บทที่ 10: หงส์ในดงโคลน
หลังจากเดินทางอย่างยากลำบากผ่านเส้นทางที่เป็โคลนเลนมาเกือบสองวันเต็ม ในที่สุดรถม้าที่หรูหราที่สุดของตระกูลซ่งก็มาหยุดอยู่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านจิ่งสุ่ย
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้ซ่งไป่เฉินที่แง้มม่านหน้าต่างออกมามองถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ
นี่น่ะหรือหมู่บ้าน? มันก็ไม่ต่างอะไรกับกองโคลนขนาดใหญ่ที่มีกระท่อมดินผุพังตั้งอยู่กระจัดกระจาย ไก่และสุกรเดินเพ่นพ่านส่งเสียงร้องระงมไปทั่ว กลิ่นโคลนสาบและกลิ่นมูลสัตว์ลอยคลุ้งปะปนกันจนแทบอยากจะปิดจมูก
"ที่นี่น่ะรึ ต้าฉู่?" เขาหันไปถามลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงดูแคลน "เ้าแน่ใจนะว่าเรามาไม่ผิดที่? รสนิยมของนายอำเภอจ้าวนี่แปลกประหลาดเสียจริงที่มายกย่องหมู่บ้านแบบนี้"
"เรียนคุณชาย จากแผนที่และข้อมูลที่ได้มา ที่นี่คือหมู่บ้านจิ่งสุ่ยอย่างแน่นอนขอรับ" หวังต้าฉู่ตอบอย่างนอบน้อม
"เฮ้อ..." ไป่เฉินถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะปรับหน้ากากคุณชายเสเพลจอมโอหังกลับมาสวมไว้อย่างแเี "เอาล่ะ! ในเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องทำให้มันจบๆ ไป!"
เขากระแทกเท้าลงบนบันไดเล็กๆ ที่บ่าวยื่นมารองรับอย่างแรงจนเกือบจะลื่นล้ม เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ทำจากผ้าไหมเนื้อดีที่สุดของเมืองซีหยางดูแปลกแยกและไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบกายอย่างสิ้นเชิง รองเท้าปักลายเมฆมงคลของเขาเหยียบลงบนพื้นโคลนแฉะๆ จนเกิดเสียงดังจ๊วบ
ชาวบ้านที่กำลังทำงานหรือนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ ต่างพากันหันมามองผู้มาเยือนผู้สูงศักดิ์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ความหวาดระแวง และความอิจฉาเล็กๆ รถมาที่งดงามราวกับรถของฮ่องเต้และคุณชายที่แต่งตัวหรูหราราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดเป็สิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
ผู้เฒ่าฉีซึ่งกำลังนั่งสานตะกร้าอยู่หน้ากระท่อมรีบเดินกะโผลกกะเผลกเข้ามาหา "ไม่ทราบว่า...นายท่านผู้สูงศักดิ์มาทำอะไรที่หมู่บ้านอันยากจนของพวกเราหรือขอรับ"
ซ่งไป่เฉินเชิดหน้าขึ้น กวาดตามองชาวบ้านด้วยสายตาเหยียดหยามเล็กน้อย ก่อนจะกางพัดออกพัดอย่างอวดเบ่ง
"ข้าคือซ่งไป่เฉินแห่งตระกูลซ่งผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองซีหยาง!" เขาประกาศกร้าว "ข้าเดินทางฝ่าอันตรายนานัปการเพื่อมาตามหา 'หมอหญิงเทวดา' ที่พวกเ้ากล่าวขานกัน! นางอยู่ที่ไหน! บอกให้นางออกมาพบข้าบัดเดี๋ยวนี้!"
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและคำสั่งนั้นทำให้ชาวบ้านหลายคนหน้าเสีย พวกเขาเคารพและศรัทธาในตัวซูเหยียนดั่งเทพธิดา การที่คุณชายจากที่ไหนไม่รู้มาะโเรียกหานางราวกับนางเป็บ่าวรับใช้ทำให้พวกเขาไม่พอใจอย่างยิ่ง
"แม่นางซูไม่ใช่คนที่ใครจะมาะโเรียกหาได้ตามใจชอบนะขอรับ!" ชายฉกรรจ์คนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ
"ใช่! หากท่าน้าพบนาง ก็ต้องแสดงความเคารพ!" หญิงอีกคนเสริม
สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะมีอะไรบานปลาย เด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งก็ได้วิ่งปร๋อไปยังกระท่อมเชิงเขาที่อยู่ห่างออกไป "ท่านพี่ซูเหยียน! ท่านพี่ซูเหยียน! มีคุณชายท่าทางประหลาดมาตามหาขอรับ! เขาเสียงดังมากเลย!"
ณ กระท่อมตระกูลซู ถังเหมยหลินกำลังง่วนอยู่กับการสอนซูก๋วนให้รู้จักวิธีใช้ครกหินบดยาสมุนไพรให้ถูกวิธี เมื่อได้ยินเสียงเด็กน้อยวิ่งมาบอก นางเพียงแค่พยักหน้ารับช้าๆ แล้วหันไปกล่าวกับน้องชาย
"บดต่อไปให้เสร็จนะซูก๋วน อย่าให้แรงเกินไป เดี๋ยวตัวยาจะร้อนและเสื่อมคุณภาพ"
นางล้างมือที่เปื้อนผงยาในอ่างน้ำอย่างไม่รีบร้อน เช็ดมือกับผ้าฝ้ายเก่าๆ แล้วจึงค่อยๆ เดินออกจากกระท่อมไปอย่างสงบนิ่ง ท่าทีของนางไม่ตื่นตระหนกหรือดีใจที่จะได้พบแขกผู้สูงศักดิ์เลยแม้แต่น้อย
เมื่อซูเหยียนเดินมาถึงใจกลางหมู่บ้าน นางก็ได้เผชิญหน้ากับภาพที่ตัดกันอย่างสุดขั้ว
ซ่งไป่เฉินในชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อนปักลายวิหค์ ยืนเด่นเป็สง่าอยู่ท่ามกลางชาวบ้านในชุดผ้าป่านสีมอซอ เขาราวกับหงส์ที่หลงเข้ามาในดงกา
และเมื่อสายตาของเขาจับจ้องมาที่นาง เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
นี่น่ะหรือหมอหญิงเทวดา? เด็กสาวอายุสิบห้าสิบหกในชุดผ้าฝ้ายธรรมดาที่ผ่านการปะชุนมานับครั้งไม่ถ้วน รูปร่างผอมบาง ใบหน้าไม่ได้จัดว่างดงามล่มเมืองอย่างที่เขาจินตนาการไว้ มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้นที่แตกต่าง...ดวงตาคู่นั้นนิ่งสงบ ลุ่มลึก และฉายแววแห่งสติปัญญาที่ดูเกินวัยไปมาก มันเป็ดวงตาที่มองมายังเขาอย่างตรงไปตรงมา...และไม่มีแววของความหวาดกลัวหรือประจบสอพอเลยแม้แต่น้อย
"เ้า...คือซูเหยียนรึ?" ไป่เฉินถามเสียงสูง พยายามจะกดข่มด้วยฐานะของตน
"หน้าตาธรรมดากว่าที่ข้าคิดไว้นะ"
ชาวบ้านเริ่มส่งเสียงฮือฮาด้วยความไม่พอใจ แต่ซูเหยียนกลับยกมือขึ้นเป็สัญญาณให้ทุกคนเงียบ นางจ้องมองคุณชายผู้สูงศักดิ์กลับด้วยสายตาเรียบเฉย
"ข้าคือซูเหยียน" นางตอบเสียงราบเรียบ "และท่านคือผู้ที่กำลังเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือจากข้ามิใช่หรือ? แล้วท่านเป็ใครคุณชาย! โดยปกติแล้ว...ผู้ที่กำลังเดือดร้อนมักจะแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ใช่แสดงท่าทีโอหังเช่นนี้"
คำพูดที่ตรงไปตรงมาและไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อยนั้นราวกับตบเข้าที่ใบหน้าของซ่งไป่เฉินฉาดใหญ่ เขาถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเขาเช่นนี้มาก่อน โดยเฉพาะเด็กสาวชาวบ้าน!
แต่เพียงครู่เดียวเขาก็หัวเราะกลบเกลื่อน "ฮ่าๆๆ! ปากคอเราะร้ายใช่เล่นนี่แม่นางน้อย! ข้าชอบ! เอาล่ะๆ ข้าจะไม่อ้อมค้อม...ข้าคือซ่งไป่เฉิน แห่งตระกูลซ่ง บิดาของข้าป่วยหนัก หมอที่เก่งที่สุดในเมืองซีหยางก็จนปัญญา พี่สาวข้าได้ยินเื่ของเ้าจึงส่งข้ามา...บอกราคามาได้เลย ทองคำ? อัญมณี? หรืออยากได้ที่ดิน? ตระกูลซ่งของข้าจ่ายให้เ้าได้ทุกอย่างหากเ้ารักษาท่านพ่อของข้าให้หายจากอาการป่วย"
เขาพยายามใช้อำนาจเงินตราเข้าข่ม แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง
"วิชาความรู้ของข้าไม่ได้มีไว้เพื่อซื้อขาย คุณชาย" ซูเหยียนกล่าวอย่างหนักแน่น "ข้าช่วยเหลือเพียงผู้ที่ข้าเห็นว่าสมควรจะช่วย และข้าไม่ได้นับถือรับใช้ผู้ที่เอาแต่ใช้เงินสั่งการ"แต่ในใจลึกๆ เงินนั้นมีความสำคัญมากสำหรับครอบครัว
ดวงตาคู่นั้นจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา "ก่อนที่ข้าจะตัดสินใจว่าจะไปกับท่านหรือไม่...ท่านต้องเล่าอาการของบิดาท่านมาให้หมดทุกอย่าง ทั้งอาการทางกาย อาหารที่กิน สภาพอารมณ์ และยาที่หมอคนก่อนๆ เคยให้...เล่ามาให้หมด ห้ามปิดบังแม้แต่น้อย"
ณ วินาทีนั้น...ซ่งไป่เฉินรู้สึกราวกับว่าอำนาจทั้งหมดได้ถูกฉุดกระชากไปจากมือของเขา เด็กสาวชาวบ้านผู้นี้ได้พลิกสถานการณ์กลับตาลปัตร นางไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ถูกร้องขอ แต่กลับตั้งตนเป็ผู้คุมเกม เป็ผู้สัมภาษณ์และตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว!
ภายในใจของนักวางแผนผู้ลึกลับอย่างเขาทั้งรู้สึกหงุดหงิดและทึ่งในเวลาเดียวกัน 'เด็กคนนี้...ไม่ธรรมดา...นางไม่ได้เหมือนสตรีโง่งมที่หลงระเริงไปกับคำเยินยอหรือเงินทองในหอชา...ในแววตาของนางมีไฟบางอย่างที่น่าสนใจ...น่าสนใจกว่าที่ข้าคิดไว้มาก'
เขาตัดสินใจที่จะลองเชิงนางดู เขาแสร้งทำทีเป็คุณชายที่ไม่ใส่ใจรายละเอียด เล่าอาการของบิดาออกมาอย่างคลุมเครือและจงใจให้ข้อมูลผิดๆ
"ท่านพ่อก็แค่...อ่อนเพลีย ไม่มีแรง" เขาโบกพัดไปมา "แล้วก็ไอ...บางครั้งน่ะนะ หมอบอกว่าลมปราณติดขัดเพราะ...อืม...อาจจะเพราะอาหารที่บ้านรสชาติจืดชืดเกินไปกระมัง"
ซูเหยียนยืนฟังนิ่งๆ ปล่อยให้เขาพูดจนจบ ดวงตาของนางไม่ละไปจากใบหน้าของเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว ราวกับกำลังอ่านความคิดที่ซ่อนอยู่เื้ัคำพูดเ่าั้
"ไอแต่ไม่มีเสมหะใช่หรือไม่?" นางถามสวนขึ้นมาทันที
ไป่เฉินชะงัก "เอ่อ...ก็คงงั้น"
"ผิวของท่านพ่อท่านออกเหลืองคล้ำกว่าปกติหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณตาขาว?"
"ข้า...ข้าไม่ทันได้สังเกต" เขาเริ่มตอบเสียงอ่อยลง
"ท่านพ่อของท่านจะรู้สึกเจ็บแน่นชายโครงขวา โดยเฉพาะหลังจากที่ทานอาหารมันๆ ใช่หรือไม่? และอาการทั้งหมดจะกำเริบหนักขึ้น...เมื่อท่านพ่อของท่านมีอารมณ์ขุ่นมัว...ตัวอย่างเช่น...หลังจากที่ทะเลาะกับคนในครอบครัว?"
คำถามสุดท้ายนั้นราวกับลูกธนูที่พุ่งเข้าปักกลางใจของซ่งไป่เฉิน!
เขายืนนิ่งตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ...นางรู้ได้อย่างไร! โดยเฉพาะเื่อารมณ์ขุ่นมัวที่เชื่อมโยงกับอาการป่วย! นี่เป็สิ่งที่แม้แต่ท่านหมอหลิวก็ยังมองข้ามไป! เขาพยายามซ่อนความตกตะลึงไว้ภายใต้หน้ากากคุณชายเสเพล แสร้งหัวเราะแห้งๆ
"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน ข้าไม่ค่อยได้ใส่ใจเื่หยุมหยิมพวกนั้นหรอกน่า"ซูเหยียนมองท่าทีของเขาแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ นางรู้แล้วว่านางกำลังต่อกรอยู่กับอะไร
"อาการป่วยของบิดาท่านไม่ได้อยู่ที่ปอด และไม่ใช่แค่ลมปราณติดขัดธรรมดา" นางกล่าววินิจฉัยด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด "แต่มันเป็โรคที่เกิดจากตับซึ่งอ่อนแอมาเป็เวลานาน สาเหตุเกิดจากความโกรธ ความคับข้องใจ และความผิดหวังที่สะสมจนกลายเป็พิษร้าย และพิษนั้นก็ได้เริ่มทำลายอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกายแล้ว"
นางจ้องมองเขาเขม็ง "ข้าจะไปซีหยางกับท่าน"
ซ่งไป่เฉินเพิ่งจะรู้สึกโล่งใจได้เพียงครู่เดียว ประโยคต่อมาของนางก็ทำให้เขาต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง
"แต่ข้ามีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว...นั่นคือ ท่าน...คุณชายซ่งไป่เฉิน...จะต้องเป็ผู้ช่วยของข้าตลอดการรักษา ท่านจะต้องทำทุกอย่างที่ข้าสั่ง ั้แ่การบดยา ต้มน้ำ ไปจนถึงการเช็ดตัวให้บิดาของท่าน ท่านจะต้องเรียนรู้ว่าการดูแลเอาใจใส่ผู้อื่นอย่างแท้จริงนั้นเป็อย่างไร"
นางเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวปิดท้ายด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด
"หากท่านรับเงื่อนไขนี้ไม่ได้...ก็เชิญกลับไปหาหมอเทวดาคนอื่นได้เลย"
ทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในความเงียบกริบ!
ซ่งไป่เฉิน...คุณชายสูงศักดิ์ผู้ไม่เคยต้องทำอะไรด้วยตนเอง...พยัคฆ์ร้ายในคราบลูกแกะ...นักวางแผนผู้ลึกลับ...บัดนี้กลับถูกเด็กสาวชาวบ้านยื่นคำขาดให้ไปเป็ "เด็กรับใช้" ต่อหน้าธารกำนัล!
เขามาที่นี่เพื่อบัญชาการ...แต่กลับถูกยึดอำนาจและบังคับให้ต้องเลือก...ระหว่างศักดิ์ศรีจอมปลอมของตน กับชีวิตของบิดาที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้