ยามที่เหนียนยวี่เห็นฉู่ชิงเป็่ที่ฉู่ชิงเองก็สังเกตุเห็นเหนียนยวี่พอดี
เป็เขา เด็กหนุ่มคนนั้นเมื่อคืนนี้!
ทว่าฝีมือของเขา...
“ไม่สามารถตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกได้”ฉู่ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ความสามารถของเด็กหนุ่มผู้นี้เขาเพิ่งจะปะทะฝีมือมาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมานี้เองมิใช่หรือ?
แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่กลอุบายทว่าแววตาของเด็กหนุ่มผู้นี้ราวกับผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน
ยิ่งกว่านั้น... เมื่อนึกขึ้นได้ว่าใบหน้าตนถูกเห็นเข้าแล้วฉู่ชิงก็จ้องั์ตาสีนิลของเหนียนยวี่ด้วยสายตาอันเฉียบคมขึ้นเล็กน้อย
ทั้งสองสบสายตากันเหนียนยวี่รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของฉู่ชิงอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าเมื่อคืนตนจะไปทำความลับอันใหญ่หลวงของเขาแตกเข้าแล้วจริงๆสินะ แล้วฉู่ชิงผู้นี้จะทำอย่างไรกับนาง?
ระหว่างที่เหนียนยวี่กำลังครุ่นคิดฉู่ชิงสะบัดเสื้อคลุมคราหนึ่ง ป้ายประจำตัวที่ห้อยอยู่ตรงเอวก็ปรากฏออกมาให้เห็น รวมถึงจี้หยกชิ้นหนึ่งด้วย ทว่าเพียงชั่วพริบตาเสื้อคลุมก็ทิ้งตัวลงมาปกปิดไว้เช่นเดิม
แม้ว่ามันจะเร็วทว่าเหนียนยวี่ก็ยังเห็นจี้หยกนั่น... เป็ชิ้นที่นางวางไว้ที่หอสูงของจ้าวอิ้งเสวี่ย ณ จวนจิ้นอ๋องเมื่อคืนนี้
เกิดอะไรขึ้น เหตุใดมันถึงมาอยู่ที่เขาได้?
เหนียนยวี่สบตากับฉู่ชิงอีกครั้งครั้งนี้ดวงตาคมที่เผยให้เห็นภายนอกหน้ากากนั้นอ่อนแสงลง ส่งสายตาเชิงเตือนมาให้นางมากขึ้น
เขากำลังเตือนข้าว่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนห้ามพูดส่งเดชงั้นหรือ?
เหนียนยวี่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นางไม่ยุ่งเื่ของชาวบ้านแน่นอน สิ่งที่นาง้า... เมื่อนางนึกถึงประโยชน์ของจี้หยกนั่นขึ้นได้คิ้วของเหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน
ฉู่ชิงเห็นท่าทีการตอบสนองเล็กน้อยของนาง มุมปากภายใต้หน้ากากยกขึ้นบางๆ
ดูเหมือนว่าจี้หยกชิ้นนี้จะสำคัญต่อเด็กหนุ่มผู้นี้มากจริงๆ!
ฉู่ชิงรู้แจ้งถึงข้อนี้แล้ว ก็ไม่ได้สนใจผู้คนที่อยู่ตรงนั้นอีก เขากระชับบังเหียนแน่นก่อนจะเคลื่อนย้ายไปอีกฝั่ง...
“เหอะ ไม่ได้กลับมาหลายปี เอกสิทธิ์ของจื๋อหร่านนับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น ขนาดเปิ่นหวางยังไม่กล้าขี่ม้าเข้ามาเลยนะ!”จ้าวอี้มองชายหนุ่มบนหลังม้าพันธุ์ดี แสร้งกล่าวราวกับอิจฉา “ไม่ว่าผู้ใดต่างกล่าวกันว่าเปิ่นหวางคือผู้ที่เสด็จพ่อทรงรักใคร่และทะนุถนอมมากที่สุดทว่าเปิ่นหวางดูๆ แล้ว ผู้ที่เสด็จพ่อรักใคร่โปรดปรานน่าจะเป็จื๋อหร่านคงจะถูกเสียมากกว่าเปิ่นหวางเพียงแค่แบกรับชื่อเสียงจอมปลอม...”
เหนียนยวี่มองแผ่นหลังที่ห่างไกลออกไปบุตรชายท่านแม่ทัพผู้นี้ ยังหนุ่มยังแน่น ฝ่าาก็ทรงมอบหมายให้ควบคุมกองทัพ รักษาการทหารป้องกันชายแดน และอำนาจในกองทัพทั้งหมดล้วนอยู่ในมือเขา เห็นได้ชัดเลยว่าฝ่าาทรงไว้วางใจและให้ค่าเขามากเพียงใด
ชาติก่อน่รัชสมัยของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเสนาบดีกรมกลาโหม‘ฉู่ชิง’ ได้รับพระราชทานบรรดาศักด์ขั้น ‘โหว’ [1]จนกระทั่งฝ่าาทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ขั้น ‘อ๋อง’ ให้เป็กรณีพิเศษอย่างตั้งใจ
ทว่าดูเหมือนจะมีคนที่ไม่เห็นด้วยที่ฉู่ชิงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ขั้นอ๋องคืนก่อนวันที่ฝ่าาจะทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ ระหว่างทางจากชายแดนทางใต้จนถึงตำหนักชุ่นเทียนฉู่ชิงถูกซุ่มโจมตีและโดนลอบสังหารมาตลอดทาง
“เหนียนยวี่เ้าคิดว่าเปิ่นหวางผู้นี้น่าสงสารหรือไม่?”จ้าวอี้พูดขึ้นขัดตอนความคิดของเหนียนยวี่
น่าสงสารงั้นหรือ?
เหนียนยวี่มุมปากกระตุก จะให้นางตอบอย่างไรกลับไป?
อย่างไรก็ตามอารมณ์ของมู่อ๋องโลดโผน ขึ้นๆ ลงๆ เหลือเกินเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบจากนาง ทันทีที่เห็นสาวใช้นางหนึ่งถือกู่ฉิน [2]เดินไปทางคีรีจำลองประดับ ดวงตาก็สว่างวาบเป็ประกายขึ้นทันใด
“ชื่อฉินเหอฉิน [3] ต่างก็อยู่ที่ซื่อฟางกว่านงั้นพี่ชายข้าคงอยู่ที่ซื่อฟางกว่านด้วยเป็แน่ อา วันนี้ช่างเป็วันที่ดีเสียจริง”จ้าวอี้ห้ามใจไม่ไหว ยกแขนที่โอบรอบคอเหนียนยวี่ออก แล้วมุ่งหน้าไปทางคีรีจำลองประดับะโก้าวหนึ่งราวกับโบยบิน...
มู่อ๋องหายไปเพียงชั่วพริบตาหลังคีรีจำลองประดับ เสียงบรรเลงของกู่ฉินอันไพเราะรื่นหูดังกังวานไปทั่ว สงบสบายเย็นใจ ไร้การแก่งแย่งชิงดีเด่น ละจากโลกหยาบโลน
“หลีอ๋อง...เป็หลีอ๋องเตียนเซี่ยที่กำลังดีดฉิน” ไม่ทันไรก็มีใครบางคนอุทานเอ่ยออกมา
เมื่อกล่าวถึงหลีอ๋องในสายตาของเหล่าอิสตรีมากมายล้วนต่างก็เลื่อมใสและชื่นชม
เขาคงจะเป็บุรุษที่รูปงามที่สุดแห่งแคว้นเป่ยฉีด้วยรูปลักษณ์เช่นนั้นทำให้ผู้คนที่พบเห็นใจเต้นแรงหน้าแดงก่ำ ผู้คนในนั้นต่างก็ค่อยๆ ทยอยมุ่งหน้าไปทางคีรีจำลองประดับ
มีเพียงเหนียนยวี่เท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมฟังเสียงฉินที่ส่งเสียงกังวานไปรอบๆ และการสนทนาเงียบๆ ของผู้คน...
“หลีอ๋องช่างสมกับที่เป็พระโอรสองค์แรกแห่งแคว้นเป่ยฉีของเราจริงๆ เชี่ยวชาญศาสตร์พิณกู่ฉิน หมากล้อม เขียนพู่กัน ภาพวาด ทั้งความมีเสน่ห์และพร์ทักษะอันล้ำเลิศเ่าั้ เกรงว่าแคว้นเป่ยฉีคงจะหาคนเช่นนี้ไม่ได้อีก...”
“หึ มีเสน่ห์มีความสามารถแล้วอย่างไรเล่า? ทว่าก็ยังไม่ใช่โอรสของฝ่าาอยู่ดี ข้าได้ยินพ่อข้าพูดว่า ที่ฝ่าาปฏิบัติกับเขาเป็อย่างดีก็เป็เพราะฮ่องเต้องค์ก่อนสละราชบัลลังก์ให้ ทว่าในวันข้างหน้าบัลลังก์นี้จะตกทอดถึงเขาไปได้อย่างไร...”
ไม่ตกทอดถึงจ้าวเยี่ยนงั้นรึ?
หึทว่าผู้ใดจะรู้ ั้แ่ต้นจนจบเื่ ชายที่อ้างว่าตนไม่สนใจชื่อเสียงเงินทองการแก่งแย่ง่ชิง ล้วนกำลังพยายามแย่งชิงตำแหน่งเสียกันทั้งนั้น!
เหนียนยวี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม หากนางก้าวเท้าเข้าไป นางก็จะเหมือนกับนางในชาติที่แล้ว ประสบพบเจอจ้าวเยี่ยน ทว่าครั้งนี้เขาจะไม่เห็นนางเหนียนยวี่ เพราะนางมีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องทำ ส่วนจ้าวเยี่ยน...
นางและเขาวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ค่อยเจอก็ยังไม่สาย!
จี้หยกที่นางวางทิ้งไว้เมื่อคืนตกอยู่ในมือของฉู่ชิง นางไม่เข้าใจเจตนาของเขาเลยจริงๆ แค่เป็แต้มต่อเพื่อจะเอาตัวรอดให้ได้ก็เท่านั้น จึงวางไว้ที่อื่นแล้ว
เหนียนยวี่สูดหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง แล้วนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในซื่อฟางกว่านในชาติก่อน นางหมุนตัวอย่างแน่วแน่และเดินไปอีกทาง...
ซื่อฟางกว่านไม่อนุญาตให้สตรีเข้าไป จะมีเพียงพิธีบรรลุความเป็ผู้ใหญ่วันนี้วันเดียวเท่านั้นที่สตรีจะเข้าไปได้
ในพิธีบรรลุความเป็ผู้ใหญ่บิดามารดาจะถูกเชิญให้เข้าร่วมด้วยซึ่งเป็ประเพณีที่สืบทอดกันมาั้แ่ไหนแต่ไร
ข้างทะเลสาบเชิ่งเสียนณ ซื่อฟางกว่าน เหล่าบรรดาสมาชิกที่เป็สตรีมารวมตัวและพูดคุยทักทายกัน
เมื่อเหนียนยวี่มาถึง นางก็หาเงาร่างหนึ่งในฝูงชน ทว่ายังไม่ทันพบก็ได้ยินเสียงสาวใช้ะโร้องขอความช่วยเหลืออย่างตื่นตระหนก
"ช่วยด้วย...รีบมาช่วยที...องค์หญิงใหญ่ [4] ...องค์หญิงใหญ่ทรงตกลงไปในน้ำ"
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอ พระขนิษฐาเพียงคนเดียวของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทรงอภิเษกสมรสมาหลายปีแล้ว ทว่าตลอดมาก็ไม่ได้ให้กำเนิดทายาทเลยเพลานี้พระนางอายุได้สี่สิบปีแล้ว และในที่สุดก็ตั้งครรภ์ได้เสียที ทว่าในชาติก่อนเนื่องจากนางตกลงไปในทะเลสาบเชิ่งเสียน จึงเสียทารกในครรภ์ไป
ทว่า ณ เวลานี้ มีเพียงองค์หญิงใหญ่และทารกในครรภ์ของพระองค์เท่านั้นที่จะเป็แต้มต่อหนึ่งเดียวของนาง!
เสียงเรียกขอความช่วยเหลือดังไปทั่ว หากยังคิดมากอะไรอีกคงจะไม่ทันการ เหนียนยวี่รีบโดดลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว บรรดาญาติสตรีที่อยู่ด้านข้างได้ยินถึงเหตุการณ์ด้านนี้ก็รีบรุมล้อมกันเข้ามา
“ช่วยข้าด้วย...ช่วยลูกข้าด้วย...”
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอทุ่มเทแรงทั้งหมดดิ้นรนในน้ำ ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่ง่ายเลยที่นางจะตั้งครรภ์ทารกสักคนได้หมอหลวงกล่าวว่าร่างกายของนางเดิมทีเองก็มีปัญหาอยู่แล้ว ถ้ารักษาทารกในครรภ์นี้ไว้ไม่ได้ภายภาคหน้าก็เกรงว่ายากจะตั้งครรภ์ได้อีกครั้งแล้ว
ร่างกายของนางค่อยๆ จมดิ่งลงไปใต้น้ำอันเย็นะเืราวกับ้าจะลากนางลงขุมนรก
ทว่าทันใดนั้นก็มีแรงแรงหนึ่งลากนางขึ้นไป หลังจากนั้นร่างของนางก็ค่อยๆ ถูกดึงขึ้นจากน้ำ
“รีบนำส่งหมอหลวงเร็วเข้า!”
ท่ามกลางความตื่นตระหนกของบรรดาสตรีและสาวใช้ มีเพียงเสียงคำสั่งอันแน่วแน่มั่นคงเสียงหนึ่ง และเงาร่างผอมบางร่างหนึ่งกำลังอุ้มองค์หญิงใหญ่ไปทางเรือนเซียงฝาง [5] อย่างรวดเร็วเร่งรีบ
ภายในเรือนเซียงฝาง
สาวใช้ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกแฉะขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอบนเตียงเรียบร้อยแล้วเฝ้าคอยหมอหลวงที่อยู่ข้างเตียงอย่างกระตือรือร้น “ลูกของเปิ่นกง [6] เป็อย่างไรบ้าง?”
“ฝ่าา ทารกในครรภ์ปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะโชคดีที่ช่วยได้ทันท่วงทีพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าฤดูร้อนปีนี้น้ำจะไม่ได้เย็นมากเกินไปนักแต่ไอเย็นก็เข้าสู่วรกายได้ และทารกในครรภ์ก็จะรับไม่ไหวพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงรายงานตามความจริง “ข้าน้อยสั่งยาดูแลพระครรภ์มาหนึ่งชุด องค์หญิงทรงเสวยก็จะดีขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของหมอหลวงท้ายสุดก็ทำให้องค์หญิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกโชคดี...โชคดีที่ช่วยได้ทันเวลา!
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้จ้องมองเด็กหนุ่มร่างกายเปียกปอนในห้อง“เมื่อครู่เป็เ้าที่ช่วยเปิ่นกงไว้งั้นหรือ?”
“ทูลตอบองค์หญิงใหญ่ ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เหนียนยวี่โค้งคำนับให้องค์หญิง
องค์หญิงชิงเหอพินิจพิจารณาเหนียนยวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่ค่อยน่าเชื่อเลยว่าร่างกายผอมบางนี้...
“คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะมีพละกำลังมากถึงเพียงนี้จิตใจเองก็ดี” องค์หญิงใหญ่ชิงเหนึกเื่เมื่อครู่ได้ ในใจของนางยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจ “เ้าช่วยเปิ่นกงสองแม่ลูกไว้ เ้าพูดมาได้เลยว่าเ้า้าได้สิ่งใดเป็รางวัล?”
รางวัลตอบแทนงั้นหรือ?
เหนียนยวี่ไม่ลังเลที่จะเอ่ยปากพูด"ป้ายอภัยโทษพ่ะย่ะค่ะ"
“เ้าพูดว่าอะไรนะ?”
ไม่เพียงแต่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเท่านั้นทว่าสาวใช้เองก็ใเช่นกัน รีบะโใส่เหนียนยวี่ทันทีว่า “ช่างกล้าเ้าจะขอป้ายอภัยโทษได้อย่างไร!”
เหนียนยวี่ไม่สนใจสาวใช้แค่เฝ้ารอให้องค์หญิงใหญ่เอ่ยปากพูดออกมา
“ความ้าของเ้านี่ไม่ใช่เล็กน้อยเลย” หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดองค์หญิงก็เอ่ยออกมาว่า“เ้าน่าจะรู้ใช่หรือไม่ว่าป้ายอภัยโทษนั้น มีความหมายอย่างไรกับเปิ่นกง มันไม่ใช่แค่ป้ายแสดงตน ทว่านั่นเป็สินเดิมที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงมอบให้เปิ่นกงมา ทั้งยังเป็ของรำลึกถึงเสด็จพี่เพียงสิ่งเดียวของเปิ่นกง”
แน่นอนว่าเหนียนยวี่รู้ความสำคัญของป้ายอภัยโทษดี ป้ายอภัยโทษของแคว้นเป่ยฉี มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น เพียงแค่มีคนใช้สิ่งนี้ ถวายให้แก่ฮ่องเต้เพื่อขอราชทานอภัย ฮ่องเต้ก็จะได้มันคืนไป แล้วก็จะสามารถพระราชทานให้คนต่อไปได้
ทว่าตอนนี้ ป้ายอภัยโทษเป็ความหวังเดียวของนาง
เหนียนยวี่เงยหน้าและสบตากับองค์หญิงใหญ่โดยไม่ประหวั่นหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย"ทารกในพระครรภ์ขององค์หญิงใหญ่สำหรับพระองค์แล้วก็มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ดังนั้นมันถือว่า...คุ้มค่ามาก ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงมีพระเมตตาและทรงคุณธรรม ถ้าหากดวงจิติญญาบนสรวง์ของฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงรับรู้ก็จะไม่ตำหนิกล่าวโทษองค์หญิงใหญ่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอหรี่ตาลงมองดูชายหนุ่มร่างผอมบางที่อยู่ข้างหน้านางอีกครั้ง รู้สึกชมชอบมากขึ้นเล็กน้อย “เสด็จพี่เขา...ใจดีและมีคุณธรรมจริงๆเช่นนั้นที่เ้าพูดมาทั้งหมด เ้า้าป้ายอภัยโทษประสงค์จะใช้ด้วยเหตุใดหรือ?”
เชิงอรรถ
[1]เป็บรรดาศักดิ์รองจากชั้นกง ได้รับยศจากการสืบสกุล หรือได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ เนื่องจากมีความดีความชอบ
[2]กู่ฉิน ฉินเครื่องดนตรีสายของจีน
[3] ชื่อฉินเหอฉิน ในที่นี้กล่าวถึงชื่อของกู่ฉิน หรือชี้ถึงผู้เล่นกู่ฉิน
[4] องค์หญิงใหญ่ ในที่นี้คือตำแหน่งจ่างกงจู่ 长公主 เป็ตำแหน่งองค์หญิงขั้นหนึ่ง ผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้จะต้องพระเชษฐภคินี (พี่สาว) หรือพระขนิษฐา (น้องสาว) ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
[5] เซียงฝาง คือปีกของตัวเรือนทั้งสองฝั่งข้างคือฝั่งตะวันตกและตะวันออก
[6] เปิ่นกง คำที่เชื้อพระวงศ์(หญิง)ใช้เรียกตัวเอง