ยามที่อวี๋ฉี่เจ๋อรู้สึกตัว แสงอรุณได้เล็ดลอดผ่านบานหน้าต่างแกะสลักเข้ามาภายในห้องแล้ว บนกิ่งไม้ภายในลานเรือนมีเสียงนกร้องดังแว่วเข้ามา เขาหยัดกายลุกขึ้น ทอดมองอวี๋เจียวที่ปิดเปลือกตาฟุบหลับอยู่ข้างเตียง ในแววตาเจือรอยยิ้มอบอุ่น
อวี๋ฉี่เจ๋อลงจากเตียงอย่างแ่เบา ก้มตัวอุ้มอวี๋เจียวขึ้นมานอนบนเตียงพร้อมทั้งห่มผ้าห่มให้นางเป็อย่างดี จากนั้นหันหลังเดินออกไปนอกห้อง
ครั้นเห็นเทียนในห้องด้านนอกของซ่งชุนยังคงวูบไหว อวี๋ฉี่เจ๋อจึงยกมือขึ้นโบกเบาๆ เพื่อดับแสงเทียน
ซ่งชุนตื่นไปให้อาหารสัตว์ในจวนแล้ว อวี๋ฉี่เจ๋อสูดอากาศในลานเรือนเข้าเฮือกใหญ่และกางแขนออกทั้งสองข้าง ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
สตรีแซ่ซ่งเพิ่งกลับมาจากให้อาหารหมู เมื่อเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อยืนอยู่ในลานเรือนจึงเอ่ยว่า “เมื่อวานเ้านอนั้แ่หัววัน ยังไม่ทันได้กินอะไร หิวหรือไม่?”
อวี๋ฉี่เจ๋อหัวเราะเพราะรู้สึกหิวอยู่บ้างแล้วจริงๆ หลังจากเดินไปตักน้ำล้างหน้าตรงอ่างน้ำ เขาจึงเดินตามสตรีแซ่ซ่งเข้าไปในห้องหุงต้ม “ท่านแม่ ข้าจะช่วยท่านก่อไฟ”
สตรีแซ่ซ่งพบว่าวันนี้สีหน้าของเขาดูดีขึ้นอย่างมาก นางล้างแตงหวานที่เก็บมาแล้วส่งให้เขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “กินแตงหวานรองท้องเสียก่อน แม่ทำคนเดียวไหว ทำกับข้าวเสร็จแล้วแม่จะเรียกเ้า”
อวี๋ฉี่เจ๋อรับแตงหวานมา ขณะกำลังจะกิน สตรีแซ่ซ่งเหลือบไปเห็นหม้อต้มยาวางอยู่บนเตา ครั้นเปิดออกดู กลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวต้มพลันลอยกระทบจมูก “หืม เหตุใดจึงมีข้าวต้มยาอยู่เล่า?”
ภายในใจของอวี๋ฉี่เจ๋อวูบไหว คาดว่าอวี๋เจียวคงตั้งใจต้มให้เขา มุมปากหยักยิ้มอ่อนโยน
ครั้นดวงอาทิตย์สาดแสงจนถึงไม้ไผ่ปล้องที่สาม อวี๋เจียวเพิ่งจะตื่น เมื่อหยัดกายลุกขึ้นนั่งจึงพบว่าตนกำลังนอนอยู่บนเตียงของอวี๋ฉี่เจ๋อ
อวี๋ฉี่เจ๋อกำลังนั่งอ่านตำราอยู่ตรงโต๊ะด้านข้าง เมื่อรับรู้ได้ว่านางตื่นแล้วจึงปรายตามอง มุมปากยกยิ้มอย่างอดไม่ได้เมื่อพบว่าผมของอวี๋เจียวยุ่งเหยิง ดวงตาผลซิ่งเจือความงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นนอน “ตื่นแล้วหรือ? ในห้องครัวมีกับข้าวส่วนของเ้าเหลืออยู่ ข้าจะไปยกมาให้”
อวี๋เจียวมองเขาอย่างงุนงงชั่วครู่ ขณะกำลังจะเลิกผ้าห่มพลันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล นางรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตรงระหว่างขาพร้อมอาการปวดท้อง เห็นได้ชัดว่าเป็อาการยามมีประจำเดือน ดวงหน้าเรียวเล็กพลันแดงระเรื่อ นางถึงกับตื่นเต็มตาขึ้นมาเลยทีเดียว
“ท่าน...ท่าน...ออกไปก่อน” อวี๋เจียวเอ่ยอ้ำอึ้ง “แล้วเรียกพี่ฝูหลิงเข้ามาที”
อวี๋ฉี่เจ๋อพบว่าน้อยครั้งนักที่ใบหน้าของนางจะฉายแววร้อนรนระคนเขินอาย ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เขาลุกขึ้นพลางเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วงว่า “เป็อะไรไปหรือ?”
อวี๋เจียวเขินอายจนไม่กล้าเงยหน้า เดิมทีจะมีประจำเดือนก็ไม่เป็อะไร แต่เหตุใดต้องมาเป็บนเตียงของอวี๋ฉี่เจ๋อเล่า นี่มันน่าอับอายเกินไปแล้ว
“ท่านไม่ต้องถามแล้ว รีบออกไปเรียกพี่ฝูหลิงเข้ามาเร็วเข้า” น้ำเสียงของอวี๋เจียวเบาแทบไม่ต่างจากเสียงยุงบิน พยายามกดผ้าห่มเอาไว้อย่างเอาเป็เอาตาย
อวี๋ฉี่เจ๋อทำได้เพียงหันหลังเดินออกไปข้างนอกแล้วเรียกอวี๋ฝูหลิงเข้ามา
หลังจากอวี๋ฝูหลิงเข้ามาในห้อง อวี๋เจียวถึงถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก บอกให้นางรีบปิดประตูห้องแล้วเอ่ยเสียงเบาด้วยท่าทางลำบากใจว่า “พี่ฝูหลิง ข้าเป็ประจำเดือนแล้ว”
น้อยครั้งนักที่อวี๋ฝูหลิงจะเห็นนางแสดงอาการร้อนรนจนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ทั้งยังอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นว่าอวี๋เจียวนอนอยู่บนเตียงของอวี๋ฉี่เจ๋อ “ผ้ารัดเอวสำหรับรองประจำเดือนที่ข้าเย็บไว้ก่อนหน้านี้ยังเหลืออยู่สองผืน จะไปเอามาให้เ้าประเดี๋ยวนี้”
อวี๋เจียวรีบเอ่ย “รบกวนพี่ฝูหลิงช่วยเอาชุดสะอาดมาให้ข้าเปลี่ยนด้วยเ้าค่ะ”
อวี๋ฝูหลิงขานรับพลางแย้มยิ้มขณะเดินออกไปข้างนอก
เมื่อผลักประตูออกมาก็พบว่าอวี๋ฉี่เจ๋อกำลังยืนอยู่ด้านนอกประตู สีหน้าคล้ายอยากจะเอ่ยบางสิ่งแต่กลับชะงักเอาไว้ อวี๋ฝูหลิงก็เก้อกระดากหากต้องอธิบายออกไป นางทำเพียงบอกกับอวี๋ฉี่เจ๋อว่า “เ้าไปอยู่ที่ลานเรือนสักครู่เถิด”
อวี๋ฉี่เจ๋อเห็นนางทำท่าทางลับๆ ล่อๆ เช่นนี้จึงได้แต่เดินออกไปข้างนอก
อวี๋ฝูหลิงกลับห้องไปเอาผ้ารัดเอวรองประจำเดือนและอาภรณ์อีกหนึ่งชุดมาให้อวี๋เจียว หลังจากสอนอวี๋เจียวใช้ผ้ารัดเอวรองประจำเดือนเสร็จแล้วจึงไปเฝ้าอยู่หน้าประตูเพื่อรอให้อวี๋เจียวผลัดอาภรณ์
อวี๋เจียวรีบผลัดเปลี่ยนอาภรณ์สะอาดอย่างรวดเร็ว ยามเห็นบนฟูกมีรอยสีน้ำตาลคล้ำเปรอะเปื้อนพลันรู้สึกกลัดกลุ้ม นางทำได้เพียงม้วนฟูกนอนของอวี๋ฉี่เจ๋อแล้วอุ้มออกไปจากห้องของเขาเท่านั้น
อวี๋ฝูหลิงหลุดหัวเราะทันทีที่เห็นนางอุ้มฟูกนอนและอาภรณ์ออกมา
อวี๋เจียวเผยสีหน้าอัดอั้นใจ ใบหน้าเล็กแดงก่ำด้วยความขวยเขิน หลังจากเอาฟูกนอนของอวี๋ฉี่เจ๋อไปซ่อนไว้ในห้องของนางกับอวี๋ฝูหลิงแล้วจึงถามว่า “ฟูกนอนของเขาถูกข้าทำสกปรกแล้ว พี่ฝูหลิง ในจวนยังมีฟูกนอนอีกหรือไม่เ้าคะ?”
“มี ในตู้ยังมีฟูกที่ถูกเลาะออกมาซัก เดี๋ยวข้าจะเอาไปเปลี่ยนให้เขาเอง” อวี๋ฝูหลิงยิ้มพลางค้นหาฟูกในตู้ แล้วจึงหอบฟูกนอนสะอาดเข้าไปในห้องของอวี๋ฉี่เจ๋อ
อวี๋เจียวหยิบกรรไกรจากตะกร้าใส่เข็มกับด้ายแล้วลงมือตัดผ้าปูออก นำผ้าส่วนถูกทำสกปรกยัดใส่ในตะกร้า เตรียมจะเอาไปซักทำความสะอาดที่ริมแม่น้ำ
อวี๋ฉี่เจ๋อยืนอยู่ในลานเรือนครู่หนึ่ง สตรีแซ่จางในครอบครัวใหญ่เห็นเข้าจึงเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย “ข้างนอกแดดแรงเพียงนี้ เ้าห้ามายืนอยู่ในลานเรือนทำไมกัน”
อวี๋ฉี่เจ๋อไม่อาจหาคำมาอธิบายได้ ครั้นหันหลังหมายจะเดินกลับเข้าเรือนกลับพบว่าอวี๋เจียวอุ้มตะกร้าออกมา เมื่อเห็นว่าในตะกร้าคือฟูกนอนบนเตียงของเขา อวี๋ฉี่เจ๋อจึงเอ่ยด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงเลาะฟูกนอนเล่า?”
ใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ความเห่อร้อนเพิ่งจะจางไปกลับแดงก่ำขึ้นทันใด อวี๋เจียวหลบสายตาของอวี๋ฉี่เจ๋อ ก้มหน้าก้มตากล่าวว่า “ฟูกนอนเปื้อนแล้ว ข้าจะเอาไปซักสักหน่อย”
อวี๋ฉี่เจ๋อไม่เข้าใจ นึกว่านางกลัวว่าตนจะรังเกียจที่นางนอนบนฟูกผืนนั้น เอ่ยอย่างนึกขบขันว่า “ไม่เป็ไรหรอก ข้าไม่สนใจว่าเ้าจะเคยนอนหรือไม่”
อวี๋เจียวรู้สึกเพียงแค่ว่าใบหน้าร้อนผ่าว นางเบี่ยงกายออกห่างจากเขา เอ่ยทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยคว่า “ข้าจะไปซักผ้า” จากนั้นอุ้มตะกร้าวิ่งออกจากจวนราวกับมีคนไล่กวด
อวี๋ฉี่เจ๋อหรี่ดวงตาดอกท้อมองแผ่นหลังของอวี๋เจียวที่กำลังวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนแล้วหัวเราะออกมาอย่างจนปัญญา ภายในดวงตาฉายประกายรักใคร่เอ็นดูบางเบา
ครั้นกลับเข้าเรือน เขาพบว่าอวี๋ฝูหลิงกำลังเปลี่ยนฟูกผืนใหม่ให้เขา อวี๋ฉี่เจ๋อเอ่ยถามว่า “ฟูกผืนนั้นพึ่งจะใช้นอนไม่กี่วัน เหตุใดท่านพี่ถึงเปลี่ยนผืนใหม่อีกแล้วขอรับ?”
อวี๋ฝูหลิงยากจะกลั้นหัวเราะเมื่อนึกถึงสีหน้าลำบากใจของอวี๋เจียว เอ่ยว่า “สองวันมานี้อากาศดีจึงขยันซักขยันเปลี่ยนสักหน่อย”
นางกลับไปยังห้องด้านข้าง ครั้นพบว่าอวี๋เจียวไม่อยู่จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “อวี๋เจียวเล่า?”
อวี๋ฉี่เจ๋อเอ่ย “นางไปซักผ้าที่ริมลำธารแล้วขอรับ”
อวี๋ฝูหลิงเคยเป็ประจำเดือนมานานแล้ว นางรู้ว่าวันที่สตรีเป็ประจำเดือนไม่อาจต้องอากาศเย็น อวี๋เจียวรีบร้อนไปซักฟูกนอนเช่นนี้คงเพราะกลัวว่าน้องเล็กจะรู้เข้า หลังจากลอบยิ้มกับตนเอง นางก็รีบตามอวี๋เจียวไปที่ริมลำธาร
อวี๋ฉี่เจ๋อนั่งอยู่ข้างโต๊ะตำราแต่กลับไม่มีสมาธิจะอ่านตำรา หลังเหม่อมองฟูกนอนบนเตียงอยู่พักหนึ่งถึงรวบรวมสติกางกระดาษเซวียนจื่อให้ราบเรียบ จากนั้นจึงนำบัญญัติบ้านเมืองสงบสุขมาตั้งหัวข้อ เื่ข้อพิพาททางการเมือง
หลังจากเท้าแขนเขียนไปกว่าครึ่งชั่วยาม ทันใดนั้นมีเสียงอันคุ้นเคยดังมาจากบนหลังคา ตามด้วยฝุ่นผงร่วงหล่นลงมาจำนวนหนึ่ง อวี๋ฉี่เจ๋อเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้าลึกลับมีชีวิตชีวาของคนผู้หนึ่ง
ครั้นเห็นว่าตนถูกพบเข้าเสียแล้ว ผู้มาเยือนพลันยิ้มกว้างเผยฟันขาวเป็ประกายสว่างไสวมาทางอวี๋ฉี่เจ๋อ
อวี๋ฉี่เจ๋อตกตะลึงชั่วครู่ก่อนแววตาจะหวนคืนสู่ความสงบ เอ่ยแก่ผู้ที่อยู่บนหลังคาว่า “มาั้แ่เมื่อใด?”
ผู้ที่อยู่บนหลังคาแงะกระเบื้องออกอีกไม่กี่แผ่น จากนั้นะโลงมาอยู่ตรงหน้าอวี๋ฉี่เจ๋ออย่างคล่องแคล่วด้วยฝีเท้าแ่เบา กวาดตามองรอบห้องฉีกยิ้มกรุ้มกริ่ม เอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นในห้องของเ้ามีแม่นางน้อยผู้หนึ่งนอนอยู่ ศิษย์น้อง ไม่ได้พบกันนานถึงเพียงนี้ เหตุใดพบศิษย์พี่แล้วถึงไม่ดีใจเล่า?”
