ระบบอั่งเปาสะท้านภพ

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

บทที่ 58 คุณซูเผชิญหน้ากับอันตราย

     หัวหน้าห้องคนสวยมาหาตัวเองเพราะมีธุระ เ๹ื่๪๫นี้ทำให้เย่จื่อเฉินรู้สึกปลาบปลื้มมาก

     “หัวหน้าซุน ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรให้ผมรับใช้ครับ ขอเพียงแค่เป็๲เ๱ื่๵๹ที่ผมสามารถทำได้ ผมก็จะทำจนสุดความสามารถเลยครับ”

     เย่จื่อเฉินทำท่าเหมือนคนรับใช้ในละครทีวี ซุนอี้เกอที่เห็นท่าทางของเขาก็นึกอยากหัวเราะแต่กลับไม่ได้หัวเราะออกมา

     คนที่มีนิสัยเก็บตัวก็เป็๲แบบนี้แหละ ไม่ค่อยชอบแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกของตัวเองออกมาให้คนอื่นเห็น

     “นายไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้”

     เสียงของซุนอี้เกออ่อนหวานปานน้ำผึ้ง เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเธอพูด

     “อีกไม่นานจะถึงวันครบรอบ 60 ปีที่ก่อตั้งมหาลัย ทางมหาลัยขอความร่วมมือจากทุกคณะให้มีการแสดงสักสองสามอย่างฉันอยากขอให้นาย…”

     “ให้ฉันไปแสดงใช่ไหม”

     เย่จื่อเฉินพูดออกมาก่อนที่ซุนอี้เกอจะพูดจบ อีกฝ่ายมองเขาแล้วพยักหน้าเล็กน้อย

     “เอ่อ…ฉัน…ที่จริงแล้ว…คือว่า…”

     ราวกับซุนอี้เกอกลัวว่าเขาจะปฏิเสธ เธอคิดอยู่นานแต่ก็ไม่ได้พูดออกมาเป็๞ประโยค

     เย่จื่อเฉินยิ้มแล้วพูดขึ้น “ได้ ฉันเข้าร่วม”

     รอยยิ้มดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซุนอี้เกอ ก่อนจะใช้เสียงเล็กเหมือนยุงพูดขึ้น “ขอบใจนะ”

     พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ซุนอี้เกอ แล้วเย่จื่อเฉินก็โบกมือแล้วเดินจากไป

     เป็๞หัวหน้ามาตั้งนานก็ยังเป็๞แบบนี้ เย่จื่อเฉินก็รู้สึกเสียดายแทนหัวหน้าห้องคนนี้อยู่เหมือนกัน

     นิสัยแบบนี้เย่จื่อเฉินพูดไม่ได้ว่าไม่ดี พูดได้แค่ว่านิสัยแบบนี้จะทำให้เสียเปรียบเอาได้ถ้าเข้าไปอยู่ในสังคม

     ในตอนที่ส่ายหน้าและถอนหายใจอยู่นั้น เย่จื่อเฉินก็เห็นว่าเทพธิดาซูเหยียนวิ่งออกไปนอกมหาวิทยาลัยด้วยความเร่งรีบ เดินคิดว่าจะโทรไปหาเธอดีหรือไม่ แต่โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู แต่ไม่ทันไรสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็๞หนักใจ

     หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หน้าทางเข้ามหาวิทยาลัย

     รถยนต์สีเงินคันหนึ่งจอดลงตรงหน้าเย่จื่อเฉิน ประตูรถถูกเปิดออก ซูอี้อวิ๋นวิ่งลงมาจากรถด้วยสีหน้าแตกตื่น

     “เย่จื่อ”

     “คุณตาอาการเป็๞ยังไงบ้าง?”

     ใบหน้าตึงเครียดของซูอี้อวิ๋นได้อธิบายหมดแล้วว่าตอนนี้เขาเครียดมากแค่ไหน เดิมทีเย่จื่อเฉินอยากจะปลอบเขาว่าไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป แต่อีกฝ่ายกลับคว้ามือเข้าแล้วเหวี่ยงขึ้นรถทันที

     ระหว่างทาง ซูอี้อวิ๋นก็เหยียบคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิต

     เมื่อเห็นสีหน้าที่หนักใจแบบนั้นของเขา หัวใจของเย่จื่อเฉินก็หนักอึ้งไปด้วย

     “เ๯้าสาม นายไม่ต้องห่วงนะ มีฉันอยู่ด้วย ฉันจะทำให้คุณปู่ของนายดีขึ้นมาให้ได้”

     โรงพยาบาลเพื่อประชาชนเมืองปิงเฉิง

     แสงไฟในห้องฉุกเฉินยังคงสว่างอยู่ คนสิบกว่าคนยืนอยู่ตรงทางเดินนอกประตูห้องฉุกเฉิน

     ในดวงตาของทุกคนล้วนแต่ฉายแววหนักใจ ดวงตาจ้องไฟที่ส่องสว่างอยู่ภายในห้องฉุกเฉินเขม็ง

     ตึกๆๆ…

     เสียงฝีเท้ารีบร้อนสองเสียงดังขึ้นตรงสุดทางเดิน ซึ่งก็คือซูอี้อวิ๋นกับเย่จื่อเฉินนั่นเอง

     “เสี่ยวเหยียน อาการคุณปู่เป็๞ยังไงบ้าง?”

     ซูอี้อวิ๋นถามซูเหยียนที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงทางเดินด้วยเสียงที่เบา ซูเหยียนเม้มปากพร้อมหันไปส่ายหน้า

     “เ๯้าสาม นายกับซูเหยียน…”

     เย่จื่อเฉินที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้านี้ก็เริ่มทำตัวไม่ถูก ซูอี้อวิ๋ถอนหายใจยาวแล้วพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น

     “ซูเหยียนเป็๞ลูกของอาฉัน ฉันเป็๞ลูกพี่ลูกน้องกับเธอ”

     “ถ้าอย่างนั้นก็…”

     เย่จื่อเฉินมองซูเหยียนอย่างตกตะลึง ยกมือชี้ไปทางห้องผ่าตัดแล้วพูด

     “ข้างในนั้นคือคุณซู”

     ซูเหยียนก้มหัวลงเล็กน้อย ซูฉีหู่ที่ยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดหันหน้ามาหลังจากที่ได้ยินบทสนทนา เมื่อเห็นเย่จื่อเฉินเขาก็ขมวดคิ้วทันที

     “ใครพาเขามา?”

     แล้วซูฉีหลงก็หันตามมา เมื่อเห็นเย่จื่อเฉินที่ยืนอยู่ข้างซูอี้อวิ๋นเขาก็ตาลุกวาวทันที

     เนื่องจากกังวลใจกับอาการของชายชรามากเกินไป เขาเลยลืมนึกถึงยอดมนุษย์คนนี้ไปเลย

     คิดไม่ถึงว่าลูกชายของเขาคนนี้จะไปพาตัวยอดมนุษย์คนนี้มา

     “อาสอง ผมพาเขามาเองครับ”

     ซูอี้อวิ๋นเงยหน้าขึ้นตอบกลับ ซูฉีหู่ถลึงตาโตด่าลั่น

     “ที่นี่เป็๲ที่ที่จะพาใครมาก็ได้อย่างนั้นเหรอ?”

     “ฉีหู่ เสี่ยวเย่ไม่ใช่คนธรรมดา” ซูฉีหลงเอื้อมมือไปตบบ่าซูฉีหู่เล็กน้อย

     “พี่ใหญ่ พี่ก็รู้จักด้วยเหรอ?” ซูฉีหู่เผยสีหน้า๻๠ใ๽ออกมา จนเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า เขาถึงได้ขมวดคิ้วพูดขึ้น “พี่ครับ ผมไม่สนว่าระหว่างเขากับพวกพี่จะเกี่ยวข้องอะไรกัน แต่ที่นี่มันที่ไหนครับ พี่รู้จักเด็กนี่อย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้วเหรอ ถึงได้พาเขามา”

     “ฉีหู่”

     จากน้ำเสียงของซูฉีหู่ ซูฉีหลงก็พอจะรู้ว่าน้องชายของเขาคนนี้ดูเหมือนจะตั้งแง่กับเย่จื่อเฉินอยู่มากโข

     แต่เขานั้นรู้ดีที่สุดว่าเย่จื่อเฉินนั้นเป็๞ยอดมนุษย์แน่นอน

     “ฉีหู่ หยุดพูดได้แล้ว ถ้ามีเวลาว่างนักก็สวดภาวนาให้คุณพ่อไม่เป็๲อะไรจะดีกว่า”

     ซูฉีหู่เงียบเสียงลง เขาขบกัดฟันแล้วจึงหันกลับไป

     เวลาผ่านไปสามชั่วโมงเต็ม การผ่าตัดยังคงดำเนินต่อไป

     เย่จื่อเฉินกับซูอี้อวิ๋นยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่อยู่ที่เขตสูบบุหรี่ หลายชั่วโมงมานี้ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรเลยสักประโยคเดียว

     เมื่อสูบบุหรี่เสร็จ ทั้งสองคนก็เดินไปทางห้องผ่าตัดเงียบๆ

     แล้วจู่ๆ ซูอี้อวิ๋นก็จับบ่าเย่จื่อเฉินเอาไว้

     “เย่จื่อ ถ้าหมอช่วยชีวิตปู่ฉันไว้ไม่ได้ นายมีวิธีที่จะสามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้หรือเปล่า?”

     ในตอนนี้เย่จื่อเฉินถึงได้เห็นว่าดวงตาของซูอี้อวิ๋นมันแดงก่ำไปหมด

     รับรู้ได้เลยว่าความรู้สึกของเขาตอนนี้มันทั้งเครียดมากแล้วก็กดดันมาก เย่จื่อเฉินยิ้มแล้วตบบ่าเล็กน้อย

     “คุณซูท่านอายุยืน การผ่าตัดต้องสำเร็จแน่”

     “ไม่ ฉันอยากให้นายให้คำตอบที่แน่นอนกับฉัน เทียบกับหมอคนนั้นแล้ว ฉันเชื่อใจนายมากกว่า”

     ซูอี้อวิ๋นจ้องเย่จื่อเฉินเขม็ง

     คลำดูโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋า สรรพคุณของยาวิเศษคือสามารถช่วยชีวิตคนที่กำลังจะตาย เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าหากคุณซูเป็๲อะไรขึ้นมาจริงๆ ยาวิเศษนี้มันจะได้ผลหรือเปล่า

     “เย่จื่อ นายตอบฉันมาสิ”

     “ได้!”

     จนเมื่อได้ยินแบบนี้ เส้นประสาทที่ตึงเครียดของซูอี้อวิ๋นถึงได้คลายตัวลง เขาหัวเราะเสียงดังก่อนจะโถมตัวกอดเย่จื่อเฉิน

     “ขอบใจนะ”

     เมื่อได้รับการยืนยันจากเย่จื่อเฉิน สีหน้าของซูอี้อวิ๋นก็ผ่อนคลายขึ้นมาทันที

     เมื่อทั้งสองคนกลับมายังทางเดินของห้องผ่าตัด ก็เห็นว่าการผ่าตัดได้สิ้นสุดลงแล้ว

     “พ่อครับ การผ่าตัดของปู่เป็๞ยังไงบ้าง?”

     ซูอี้อวิ๋นรีบวิ่งเข้าไปหา แต่หลังจากที่เห็นสีหน้าของซูฉีหู่และซูฉีหลง เขาก็หันไปมองเย่จื่อเฉินทันที

     “ประธานซู ผู้พันซู ขอโทษจริงๆ ครับ”

     หัวหน้าศัลยแพทย์คือชายชราอายุประมาณหกสิบปี ชื่อเจิ้งเฉิง

     “ฮ่าฮ่าฮ่า”

     ในขณะที่ทุกคนต่างเงียบและยอมรับกับเ๱ื่๵๹นี้ จู่ๆ ซูอี้อวิ๋นก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง และมองเจิ้งเฉิงด้วยดวงตาแดงก่ำ

     “หมอจอมปลอม”

     “เสี่ยวอวิ๋น!”

     ซูฉีหู่ตวาดใส่ซูอี้อวิ๋น เจิ้งเฉิงนั้นนับว่าเป็๞ผู้นำในด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน และเป็๞คนที่เขาเชิญมาเอง

     “อะไรครับ คนที่ผ่าตัดไม่สำเร็จ ไม่ใช่หมอปลอมหรอกเหรอครับ?”

     ซูอี้อวิ๋นยิ้มเยาะอย่างถือดี

     เพียะ!

     ซูฉีหู่ยกมือขึ้นตบซูอี้อวิ๋น

     “เสี่ยวอวิ๋น หยุดก่อเ๱ื่๵๹ได้แล้ว!”

     ส่วนซูเหยียนก็ร้องไห้จนน้ำตานองหน้าไปแล้ว แต่พอเห็นซูอี้อวิ๋นโดนตบเธอก็รีบปรี่เข้าไปอยู่ข้างเขาทันที ก่อนจะพูดเสียงสะอื้น

     “พี่…”

     ซูอี้อวิ๋นไม่สนใจความเจ็บบนใบหน้าเลย เขาเพียงแค่หันไปยิ้มให้เย่จื่อเฉินแล้วพูดขึ้น

     “เย่จื่อ ที่นายพูดเมื่อกี้เชื่อได้ไหม!”


 


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้