เมื่อเย่เฟิงได้ยินคำพูดของหลงหว่านเอ๋อร์ก็อาลัยอาวรณ์ขึ้นมา “จะไปพรุ่งนี้เลยเหรอ?”
แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ แต่ก็ไม่คิดว่าซูเฟยหยิ่งจะให้พวกเขากลับไปเร็วขนาดนี้
“อื้ม นายไม่อยากกลับเหรอ?” หลงหว่านเอ๋อร์ถาม
“อยากกลับสิ ฉันจะได้อยู่กับเธอไง” เย่เฟิงยิ้ม
“ไม่ต้องมาปากหวานเลย ฉันไม่หลงคารมนายหรอก” หลงหว่านเอ๋อร์ยู่ปากน้อยๆ ก่อนคว้าคอเย่เฟิงมาหอมแก้มหนึ่งที “ไปกันเถอะ”
เมื่อถูกหญิงสาวหยอกล้อ เย่เฟิงก็อยากเอาคืนบ้าง เขารวบร่างบางขึ้นมาอุ้ม จากนั้นเดินไปยังถ้ำริมทะเลอีกแห่งหนึ่ง
“นี่ เดี๋ยวเถอะ!” หลงหว่านเอ๋อร์ใจึงระดมทุบกำปั้นใส่ไหล่เย่เฟิงเบาๆ “ปล่อยฉันลงนะ”
แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่ยอมปล่อยหลงหว่านเอ๋อร์ลง เขาคิดว่าไม่เห็นจะมีอะไรน่าอายตรงไหน? ยิ่งััได้ถึงความอุ่นจากร่างที่ดิ้นขลุกอยู่ในอกนี้ เขายิ่งไม่มีทางปล่อยเธอลงเด็ดขาด!
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นเย่เฟิงหยุดฝีเท้า หลงหว่านเอ๋อร์จึงหยุดขัดขืนก่อนถาม “นายมาทำอะไรที่นี่เหรอ?”
เย่เฟิงปล่อยจิตหยั่งรู้ออกไป และเลือกถ้ำที่มีสภาพแวดล้อมค่อนข้างดี จากนั้นพาหลงหว่านเอ๋อร์ไปที่นั่นขณะเดียวกันก็อธิบายเื่จ้าวอี้เปยและหลิงเฉิน
“ผู้ฝึกิญญา?”
หลงหว่านเอ๋อร์ที่ถูกอุ้มอย่างไม่เต็มใจ เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็แปลกใจ ความลึกลับของผู้ฝึกวิถีเซียนมีมากมายเสียจริง
ตอนนี้หลงหว่านเอ๋อร์มีความปรารถนามากกว่าเมื่อก่อน โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นซูเฟยหยิ่งใช้ทักษะอาชา์ท่องนภา การได้คุยกับซูเฟยหยิ่งทำให้หญิงสาวรู้ว่า ตราบใดที่มีระดับพลังบ่มเพาะถึงหนึ่งร้อยปีก็จะสามารถฝึกฝนทักษะอาชา์ท่องนภาได้ สิ่งนี้ทำให้เธอตื่นเต้นมาก ทักษะนี้ไม่เพียงทำให้สามารถโบยบินไปบนฟ้าได้ แต่ปีกที่ขาวบริสุทธิ์คู่นั้นยังทำให้เธอรู้สึกราวกับนางฟ้าบนสรวง์
เมื่อมาถึงจุดหมาย ทั้งคู่พบถ้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีลมทะเลพัดผ่านทางเข้า มันคงให้ความรู้สึกหนาวเย็นเป็อย่างยิ่งสำหรับคนทั่วไป แต่ย่อมไม่มีผลกับผู้ฝึกวิถีเซียน
เมื่อเข้าไปในถ้ำ หลงหว่านเอ๋อร์ฉีกเสื้อ่บนของเย่เฟิงออก “นายได้รับาเ็ตรงไหนไหม?”
“ไม่มีหรอก”
เย่เฟิงส่ายหน้า าแธรรมดาพวกนั้นสามารถรักษาได้ด้วยเคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์อย่างง่ายดาย เว้นแต่พวกอาการาเ็เฉพาะ เช่น อาการาเ็ที่ซูเฟยหยิ่งได้รับจากราชันย์หั่วยวินเยา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาฟื้นฟูค่อนข้างนาน
“แล้วเธอล่ะ?”
เย่เฟิงแกล้งจับหน้าอกอวบอิ่มของหลงหว่านเอ๋อร์ เขารู้สึกได้ถึงความนุ่มและอุดมสมบูรณ์จนอดบีบเคล้นมันไม่ได้
เย่เฟิงแกล้งจับหน้าอกอวบอิ่มของหลงหว่านเอ๋อร์ เขารู้สึกได้ถึงความนุ่มและอุดมสมบูรณ์จนอดบีบเค้นมันไม่ได้
“นี่ ฉันเจ็บนะ อาจารย์ก็อยู่ใกล้ๆ นายยังกล้าทำตัวไร้ยางอายอีก”
ใบหน้าหวานขึ้นสีเล็กน้อย เพราะมีวรยุทธ์มากกว่าเย่เฟิง เธอจึงผลักเขาออกได้ไม่ยาก
“แค่แตะเฉยๆ ไม่ได้เหรอ? ฉันไม่ยังทันได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย”
เย่เฟิงส่งสายตาคาดหวัง
“ไม่ต้องส่งสายตาแบบนั้นเลยนะ”
หลงหว่านเอ๋อร์ตวัดสายตากลับไป ขณะขยับไปยังตำแหน่งที่มีหญ้านุ่ม เธอนั่งลงพลางจัดแจงท่าทางให้สบายที่สุดเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน เย่เฟิงจึงยอมแพ้ไปในที่สุด อันที่จริงเขาก็ไม่อยากทำเื่น่าอายในถ้ำนี้หรอก เพราะท่านอาจารย์ก็อยู่ออกไปไม่ไกล
อย่างนั้นก็นอนดีกว่า
จิตหยั่งรู้ของซูเฟยหยิ่งมีรัศมีไกลถึงหนึ่งกิโลเมตร ซึ่งเย่เฟิงไม่สามารถหลบจากการรับรู้ของเธอได้เลย ไม่ว่าเขาจะทำอะไร อาจารย์ล้วนสามารถรับรู้ได้ทั้งหมดหากเธอ้า
“อากาศหนาวนะ มานอนใกล้ๆ ฉันดีกว่า”
เย่เฟิงขยับเข้าไปหาหลงหว่านเอ๋อร์ จากนั้นรวบไหล่บางของหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอด หลงหว่านเอ๋อร์ไม่ขัดขืน ทำเพียงจัดท่าทางให้สบายก่อนนอนหนุนแขนอีกฝ่าย
เย่เฟิงและหลงหว่านเอ๋อร์ที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวันนอนแอบอิงเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด
…………
เช้าวันต่อมา
“มีคนมา”
จิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงค้นพบใครบางคนที่ปากถ้ำ ทำให้ชายหนุ่มตื่นตัวขึ้นทันที เมื่อตรวจสอบอย่างระวังแล้วก็พบว่าคนคนนั้นคือหลงโม่หราน ซึ่งเป็หยางเสินแปลงกายของซูเฟยหยิ่งยืนอยู่ข้างนอก ราวกับตั้งใจจะมาปลุกพวกเขา
เวลานี้ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงร่างบางที่นอนทับร่างเขาอยู่ หลงหว่านเอ๋อร์เหรอ?
เมื่อคืน ทั้งคู่ต่างแอบอิงกันหลับไป แต่กลายเป็ว่าตอนนี้หลงหว่านเอ๋อร์นอนทับบนร่างเขาเสียแล้ว น้องชายของเย่เฟิงพลันตื่นตัว เมื่อลืมตา ชายหนุ่มเห็นเนินอกขาวเนียนของหญิงสาวพร้อมกับร่องลึกที่มาทักทายเขาแต่เช้า
“สาวน้อย ตื่นได้แล้ว”
เย่เฟิงกลัวว่าตนจะทนต่อไปไม่ไหว จึงเขย่าร่างของหลงหว่านเอ๋อร์
“อื้อ…” หลงหว่านเอ๋อร์งัวเงีย “ขอนอนต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้ ท่านอาจารย์มาปลุกแล้ว”
เย่เฟิงเตือนอย่างช่วยไม่ได้
หลงหว่านเอ๋อร์ที่เพิ่งตื่นจากฝันลุกขึ้นนั่งทันที เมื่อตระหนักได้ถึงความยุ่งเหยิงของผมเผ้าและเสื้อผ้า รวมถึงตำแหน่งของเย่เฟิง ใบหน้าของหญิงสาวก็ขึ้นสี
‘อะไรเนี่ย เมื่อคืนเราหลับในอ้อมแขนเขาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงอยู่ในท่าน่าอายแบบนี้ได้เล่า?’
เมื่อเห็นรอยยิ้มบางของเย่เฟิง หลงหว่านเอ๋อร์ก็รีบจัดแจงเสื้อผ้าและเผ้าผมอย่างรวดเร็วก่อนกล่าว “ไปกันเถอะ”
“อืม ไปสิ”
เย่เฟิงโอบเอวบางแล้วพาหญิงสาวเดินออกจากถ้ำนี้ไปพร้อมกัน
“ในที่สุดก็มาเสียที”
‘หลงโม่หราน’ มองทั้งคู่ด้วยท่าทางผ่อนคลาย
เวลานี้ ‘หลงโม่หราน’ อยู่ในชุดคลุมสีขาว แขนเสื้อข้างหนึ่งปลิวตามสายลม เขาห้อยกระบี่อินทรีโบยบินไว้ที่เอว ดูสง่าผ่าเผย
“ฮะ?”
นี่ทำให้หลงหว่านเอ๋อร์แปลกใจ หยางเสินแปลงกายสามารถปลอมเป็หลงโม่หรานได้แเีขนาดนี้เลยเหรอ? เธอแทบไม่เห็นพิรุธบนร่างนี้เลยสักจุดเดียว!
เมื่อวานตอนเย็น หลงหว่านเอ๋อร์อธิบายวิทยายุทธ์ของตระกูลหลงให้ซูเฟยหยิ่งฟัง ตอนนี้หยางเสินแปลงกายสามารถแสดงกระบวนท่าเตะสยบั ฝ่ามือเมฆาไร้มลทิน และเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทราได้คล้ายคลึงอย่างน่าเหลือเชื่อ!
นี่เป็ข้อดีอย่างหนึ่งของหยางเสินและหยินเสิน
“หว่านเอ๋อร์ เสี่ยวเฟิง พวกเราไปกันเถอะ”
‘หลงโม่หราน’ มองทั้งคู่ จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตราบใดที่มีหลงโม่หรานคนนี้อยู่ จะไม่มีคนของยุทธจักรคนใดกล้าล่วงเกินพวกเธอ!”
“ไปกัน...”
เย่เฟิงเกือบกลั้นหัวเราะไม่ไหว ทักษะการแสดงละครของอาจารย์ยอดเยี่ยมจนแทบจะแยกจริงเท็จไม่ออกเลย
ทั้งสามคนพากันมุ่งหน้าไปยังริมชายหาด ความจริงแล้วเย่เฟิง้าบอกลาซูเฟยหยิ่งด้วย
“ไม่ต้องหรอก อาจารย์ของเธอกำลังรักษาาแอยู่” หลงโม่หรานกล่าว
เย่เฟิงรู้ว่านี่เป็ความ้าของซูเฟยหยิ่ง แต่เขาก็ยังอดเสียใจเล็กน้อยไม่ได้ จิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงไม่สามารถแผ่ไปถึงถ้ำที่ซูเฟยหยิ่งอยู่ เขาจึงไม่รู้ว่าอาจารย์ปิดผนึกทางเข้าออกทั้งสองทางของถ้ำไว้แล้ว เวลานี้เธอกำลังอดทนกับความเ็ปจากพิษที่ได้รับ ผิวกายที่เดิมทีขาวเนียนบริสุทธิ์เปลี่ยนเป็สีแดงทุกตารางนิ้ว
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เธอจึงไม่้าพบใครทั้งนั้น แต่อย่างน้อยหยางเสินร่างแปลงก็อยู่ใกล้กับเย่เฟิง จึงสามารถใช้เป็ตัวแทนในการสื่อสารได้
บนเรือสปีดโบตที่ทอดสมอไว้ริมชายหาด ในที่สุดหลงจื่อและหลงชิงก็ตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง เมื่อลืมตา พวกเขาเห็น ‘หลงโม่หราน’ รวมทั้งเย่เฟิงและหลงหว่านเอ๋อร์ กำลังเดินมาพร้อมกัน
ทั้งสองคนพลันตกตะลึง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้