ ทว่านางกลับมิเข้าใจความลึกลับของอาวุธที่ซ่อนอยู่ในกำไลหยกชิ้นนี้เลยแม้แต่น้อย
นางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ในเมื่อเป็เช่นนี้ แม้ไม่้ารับของขวัญจากท่านแม่ทัพ ทว่านางก็ทำไม่ได้!
เหนียนยวี่โบกมือไล่ความคิดในหัว จากนั้นจึงรีบเร่งก้าวฝีเท้าก้าวตามฉู่ชิงออกจากห้องไป
ไกลออกไปทางทิศตะวันตกของค่ายเสินเช่อ ยามเหนียนยวี่ก้าวฝีเท้าเร่งตามหลังเขาไปนั้น ฉู่ชิงกำลังหย่อนกายนั่งลงบนแท่นบัญชาการประลองพลางเอ่ยสั่งการอะไรบางอย่างกับคนด้านข้าง เหนียนยวี่ยืนรออยู่ที่เดิม รอจนกระทั่งคนนำคำสั่งออกไป นางจึงค่อยก้าวเข้าไปหา พลางโบกสะบัดกำไลบนข้อมือ
“ขอบคุณท่านมาก” เหนียนยวี่เอ่ยปาก
เพียงคำสามคำนี้ที่นางเอ่ย ฉู่ชิงพลันเหลือบสายตามองเหนียนยวี่ มุมปากที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากผุดรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ยามนางเอ่ยขอบคุณ โดยมิได้เอ่ยคำว่า "ท่านแม่ทัพหลวง" นั้น ช่างฟังดูเสนาะหูไม่น้อยทีเดียว
วันนี้ทั้งวัน เหนียนยวี่และฉู่ชิงอยู่ที่ค่ายเสินเช่อด้วยกันจนกระทั่งฟ้ามืดสนิท
ฝั่งในเมืองชุ่นเทียนยามนี้ ครั้นหลังฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงออกจากจวนเหนียน นางมุ่งตรงไปยังตำหนักหลีอ๋อง ทว่ากลับถูกหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนปฏิเสธ
เวลาพลบค่ำ วังหลวง ในตำหนักฉางเล่อ
ในห้องพระ ฉางไทเฮากำลังนั่งคัดลอกพระคัมภีร์ที่หน้าโต๊ะเฉกเช่นปกติ ทว่าในถังขยะที่ตั้งอยู่ด้านข้างกลับเต็มไปด้วยกระดาษที่เขียนผิดพลาดมากมาย จ้าวเยี่ยนผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แม้แต่เขายังมองอารมณ์อันผันผวนปรวนแปรของนางออก
เป็เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในจวนเหนียนวันนี้หรือ?
“เสด็จแม่ ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงมาพบข้าที่ตำหนักด้วยพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวเยี่ยนเอ่ย
มือที่ถือพู่กันของสตรีนางนั้นสั่นไหวเล็กน้อย ยามที่จรดพู่กัน ทำให้คำที่เขียนลงไปยิ่งอ่านไม่ออก
ฉางไทเฮาขมวดคิ้ว ดึงแผ่นกระดาษออกมาโยนทิ้ง "เ้าพบนางหรือ?"
“ลูกไม่ได้พบนางพ่ะย่ะค่ะ”
ฉางไทเฮารู้สึกโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด “เ้าทำถูกแล้ว ยามวิกฤตเช่นนี้ มิอาจให้พบได้”
การที่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงมองหาหลีอ๋องนั้น คงมิพ้นเื่ของเหนียนอีหลาน ทว่าเหนียนอีหลาน...
ครั้นนางนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ สายตาสงบนิ่งของฉางไทเฮาพลันเปลี่ยนไป
“เหนียนยวี่ผู้นั้น เ้ารู้จักนางมากน้อยเพียงใด?” หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ ฉางไทเฮาจึงเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง
คำว่า "เหนียนยวี่" ทำให้ใจของจ้าวเยี่ยนตึงเครียดขึ้นมาทันใด ทว่าใบหน้าของเขายังคงมีสีหน้าเช่นเดิม จ้าวเยี่ยนกล่าวอย่างไม่เร่งรีบ "จ้าวอี้กล่าวว่านางเป็สตรีที่ไม่เลวนัก เป็หญิงสาวที่พิเศษผู้หนึ่ง แตกต่างจากคุณหนูตระกูลอื่น"
“แตกต่าง...” ฉางไทเฮาเหน็บเคี้ยวคำเหล่านี้ นางคิดว่าความแตกต่างของเหนียนยวี่ คงแค่ต่างไปจากปกติ ทว่าครั้นได้เห็นเื่ในวันนี้ กลับเกินจินตนาการที่นางจะจินตนาการออก
เื่ที่เหนียนอีหลานโดนลงโทษรุนแรงเยี่ยงนี้ เหนียนยวี่ผู้นี้คงมีบทบาทในเื่มิน้อย วันนั้นนางและฮองเฮาอวี่เหวินออกมาจากสวนร้อยสัตว์ด้วยกัน การที่สตรีเช่นนั้นสามารถมีชีวิตรอดออกมาได้ เพียงสิ่งนี้สิ่งเดียวก็เกินความคาดหมายของนางแล้ว
เหนียนยวี่ผู้นั้นไม่ธรรมดา!
“เสด็จแม่ เหนียนยวี่เป็คนฉลาดมาโดยกำเนิด ทั้งนางยังเป็ที่รักใคร่เอ็นดูขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ลูกยังคงรู้สึกว่าเราควรเข้าหาเหนียนยวี่ ตรงกันข้าม ทางด้านเหนียนอีหลานนั้น ครั้นผ่านพ้นวันนี้ไป ชื่อเสียงของเหนียนอีหลานคงย่อยยับเป็แน่ แม้จะมีตระกูลหนานกงคอยจัดการ ทว่าคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการฟื้นคืนชื่อเสียง” จ้าวเยี่ยนจ้องมองฉางไทเฮา เขาเอ่ยหยั่งเชิงนาง ครั้นนึกถึงเื่ที่เหนียนยวี่ต่อต้านขัดขืนตัวเอง รวมถึงเื่ที่ฝ่ามือนางตบลงบนใบหน้าตนในวันนี้นั้น ยิ่งนึกถึงเื่นี้ ก็ยิ่งปลุกเร้าความปรารถนาอันแรงกล้าที่แอบซ่อนอยู่ในมุมลึกของจิตใจเขา
ฉางไทเฮาขมวดคิ้ว ปรายสายตามองจ้าวเยี่ยน ความกระตือรือร้นในดวงตาของเขาหลบมิพ้นสายตาอันเฉียบคมของนางแม้แต่น้อย
“ไม่นึกเลยว่า แม้แต่ลูกข้ายังใส่ใจกับ 'สตรีผู้แตกต่าง' นางนั้น” ฉางไทเฮากล่าวออกมาอย่างแ่เบา ทว่าครู่หนึ่ง น้ำเสียงของนางพลันผันแปรเป็เคร่งขรึม "ทว่าเ้าต้องจำสิ่งหนึ่งให้ได้ นั่นคือเ้าห้ามมีความรักกับสตรี แม้นางจะทำให้เ้าหลงใหล หมกมุ่นก็ตาม เ้าต้องเข้าใจว่าเ้ามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร หากเ้าไม่แย่งชิงตำแหน่งนั้นคืนมา เสด็จพ่อที่อยู่บน์ของเ้าคงมิอาจสงบลงได้ แม้ชื่อเสียงของเหนียนอีหลานจะย่อยยับ ทว่าอำนาจของตระกูลหนานกงยังคงอยู่ นี่คือสิ่งที่เ้าควรตระหนักไว้"
แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงจะพ่ายแพ้ในวันนี้ ทว่าอำนาจของตระกูลหนานกงในราชสำนักแคว้นเป่ยฉียังคงแข็งแกร่ง
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว ครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่ผ่านมาของตนเอง จากนั้นจึงกลับมาคิดเื่ตำแหน่ง ไม่นานนักความทะเยอทะยานในดวงตาคู่นั้นจึงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็แข็งกล้าขึ้นเรื่อยๆ
“พ่ะย่ะค่ะ ลูกเข้าใจดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าเข้าใจก็ดีแล้ว สองวันนี้เ้าจงไปขอพระราชโองการจากฝ่าามาเสีย ทูลพระองค์ไปว่าราชทูตแคว้นหนานเยวี่ยมาเยือนเป่ยฉีได้หลายวันแล้ว ข้าไม่สะดวกเชิญเข้ามาในวัง จึงจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับราชทูต เป็มารยาทที่พึงกระทำต่อแขก" ฉางไทเฮาตรัสสั่งพลางจ้องมองพระคัมภีร์ตรงหน้า มือขีดเขียนคัดลอกคัมภีร์ต่อไป
จ้าวเยี่ยนเหลือบมองฉางไทเฮาผู้ซึ่งจดจ่ออยู่กับการคัดลอกพระคัมภีร์ พลางเอ่ยตอบอย่างเคารพว่า "พ่ะย่ะค่ะ"
จัดงานเลี้ยงหรือ?
ราชทูตแคว้นหนานเยวี่ยมาที่นี่ได้หลายวันแล้ว ทว่าเสด็จแม่เอ่ยถึงพวกเขาน้อยครั้งมาก ยามนี้กลับเอ่ยถึงขั้นว่าจะจัดงานเลี้ยง เช่นนั้นไหนเลยจะเป็เพียงแค่งานเลี้ยงธรรมดาไปได้?
ฉางไทเฮาพลันเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้งโดยมิได้คาดคิดว่า "เชิญมู่อ๋องและเหนียนยวี่มาในนามของเ้าด้วย..."
เหนียนยวี่หรือ?
จ้าวเยี่ยนใเล็กน้อย ให้เชิญจ้าวอี้นั้นเขาเข้าใจ ทว่าเหนียนยวี่...
เหตุใดเสด็จแม่ถึงให้เขาเชิญเหนียนยวี่มาด้วย?
เหนียนยวี่เคยปฏิเสธคำเชิญของเขาหลายต่อหลายครั้ง ครานี้หลีอ๋องผู้นี้จะเชิญให้คุณหนูรองเหนียนผู้นั้นมาได้อย่างไร!
ห้องพระกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
อีกฟาก ณ ตำหนักชีอู๋ในยามนี้ กลับมีเื่ราวต่างออกไป
หลังจากฮองเฮาอวี่เหวินกลับวังหลวงในวันนี้ เหนียนอีหลานที่นางให้คนพากลับมาด้วยยังคงสลบไสลไม่ได้สติ ตามที่นางสัญญายามอยู่ที่จวนเหนียนเมื่อครู่นี้ นางยังคงทำตามนั้น ครั้นนางกลับถึงวัง นางจึงเชิญให้หมอหลวงมารักษาเหนียนอีหลานที่ตำหนักชีอู่
เหนียนอีหลานในยามนี้ได้รับการรักษาจากหมอหญิงเรียบร้อยแล้ว ทว่าเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วยาม นางยังคงหลับใหลมิได้สติ
บรรยากาศในห้องยามนี้ไร้ซึ่งผู้คน
เหนียนอีหลานยังคงนอนหลับใหลอยู่บนตั่ง ใบหน้าซีดขาวไร้ซึ่งสีเื กลิ่นหอมของความมืดล่องลอยมาในอากาศ ยิ่งทำให้ใบหน้าเล็กๆ นั้นซีดขาว ทั่วใบหน้าปกคลุมไปด้วยเหงื่อไคลไหลย้อย
มือของเหนียนอีหลานสั่นไหวเล็กน้อย ดูเหมือนเป็สัญญาณของการตื่น ก่อนที่นางจะลืมตา อาการเ็ปที่แผ่นหลังอย่างรุนแรงนั้น ทำให้นางร้องไห้ครวญครางออกมาอย่างตื่นตระหนก มิอาจฝืนกลั้นทนต่อความเ็ปได้เลยในยามที่ขยับร่างกาย
เหนียนอีหลานพลิกตัวได้อย่างยากลำบาก ครั้นนึกถึงโทษเฆี่ยนตีที่นางได้รับก่อนหน้าที่จะเป็ลมหมดสติ คิ้วคู่งามพลันขมวดมุ่น
บ่าวรับใช้พวกนั้นเลอะเลือนหรืออย่างไร? หลังนางเจ็บ เหตุใดพวกมันถึงจัดวางให้นางนอนหงายเยี่ยงนี้?
เหนียนอีหลานก่นด่าในใจเบาๆ แล้วจึงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เื่ราวในวันนี้ผ่านไปเยี่ยงไรกัน?
ฮองเฮาสั่งลงโทษนางแล้ว เช่นนั้นองค์หญิงจี้เยวี่ย...
"องค์หญิงจี้เยวี่ย..." เหนียนอีหลานเอ่ยพึมพำ ยิ่งคิดถึงเื่นี้เท่าใด นางยิ่งรู้สึกแปลกใจ ิญญาองค์หญิงจี้เยวี่ยมีจริงแน่หรือ?
ฤทธิ์ยาในร่างกายของนางในยามนี้ลดน้อยลงมาก ทำให้สติปัญญาของนางค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาทีละเล็ก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนนางจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้ มือของนางพลันกำแน่น
เหนียนยวี่...เห็นได้ชัดว่าเป็นาง นางตั้งใจ...นางตั้งใจให้ตนเอ่ยเื่นี้ ทำให้ความตายของฟางเหอและการตายขององค์หญิงจี้เยวี่ยมารวมเข้าด้วยกัน และเป้าหมายของนางคือ...