มู่จื่อหลิงกางมือออก จ้องมองไปยังใบหน้าของฮองเฮา นางเยาะเย้ยออกมาเบาๆ “จำเป็ต้องพูดด้วยหรือ? เหตุผลนี้มันชัดเจนและมองเห็นได้ง่ายมากไม่ใช่หรือ?”
นางชะงักไป เหลือบมองไปทางโต๊ะอาหารที่ค่อนข้างเลอะเทอะ แล้วพูดว่า “ฮองเฮา ท่านมั่นใจมากเกินไปหรือไม่? หรือท่านคิดว่าข้ามู่จื่อหลิงผู้นี้เป็คนโง่เขลา? เมื่อรู้ดีว่านี่เป็งานเลี้ยงหงเหมิน จะยังยอมดื่มน้ำแกงเมล็ดบัวชามนี้ลงไปอย่างโง่เขลาอีกหรือ? ทั้งจะยังยอมให้องค์ชายหกทานอาหารบนโต๊ะไปเปล่าๆ ได้หรือ?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ฮองเฮาผู้มั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอนใจของนางได้ ก็ค่อยๆ ถูกผลักออกมา ในชั่วพริบตาก็เกิดความรู้สึกว่างเปล่าขึ้นในหัวใจ
เป็ความจริงที่ฮองเฮามีความมั่นใจ และแน่นอนว่านางไม่ได้คิดว่าเพราะเหตุใดมู่จื่อหลิงถึงยอมดื่มน้ำแกงเมล็ดบัวชามนั้นลงไปอย่างเชื่อฟัง
ฮองเฮาคิดเพียงว่า หลังจากที่มู่จื่อหลิงดื่มน้ำแกงเมล็ดบัวลงไปแล้ว ปัญหาทั้งหมดก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้ไม่เพียงแต่รู้ว่ามีปัญหากับน้ำแกงเมล็ดบัว แต่ยังรู้ว่าอาหารก็มีปัญหาเช่นกัน
นางรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับอาหาร ดังนั้นนางจึงกินมันเอง และนางก็ไม่ได้ห้ามหลงเซี่ยวเจ๋อจากการกินมัน
มีปัญหากับอาหาร และมู่จื่อหลิงสามารถมองเห็นมัน สิ่งนี้ไม่น่าแปลกใจเกินไปนัก แต่มู่จื่อหลิงรู้ถึงปัญหาของน้ำแกงเมล็ดบัวด้วยหรือไม่?
ไม่ เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
ฮองเฮาขมวดคิ้วปฏิเสธอย่างฉุนเฉียวในใจ
ยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้แค่คาดเดาว่าน้ำแกงเมล็ดบัวมีปัญหา นางคงไม่รู้ว่าปัญหาคืออะไร
เพราะฮองเฮารู้ว่า หากมู่จื่อหลิงรู้ถึงปัญหาของน้ำแกงเมล็ดบัว แต่นางกลับยังดื่มมันโดยปราศจากความลังเล
หากเป็เช่นนี้จริง... เช่นนั้นมู่จื่อหลิงจะไม่เพียงแต่รู้ถึงปัญหาของน้ำแกงเมล็ดบัวเท่านั้น แต่ยังรู้ว่า...
ส่วนที่เหลือนั้นฮองเฮาไม่กล้าคิด
เพียงไม่นาน นางก็กลับมามีความเชื่อมั่นในหัวใจของตน ยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้ต้องไม่รู้เป็แน่ ใช่แน่ๆ!
ฮองเฮาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้มั่นใจว่ามู่จื่อหลิงไม่รู้
อย่างที่ทราบ ั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป หัวใจอันมั่นคงของฮองเฮาจะค่อยๆ พังทลายลง มันจะถูกเจาะออกมาทีละน้อย
มู่จื่อหลิงรู้ดี คำพูดของนางเป็เหมือนสิ่งที่มากระทบจิตใจของฮองเฮา และดูเหมือนนางจะเข้าใจสิ่งที่อยู่ภายในใจของฮองเฮาแล้ว
เมื่อเห็นว่าคิ้วของฮองเฮาเกือบจะผูกเป็ปมแล้ว มู่จื่อหลิงก็เตือนอย่างไม่ใส่ใจว่า “หากฮองเฮายังคิดไม่ออก เหตุใดจึงไม่ลองเริ่มคิดจากจุดแรก เช่นนึกถึงซุนมามา...”
โจมตีทีละเล็กทีละน้อย และสุดท้ายก็เคาะลงไปอย่างแรง การแก้แค้นเช่นนี้ช่างน่ายินดี
ซุนมามา?
เมื่อกล่าวถึงซุนมามา ความโกรธในใจของฮองเฮาก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
“มู่จื่อหลิง เืสีดำนั้นเป็เ้า…” ดวงตาที่มืดมนของฮองเฮาสว่างขึ้นในทันใด น้ำเสียงของนางร้อนรนเล็กน้อย และคำพูดของนางขาดๆ หายๆ ไม่สอดคล้องกัน
“ฮองเฮาท่านคิดผิดแล้ว บ่อเืดำนั้นไม่ใช่ข้า มันคือซุนมามา” มู่จื่อหลิงส่ายนิ้วชี้ที่เรียวยาวของนาง และเอ่ยแก้ไขอย่างจริงจัง
แม้ว่าฮองเฮาจะมีลางสังหรณ์อยู่ในใจก่อนแล้ว แต่เมื่อนางได้ยินมู่จื่อหลิงพูดเช่นนี้ แววตาของฮองเฮาก็ยังคงฉายแววเศร้า
ไม่อยู่แล้ว? ซุนมามาไม่อยู่แล้วจริงหรือ?
มามาที่คอยติดตามอยู่กับนางมาหลายสิบปี และมักจะคอยให้คำแนะนำนางอยู่เสมอไม่อยู่แล้วหรือ?
เมื่อคิดเช่นนี้ หัวใจของฮองเฮาก็จมลงในทันที
เห็นได้ว่าข้ารับใช้อย่างซุนมามามีฐานะภายในใจของฮองเฮาผู้เป็นายไม่น้อยเลย แต่ซุนมามาหายตัวไปตลอดกาลแล้ว ทั้งยังไม่มีแม้แต่ศพ
“เมื่อคืนเป็เ้า...เป็เ้าที่ลงมือหรือ?” ฮองเฮาจ้องมองมู่จื่อหลิงด้วยดวงตาที่ขุ่นเคือง ั์ตาของนางกลับเต็มไปด้วยความสยดสยองที่ไม่สามารถหลีกหนีได้
“อืม อย่างที่ท่านคิดนั่นแหละ เื่ของซุนมามา เป็ฝีมือข้าเอง” มู่จื่อหลิงยิ้มและยอมรับโดยไม่ลังเล
นางขยับเข้าใกล้ฮองเฮา ดวงตาของนางฉายแววกระหายเื นางพูดเน้นทีละคำ “เืสีดำนั่น...คือศพและร่างของซุนมามา”
‘ปัง!' ฮองเฮาตบโต๊ะด้วยมือที่าเ็อีกครั้ง นิ้วของนางสั่นด้วยความโกรธ ก่อนจะพูดอย่างโกรธเคือง “มู่จื่อหลิง เ้ากล้า...กล้าดีอย่างไรจึงมาสังหารซุนมามา”
“ฆ่าก็ฆ่าไปแล้ว ยังมีสิ่งใดให้ไม่กล้าอีก” มู่จื่อหลิงยักไหล่อย่างเฉยเมย ด้วยท่าทางที่ดูไร้เดียงสา “เช่นนั้น ฮองเฮา ทุกสิ่งที่ท่านตรัสกับซุนมามาเมื่อคืนนี้นั้น ข้าบังเอิญได้ยินมันทั้งหมดแล้ว”
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นางรู้แผนการสมคบคิดทั้งหมดของพวกนาง
ความหยิ่งทะนงและกล้าหาญของมู่จื่อหลิงไม่ได้มีเพียงครั้งหรือสองครั้งในวันนี้ ฮองเฮารู้ว่าในยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาแสดงความโกรธ
ฮองเฮาตรัสถามอย่างเ็าด้วยใบหน้าแข็งกระด้างและสีหน้าที่เคร่งขรึม “ทุกสิ่งที่เ้ารู้คือสิ่งใด?”
แม้ว่าสิ่งที่ฮองเฮาและซุนมามาพูดคุยกันเมื่อคืนนี้เป็สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง แต่ถึงแม้จะถูกรับรู้ มันก็ไม่อาจสร้างลมฝนได้
แต่ฮองเฮายังรู้สึกว่ามันไม่ง่ายเช่นนั้น นางมักจะรู้สึกว่า มู่จื่อหลิงรู้มากกว่าที่นางคาดคิดไว้มาก
ไม่อย่างนั้น มันจะเป็ไปไม่ได้เลยที่มู่จื่อหลิงจะกล้ามาที่ตำหนักคุนหนิงเพราะสิ่งที่ผ่านมา เพื่อสังหารใครสักคน และยามนี้ยังยอมรับออกมาอย่างโจ่งแจ้งอีก
ตามที่คาดการณ์ไว้
“ข้ารู้เยอะมาก และดูเหมือนว่าข้าจะรู้ทุกอย่างที่ควรรู้” มู่จื่อหลิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่นางจะถามด้วยท่าทางที่ยากลำบากว่า “ข้าไม่รู้ว่าฮองเฮาถามถึงสิ่งใด?”
แม้ว่า มู่จื่อหลิงจะไม่ได้พูดในสิ่งที่นางรู้ แต่คำพูดเ่าั้เพียงอย่างเดียวก็เป็คำตอบของทุกสิ่ง และเป็คำตอบว่าการคาดเดาของฮองเฮานั้นถูกต้อง
ฮองเฮารู้สึกวิงเวียนขึ้นมาในทันใด หัวใจของนางราวกับถูกฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นบีบจนบิดเบี้ยว ก่อนที่ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีทั้งหมดก่อนหน้านี้จะปรากฏขึ้น
เมื่อถูกกระตุ้นจนมากพอแล้ว สีหน้าของฮองเฮาก็เปลี่ยนเป็มืดมนและน่ากลัว นางกัดฟันอย่างเ็า ถามอีกครั้งว่า “ทุกสิ่งที่เ้ารู้คือสิ่งใดบ้าง?”
เห็นได้ชัดว่าฮองเฮาผู้น่าเกรงขามมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่ามู่จื่อหลิงมาก แต่ทุกครั้งที่มู่จื่อหลิงดูเหมือนจะประมาท นางก็กลับมีความได้เปรียบได้อย่างน่าทึ่ง และดูเหมือนว่าไม่ว่านางจะแข็งแกร่งสักเพียงใด นางก็ยังถูกกดลงจนหายใจได้ยากลำบาก
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของฮองเฮาได้รับผลกระทบอย่างมากจากถ้อยคำเหล่านี้ และยามนี้ดูเหมือนว่านางกำลังอยากจะสังหารใครสักคน สำหรับสิ่งนี้ มู่จื่อหลิงไม่กลัว และนางก็พอใจกับมันมาก
ดังนั้น...แน่นอนว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน [1]
มู่จื่อหลิงลูบคางของตน ดวงตาเชิดขึ้นเล็กน้อย แสร้งทำเป็ครุ่นคิด “ข้ารู้ว่า ในยามที่ข้าไปสืบคดีขององค์ชายห้านั้น มีคนมาขัดขวางข้าอย่างลับๆ นอกจากนี้ยังถูกคนตามไล่ล่าอยู่หลายครั้ง และทั้งหมดเป็คนที่ส่งมาโดยฮองเฮา”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฮองเฮาก็ยังไม่เปลี่ยนไป
แม้ว่าฮองเฮาจะยอมรับเพียงว่าสิงกู้เหวินถูกนางยุยง แต่เื่การใช้กู่กับหลงเซี่ยวหนานนั้นมันชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว
ส่วนเื่การลอบสังหารนั้น ดังที่มู่จื่อหลิงได้กล่าวไว้ ไม่ว่าอย่างไรถนนก็มีจุดสิ้นสุด และสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมีจุดจบของแผนการ
มู่จื่อหลิงเหลือบมองฮองเฮาเบาๆ และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “อืม ข้ารู้ด้วยว่ารสชาติของน้ำแกงเมล็ดบัวครั้งนี้ มันเหมือนกับรสชาติของรังนกครั้งที่แล้วทุกประการ”
รสนี้ไม่ใช่รสอื่น [2] และผู้ที่ทำมันก็รู้ดีที่สุด
ทันใดนั้น สมองของฮองเฮาก็ะเิออก ใบหน้าที่เ็าและมืดมนของนางย่ำแย่ลงอย่างกะทันหัน และนางก็เริ่มไม่สบายตัว
“ฮองเฮา เป็การไม่ดีที่จะทำซ้ำกลอุบายเก่า อย่าใช้มันอีกในวันหน้า นี่เป็สิ่งที่จะถูกใช้โดยคนที่ไม่มีสมองเท่านั้น” มู่จื่อหลิงส่ายหัว และขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ
เย้ยหยัน เป็การเย้ยหยันของผลไม้สีแดง [3]
ในขณะนี้ จิตใจของฮองเฮาราวกับกำลังถูกทุบตีอย่างหนัก
เมื่อมู่จื่อหลิงกล่าวเช่นนี้ แสดงว่านางรู้ว่ารังนกและน้ำแกงเมล็ดบัวมีสิ่งเดียวกัน และสิ่งเดียวกันนี้คือหนอนกู่ควบคุมจิตใจ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมู่จื่อหลิงไม่เพียงแต่มองหนอนกู่ควบคุมจิตใจออกเท่านั้น แต่ยังมีวิธีแก้ไขด้วยใช่หรือไม่? ดังนั้นนางจึงกล้ากินน้ำแกงเมล็ดบัวอย่างไม่ระมัดระวัง?
อย่างไรก็ตาม ประโยคต่อไปของมู่จื่อหลิงก็ได้ยืนยันการคาดเดาของฮองเฮาแล้ว
มุมปากของมู่จื่อหลิงยกขึ้นเล็กน้อย และนางก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ก่อนเอ่ยสรรเสริญ “หนอนกู่ควบคุมจิตใจใช้ควบคุมจิตใจคน มันเป็กู่ปรสิตที่จะค่อยๆ ทรมานคนจนตาย นอกจากนี้ยังมีนักฆ่าที่ฮองเฮาส่งมาเ่าั้ จุ๊ จุ๊ จุ๊ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็กลอุบายที่ทรงพลังจริงๆ ไม่สิ ควรจะกล่าวว่าฮองเฮา ท่านช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก”
“เ้า...” ฮองเฮาเบิกตากว้างในทันใด ใจของนางหวั่นกลัวเกินกว่าจะพูด
นางควรคิดเื่นี้ได้นานแล้ว เพียงแต่หลังจากที่มู่จื่อหลิงดื่มน้ำแกงเมล็ดบัวชามนั้นลงไป จิตใจของนางก็ถูกกลบทับไปด้วยความตื่นเต้น และนางลืมไปสนิทว่ามู่จื่อหลิงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
มู่จื่อหลิงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเื่นี้จริงๆ หนอนกู่ควบคุมจิตใจ กู่ปรสิต...
หากคำพูดของมู่จื่อหลิงเมื่อครู่นี้เป็การขุดาแของฮองเฮาขึ้นมา ประโยคต่อไปก็คือการราดน้ำเกลือลงบนาแ
ดวงตาของมู่จื่อหลิงมีแววของการเยาะเย้ย และมุมปากของนางก็เต็มไปด้วยความเสียดสี “ฮองเฮา ท่านยังมีกู่แบบใดอีกที่ยังไม่ได้หยิบมาใช้ ยกขึ้นมาให้ข้าดูหน่อยสิ”
สีหน้าเช่นนี้ ราวกับกำลังเยาะเย้ยฮองเฮา การใช้กู่กับนางก็ไม่ต่างจากการกวัดแกว่งดาบต่อหน้าท่านกวนอู [4]
“เ้า...เ้ารู้วิชากู่หรือ?” ฮองเฮามองไปที่มู่จื่อหลิง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความใและตื่นตระหนก
มู่จื่อหลิงยิ้มบางๆ ไม่พูดว่าตนรู้หรือไม่
หากนางบอกว่ารู้ แต่นางก็ไม่ได้รู้จักมันจริงๆ หากนางบอกว่าไม่รู้ ฮองเฮาก็จะไม่เชื่อเช่นกัน!
ในชั่วพริบตา ฮองเฮารู้สึกว่าหัวใจที่เยือกเย็นและหยิ่งยโสของตนกำลังถูกเหยียบย่ำอยู่บนพื้น และนางก็เตี้ยลงมากยามอยู่ต่อหน้ายายเด็กหน้าเหม็นนี้
อย่างไรก็ตาม คำพูดของมู่จื่อหลิงถูกโยนไปทางฮองเฮาทีละคำไม่ต่างจากะเิ
“ฮองเฮา อย่าแปลกใจไป ข้าเตือนท่านมานานแล้ว ใครใช้ให้ท่านไม่เชื่อเล่า” มู่จื่อหลิงเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน กางแขนโอบรอบหน้าอกแล้วแกว่งขาไปมาอย่างอารมณ์ดี
ในเวลานี้ หัวใจของฮองเฮากำลังสับสน นางรู้สึกว่าในยามนี้นางราวกับมีร่างที่โปร่งใสต่อหน้ามู่จื่อหลิง จนสามารถมองทะลุผ่านตัวมาได้
ไม่รู้สึกเลยว่าในยามที่นางกำลังวางแผนใส่มู่จื่อหลิงอย่างเป็ขั้นเป็ตอนนั้น มู่จื่อหลิงกลับรู้แผนการของนางดีอยู่แล้ว และแสร้งเป็หมูเพื่อหลอกกินเสือ [5] มาโดยตลอด และยามนี้นางกำลังใช้แผนการเหล่านี้เพื่อเยาะเย้ยความไร้สมองของนาง
ไร้สมอง? ฮ่า ฮ่า นางนี่มันไร้สมองจริงๆ
การดำเนินการอย่างเป็ขั้นเป็ตอนนี้ เนื่องจากตนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม คิดไปเองว่ามันไร้ที่ติ และไม่มีน้ำรั่วแม้สักหยดเดียว [6]
อย่างที่ทราบกันดี แผนการที่แม่นยำนี้มันถูกเปิดเผยออกั้แ่แรกเริ่ม ผิดก้าวเดียว ก้าวต่อไปล้วนผิดพลาด [7] หากนี่ไม่ใช่การไร้สมองแล้วจะเป็สิ่งใดได้?
ฮองเฮาตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บ และมีความรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในดวงตาของนาง
แผนการที่ราบรื่นและวางหมากมาอย่างดี ได้แตกสลายไปในทันที
ความรู้สึกเช่นนี้เปรียบเสมือนแหที่เหวี่ยงออกไปอย่างสุดแรง แต่มันกลับถูกควบคุมโดยผู้อื่น และตนเองก็เหมือนกับคนโง่ โง่ที่ปล่อยให้เฒ่าประมงได้กำไร [8]
และในเวลานี้ ฮองเฮากำลังนั่งอยู่ในความสับสน แลดูตกต่ำลงไม่ต่างจากหงส์ที่ถูกถอนขนจนดูไม่ต่างไปจากไก่ [9]
แต่มู่จื่อหลิงคิดว่ามันยังไม่เพียงพอ
มู่จื่อหลิงเลิกคิ้วขึ้นและยกมุมริมฝีปากขึ้นราวกับจะยิ้ม “จากคำสั่งสอนต่างๆ ก่อนหน้านี้ ฮองเฮาท่านรู้หรือยังว่าเหตุใดวันนี้ข้าจึงมาเพื่อตอบแทนความมีเมตตาของท่าน?”
ในขณะนี้ หลังจากมู่จื่อหลิงได้รังแกผู้อื่น นางยังดูจะชื่นชมยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นอย่างเป็ธรรมชาติอีกด้วย
ฮองเฮาก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันที มือของนางกำแน่น แววตาอันตรายของนางจ้องไปที่มู่จื่อหลิงด้วยสายตาที่เ็า
ได้ข้อสรุปอย่างแน่วแน่ในใจตนแล้วว่า ยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้...ไม่อาจเก็บไว้ได้
ดูสิ มู่จื่อหลิงยิ้มและพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ฮองเฮา ท่าน้าที่จะสังหารข้าจริงหรือ? ไม่ต้องห่วง เมื่อข้าตอบแทนความเมตตาเสร็จแล้ว ความคิดที่จะสังหารและจัดการข้าก็จะไม่ง่ายดายอีกต่อไปอย่างแน่นอน
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน (打铁趁热) เป็สำนวน มีความหมายว่า เมื่อมีโอกาสต้องรีบฉวยโอกาสทำสิ่งต่างๆ ใช้สถานการณ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
[2] รสนี้ไม่ใช่รสอื่น (此味道非彼味道) เป็วลี มีความหมายว่าไม่อาจหลอกลวงกันได้ มาจากความรู้เื่ยาจีนของคนโบราณ ที่รู้ถึงตัวสมุนไพรและตัวยาอย่างดีจนยากที่จะหลอกต่อให้ผสมไปกับสิ่งอื่นก็ตาม
[3] ผลไม้สีแดง (赤果果) เป็คำที่เกิดขึ้นมาใหม่จากในโลกออนไลน์ มีความหมายว่า เปิดเผยไม่ปิดบัง หรือสิ่งที่มองเห็นได้ในพริบตา ส่วนมากใช้ในการเยาะเย้ย
[4] การกวัดแกว่งดาบต่อหน้าท่านกวนอู (关公面前耍大刀) เป็คำอุปมา มีความหมายว่าแสดงทักษะของตนต่อหน้าผู้ที่เชี่ยวชาญกว่า
[5] แสร้งเป็หมูเพื่อหลอกกินเสือ (扮猪吃老虎) เป็คำอุปมา มีความหมายว่าแสร้งทำเป็คนอ่อนแอ เพื่อหลอกลวงให้ศัตรูตายใจ หรือแกล้งทำเป็ว่าโง่ให้ฝ่ายตรงข้ามตายใจ แล้วฉวยโอกาสคว้าชัยชนะในตอนท้าย
[6] ไม่มีน้ำรั่วแม้สักหยดเดียว (滴水不漏) เป็คำอุปมา มีความหมายว่ามิดชิด ไม่มีช่องโหว่
[7] ผิดก้าวเดียว ก้าวต่อไปล้วนผิดพลาด (一步错步步错) เป็วลี มีความหมายว่าหากตัดสินใจผิดเพียงครั้งเดียวในตอนเริ่มต้น การตัดสินใจครั้งต่อๆ ไปทุกครั้งจะผิดพลาด
[8] เฒ่าประมงได้กำไร (渔翁之利) เป็สำนวน มีความหมายว่ามือที่สามเป็ผู้ได้ประโยชน์ไป หรือมอบผลประโยชน์ให้กับผู้อื่นที่เข้ามาในภายหลัง
[9] หงส์ที่ถูกถอนขนจนดูไม่ต่างไปจากไก่ (犹如被拔毛的凤凰 不如鸡) เป็วลี มีความหมายว่าผู้มีฐานะสูงส่งและมีชื่อเสียง หากตกต่ำหรือต้องทนทุกข์สภาพจะดูต่ำต้อยกว่าคนธรรมดามาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้