น่าสนใจไม่น้อย!
แววตาของเซียวหลิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความสนใจมากขึ้น!
ดูเหมือนว่าเ้าพวกนี้จะเก็บซ่อนฝีมือไว้ตอนที่อยู่บนหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้น!
พวกเ้าทุกคนคงจะออมแรงเอาไว้เพื่อมาใช้สู้ในรอบสิบคนสินะ! ฮ่าๆ เ้าพวกนี่ช่างไร้เดียงสาเสียจริง! จ้าวิเจี้ยน แม้ว่าเ้าจะมีพลังที่ไม่เลว แต่เมื่อมาเจอกับข้า ข้าก็จะอัดเ้าอย่างไม่มีการต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น! ยิ่งเ้าแสดงฝีมือมากเท่าไร ความแค้นในใจตอนที่ข้าป่นกระดูกของเ้าก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น!
ข้าแทบทนรอที่จะได้สู้กับเ้าไม่ไหวแล้ว!
การต่อสู้นัดที่สามระหว่างเยี่ยเฟิงและหม่าไข่จบลงอย่างรวดเร็วเช่นเดิม! โดยเยี่ยเฟิงเป็ฝ่ายชนะ!
เซียวหลิงอวิ๋นผู้ได้ประลองในนัดที่สี่ จับฉลากได้พบกับหยางลู่ สาวน้อยขี้อายที่ชื่นชอบเขา!
เซียวหลิงอวิ๋นไม่มีปัญหาอะไรกับผลของการจับฉลากนี้ และไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพราะในรอบสิบคนนี้ ย่อมต้องได้สู้กับอีกเก้าคนที่เหลือทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ช้าหรือเร็วตัวเขาก็ต้องสู้กับหยางลู่อยู่ดี!
แต่สาวน้อยขี้อายหยางลู่คนนี้ดูจะกระวนกระวายเหมือนไม่ทันตั้งตัวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพบว่าการต่อสู้ครั้งนี้มาเร็วเกินไป!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็การต่อสู้จริงหรือแบบกึ่งสู้กึ่งสอนแบบตอนหวังอี้ก็ไม่ดีทั้งนั้น เพราะเซียวหลิงอวิ๋นไม่้ารังแกเด็กสาวที่ชื่นชอบเขาต่อหน้าคนอื่น!
ทั้งสองคนจึงตกลงกันเป็การส่วนตัว โดยให้หยางลู่ยอมแพ้ก่อน แล้วเซียวหลิงอวิ๋นถึงให้สัญญาว่าจะประลองฝีมือกันกับนางเป็การส่วนตัวใน่เวลาที่นางคิดว่าเหมาะสม!
เพื่อเป็การรักษาใบหน้าให้สาวน้อยขี้อายหยางลู่ เซียวหลิงอวิ๋นจึงได้รับชัยชนะในนัดที่สองนี้อย่างราบรื่น!
...
ในนัดสุดท้าย หลิวิเฉวียนสามารถเอาชนะหลิวฉงเฉวียนได้อย่างง่ายดาย
รอบสิบคนในรอบที่สองนี้จบลงอย่างราบรื่น!
หลังจากได้พักผ่อนเป็เวลาหนึ่งชั่วยามกว่าๆ การประลองในรอบที่สามก็เริ่มขึ้น!
ในการจับฉลากรอบนี้มีผลดังนี้... จ้าวิเจี้ยนพบหลิวฉงเฉวียน จางอวิ๋นพบหวังอี้ เยี่ยเฟิงพบหลิวิเฉวียน ตงฟางไฉ่อวิ๋นพบหยางลู่ และเซียวหลิงอวิ๋นพบกับหม่าไข่!
การประลองอันเป็ที่สนใจมากที่สุดในรอบที่สาม เห็นได้ชัดว่าเป็การพบกันระหว่างแม่นางตัวสูงกับสาวขี้อาย!
จ้าวิเจี้ยนยังคงรักษาสถิติชนะรวดเอาไว้ได้ เอาชนะหลิวฉงเฉวียนได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่หวังอี้ต่อสู้อย่างดุดันจนเอาชนะจางอวิ๋นไปได้ ส่วนเยี่ยเฟิงก็แสดงให้เห็นถึงพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ใช้เพียงเจ็ดกระบวนดาบก็เอาชนะหลิวิเฉวียนซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการยกย่องว่าเป็หนึ่งในสี่อัจฉริยะได้!
จนเมื่อถึงคราวที่เด็กสาวทั้งสองต้องต่อสู้กันเอง อารมณ์ของเหล่าผู้ชมโดยรอบก็พลุ่งพล่านทันที!
ในรอบก่อนสองสาวต่างก็พากันยอมแพ้โดยไม่สู้ ทำให้ได้เวลาพักฟื้นแรงกายมากกว่าศิษย์คนอื่นๆ ที่เหลือเกือบสองชั่วยาม!
ทั้งสองต่างก็เป็ศิษย์หญิงที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์ระดับกลางของเขตใต้ และต่างก็มีทั้งแฟนๆ และผู้ชื่นชมเป็จำนวนมาก ซึ่งทั้งคู่ต่างก็แอบทะเลาะกันบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ว่านฮวนได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเป็ศิษย์ระดับสูงแล้ว ทั้งสองสาวก็ยิ่งทะเลาะกันหนักขึ้นไปอีก เพราะทั้งคู่ต่างก็้าแย่งชิงตำแหน่งเทพธิดาอันดับหนึ่งของศิษย์ระดับกลางในเขตใต้ การประลองรอบสิบคนครั้งนี้จึงเป็ตัวตัดสินว่าใครจะเหนือกว่าใคร!
คนหนึ่งสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเิเ อีกทั้งยังตัวใหญ่ไหล่กว้างกว่าศิษย์ชายหลายคนเสียอีก ถือดาบใหญ่ยาวเกือบห้าฉื่อ ในขณะที่อีกคนสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเิเ หน้าตาน่ารักน่าหลงใหล ถือดาบสั้นยาวไม่ถึงสองฉื่อ
แม่นางทั้งสองที่มีทั้งบุคลิกและอารมณ์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อยืนอยู่ด้วยกันแล้ว ทำให้ผู้ชมรู้สึกน่าขันอย่างบอกไม่ถูก!
“เทพธิดาเทพธิดาลู่ลู่ สู้เขา เอาชนะนางั์โง่ตงฟางไฉ่อวิ๋นให้ได้!” ศิษย์ชายคนหนึ่งะโด้วยความตื่นเต้นเพื่อเชียร์เทพธิดาเทพธิดาในดวงใจของเขา!
“กล้าว่าศิษย์พี่ไฉ่อวิ๋นเหรอ พวกเราอัดมันเลย!” ศิษย์น้องของตงฟางไฉ่อวิ๋นหลายคนต่างก็พากันกรูเข้ามาและซ้อมศิษย์ชายคนนั้นจนน่วม!
สุดท้ายศิษย์ชายที่น่าสงสารก็ถูกรุมซ้อมจนต้องร้องขอชีวิต แต่ผู้ชมโดยรอบกลับไม่มีใครที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเขาเลย: เ้าโง่เอ๊ย ไปด่าตงฟางไฉ่อวิ๋นว่านางั์โง่ได้อย่างไร? ถึงนางจะตัวสูงใหญ่ก็จริง แต่นางไม่ได้โง่ ไม่รู้หรืออย่างไรว่านางั์คนนั้นของเ้าก็มีแฟนคลับมากมายเหมือนกันน่ะ?
หาเื่ใส่ตัวเอง จะโดนซ้อมก็สมควรแล้ว!
...
เหล่ากรรมการผู้ตัดสินในสนามไม่ได้สนใจเื่ตลกที่นอกสนามแต่อย่างใด ประกาศเริ่มการประลองที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างล้นหลามนี้ “เริ่มสู้ได้!”
ไม่มีใครคาดคิดว่าฝ่ายแรกที่เริ่มโจมตีจะเป็หยางลู่ตัวน้อยที่ถือดาบหลอมสายรุ้ง
ร่างเล็กๆ ของนางพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนดาบหลอมสายรุ้งในมือกลายเป็แสงสีเงินพุ่งไปข้างหน้า!
ทางด้านตงฟางไฉ่อวิ๋นที่ร่างกายสูงใหญ่ก็มีสีหน้ามืดดำเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกายแสงออกมา เผชิญหน้ากับการโจมตีด้วยดาบสั้นอันรวดเร็วของหยางลู่!
นางยกดาบใหญ่ในมือขึ้นง้าง กวาดออกไปเป็ครึ่งวงกลมกลางอากาศแล้วฟาดฟันลงมา!
ไม่ว่าตรงหน้าจะฟาดฟันเข้ามากี่ดาบ นางก็จะใช้พละกำลังเข้าสู้! ทำลายมันด้วยกำลังเพียงอย่างเดียว!
หยางลู่รู้จักกับตงฟางไฉ่อวิ๋นที่ตัวสูงแขนขายาวนี้เป็อย่างดี จึงไม่รับการโจมตีตรงๆ แต่หมุนตัวเพื่อหลบหลีกแทน!
ร่างเล็กๆ ของนางเป็เหมือนดั่งผีเสื้อที่กำลังโบยบิน เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอยู่รอบๆ ตงฟางไฉ่อวิ๋นด้วยความเร็วสูง ดาบสั้นในมือก็กลายเป็ลำแสง หายไปอย่างลึกลับ ทั้งจ้วงแทง ทั้งเจาะทะลวง ทั้งฟาดฟัน!
“แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง...”
เสียงของดาบสั้นและดาบใหญ่กระทบกันดังขึ้นมาไม่ขาดสาย!
ทั้งลมและพลังปราณจากดาบกระจัดกระจายไปทั่ว ดาบสั้นพุ่งทะยานเข้ามาปะทะกับดาบใหญ่ที่ปัดป้องทั้งซ้ายขวาอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงจนทำให้สายตาพร่ามัว เสียงของดาบกระทบกันดังสนั่นราวกับเสียงประทัด!
ต่อหน้าสายตาที่ตื่นเต้นของบรรดาศิษย์โดยรอบ สตรีทั้งสองที่อยู่บนเวทีประลอง คนหนึ่งเป็เหมือนดั่งผีเสื้อที่โบยบินอย่างว่องไว อีกคนหนึ่งเป็เหมือนดั่งต้นสนที่ยืนตระหง่านทนทานต่อพายุที่พาดผ่านมา!
หนึ่งเคลื่อนไหวหนึ่งอยู่นิ่ง แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นและพึงพอใจอย่างที่สุด มีเพียงแสงจากดาบที่เปล่งออกมาและเสียงของดาบกระดับที่ดังสนั่นเท่านั้น ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่านี่ไม่ใช่การแสดงของนักเต้นรำ แต่เป็จอมยุทธ์สองนางที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดต่างหาก
ไม่ว่าต้นสนจะยืนตระหง่านทนทานสักเพียงไหน ก็ไม่สามารถทนทานต่อลมฝนลมหิมะไปตลอดกาล!
สิ้นเสียงดัง ”ฉัวะ!” เืพลันพุ่งกระจายออกมา!
ตัวของหยางลู่ยิ่งว่องไวและพริ้วไหวมากขึ้น บุกเข้าโจมตีและถอยกลับ ดาบสั้นของนางไม่ได้ปะทะเข้ากับดาบใหญ่ของอีกฝ่ายโดยตรงเลย นางจะถอยหนีทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเคลื่อนไหว ไม่ปล่อยให้ตงฟางไฉ่อวิ๋นมีโอกาสได้ฟาดฟันเต็มแรง!
“ฉัวะ!” เืพุ่งกระจายออกมาอีกครั้ง!
แววตาของตงฟางไฉ่อวิ๋นเย็นะเื! ด้วยความที่อีกฝ่ายว่องไวเกินไป ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดที่ตัวเองมีพลังแต่กลับไม่มีโอกาสได้ใช้!
หากยังเป็เช่นนี้ต่อไป าแเล็กๆ ของนางก็จะกลายเป็าแที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และการต่อสู้ครั้งนี้ก็จะจบลง! ไม่ได้ จะต้องฝ่าสถานการณ์นี้ไปให้ได้!
แผนปรากฏขึ้นในหัวของนางทันที!
เห็นช่องโหว่ที่ตรงระหว่างเอวและสะโพกปรากฏขึ้น!
พร้อมด้วยเสียงดัง “ชิ้ง!” ดาบหลอมสายรุ้งก็ฟันเข้าที่เอวซ้ายของตงฟางไฉ่อวิ๋นจนกลายเป็แผลยาวสองชุ่น!
แต่แล้วดาบใหญ่ก็ฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็ว!
ดวงตาน่ารักของหยางลู่เบิกโตขึ้นเล็กน้อย! นางโลภเกินไปจนปล่อยให้อีกฝ่ายได้จังหวะตอบโต้กลับ!
นางจึงฟันดาบหลอมสายรุ้งตัดเป็แนวนอน จากนั้นตัวของนางก็ถอยร่นออกมาอย่างรวดเร็ว!
“แกร๊ง!” พร้อมด้วยเสียงดังสนั่น ด้วยพลังอันมหาศาลทำให้ตัวของหยางลู่ถึงกับสั่นเทาในขณะที่กำลังถอยออกมา ดาบสั้นก็แทบจะหลุดออกจากมือ!
ทันทีที่ลงมายืนที่พื้น ปลายเท้าก็ถีบพื้นเต็มแรง ถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง!
“ฟิ่ว!” ร่างสูงใหญ่ของตงฟางไฉ่อวิ๋นพุ่งไปข้างหน้า ฟาดดาบใหญ่ออกไปอย่างรวดเร็ว ฟันตัดหน้าอกของหยางลู่ที่อยู่ห่างออกไปแค่สามชุ่น!
“ฟู่!” หยางลู่ที่หนีรอดจากหายนะมาได้ถอนหายใจออกเบาๆ นางใช้ทักษะทางกายจนถึงขีดสุดแล้ว ไม่กล้าเข้าไปเสี่ยงอีก! จึงกลับเข้าไปสู้แบบเดิมอย่างรอบคอบและมั่นคงตามแผนเดิมของตัวเองต่อ!
“ตงฟางไฉ่อวิ๋นหมดโอกาสแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้หยางลู่เป็ฝ่ายชนะ!” เซียวหลิงอวิ๋นที่ยืนดูอยู่ข้างสนามได้ข้อสรุปแล้ว!
ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากนั้นหยางลู่ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ตงฟางไฉ่อวิ๋นอีก!
หลังจากฟันตงฟางไฉ่อวิ๋นไปอีกสามแผล ตงฟางไฉ่อวิ๋นที่ตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบก็ประกาศขอยอมแพ้!
...
“เทพธิดาลู่ลู่ เทพธิดาลู่ลู่!” แม่สาวขี้อายหยางลู่ได้รับชัยชนะในการประลองอันเป็ที่สนใจครั้งนี้ ทำให้ชื่อเสียงของนางพุ่งสูงขึ้นไปอีก!
ต่อมาก็เป็การต่อสู้ระหว่างเซียวหลิงอวิ๋นและหม่าไข่ ซึ่งผลลัพธ์นั้นก็อยู่ในใจของทุกคนอยู่แล้ว
หม่าไข่นั้น้าที่แสดงฝีมือตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ แต่ไม่ได้้าชัยชนะแต่อย่างใด เขาเพียง้าสู้กับเซียวหลิงอวิ๋น สุดยอดอัจฉริยะที่ปรากฏตัวสักครั้งในรอบหมื่นปีให้ได้หลายดาบ หรือฟันอีกฝ่ายให้โดนสักหนก่อนแล้วค่อยยอมแพ้ ถือได้ว่าเป็การพ่ายแพ้อย่างมีเกียรติแล้ว!
ดังนั้นเมื่อร่างที่สูงใหญ่ของหม่าไข่ปรากฏขึ้น เขาก็ทุ่มพลังทั้งหมดของเขาบุกเข้าโจมตีเซียวหลิงอวิ๋นด้วยกระบวนท่าโจมตีที่รุนแรงปานสายฟ้าฟาด! ซึ่งแตกต่างไปจากสไตล์การต่อสู้ที่ดูนุ่มนวลของเขาในสองรอบแรกอย่างเห็นได้ชัด!
“เ้าหมอนี่ พอเจอข้ากลับยิ่งคึกขึ้นมาเสียอย่างนั้น!” แม้แต่เซียวหลิงอวิ๋นก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่้ายืมตัวเขาเพื่อดึงดูดความสนใจ หรือไม่ก็คาดหวังว่าจะเข้าตาเหล่าผู้าุโในสำนักด้วยซ้ำ กระนั้นเขาก็ไม่ได้คิดจะอยู่เฉยๆ และไม่แม้แต่จะชี้นำอีกฝ่ายด้วยซ้ำ!
ด้วยการใช้ก้าวลวงิญญา ตัวเขาไม่ถอยหลบ แต่กลับพุ่งตรงไปข้างหน้า เกียจคร้านเกินกว่าจะใช้ดาบ จึงเรียงนิ้วมือขวาทั้งห้าชิดติดกันเป็ดาบ ฟันลงไปตรงช่องโหว่ที่เปิดอยู่!
“เปรี้ยง!”
ฝ่ามือที่ห่อหุ้มด้วยพลังปราณนั้นราวกับค้อนขนาดใหญ่ที่คมกริบ สามารถทำลายการโจมตีอันรุนแรงของหม่าไข่ผู้ซึ่ง้าแสดงฝีมือได้ในทันที!
ตุบ ตุบ ตุบ ร่างสูงใหญ่ของหม่าไข่ลอยกระเด็นถอยออกไป ภายใต้แรงกระแทกอันทรงพลัง!
ก่อนที่เขาจะได้ลุกขึ้นมาตั้งหลัก ฝ่ามือก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว!
ชั่วขณะต่อมา แรงอันอันมหาศาลกระแทกเข้ามาที่ไหล่ แล้วตัวของเขาก็ลอยอยู่ในอากาศราวกับก้อนเมฆทันที!
“ตุบ ตุบ ตุบ” หลังจากหม่าไข่ตกลงมาที่พื้นแล้ว ตัวของเขาก็กระเด็นถอยไปอีกสามก้าวใหญ่ๆ ก่อนจะกระเด็นตกขอบเวทีประลองไป
“ซู้ด!” การโจมตีครั้งนี้ของเซียวหลิงอวิ๋น ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้ชมโดยรอบต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เท่านั้น! แต่ยังกลายเป็ที่โจษจันอีกด้วย ถึงแม้ว่าหม่าไข่จะไม่ใช่ศิษย์ดาวเด่นเหมือนอย่างจ้าวิเจี้ยนหรือหวังอี้ แต่การที่เขาสามารถเข้ามาถึงรอบสิบคนจากบรรดาศิษย์ระดับกลางหลายพันคนได้นั้น แสดงว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นเป็ของจริงไม่มีน้ำเจือปน แต่ใครจะคิด ว่าภายใต้น้ำมือของเซียวหลิงอวิ๋น เขาจะต้านทานไม่ได้แม้แต่สองกระบวนท่า โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ใช้ดาบด้วยซ้ำ เซียวหลิงอวิ๋นคนนี้เป็สัตว์ประหลาดชัดๆ!
“เ้าหนุ่มคนนี้ ไม่เพียงแต่จะมองเห็นช่องโหว่ของกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้ในพริบตาเดียวเท่านั้น ยังสวนกลับได้ในครั้งเดียว! ด้วยวัยและพลังยุทธ์เท่านี้ นอกจากจะเป็บุตรแห่ง์ ยังจะมีใครในโลกทำได้อีก?!” ชายชราผอมแห้งที่อยู่ตรงกลางอัฒจันทร์มีประกายอยู่ในแววตา!
หม่าไข่ที่อยู่ข้างเวทียืนงงอยู่สามถึงสี่ชั่วอึดใจ ก่อนที่จะตั้งสติได้และลูบคลำทั่วตัว แต่ก็ไม่พบร่องรอยาแใดๆ เลย เขาจึงรู้ว่าอีกฝ่ายเมตตาเขามากแล้ว หม่าไข่ที่ตั้งสติได้จึงทำมือคารวะแล้วกล่าวกับเซียวหลิงอวิ๋นว่า “ศิษย์พี่เก่งกาจยิ่ง หม่าไข่ขอคารวะ!”
วันแรกของการประลองรอบสิบคนของศิษย์ระดับกลางในเขตใต้จึงจบลงด้วยชัยชนะของเซียวหลิงอวิ๋น!
เซียวหลิงอวิ๋น เยี่ยเฟิง จ้าวิเจี้ยน หวังอี้ รวมถึงหยางลู่ สาวงามขี้อายกลายเป็บุคคลที่ถูกพูดถึงมากที่สุดหลังจากจบการประลองรอบสิบคนในวันแรก
เมื่อกลับถึงที่พัก ก็เป็เวลาที่พระอาทิตย์ตกดินแล้ว
หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ เซียวหลิงอวิ๋นก็ครุ่นคิดถึงการประลองรอบสิบคนเมื่อตอนกลางวันอย่างละเอียด รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏบนริมฝีปาก ในขณะที่เขากำลังจะนั่งลงเพื่อฝึกวิชาอยู่นั้น “ก๊อกๆๆ!” ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น!
เมื่อเปิดประตูออกมา ก็พบสตรีงามสองคนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเซียวหลิงอวิ๋น!
