“เจาเยี่ย นี่นายกำลังปกป้องเขาอยู่เหรอ? ” หลินเซวียนเดินไปตรงหน้าเจาเยี่ย จ้องเขาเขม็งแล้วถามเขาเสียงต่ำ
“ไม่นี่ ฉันแค่พูดไปตามความจริงเท่านั้น” เจาเยี่ยปฏิเสธ แต่จู่ๆ ในใจก็รู้สึกกลัดกลุ้ม ปล่อยชามที่อยู่ในมือแล้วเอ่ยปากไล่หลินเซวียน “เวลาก็ดึกมากแล้ว นายก็ควรกลับไปได้แล้ว”
“กลับไปทำไม? วันนี้ฉันว่าง อยู่เป็เพื่อนที่นี่กับนายก็ได้” หลินเซวียนพูดจบก็เดินไปนั่งที่โซฟา
“อยู่เป็เพื่อนทำไม? จะมานั่งเป็เพื่อนเหรอ? นายว่างมากหรือไง? ่นี้งานหนักมากไม่ใช่เหรอ? กลับไปจัดการกองเอกสารของนายเถอะ” เจาเยี่ยพูดปิดกั้นจนทำให้หลินเซวียนพูดไม่ออก เขาได้แต่ตอบรับอย่างออมชอม หน้าม่อยคอตกเดินออกไปแต่ก็ยังไม่วายกำชับว่า “เจาเยี่ยฉันไปแล้วนะ นายอยู่คนเดียวต้องระวังความปลอดภัยให้ดีนะ ล็อกประตูให้ดี กลางคืนก็อย่าให้กู้หลานอันเข้ามาอีก”
“เขาไม่ใช่คนเลวอะไรสักหน่อย” เจาเยี่ยไม่ได้รับปากและก็ไม่ปฏิเสธ พูดไปเพียงเท่านี้ หลินเซวียนก็เข้าใจความหมายของเขา กำมือแน่นจ้องเขาอยู่นานมาก สุดท้ายก็จากไปอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม
กู้หลานอันและหลินเซวียนกลับไปแล้ว ไม่มีใครก่อกวน เจาเยี่ยก็รีบล้างจานและถูบ้านให้เสร็จ เขานั่งลงบนโซฟา แล้วหยิบหนังสือมาแต่อ่านอย่างไรก็ไม่เข้าหัว ไม่มีอะไรอยู่บนริมฝีปากของเขา แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกแปลกๆ กัดปากแล้ววางหนังสือลง เจาเยี่ยฝืนยิ้มแล้วถามตัวเอง “เจาเยี่ย นายไม่ได้บอกกับตัวเองมาตลอดเหรอว่าไม่ควรมีความรู้สึกกับคนอื่น? ทำไมตอนนี้ใจมันกระวนกระวายขนาดนี้? นายโง่รึเปล่า? นายมีาแไปทั่วตัวขนาดนี้แล้ว ยังอยากจะถูกทำร้ายอีกเหรอ? ” สิ้นเสียงเขาก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรงฟุบลงไปบนโซฟา หัวเราะทั้งน้ำตา ทุกคนต่างก็นึกว่าเจาเยี่ยคนนี้ไม่ะเืใจกับการตายของพ่อแม่ตัวเองเลยสักนิด น่าจะเป็คนที่ไม่มีจุดอ่อนแน่นอน แต่ความจริงแล้วจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเขาก็คือความรู้สึก ไม่ใช่เขาไม่เ็ป แต่เป็เพราะว่าเ็ปมากจนไม่มีช่องว่างและแรงที่จะเ็ปได้อีก
ออกจากประตูบ้านเจาเยี่ยแล้ว กู้หลานอันก็ยังไม่ได้กลับบ้าน แต่ยังยืนอยู่หน้าประตูบ้านเจาเยี่ยดั่งเทพผู้ปกปักรักษา ถึงแม้จะรู้ว่าหลินเซวียนคงไม่สามารถทำอะไรเจาเยี่ยได้ แต่อย่างไรก็ตามเจาเยี่ยก็เป็ภรรยาของเขา [1] จะให้เขาไม่เป็ห่วงเลยก็ไม่ได้ แต่รอไปได้ไม่นาน หลินเซวียนก็ออกมาจากห้อง
“กู้หลานอัน เจาเยี่ยบอกให้นายกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายยังยืนเซ่ออยู่หน้าห้องเขาอีก? ” พอเปิดประตูเห็นกู้หลานอัน หลินเซวียนใ รีบปิดประตูแล้วถามเขา
“ยุ่งอะไรด้วย” กู้หลานอันเบ้ปาก แล้วรีบก้าวเท้ายาววิ่งกลับห้อง หลังจากป้อนรหัสผ่านเรียบร้อยกำลังจะเข้าห้อง เขาก็หันกลับมาพูดกับหลินเซวียนที่มีสีหน้าน่าเกลียดมากว่า “ขอบคุณมากที่วันนี้อุตส่าห์มาส่งอาหารให้ฉันกับเจาเยี่ยเป็พิเศษ เพื่อสร้างโอกาสในการทานอาหารเย็นร่วมกันของเรา กลับบ้านก็ระวังหน่อยนะ อย่าหายสาบสูญระหว่างทางล่ะ” พูดจบเขาก็เปิดประตูเข้าห้องแล้วกระแทกเสียงดังปัง
“ไอ้เลว” หลินเซวียนโกรธจัดจนด่าเขาออกไป กำลังจะออกจากตรงนั้น ก็เห็นคนเดินตรงมาทางเขาจากที่ไกล ๆ เขารีบเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม “คุณนายกู้ ไม่เจอกันนานเลย”
“ประธานหลิน ไม่เจอกันนานเลย” พอเห็นหลินเซวียน อันนาฝืนยิ้ม หลานอันกับเจาเยี่ยไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันหรอกเหรอ? ทำไมหลินเซวียนมาอยู่ตรงนี้? มาขัดขวางเหรอ? หรือว่าอยู่ด้วยกันสามคน?
“ประธานหลินทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะคะเนี่ย? ”
“ผม? เจาเยี่ยโทรศัพท์มาหาให้ผมมากินข้าวเป็เพื่อนเขา ผมก็เลยมา” หลินเซวียนตอบพร้อมรอยยิ้ม “คุณมาหาหลานอันเหรอครับ? ”
“ใช่ เขาเพิ่งย้ายมาที่นี่ ถึงแม้จะอาศัยอยู่กับเจาเยี่ย มีเจาเยี่ยคอยดูแลอยู่ แต่ฉันก็ต้องมาดูหน่อย ฉันไม่วางใจ” ในวงการรักร่วมเพศเื่แบบนี้ถือว่าเป็ความลับ บวกกับหลินเซวียนก็เป็เพื่อนสนิทของเจาเยี่ยที่ก่อนหน้าถูกลือหลายต่อหลายครั้งว่าเขาเป็เกย์ ดังนั้นอันนาก็เลยไม่ได้คิดจะปิดบัง เพราะยังไงเขาก็คงไม่กล้าพูดออกไปอยู่แล้ว
“อยู่ด้วยกัน? ” หลินเซวียนหัวเราะ “คุณนายกู้เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ? ด้วยลักษณะนิสัยแบบเจาเยี่ย ขนาดผมที่อยากอยู่ต่อนานอีกสักหน่อยยังไม่ได้เลย จะปล่อยให้คนนอกมาอยู่อาศัยกับเขาด้วยได้อย่างไร? ”
อันนาไม่ได้พูดอะไร หัวคิ้วที่สวยงามผูกเข้าหากัน พลางคิดว่ากู้หลานอันไม่น่าจะย้ายบ้านด้วยสาเหตุอื่นนอกเหนือจากเจาเยี่ยแน่นอน เธอถามหลินเซวียนว่า “กู้หลานอันไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่เหรอ? ”
“เขาอาศัยอยู่ที่นี่ครับ แต่ว่าเขาอาศัยอยู่ที่ห้องนี้” หลินเซวียนชี้ไปยังห้องของกู้หลานอัน แล้วก็ชี้ห้องของเจาเยี่ย “ส่วนเจาเยี่ยอยู่ห้องนี้”
“อืม? ที่แท้ที่หลานอันบอกว่าจะย้ายบ้านก็แค่ย้ายมาอยู่ข้าง ๆ บ้านเจาเยี่ย” จู่ ๆ อันนาก็ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ ครั้งนี้ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อเลยน่าอายจริง ๆ
“ไม่อย่างนั้นคุณนายคิดว่าอะไร? ” หลินเซวียนย้อนถามเมื่อได้ยินอันนาตอบ “คุณนายกู้ ผมจำได้ว่าในบ้านตระกูลกู้ครั้งก่อนโน้น คุณไม่ได้สนับสนุนให้กู้หลานอันกับเจาเยี่ยอยู่ด้วยกัน ในเมื่อไม่ได้สนับสนุน ถ้าอย่างนั้นก็ได้โปรดช่วยดูแลลูกชายคุณด้วย อย่าให้เจาเยี่ยที่รักษาคำมั่นสัญญาแล้ว แต่ลูกชายคุณกลับกระโจนเข้าใส่เขา ยังไปหาเจาเยี่ยอยู่อีก”
“ครั้งที่แล้วคุณได้ยินที่พวกเราคุยกันด้วยเหรอคะ? ” อันนาสายตาเ็า แต่ก็เพียงแวบเดียวจากนั้นเธอก็ยิ้มออกมา “ฉันลืมไปหมดแล้วนะ คุณยังกรุณาจำมันได้อีก ถึงแม้ตอนนั้นฉันจะพูดแบบนั้นกับเจาเยี่ยไป แต่ก็เป็เพราะว่าเมื่อก่อนฉันยังไม่เข้าใจเขา อีกอย่างตอนนั้นเขายังไม่ได้ชอบหลานอันด้วย ฉันกลัวว่าหลานอันจะเสียใจ แต่ตอนหลังฉันเห็นลักษณะนิสัยเขาว่าเป็อย่างไร เห็นการยืนหยัดของหลานอัน ฉันก็รู้สึกว่าในเมื่อฉันไม่สามารถยับยั้งความชอบของหลานอันที่มีต่อเจาเยี่ยได้ งั้นก็อย่าไปเพิ่มความลำบากให้กับเขาเลย แม้ว่าเขาอาจจะเสียใจก็ตาม แต่มันก็คุ้มค่า อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับว่าให้เขาไปชอบพวกดอกไม้ริมทาง เจาเยี่ยก็นับว่าเป็ตัวเลือกอันดับต้นๆ จริงๆ ”
“จริงเหรอครับ? คุณนายกู้สายตาเฉียบแหลมมาก เจาเยี่ยเป็คนที่ดีมากคนหนึ่งจริงๆ ” หลินเซวียนกัดฟันยิ้ม “แต่ก็สงสารหลานอัน จะต้องเสียใจแน่ๆ เลย เพราะว่าเจาเยี่ยเป็คนที่รักใครไม่เป็” เขาพูดพลางยิ้มอย่างเยาะเย้ย ท่ามกลางแววตาสงสัยของอันนา เขาก็พูดขึ้นว่า “ผมยังมีงานที่บริษัท งั้นผมขอตัวก่อน” เขาผงกหัวเล็กน้อยให้เธออย่างสุภาพ แล้วก็เดินจากไป
“รักใครไม่เป็ หมายถึงไม่รักคุณหรือเปล่า” อันนาบ่น เธอเดินไปหน้าห้องกู้หลานอันอย่างสงสัย หัวฟูเป็สองเท่า
ได้ยินเสียงกริ่งประตูดัง กู้หลานอันที่นอนแผ่อยู่บนโซฟาเหมือนซากศพนึกว่าเจาเยี่ยมาหา รีบดีดตัวขึ้นมา วิ่งพุ่งไปที่ห้องน้ำจัดระเบียบการแต่งกายด้วยความเร็วดุจลม แล้ววิ่งพุ่งกลับมาเปิดประตูด้วยความเร็วดุจลมเช่นเดิม พอเห็นเป็แม่ตัวเองรอยยิ้มบนใบหน้าสลดลงทันที “แม่ แม่มาได้อย่างไรครับ? ”
“ลูกย้ายบ้านทั้งที แม่จะไม่มาดูได้อย่างไร? ”
“ถ้างั้นแม่รู้ได้อย่างไรว่าผมอยู่ที่นี่? ” กู้หลานอันถามอย่างสงสัย
“ลูกบอกว่าจะย้ายบ้าน แม่ก็คิดว่าจู่ๆ ลูกจะย้ายบ้านโดยไม่มีเค้าลางมาก่อนได้อย่างไร เื่นี้มันต้องเกี่ยวข้องกับสะใภ้ของลูกแน่นอน ก็เลยไปสอบถามที่อยู่ของเจาเยี่ยกับเหวินเซินเท่อ” อันนาอธิบาย
“อ้อ เข้ามาสิครับ” กู้หลานอันเบี่ยงตัว
อันนาเข้าห้องแล้วเดินวนดูหนึ่งรอบ เห็นสภาพห้องแล้วรู้สึกว่าไม่เลวเลย เธอนั่งลงบนโซฟาแล้วพูดว่า “แบบนี้ไม่ได้นะลูก แม่ได้ยินว่าลูกบอกว่าจะย้ายบ้าน แม่นึกว่าลูกจะย้ายมาอยู่กับเจาเยี่ยเสียอีก แต่ลูกแค่ย้ายมาอยู่ข้าง ๆ เขา”
“จะเร็วขนาดนั้นได้อย่างไรกันครับ” กู้หลานอันถอนหายใจ หลังจากผ่านเหตุการณ์ในคืนนี้ มันอาจจะยากยิ่งกว่านี้อีก
“ก็ถูก ชีวิตทุกวันนี้ไม่ใช่แมรี่ซู[2] ไม่สามารถพัฒนาได้เร็วขนาดนั้น” อันนาพูดคล้อยตาม เธอก้มเข้าไปใกล้กู้หลานอันแล้วพูดว่า “แต่ในเมื่อลูกย้ายมาอยู่ข้างๆ เขาแล้ว งั้นความฝันเื่การจะได้อยู่ด้วยกันก็อยู่อีกไม่ไกลแล้ว ลูกต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี เพื่อความสุขของการเด็ดดอกเก๊กฮวย[3] อาทิเช่นตอนนี้ลูกก็อย่ามัวมายืนทื่ออยู่ตรงนี้ รีบไปหาเจาเยี่ยทางโน้นไปทำให้เขารู้สึกกับการมีอยู่ของลูก รอให้เขาคุ้นเคยกับคนอย่างลูกก่อน เกรงว่าเขาจะอยากรีบคุ้นเคยกับร่างกายของลูกตามนะ”
คำอธิบายเพิ่มเติมจากนักเขียนและเชิงอรรถ
[1] นักเขียน: นายถามเจาเยี่ยหรือยังว่าเขาเห็นด้วยหรือเปล่า?
[2] แมรี่ ซู หมายถึง ตัวละครที่มีลักษณะอุดมคติ กล่าวคือ เป็ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเติมเต็มความรู้สึก ความฝัน หรือจินตนาการบางอย่างของผู้เขียนและผู้อ่าน โดยไม่คำนึงถึงหลักเหตุผลและความเป็จริงหลายประการ พูดให้ง่ายคือ ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นตามที่ผู้เขียน้า โดยที่ผู้เขียนไม่ได้คำนึงว่าลักษณะหรือนิสัยหลาย ๆอย่างของตัวละครที่ตนสร้างขึ้นนั้นควรจะมีข้อจำกัด หรือขัดกับหลักความเป็จริงอย่างไร
[3] การเด็ดดอกเก๊กฮวย หมายถึง การมีเพศสัมพันธ์ุ
