ศาลาขึ้นฟ้า
ความเงียบเหมือนเป่าสากพื้นที่
ภาพเ่ิูไล่ฆ่าศิษย์สำนักหงส์ฟ้าในชั่วพริบตาปรากฏขึ้นบนภาพสะท้อนอักขระเหนือหัว เสียงกู่ร้องยินดีที่อัดอั้นมานานพลันะเิลั่นตามๆ กัน จะใครก็เข้าใจร่วมกันทั้งนั้น ว่าการตายของสวี่เกอหมายความว่าสำนักหงส์ฟ้าได้ปราชัยหมดรูป เพราะว่าบัดนี้ มีเพียงสวี่เกอผู้เดียวเท่านั้นที่มีโอกาสฟื้นคืนชีพอีกครั้ง สี่คนที่เหลือได้สิ้นใจสามรอบติดแล้ว ถูกส่งออกจากสมรภูมิหุบเขาปัดป้องจนหมด
และเ่ิูก็ได้ประศาสตรากับสวี่เกอ เผชิญหน้าและคว่ำเขาลงอย่างราบคาบ ดังนั้นถึงแม้สวี่เกอจะฟื้นคืนชีวิตใหม่ ก็ยากที่จะโงหัวขึ้นมาพลิกสถานการณ์ครั้งใหญ่อะไรได้
ศิษย์ปีสอง ปีสามและปีสี่มากมายจากกวางขาวล้วนแล้วแต่โห่ร้องดีใจอย่างห้ามไว้ไม่อยู่
ช่างหัวเื่ที่มิใช่ชัยชนะของพวกเขาเถิด เกียรติยศและศักดิ์ศรีเช่นนี้ล้วนข้องเกี่ยวกับสำนักกวางขาวทั้งสำนัก แล้วพวกเขาเองก็เป็ส่วนหนึ่งของสำนักกวางขาวด้วยเช่นกัน
ไป๋อวี้ชิงสีหน้าซับซ้อน ทว่าก็ปรบมืออย่างอดมิได้
นางต้องยอมรับแต่โดยดี ว่าเ่ิูผู้เยาว์วัยคนนี้มอบความใให้นางมากมายนัก และก็ต้องยอมรับว่าการตัดสินแบบตีตนไปก่อนไข้ของนาง การทึกทักเอาเองก่อนหน้านี้ ทำให้นางมองบุรุษผู้นี้ผิดไปอย่างมาก ขณะเดียวกัน เซียนหญิงในสายตาของศิษย์ชายมากมายในสำนักนางนี้ ก็เริ่มแปลกใจในตัวเ่ิูเข้าให้แล้ว
ที่ๆ ภาพสะท้อนนี้มองไม่เห็น เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
เด็กหนุ่มที่มาจากชั้นยาจก กระบวนยุทธ์ทุกท่วงท่าที่เขาใช้ เต็มเปี่ยมด้วยกำลังจู่โจมะเิรุนแรงนัก มองเผินๆ ดูเหมือนง่าย แต่พลังอำนาจน่าครั่นคร้ามยิ่ง...เขาศึกษากระบวนท่าพวกนี้มาจากหนใดแน่?
กลางฝูงชนนั้น เี๋เี่าและหานเซี่ยวเฟยสบตากันเงียบงัน
ต่างฝ่ายต่างก็มองเห็นความะเืใจและไม่ดีเอาเสียเลยในแววตานั้น
โดยเฉพาะเมื่อเ่ิูแสดงรูปแบบการโจมตีสุดท้าย ะเิทำลายล้างลงมาจากเวหา บ้าคลั่งเสมือนเทพัเยื้องกราย อุกกาบาตที่ตกต้องพื้นผิวโลก เรียกง่ายๆ ว่าไร้ศัตรูใด พริบตาเดียวก็เปลี่ยนภูมิศาสตร์ทั้งแถบกลายเป็เทือกเขาขนาดเล็กล้อมรอบ ทั้งสองถามตัวเองว่ากระบวนท่าน่ากลัวที่พลิกผันเป็เหนือกว่าพวกตนนั้น มีโอกาสได้ชัยชนะเท่าใดกัน?
บุคคลที่พวกเขาดูิ่ว่าเหมือนปลาไหลในโคลนตม ยาจกข้นแค้นที่ไม่มีทางพลิกชะตาชีวิตตนได้ บัดนี้กลับทำให้โอรสฟ้าประทานเยี่ยงพวกเขารู้สึกถึงความคุกคามมหาศาล
อาจารย์ส่วนมากเองก็ฮึกเหิมส่งเสียงกันยกใหญ่
“ฮ่าๆ เด็กคนนี้มันคนนำโชคของสำนักกวางขาวเราจริงแท้”
“ข้าไม่รับลูกศิษย์ลูกหามาสิบปีแล้ว แต่เ่ิูคนนี้ถูกใจข้า ต่อจากนี้ให้ข้าสอนเขาด้วยตัวเองเถิด ข้าจักรับเขาเป็ศิษย์!” อาจารย์าุโผมหนวดขาวว่าแกมหัวเราะร่า
“ไม่ได้ เ่ิูคนนี้คือผู้สืบทอดที่ข้าสู้อุตส่าห์เสาะหามานาน ข้าจักถ่ายทอดเพลงกระบี่ฤดีฟ้าต้าเยี่ยนให้เขา พ่อชราภาพ ท่านอย่ามาแย่งข้าเลย...” คณาจารย์ทรงคุณวุฒิผู้ผมขาวหน้าแดงถลึงตาว่า
“เฮยๆ อาจารย์หลิว อาจารย์จู ท่านทั้งสองคิดจะรับศิษย์เข้าแล้วหรือนี่? เฮอะๆ แต่ข้าจะไม่ปิดบังพวกท่านหรอกนะ ว่าตอนเวินหว่านจากสำนักไปนั้น ได้ฝากฝังเ่ิูไว้ให้ข้าดูแลแล้ว ฮ่าๆ เ้าเ่ิูนี่นะ เป็ศิษย์ข้าไปครึ่งค่อนมานานแล้ว พวกท่านอย่ามายื้อแย่งแ?” อาจารย์วัยฉกรรจ์ยิ้มตาหยี
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้สำนักก็ต้องดูแลเขาให้มากเข้าไว้นั่นแหละ”
“ไม่แน่นะว่าศึกเกียรติยศสิบสำนักที่ใกล้จะถึงนี้ เด็กคนนี้อาจนำพาความเปรมปรีดิ์มาให้แก่เรายิ่งกว่า”
เหล่าอาจารย์แต่ละท่านล้วนมีรอยยิ้มประดับ พูดคุยกันอย่างยินดียิ่ง ชัยชนะเต็มรูปแบบในศึกรอบที่สี่ซึ่งเกินกว่าพวกเขาจะคาดการณ์ได้ พาให้สำนักกวางขาวทั้งสำนักถูกเข็มทิ่มใจให้ฮึกเหิม
แน่นอนว่า มิใช่ทุกคนที่นิยมชมชอบเ่ิู
คณาจารย์จากตระกูลชั้นสูงผู้หนึ่งกระแอมไอเบาๆ
“เห็นทีพวกท่านอาจจะลืมไปแล้วกระมัง ว่าก่อนหน้าที่จะเอาชนะสำนักหงส์ฟ้าลงได้ เ่ิูยังฆ่าศิษย์กวางขาวไปสองคนด้วย? เด็กคนนี้เหิมเกริมไม่เคารพกฎเกณฑ์ ทำแข็งข้อนัก จิตสังหารหนักหน่วง...” เขาส่ายหน้าพลางหัวเราะเย็น “คนแบบนี้หรือที่เหมาะให้สำนักกวางขาวดูแลเป็พิเศษ? เลี้ยงงูเห่าไว้กัดตัวเองล่ะสิไม่ว่า!”
...
...
ลานกว้างแห่งสำนักกวางขาว
หน้ากระจกศิลา
บนลานที่ผู้คนมืดฟ้ามัวดิน มีทั้งผู้ที่คึกคะนองและดีใจจนลิงโลด
“ชนะแล้ว? ชนะแล้วจริงๆ?”
“พลังของเ่ิูพลิกสถานการณ์จากหน้ามือเป็หลังเท้า”
“นี่แหละคุณงามความดีของาามารเย่ แค่มองเห็นตัวเลขเปลี่ยนแปลงบนกระจกศิลาเท่านั้นแหละ ฮ่าๆ ข้าก็นึกภาพในสมรภูมิทุกอย่างออกหมดแล้ว...สองฟากเกิดโรมรันกันในศึกเดียว ฉินอู๋ซวง เซี่ยโหวอู่ ่เี่ิและซ่งชิงหลัวตายในสนามรบ แต่เ่ิูพลังพลิกสถานการณ์ทุกอย่าง บิดเบนสภาพศึก ฮ่าๆๆ ถึงอกถึงใจข้าเหลือเกิน”
“าามารเย่แข็งแกร่งในแข็งแกร่งจริงๆ!”
“ข้าไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย”
“ฮ่าๆ ตอนนี้ก็ขอดูหน่อยซิว่าพวกศิษย์หงส์ฟ้านั่นจะพูดว่าอะไรได้ เฮยๆ พวกเราไป ไปดึงธงสองผืนที่สังเวียนออกกัน...”
“เอ๋? พวกหงส์ฟ้าล่ะ? หายไปตอนไหน?”
กลุ่มคนเสียงดังเอะอะ
ลานกว้างคึกคักราวกับมีงานเทศกาลใหญ่
โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ปีหนึ่งทั้งหลาย แต่ละคนล้วนเชิดหน้าชูคอเป็การใหญ่ มีคนคุยโวว่าตนเคยเข้าคาบฝึกวิชาเดียวกันกับเ่ิูมาก่อนแล้วด้วยสีหน้าท่าทางออกรสออกชาติ พวกเขาพรรณนาเวลาฝึกซ้อมของเ่ิูที่ทั้งรวดเร็วและเห็นผลงามจนน่าตะลึง แล้วยังมีคนช่างเล่าคุยโวเื่ที่เ่ิูต่อยพวกศิษย์สำนักหงส์ฟ้าหน้าหอสมุดไปสามหมัดจนพวกมันกลัวหัวหด...
นี่คือการแสดงออกถึงความรู้สึกมีเกียรติร่วมกัน
เ่ิูใช้พลังและลักษณะของตัวเองนำชัยชนะและเกียรติยศมาเพื่อสำนัก และเพื่อศิษย์กวางขาวเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือชนะใจและความเคารพจากศิษย์ส่วนมาก
คำกู่ร้องเสมือนฟ้าผ่าพิภพดังลั่นทั่วสนาม
ข่าวคราวเองก็แพร่สะพัดจากกลุ่มหน้ากระจกศิลาไปจนทั่วเมืองลู่ิ ไปสู่หูของคนสองกลุ่มอันได้แก่พวกพรรคทรงอิทธิพลและผู้เป็ใหญ่ที่ใส่ใจการแข่งขันใหญ่ระหว่างสองสำนักนี้มากกว่าใคร
ต่างก็ตอบสนองแตกต่างกัน
ทว่าคนมากมายกลับหวนนึกถึง คำทำนายของเ้าสำนักในวันวาน
หรือนครลู่ิแห่งนี้จะให้กำเนิดยอดอัจฉริยะระบือภพขึ้นมาแล้วจริงๆ?
ผลการแข่งสุดท้ายประกาศเด่นหราอย่างรวดเร็ว กฎเกณฑ์การตัดสินแห่งอักขระในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องประกาศให้รู้ชัด สำนักกวางขาวได้ชัยชนะปิดท้าย และบนกระจกศิลาก็มีตัวอักษรเล็กๆ ปรากฏขึ้น แล้วศิษย์จากสำนักหงส์ฟ้าสวี่เกอที่เพิ่งฟื้นคืนชีพได้ตัดสินใจสละสิทธิ์ ไม่คิดจะดิ้นรนเป็ครั้งสุดท้าย
ดูท่าว่าสวี่เกอเองก็น่าจะรู้ ว่าถึงจะมอบโอกาสให้เขาอีกครั้ง ก็ไม่อาจโค่นเ่ิูลงได้แน่
ในใจของอัจฉริยะแห่งหงส์ฟ้าผู้นี้ ได้มีความคิดด้านมืดที่ว่าตนไม่อาจเทียบเคียงเ่ิูหยั่งรากลึกลงเสียแล้ว
ภายในสำนักกวางขาว เสียงโห่ร้องบ้าคลั่งยิ่งดังสะท้าน
...
...
กลางศาลาขึ้นฟ้า
เสียงโต้เถียงเดือดพล่านสนั่นวุ่น
“ถุย! เ้าพูดเสียดิบดี แล้วที่เซี่ยโหวอู่วางแผนร้ายใส่เพื่อนตัวเองเล่าจะว่าอย่างไร?” พอได้ยินคำประณามต่อเ่ิูของอาจารย์จากสกุลสูงคนนั้น อาจารย์ที่โกรธจนไฟลุกก็ตวาดลั่น
“เซี่ยโหวอู่ต้องได้รับโทษแน่นอนอยู่แล้ว แต่เ่ิูเองก็ต้องรับผลของการกระทำตัวเองด้วย” อาจารย์ตัวต้นเื่ตอบสีหน้ากลางๆ “อีกอย่างเซี่ยโหวอู่ก็ไม่ได้ฆ่าสหายร่วมรบด้วยน้ำมือตัวเองเสียหน่อยนี่ กลับเป็เ่ิูต่างหากที่ใช้อำนาจและความแข็งแกร่งผ่าคน ข้าคิดว่าควรจะโทษสถานหนักกว่านะ”
“เถียงข้างๆ คูๆ!”
“ไร้ยางอายจริง!”
“เื่มันต้องมีที่มาที่ไปสิ!”
เสียงต่างๆ นานาดังอยู่ในศาลาขึ้นฟ้า
เวลานั้นเองที่ราวกับว่าชัยชนะไม่เหลือค่าอันใด คณาจารย์ที่ชาติกำเนิดเป็ชนชั้นสูงมากมายก็ออกเสียงในที่สุด ผลสำเร็จของชัยชนะมาถึงมือแล้ว คนมากมายก็เริ่มหั่นแบ่งผลประโยชน์ของตัวเองทันที พรรคพวกต่างๆเริ่มคิดตรึกตรอง ชัยชนะนี้บอกเป็นัยอะไรกับชนชั้นสูงและชนชั้นล่างกระนั้นหรือ
“เอาล่ะ เลิกเถียงกันได้แล้ว” เ้าสำนักเปิดปากปราม
“ท่านเ้าสำนัก เ่ิูฆ่าสหายร่วมกลุ่มอย่างโเี้ ต้องสั่งสอนเขาสักตั้งขอรับ ไม่เช่นนั้นแล้ว...” ตัวต้นเริ่มยังไม่ยอมเลิกรา
“ข้าคือเ้าสำนัก หรือเ้าคือเ้าสำนัก?” เ้าสำนักถมึงทึงทั้งน้ำเสียงและสีหน้า ั์ตาทั้งสองพราวโรจน์ด้วยแววเชือดเฉือนเหมือนมีดดาบ “หรือกลายเป็ว่าข้าจะทำเื่อะไร ก็ต้องรอให้เ้ามาสั่งสอนก่อนงั้นหรือ?”
อาจารย์ชั้นสูงผู้นั้นแข็งค้าง ใจพลันหวาดกลัวบอกไม่ถูกจึงรีบตอบ “มิกล้า ข้าเพียงแต่...”
แต่กลับพูดอะไรไม่ออกอีกเลย เขาร้อนรนจนหน้าแดงก่ำ
คนรอบข้างคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรเช่นกัน
เ้าสำนักผู้มีภาพลักษณ์เมตตาและใจดีเสมอมา ได้แสดงสีหน้าและน้ำเสียงบึ้งตึงเป็ครั้งแรก ่เวลานานจนจำความไม่ได้ผ่านพ้นมา บุคคลหมายเลขหนึ่งของสำนักกวางขาวผู้นี้ล้วนทำปิดตาข้างหนึ่ง ไม่ยุ่งย่ามกับเื่ราวมากมายในสำนัก และยังไว้ท่าหัวเราะแ่เบาด้วยปรานีตลอดมา ไม่เคยเสียกิริยาด้วยโทสะเช่นนี้เลย
เ้าสำนักยามนี้เสมือนัเกรี้ยวกราดที่ถูกปลุกให้ตื่นจากนิทราแสนหวาน คลื่นกำลังภายในดั่งเหวลึกนั่นบานสะพรั่งน้อยๆ พาทำให้ทุกชีวิตในศาลาขึ้นฟ้าแทบจะสั่นเทิ้มพร้อมกัน ต่างคนต่างก็กำชับตัวเองให้เคร่งครัด มิกล้าพูดสิ่งใดอีกเลย
ทันใดนั้นเอง
ฟิ้วๆๆๆ!
้าเทวรูปจักรพรรดิอักขระลัวซู่นั้น แสงสีทองวับวาวส่างไสว แสงอักขระเส้นแล้วเส้นเล่าลอยตัว เหล่าตัวแทนปีหนึ่งที่เข้าสมรภูมิหุบเขาปัดป้องก็พลันถูกส่งกลับมา
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังร่างทั้งห้าในบัดดล
โดยเฉพาะเ่ิู
เพราะเป็บุคคลอัศจรรย์ที่ก่อร่างการพลิกวิกฤติให้เป็โอกาสได้ในท้ายสุด จึงได้ความสนใจมากมายไปโดยปริยาย
เซี่ยโหวอู่ก้มหน้ามองมือทั้งสองของตัวเอง รู้สึกได้ถึงกำลังภายในที่เพิ่มพูน เขาดีใจอย่างมิอาจห้าม
นั่นเป็เพราะการประหัตปะาทหารปีศาจอักขระไปมากมาย จึงได้รับรางวัลเป็พลังอันยืนนานเป็นิรันดร์นี้มา
เขาคำนวณอย่างถี่ถ้วนว่าอย่างน้อยตนน่าจะฆ่าไปหนึ่งพันตน รางวัลที่ได้มาทั้งหมดนี้เมื่อเทียบกับที่เขาสู้อุตส่าห์เคี่ยวเข็ญมาตลอดครึ่งปีแล้ว กำลังภายในที่สาดซัดอยู่ในร่างนี้เกือบจะทำลายสถิตินั้นได้เลยทีเดียว
เขาเผยยิ้มบนใบหน้า เอ่ยปากจะพูดแต่ั์ตาพลันพร่ามัว...
ตูม!
เ่ิูปรากฏกายขึ้นต่อหน้าเขาในพริบตาเดียว หมัดเหล็กพุ่งเข้าปะทะเต็มๆ หน้า
ใบหน้าของเซี่ยโหวอู่ครึ่งหนึ่งถูกกรรมวิธีที่เห็นได้ด้วยตาถล่มลงไป ฟันขาวและโลหิตสดๆ พุ่งกระฉูด เนื้อหนังบนใบหน้ากระเพื่อมเหมือนผืนน้ำ ขลาดเขลาไปทั้งตัวเหมือนต้นไม้ที่ถูกขวานั์จาม กลิ้งตลบลอยละลิ่วไปไกลลิบ!
หึ่งๆๆ
เซี่ยโหวอู่เพียงเห็นภาพตรงหน้ากลับตาลปัตร เสียงหึ่งหั่งดังแสบแก้วหูวุ่นวายไปหมด ตาเหมือนเห็นดาวอยู่ตรงหน้า
เขาถูกต่อยจนมึนสนิท
คนรอบข้างเองก็อุทานกันคนละคำ
ใครๆ ก็ไม่อาจคิด ว่าออกมาจากสมรภูมิปัดป้องได้ไม่ทันไร เ่ิูจะลงมือฉับพลันขนาดนี้ ใช้วิธีการตรงไปตรงมาและใช้กำลังที่สุดแสดงพลังรบและความคิดอ่านของตัวเอง
หลังสอยหมัดจนร่วงทีหนึ่งแล้ว เ่ิูจักไม่มีปรานีใด
ฟิ้ว!
หอกยาวแหวกอากาศ
ไอหอกเร็วดั่งฟ้าแลบตรงเข้าสู่หัวใจเซี่ยโหวอู่
จิตสังหารขุ่นคาว
เขาบัญชาจะนำหอกฆ่าคนในศาลาขึ้นฟ้า ต่อหน้าเบื้องสูงและศิษย์หัวกะทิทุกคน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้