ฉวีหย่งเซิงกล้าสรุปได้เลยว่านี้คืออสุนี์!
เป็เพราะในตอนเขายังเป็เด็กเขาเคยเห็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่ต้องประสบภัยทัณฑ์ ในตอนนั้น ด้วยอสุนี์ที่ปรากฏขึ้นเต็มผืนฟ้า ทำให้ฉวีหย่งเซิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเื่นี้ ถึงแม้ว่าอสุนี์ในมือของหลี่โหย่วฉายจะยังไม่แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น แต่พลังที่เปล่งออกมาก็เหมือนกันกับอสุนี์ที่พบเจอในตอนนั้น!
คนผู้นี้ ไม่ใช่คนในตระกูลเหลยของตี้หวังจริงหรือ? เป็ไปได้อย่างไร แม้จะเป็ตระกูลเหลยของตี้หวัง ก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกันว่ามีปีศาจร้ายคนไหนที่จะควบคุมอสุนี์ได้แม้จะอยู่ในขั้นกุมารทิพย์!
ฉวีหย่งเซิงมองไปทางฉินอวี่ รู้สึกใอยู่ภายในใจจนสงบสติลงไม่ได้ แต่ตัดสินอยู่ภายในใจ ถึงแม้เหลาอู่จะเป็บุตรนอกสมรสในตระกูลเหลยของตี้หวัง เขาจะต้องถูกตระกูลเหลยของตี้หวังพาตัวกลับเข้ามาแน่นอน และคงเลี้ยงดูเป็อย่างดี ถึงตอนนั้น... จะต้องมีอยู่ในตำแหน่งที่มีชื่อเสียงและโด่งดังแน่นอน
ฉินอวี่ยังคงบีบคอหวังมู่ และโยนออกไปทางด้านหนึ่งโดยไม่สนใจฉวีหย่งเซิง สายตาของเขาเปล่งประกายที่เย็นเยือก และพูดขึ้น “หากอยากจะสู้ ก็เชิญได้ตลอดเวลา แต่ครั้งนี้ ข้าไม่อาจปล่อยไปได้!”
หวังมู่ที่กำลังตกอยู่ในความโกรธและความหวาดกลัว มีดวงตาที่แดงก่ำทั้งสองข้าง ส่งเสียงคำรามดั่งอสูรร้ายอยู่ในใจ และพูดขึ้น “แน่จริงเ้าก็ฆ่าข้าเลยตอนนี้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะทำให้เ้าต้อง...!”
“หวังมู่ พอได้แล้ว แม้แต่คำพูดของข้าเ้าก็ไม่ยอมเชื่อฟังหรือ?” ฉวีหย่งเซิงตะคอกเสียงดัง
หวังมู่หันมองฉวีหย่งเซิงอย่างไม่พอใจ
“เื่นี้ก็พอแค่นี้เถอะ! หลี่โหย่วฉายเองก็รับหมัดของเหล่าเอ้อได้แล้ว เขาก็คือพี่น้องของพวกเราแล้ว ข้าไม่มีวันยอมให้พวกเ้าพี่น้องต้องมาเข่นฆ่ากันเอง!” ฉวีหย่งเซิงพูดอย่างเคร่งขรึม สายตาก็จ้องไปทางฉินอวี่อย่างไม่ตั้งใจ
“พี่น้อง? เหอๆ แค่ลูกนอกสมรสคนเดียวมีสิทธิ์อะไรมาเป็พี่น้องกับข้าหวังมู่?” หวังมู่ยิ้มอย่างดุดัน
“ลูกนอกสมรส?” ฉินอวี่มองไปยังหวังมู่อย่างแปลกใจ กว่าครึ่งวันแล้วที่พวกเขาเหล่านี้คิดว่าตนเองเป็ลูกนอกสมรสของตระกูลเหลยของตี้หวัง ฉินอวี่ก็ี้เีจะอธิบาย จึงก้าวออกไปก้าวหนึ่ง และเดินตรงออกไปจากจวน
ฉวีหย่งเซิงมองไปยังแผ่นหลังของฉินอวี่ นิ่งเงียบไม่พูดจา ส่วนเหล่าเอ้อหยางซานก็ได้แต่ถอนหายใจ “เหล่าซื่อ เ้าทำเช่นนี้ทำไม? ก่อนหน้านี้ก็เห็นอยู่ว่าฉินอวี่กำลังอยู่ใน่อันตรายของการฝึกฝน แต่เ้ากลับผลีผลามเปิดประตูเข้าไป มันต้องรบกวนเขาอย่างแน่นอน และเ้ายังมาพูดจาโอหังเช่นนี้ คำสองคำก็พูดแต่ลูกนอกสมรส หลี่โหย่วฉายไม่โกรธเ้าก็คงแปลกแล้วล่ะ หลี่โหย่วฉายคนนี้ไม่ธรรมดานะ ทำไมต้องสร้างศัตรูให้ตนเองด้วย?”
“ศัตรู? คนอย่างเขามีสิทธิ์อะไรจะมาเป็ศัตรูของข้าหวังมู่? รอให้พี่ชายข้ากลับมาก่อนเถอะ ข้าจะเอาชีวิตเขาแน่! ในแดนต้าโหมวเทียนแห่งนี้ ถ้ามีเขาก็ต้องไม่มีข้า มีข้าก็ต้องไม่มีเขา” หวังมู่พูดอย่างดุดัน
“ทะเลาะก็ทะเลาะได้ แต่อย่าไปจริงจังกับมันนัก!” ฉวีหย่งเซิงหันศีรษะกลับไปมองหวังมู่ และพูดอย่างเ็า หวังมู่คงโกรธเกินไปแล้วแน่นอน การตั้งกฎของจวนแห่งนี้ ผู้อาศัยอยู่ต่างเรียกกันเป็พี่น้อง และยัง้าสร้างพี่น้องและสหายที่จริงใจต่อกันในแดนต้าโหมวเทียนให้มาก
แม้ว่าเขาจะมีความสามารถมาก หรือจะมีพร์ที่น่าใ แต่เมื่ออยู่ในแดนต้าโหมวเทียน พร์ส่วนตัวแข็งแกร่งอยู่คนเดียวแล้วจะอย่างไร? หากไม่มีผู้มีอำนาจที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน ก็ไม่แน่ว่าถึงเวลานั้นอาจต้องตายไปก็ได้ นี่คือเื่จริงในแดนต้าโหมวเทียน และยังเป็ความฝืนใจของเขาเช่นกัน
ส่วนที่เหลือของจอมอสูรในตอนนี้ ต่างจากส่วนเหลือของจอมอสูรในอดีต ซึ่งจะมีการพัฒนาอำนาจพลังของตนเอง อีกทั้งในแดนต้าโหมวเทียนก็มีทรัพยากรอยู่อย่างจำกัด และยังต้องมาถูกกักขังอยู่ที่นี่นานจนนับไม่ได้ มีกำลังแต่คนส่วนมากแล้วล้วนแต่ไม่อยากหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ และพยายามต่อสู้มาทุกวิถีทาง แม้ว่าตระกูลของฉวีหย่งเซิงที่แข็งแกร่ง แต่ก็นับว่าไม่ได้อยู่แนวหน้า ทั้งยังรั้งท้ายด้วยซ้ำ หากเกิดการต่อสู้ขึ้นมา ตระกูลฉวีของเขาก็คงต้องตกอยู่ในความลำบากอย่างยิ่ง
ดังนั้น ฉวีหย่งเซิงจึง้าใช้พลังของตนเองเผื่อผูกมิตรกับเหล่าอัจฉริยะวัยหนุ่มไว้ให้มาก แม้ว่าคนเหล่านี้อาจไม่สามารถจะมีอำนาจได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะต้องกลายเป็เสาหลักที่แข็งแกร่งและทรงอิทธิพลอย่างแน่นอน
หากสามารถอาศัยฉินอวี่ในการสานสัมพันธ์กับตระกูลเหลยของตี้หวังได้คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ในตอนนี้ ความแค้นของหวังมู่กลับจะกลายเป็สิ่งรบกวนแผนการของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อมองไปยังหวังมู่ที่มีท่าทางไม่พอใจ ฉวีหย่งเซิงก็ได้แต่ถอนหายใจ เื่นี้คงจะยากที่จะประสานให้อยู่ร่วมกันได้
แต่หากให้เขาเลือกระหว่างฉินอวี่และหวังมู่แล้ว เขาขอเลือกหวังมู่อย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุด ฉินอวี่ก็เป็แค่ลูกนอกสมรส ซึ่งไม่รู้ว่าตระกูลเหลยของตี้หวังจะให้ความสำคัญกับเขามากเพียงใด
“ไปกันเถอะ!” ฉวีหย่งเซิงเหลือบมองหวังมู่ และพูดอย่างเรียบเฉย
กลุ่มคนทั้งสี่เดินทางออกจากจวน มุ่งหน้าไปยังเมืองเทียนโหมวชั้นนอก
ฉินอวี่ยังไม่ได้ไปเรียกหวังจงและหลิวเจ๋อ การได้เข้ามาฝึกฝนในเมืองเทียนโหมวชั้นในนับว่าเป็รางวัลยิ่งใหญ่ของพวกเขา ภารกิจสำคัญที่สุดของพวกเขาในตอนนี้คือการยกระดับการฝึกฝนให้สูงขึ้น
ทันทีที่เตรียมออกจากเมืองเทียนโหมวชั้นใน ก็บังเอิญได้พบกับ “เพื่อนเก่า” สองคน ถ้าไม่ใช่หลิงซวีกับสยงถูจะเป็ใครได้อีก? หลิงซวีและสยงถูในตอนนี้ ไม่มีความเย่อหยิ่งดั่งเช่นในอดีตอีกแล้ว มองดูฉินอวี่ด้วยความเคารพ เมื่อเห็นฉินอวี่เดินเข้ามา ทั้งสองคนก็มีท่าทีที่ดิ้นรนมากยิ่งขึ้น
ฉินอวี่ไม่ได้สนใจมองคนทั้งสอง เอาแต่เดินตรงไปทางค่ายกลนำส่ง แต่กลับถูกหลิงซวีเรียกห้ามเอาไว้ และได้ยินเขาพูดว่า “พี่... พี่ใหญ่หลี่ เื่เมื่อครั้งก่อน เป็ความผิดของพวกข้าเอง ขอพี่ใหญ่หลี่โปรดให้อภัยด้วย”
“ใช่ๆ พี่ใหญ่หลี่ เื่ครั้งก่อนเป็เพราะพวกข้าเอง ขอพี่ใหญ่หลี่โปรดอภัยด้วย สยงถูยินดีจะคอยปรนนิบัติพี่ใหญ่หลี่อย่างเต็มใจ” สยงถูพูดอย่างจริงใจ
ทั้งสองคนถูกบีบให้ทำเช่นนั้น หลังจากถูกแส้ฆ่าัฟาดไปในครั้งก่อน หลิงซวีก็ต้องนอนนิ่งอยู่เป็ยี่สิบวัน ส่วนสยงถูนั้นต้องนอนพักอยู่เป็เวลาหนึ่งเดือน แต่เื่เ่าั้ก็ได้ผ่านไปแล้ว แต่ในตระกูลของทั้งสองคนต่างเรียกร้องให้ทั้งสองคนทำการขอโทษ ถ้าฉินอวี่ไม่ให้อภัยพวกเขาก็จะไม่สามารถกลับเข้าในเมืองเทียนโหมวชั้นในได้อีกตลอดกาล สิ่งนี้ทำให้ทั้งสองกลัวเป็อย่างยิ่ง
หลังจากได้สอบถามหาเบาะแสของฉินอวี่ ทั้งสองคนจึงได้รีบมุ่งหน้ามายังเมืองเทียนโหมวชั้นในเพื่อเฝ้ารอฉินอวี่ ซึ่งพวกเขาต้องใช้เวลาเฝ้ารออยู่ถึงสิบวันจึงจะได้พบกับฉินอวี่
ฉินอวี่เหลือบตามองทั้งสองคน และรู้สึกขบขันอยู่ในใจ พลังของการขึ้นชื่อว่าเป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ช่างมีผลเหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้ยิ่งนัก เขาเห็นความไม่เต็มใจของทั้งสองคน และรู้ด้วยว่าเป็การร้องขอของคนที่อยู่เื้ั เพียงแต่ ฉินอวี่ก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล
การอยู่ในเมืองต้าเทียนโหมวโดยลำพัง ถึงแม้จะมีบารมีของผู้เฒ่าร้องไห้ปกป้องตนเองอยู่ แต่หากผู้มีอำนาจใหญ่โตเกิดโกรธเคือง นี่ก็เท่ากับเป็การฆ่าตัวเอง และตนเองคงต้องจบลงด้วยความแค้นเท่านั้น
ทุกเื่ต้องมีมาตรการของตนเอง และต้องถูกต้อง ฉินอวี่จึงพูดอย่างเฉยเมย “รู้ว่าผิดก็ทำให้ดีได้ ไม่จำเป็ต้องปรนนิบัติอะไรกันหรอก” พูดจบ ฉินอวี่ก็ก้าวเท้าออกไป แต่เมื่อก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงของสยงถู “พี่ใหญ่หลี่ หากมีเื่อะไรให้พวกข้าช่วย ขอพี่ใหญ่หลี่บอกมาได้ทันที”
ฉินอวี่ไม่ได้ตอบอะไร ก็ได้ยินเสียงของหลิงซวีตามขึ้นมา “พี่ใหญ่หลี่ ไม่นานนี้เหล่าอัจฉริยะวัยหนุ่มสาวของแดนต้าโหมวเทียนจะมารวมตัวกันที่เมืองเทียนโหมวชั้นนอก มีพวกข้าอยู่ด้วย พอจะได้ให้คำแนะนำท่านได้ ขอพี่ใหญ่หลี่โปรดให้โอกาสพวกข้าได้ชดใช้สิ่งที่ตนเองเคยทำด้วยเถอะ”
ฉินอวี่ขมวดคิ้ว สองคนนี้ยังไม่มีความจริงใจนัก ฉินอวี่รู้จุดประสงค์ของพวกเขาดี จึงไม่้าให้คนทั้งสองมาอยู่ข้างกาย และในขณะที่ฉินอวี่กำลังจะปฏิเสธนั้น ก็มีเสียงะโดังขึ้น “หลิงซวี?”
คนที่เดินเข้ามาคือกลุ่มของฉวีหย่งเซิง และหวังมู่ทั้งสี่คน
หลิงซวีหันศีรษะไปทันที เมื่อเห็นพวกหวังมู่ทั้งสี่คนเดินเข้ามา จึงพูดขึ้น “หวังมู่ไม่เจอกันนาน คงต้องรำลึกความหลังกันสักหน่อยแล้ว แต่ข้าต้องขอจัดการธุระของข้าเสียก่อน” พูดจบ หลิงซวีก็มองทางฉินอวี่เพื่อรอคำตอบ
“เื่อะไรกัน? หรือเขาไปยั่วยุอะไรเ้า?” หวังมู่ก้าวออกมาทันที และหันหมองฉินอวี่อย่างดุดัน ก่อนจะพูดอย่างช้าๆ
หลิงซวีเหลือบมองฉินอวี่ และรีบส่ายหน้า หลังจากผงะไปครู่หนึ่ง ก็พูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “หวังมู่ เ้ารู้จักพี่ใหญ่หลี่ด้วยหรือ?”
“พี่ใหญ่หลี่? เ้าเรียกเ้าลูกนอกสมรสนี่ว่าพี่ใหญ่หลี่หรือ?” ดวงตาของหวังมู่เบิกกว้าง เต็มไปด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน ชำเลืองมองฉินอวี่อีกครั้งหนึ่งก่อนจะพูดอย่างมีนัย “เ้าจะทำให้หลิงตู้หวังขายหน้าหรืออย่างไรกัน!”
หลิงซวีตัวสั่นขึ้นมาทันที หันไปมองฉินอวี่อย่างหวาดกลัว ก่อนจะตะคอกเสียงดังใส่หวังมู่ “หุบปาก!”
