ใบสัญญาซื้อขายตัวเป็เื่ยุ่งยาก อวี๋เจียวสามารถคาดเดาได้ว่า แม้นางจะหาได้เงินมากพอแล้วแต่อวี๋หรูไห่อาจจะไม่คืนสัญญาซื้อขายตัวให้นาง ถ้าเขาไร้ยางอายขึ้นมาจริงๆอวี๋เจียวก็ไร้หนทางจะทำสิ่งใด
อวี๋ฉี่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อยคิ้วคมกริบทั้งสองข้างบีบหัวคิ้วจนเกิดรอยคดเคี้ยว แววตาเย็นเยือกให้ความรู้สึกเ็าแตกต่างจากปกติ เขามองอวี๋เจียวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า"ในเมื่อเ้าอยากจากไปเช่นนี้ หากร่างกายข้าหายดีก็เป็ไปตามที่เ้า้า"
อวี๋เจียวไม่ได้สังเกตเห็นความไม่สบอารมณ์ของอวี๋ฉี่เจ๋อนางหัวเราะพอใจแล้วเอ่ยว่า“ถ้าเช่นนั้นอีกสองวันข้าจะไปที่เขาด้านหลังเพื่อหาสมุนไพร”นางก้มหน้าก้มตาแล้วนับนิ้วครู่หนึ่ง "กว่าจะถึงกลางเดือนแปดยังมีเวลาอีกสองเดือนน่าจะมากพอบำรุงรักษาร่างกายของเ้า เ้าจะต้องตั้งใจเรียนล่ะรอกระทั่งวันหน้าได้เป็บัณฑิต พวกเราจะได้แยกกันไปตามทางข้าออกไปใช้ชีวิตอิสระของข้า ส่วนเ้าจะได้แต่งแม่นางเฉินโหรวของท่าน"
อวี๋ฉี่เจ๋อมองรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของอวี๋เจียวความอึดอัดภายในใจมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เขาหลุบตาลงไม่ปรารถนาจะพูดอันใดอีก
ครั้นตกดึก อวี๋จือโจวกลับมาถึงจวน เมื่อเห็นอวี๋เจียวยังอยู่ปฏิกิริยาของเขาต่างกับอวี๋จิ่นซูและคนอื่นๆ ร่างทั้งร่างเผยให้เห็นถึงความกระวนกระวายใจพยายามวนเวียนซักไซ้อวี๋จือหางผู้เป็พี่ชายถึงเื่เกี่ยวกับอวี๋เจียวครั้นรู้ว่าเพราะผู้เฒ่าให้ความสำคัญกับวิชาหมอของนางถึงไม่ได้ไล่คนออกไปเขาจึงวางใจเล็กน้อย
ยามกินข้าวเย็นอวี๋เจียวปรากฏตัวที่โต๊ะอาหารในห้องโถงอย่างเปิดเผย เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนถูกอวี๋หรูไห่ห้ามไม่ให้กินข้าวเพราะเื่เงินค่ารักษาล้วนแต่เป็สตรีแซ่ซ่งที่คอยเอากับข้าวจำนวนหนึ่งมาให้อวี๋เจียวโดยตักอาหารให้อวี๋เมิ่งซานมากกว่าเดิมเล็กน้อย
เพราะเชิญสหายร่วมเรียนของอวี๋จิ่นซูมางานเลี้ยงอาหารกลางวันจึงมีกับข้าวเหลืออยู่ไม่น้อยดังนั้นนับได้ว่าเป็อาหารเย็นที่อุดมสมบูรณ์ทีเดียวคุณชายไม่กี่คนล้วนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตายากนักที่สตรีแซ่อวี๋โจวและสตรีแซ่จ้าวจะเป็มิตรเช่นนี้พูดคุยพลางแย้มยิ้มไม่หยุด อวี๋เจียวเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่ได้สอดปากพูดคุยกับพวกเขาแต่อย่างใด
เพียงแต่มีหนึ่งสายตาจับจ้องมาบนกายของนางครั้นอวี๋เจียวเงยหน้าขึ้น พบว่าอวี่จือโจวหลบตาพลางเม้มปากดวงตาใสกระจ่างดุจผลซิ่งค่อยๆ หรี่ลง
หลังจากทานอาหารเสร็จคนครอบครัวสามไม่กี่คนอยู่ดื่มน้ำชากับผู้เฒ่าและฮูหยินเฒ่าอย่างมีความสุขอวี๋เจียวกับสตรีแซ่ซ่งไปห้องครัวเพื่อล้างถ้วยชาม
หลังจากเก็บกวาดห้องครัวเสร็จเรียบร้อยสตรีแซ่ซ่งเริ่มต้มน้ำสำหรับอาบให้ผู้อ่อนาุโไม่กี่คนของแต่ละครอบครัวนางบอกให้อวี๋เจียวกลับห้องไปพักผ่อน
อวี๋เจียวออกมาจากห้องครัว ภายในลานเรือนมีเงาดำของคนผู้หนึ่ง เมื่อเห็นอวี๋เจียวเดินออกมาเงาดำมองสอดส่องไปทางห้องโถงครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดจึงกวักมือไปทางอวี๋เจียว
อวี๋เจียวเพ่งมองครู่หนึ่งถึงดูออกว่าผู้ที่อยู่ภายใต้เงาดำก็คืออวี๋จือโจว
ฝีเท้าของอวี๋เจียวชะงักครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปทางอวี๋จือโจว
อวี๋จือโจวเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แม่นางเมิ่งเ้ายัง...สบายดีหรือไม่? วันนั้นข้าออกความเห็นซี้ซั้วจนเป็การทำร้ายเ้าหากภายในใจของเ้าจะถือโทษข้าย่อมเป็เื่สมควร ข้าบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว”
บนท้องฟ้ามีดวงดาวอ้างว้างลอยคว้างเพียงไม่กี่ดวง ม่านเมฆบดบังพระจันทร์เสี้ยวภายในลานเรือนมืดกว่าปกติดวงตาดำขลับที่ใช้มองอวี๋จือโจวของอวี๋เจียวฉายแววแฝงความนัย ไม่ส่งเสียงใดออกมา
อวี๋จือโจวเห็นสีหน้าท่าทีของนางไม่ชัด สนใจเพียงอธิบายต่อไปว่า“แม่นางเมิ่งหน้าตาสะอาดสะอ้านเป็ที่น่าเอ็นดู ข้าคิดว่าน้องสี่คงมีไมตรีต่อเ้าอยู่บ้างแท้จริงแล้วเป็ข้าที่คิดผิด ทำให้แม่นางเมิ่งต้องทนรับความอยุติธรรมแล้วข้าก็ปวดใจเช่นกัน ่วัยที่ดีเช่นนี้ แม่นางเมิ่งกลับต้องมาเป็ม่ายเพราะน้องห้าข้าถึงได้เอ่ยวาจาหยาบคายเช่นก่อนหน้านั้นจนทำให้เ้ากล้ำกลืนความไม่เป็ธรรมมากมายเพียงนี้ตลอดหลายวันมานี้ขณะที่ข้าอยู่ในสำนักศึกษาก็คอยเป็ห่วงแม่นางเมิ่งอยู่ตลอดตำหนิตนเองไม่หยุด”
อวี๋เจียวอมยิ้มบางครั้นได้ฟังวาจาปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนของอวี๋จือโจว ภายในใจกลับไร้เกลียวคลื่นก่อนหน้านี้เมิ่งอวี๋เจียวฟังคำยุยงของผู้มีใจคิดร้ายอย่างอวี๋จือโจวถึงได้ไปยั่วยวนอวี๋จิ่นเหยียนไม่เช่นนั้นชีวิตในวัยสวยงามของคนผู้หนึ่งคงไม่ต้องถูกตีจนต้องล้มหายตายจากั้แ่วัยเยาว์
นางเอ่ยกับอวี๋จือโจวด้วยใบหน้าราบเรียบว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้มิสู้เ้าไปบอกกับนายท่านว่าจะแต่งงานกับข้า?”