เขาเทียนเสวียนมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล กว่าเย่เฟิงจะออกจากที่นี่ได้ก็ใช้เวลาไปสามวันเต็ม เมื่อเย่เฟิงออกจากเขาเทียนเสวียน พลันปรากฏเงาร่างงดงามที่คุ้นเคยในสายตาเย่เฟิง
“ผู้หญิงคนนี้คงไม่ใช่ว่ารอข้าอยู่ที่นี่มาตลอดหรอกนะ!” เพิ่งออกจากเขาเทียนเสวียนก็เห็นฉินเยียนหรานนั่งเท้าคางอยู่บนหินคราม ดวงตางามคู่นั้นปิดลงเล็กน้อย คล้ายง่วงนอน ซึ่งนางรอคอยอยู่ที่นี่มาหลายสิบวัน นางจึงอ่อนเพลียมาก
“อะแฮ่ม” เย่เฟิงเดินไปที่ด้านหน้าฉินเยียนหรานเงียบ ๆ ก่อนจะส่งเสียงเบา ๆ
ฉินเยียนหรานได้ยินเสียงก็ตื่นจากห้วงภวังค์ ดวงตาคู่นั้นยังฉายแววเ็า แต่เมื่อเห็นใบหน้าผู้มาเยือน แววตากลับชะงักนิ่งและตัวสั่นสะท้าน
“ตาบ้าในที่สุดก็ออกมาสักที!” ครู่ต่อมาฉินเยียนหรานกล่าวเสียงเย็น ดวงตางามคู่นั้นยังแฝงด้วยความโกรธเคือง เพื่อไม่ให้เย่เฟิงสังเกตเห็น นางรีบเบือนหน้าหนีก่อนจะเช็ดน้ำตา พลางในใจด่าทอตัวเองว่าเหตุใดต้องเสียน้ำตาให้ชายสารเลวผู้นี้
“เ้าร้องไห้หรือ?” เย่เฟิงระบายยิ้ม
“เปล่าสักหน่อย!” ฉินเยียนหรานไม่ยอมรับ พร้อมกับรีบเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาอีกครั้ง แต่ในใจกลับรู้สึกดีใจและยกหินออกจากอกได้เสียที จากนั้นใบหน้างดงามก็เผยรอยยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้ดั่งบุปผาเบ่งบานจนหมื่นสรรพสิ่งต้องสูญเสียสีสัน
“ไม่เจอเ้าหลายสิบวัน ดูเหมือนจะสวยขึ้นนะ!” เย่เฟิงกล่างพลางยิ้มขณะมองใบหน้างดงามนั้น พอพูดจบฝ่ามือใหญ่ก็คว้าเอวของฉินเยียนหรานทันที
“สวยตรงไหนกัน?” ฉินเยียนหรานตัวสั่นเทาและดิ้นรนเล็กน้อย แต่เห็นว่าเย่เฟิงไม่ยอมปล่อยมือ ใบหน้าก็แดงระเรื่อขึ้นมา
“บอกข้าทีซิ ไม่ได้เจอกันหลายสิบวัน คิดถึงผู้ชายของเ้าบ้างไหม?” เย่เฟิงเอ่ยถามพลางยิ้ม พร้อมกับกลิ่นหอมลอยแตะจมูกขณะมองใบหน้างดงามนั้น เย่เฟิงจำต้องยอมรับว่าถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะร้อนแรง แต่ยังสวยงดงามมากจริง ๆ
“ไร้ยางอาย!” ฉินเยียนหรานได้ยินเช่นนั้นก็ดุด่าด้วยสีหน้าแดงขึ้นเรื่อย ๆ นี่ทำให้เย่เฟิงยิ้มด้วยความชอบใจ
“เลิกเล่นได้แล้ว วันนี้เป็วันงานประลองสำนักยุทธ์ ถ้าไม่ได้รอเ้าอยู่ที่นี่ ข้าคงไปที่ลานประลองนานแล้ว!” ฉินเยียนหรานแกะมือของเย่เฟิงออกพลางดวงตาฉายแววขุ่นเคือง นางรออยู่ที่นี่มานานสิบห้าวัน ในที่สุดชายสารเลวนี่ก็ออกมา แต่พออีกฝ่ายออกมาก็ทำตัวหน้าไม่อาย ฉินเยียนหรานไม่เข้าใจตัวเองว่าเหตุใดต้องเป็ห่วงอีกฝ่ายด้วย
“วันนี้ก็คือวันงานประลองสำนักยุทธ์งั้นหรือ?” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาได้ทันเวลาพอดี
“ใช่ เื่สำคัญแบบนี้ ข้าจะโกหกเ้าไปทำไม?” ฉินเยียนหรานกล่าว
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ งั้นก็ไปกันเถอะ!” เย่เฟิงกล่าวพร้อมดวงตาเผยประกายคมกริบ จงเทา ลู่เจียง และคนอื่น ๆ ที่อยากให้เขาตาย บัดนี้เขาเย่เฟิงกลับสำนักยุทธ์เทียนเสวียนได้อย่างปลอดภัย เช่นนั้นบัญชีแค้นนี้ก็จะได้สะสางเสียที
เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงจับมือฉินเยียนหรานเดินออกไปจากที่นี่ มุ่งหน้าสู่ลานประลองแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนทันที
ใกล้ถึงสิ้นปีทีไร อาณาจักรจ้าวจะคึกคักกันเป็พิเศษ ตามถนนเล็กใหญ่เต็มไปด้วยสีสัน เหล่าสำนักใหญ่ ๆ ในเมืองหลวงก็มักจะจัดงานประลองตอนปลายปี หรือจัดการทดสอบเพื่อประเมินผล และให้ลูกหลานของกองกำลังต่าง ๆ เข้าร่วม นี่ก็เพื่อทดสอบความก้าวหน้าในหนึ่งปีของพวกเขาและยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งการจัดอันดับจะทำให้คนรุ่นเยาว์ที่เข้าร่วมมีแรงกระตุ้นมากขึ้น
สำนักยุทธ์เทียนเสวียน ในฐานะกองกำลังผู้มีชื่อเสียงของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรจ้าว งานประลองปลายปีที่จัดขึ้นทุกปีจึงได้รับความสนใจจากทุกคนอย่างมาก จึงกลายเป็หนึ่งในงานที่ดึงดูดผู้คนมากที่สุดในทุกปีของเมืองหลวง
วันนี้ก็คือวันงานประลองปลายปีของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
ลานประลอง ณ สำนักยุทธ์เทียนเสวียน ที่นี่มีอัฒจันทร์หลายแห่งและบรรจุคนได้เป็แสน บัดนี้ลูกศิษย์ทั้งสี่พรรคของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมาถึงกันแล้ว ทั้งยังมีตัวแทนจากกองกำลังอื่น ๆ มาชมการประลอง และมาช่วยสนับสนุนคนรุ่นเยาว์ของตระกูลตัวเองที่ฝึกอยู่ในสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
บนอัฒจันทร์หลัก เหล่าผู้าุโระดับสูงของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนนับร้อยคนเริ่มทยอยกันมาแล้ว ซึ่งงานประลองปลายปีที่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนจัดขึ้นทุกปีมีความสำคัญต่อทุกคนเป็อย่างมาก
ในหนึ่งปีเหล่าคนรุ่นเยาว์ต่างฝึกฝนและขัดเกลาพลังตนเอง เพราะ้าดูดีและกลายเป็จุดสนใจในสายตาของเหล่าผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเมื่อขึ้นเวทีประลอง
งานประลองปลายปีไม่เพียงแต่เป็การทดสอบของเหล่าอัจฉริยะ แต่ยังเป็การแสดงพลังของตนเองให้ทุกคนได้เห็น ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก เมื่อถึงปลายปีก็จะรีบกลับสำนักยุทธ์ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสครั้งนี้
นอกจากลูกศิษย์ทั่ว ๆ ไปแล้ว อัจฉริยะผู้มีชื่อเสียงเ่าั้ก็ทยอยกันมาถึงบ้างแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ในสองรายนามแห่งแท่นศิลาเทียนเสวียนก็มาถึงเกินครึ่ง
คนเหล่านี้ต่างมีดวงตาทอประกายคมกริบ พวกเขารอวันนี้มานานแล้ว และแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะประลองฝีมือกับคนอื่น ๆ
ตู๋กูหลงก็มาถึงแล้วเช่นกัน ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นรวมชี่ เขาจึงมีชื่อเสียงมากในสำนักยุทธ์ บุคคลระดับสูงหลาย ๆ คนต่างให้ความสำคัญกับเขา ทั้งยังได้รับการอบรมสั่งสอนเป็อย่างดี
ตอนนี้ตู๋กูหลงอยู่ที่อัฒจันทร์หลัก นั่งรวมกับเหล่าผู้าุโ และพูดคุยกันอย่างสง่าผ่าเผย เหมือนกำลังคุยกับรุ่นเดียวกันอยู่อย่างไรอย่างนั้น บางทีนี่อาจจะเป็สิทธิพิเศษของอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่จะได้เพลิดเพลินไปกับมัน แม้จะเผชิญหน้ากับเหล่าผู้าุโ เขานั่งพูดคุยแบบสุขุมเยือกเย็นและสงบนิ่ง ซึ่งไม่ใช่ศิษย์ทุกคนจะทำเช่นนี้ได้
นี่ทำให้หลาย ๆ คนในที่แห่งนั้นมองตู๋กูหลงด้วยสายตาอิจฉา จากนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ตู๋กูหลงสมกับเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่ยังเป็ลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพล มีฐานะสูงศักดิ์ ไม่ใช่อัจฉริยะคน ๆ อื่นในรายนามแห่งแท่นศิลาเทียนเสวียนจะเทียบเคียงได้ แม้แต่นี่จ้านเทียนที่อยู่อันดับที่ 2 ก็อยู่คนละชั้นกับตู๋กูหลง ไม่มีทางเทียบกันได้เลย อันดับหนึ่งในงานประลองครั้งนี้คงไม่ต้องคิดมาก น่าจะไม่พ้นตู๋กูหลงหรอก และน่าจะไม่มีใครต่อกรกับเขาได้!”
ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของตู๋กูหลง ฐานะของเขาไร้ผู้ใดทัดเทียม รวมทั้งนี่จ้านเทียนที่ถึงจะแข็งแกร่งเหมือนกันก็ตาม
“ตู๋กูหลง วันนี้ข้านี่จ้านเทียนจะต้องเอาชนะเ้าให้จงได้!”
นี่จ้านเทียนที่อยู่บนอัฒจันทร์หลักได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนก็เผยสีหน้าไม่ค่อยดี ก่อนจะพึมพำในใจเช่นนั้น
ในสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เขานี่จ้านเทียนไร้เทียมทาน มีพร์โดดเด่น แต่จุดเด่นของเขากลับถูกคนผู้หนึ่งกดขี่ คนผู้นี้ก็คือตู๋กูหลง
สาเหตุที่นี่จ้านเทียนนั่งบนอัฒจันทร์หลักได้ นั่นเป็เพราะอาจารย์ของเขา นี่ก็คือความห่างชั้นระหว่างเขากับตู๋กูหลงที่มีมากโข ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบใจ หนึ่งปีมานี้เขาพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดหย่อน ก็เพื่อที่จะเอาชนะตู๋กูหลงในงานประลองสำนักยุทธ์ ทำให้ผู้คนได้รู้ว่า เขานี่จ้านเทียนคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนโดยแท้จริง
นอกจากตู๋กูหลงและนี่จ้านเทียนแล้ว เฉินอ้าวเทียนอันดับที่ 3 ในรายนามขั้นรวมชี่ก็ได้รับความสนใจเช่นกัน
แม้เฉินอ้าวเทียนจะอยู่อันดับที่ 3 ในรายนามขั้นรวมชี่ที่ตามหลังตู๋กูหลงและนี่จ้านเทียน แต่ทุกคนต่างทราบกันดีว่า อายุของเฉินอ้าวเทียนถือว่าค่อนข้างน้อยในรายนามขั้นรวมชี่ ถือว่าน้อยกว่าตู๋กูหลงและนี่จ้านเทียน
ดังนั้นหากเฉินอ้าวเทียนอายุเท่าตู๋กูหลงและนี่จ้านเทียน ใครจะรู้ว่าเฉินอ้าวเทียนจะแข็งแกร่งกว่าสองคนนี้หรือไม่?
ต้องทราบก่อนว่า เฉินอ้าวเทียนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 6 เมื่อหลายเดือนก่อน ทั้งยังปลุกิญญาาที่สองได้อีก ในด้านพลังถือว่าไม่ด้อยไปกว่าตู๋กูหลงและนี่จ้านเทียนเลย
“หลิงซวง หลังจบงานประลอง ข้าก็จะได้แต่งกับเ้าเสียที” ดวงตาของเฉินอ้าวเทียนฉายอย่างเป็ประกาย เขาในเวลานี้ยังดูเปลี่ยนไปไม่น้อย ด้านพลังก็คงจะก้าวหน้าไปมาก
“อืม”
หนานกงหลิงซวงพยักหน้าให้เฉินอ้าวเทียนพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน นางรออีกฝ่ายมานานมาก ในที่สุดตอนนี้ความฝันของนางก็จะเป็จริงแล้วอย่างนั้นหรือ?
“อ้าวเทียน ตอนนี้เ้าอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 7 แล้ว เ้าต้องคว้าอันดับหนึ่งของงานประลองครั้งนี้มาให้ได้” หนานกงหลิงซวงหน้าแดงจาง ๆ พร้อมดวงตาฉายแววคาดหวัง
ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาตรงหน้านี้จะกลายเป็ผู้ชายของนางในอีกไม่นาน หากคว้าอันดับหนึ่งในงานประลองสำนักยุทธ์มาได้ก่อนงานแต่งของพวกเขา เช่นนั้นจะเป็ของขวัญที่ดีที่สุดของพวกเขา