คังอิงตอบว่า "ใช่ค่ะ ฉันอยากเปิดร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อในประเทศโดยเฉพาะ อย่างแรกเลย ราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศนั้นถูกกว่ามาก สามารถตอบโจทย์ความ้าของผู้คนได้ อย่างที่สองคือสามารถเน้นย้ำคุณภาพการบริการได้ ช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศขายออก และช่วยสนับสนุนยี่ห้อในประเทศด้วย
“ความคิดตอนนี้ของฉันคือ ต้องไปเจรจากับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อขอเป็ตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในอำเภอหลี่ว์ จากนั้นถึงจะจัดตั้งทีมการตลาดได้ค่ะ"
เมื่อสือเจียงหย่วนได้ฟังดังนั้น เขาก็รู้สึกกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าคังอิงจะ ‘วิเคราะห์’ จนเห็นช่องทางทางธุรกิจเช่นนี้ เขาจึงถามขึ้นว่า
“คุณวางแผนจะเจรจากับยี่ห้อไหน?”
“ไห่โซงตี้ ว่านเป่าหลง และฉางหง บริษัทในประเทศเหล่านี้ที่ตอนนี้เน้นขายตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ และโทรทัศน์สี ซึ่งเป็สิ่งที่ผู้คน้ามากที่สุดค่ะ”
สือเจียงหย่วนรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่เขากังวลเล็กน้อยว่าเงินสองแสนหยวนจะพอสำหรับเปิดร้านหรือเปล่า จึงบอกคังอิงเกี่ยวกับความกังวลนี้ ตอนนี้เขามีการลงทุนหลายประเภท ทำให้ถอนเงินออกมาไม่ได้ เงินสดที่ใช้ได้มีเพียงเท่านี้
คังอิงบอกว่า “การเปิดร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งที่ต้องใช้เงินมากที่สุดคือค่าเช่าร้าน ภายในตัวอำเภอมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่พร้อมใช้งานไม่มากนัก มีเพียงร้านค้าในห้างสรรพสินค้ามิตรภาพเท่านั้นที่ตรงกับที่ฉันคิดไว้
ที่นั่นเป็แหล่งช้อปปิ้ง เป็ทำเลทอง หากเปิดร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในนั้นได้ ชาวบ้านก็จะเชื่อถือเราอย่างเป็ธรรมชาติ แต่ไม่รู้ว่าห้างสรรพสินค้ามิตรภาพจะยอมให้พวกเราเช่าร้านหรือเปล่า”
เมื่อสือเจียงหย่วนได้ฟังก็เงียบไป เพราะเขารู้ว่าห้างสรรพสินค้ามิตรภาพเป็กิจการของรัฐบาล และดำเนินธุรกิจด้วยตนเอง การปล่อยให้พวกเขาเช่าร้านจะเป็ไปได้จริงหรือ?
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหา ประเด็นสำคัญคือ พวกเขาต้องได้สิทธิ์ในการเป็ตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในอำเภอหลี่ว์จากบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละแห่งให้ได้
สือเจียงหย่วนไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ เขานึกไม่ถึงเลยว่าแค่คังอิงไปสำรวจตลาด ก็ค้นพบโอกาสทางธุรกิจได้
สือเจียงหย่วนรู้สึกได้ทันทีว่าแผนธุรกิจนี้ต้องใช้ได้จริงแน่ ทว่าคนที่เสนอแผนการนี้กลับเป็คังอิง นี่เป็ผู้หญิงที่ถูกหยามเหยียด และต้องทนทุกข์ทรมานจากการหย่าร้างจริงๆ หรือ? ภาพลักษณ์ของเธอไม่ค่อยตรงกับความเป็จริงเลย?
สือเจียงหย่วนรู้สึกว่าในใจเขามีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคังอิงมากขึ้นอีกอย่างมิอาจอธิบายได้
คนที่ยอดเยี่ยมเปรียบเสมือนแสงสว่างในยามค่ำคืน มันจะดึงดูดผีเสื้อให้บินเข้ากองไฟเสมอ สือเจียงหย่วนไม่ทันตระหนักว่าตัวเขาเป็ผีเสื้อตัวนั้น เขาคิดว่าตนเองกำลังช่วยเหลือคังอิงที่อยู่ใน่ตกต่ำ และทำเช่นนี้ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณที่เธอช่วยชีวิตเขาเอาไว้
ด้วยเหตุผลนี้ สือเจียงหย่วนจึงรู้สึกว่าการกระทำของเขาในตอนนี้ชอบธรรมแล้ว
“เอาละ พวกเรามาคิดทบทวนเื่นี้กันอีกที ถ้าสามารถเช่าร้านในห้างสรรพสินค้ามิตรภาพได้ก็ดีมาก” สือเจียงหย่วนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวขึ้น
เมื่อคังอิงได้ยินว่าสือเจียงหย่วนสนับสนุนให้เธอทำธุรกิจนี้ เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วกล่าวว่า “ได้ค่ะ เื่นี้ฉันจะเป็คนจัดการเอง”
สือเจียงหย่วนไม่คิดว่าคังอิงจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขนาดนี้ ตอนแรกเขาอยากจะบอกว่าให้เขาเป็คนไปพูดคุยกับห้างสรรพสินค้ามิตรภาพเอง แต่พอเห็นว่าคังอิงดูเหมือนจะมีวิธีจัดการ เขาก็อยากรู้ขึ้นมา จึงยอมปล่อยให้เธอจัดการเอง
สือเจียงหย่วนวางความคิดนี้ลง แล้วกล่าวว่า “บริษัทอย่างไห่โซงตี้กับฉางหงนั้น ผมไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่นัก แต่ผมมีน้องชายที่รู้จักคนหนึ่ง ผู้ใหญ่ในบ้านของเขาทำงานอยู่ที่สำนักงานพาณิชย์ เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวผมไปปรึกษาเขาดูหน่อย?”
คังอิงไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าสำนักงานพาณิชย์ที่สือเจียงหย่วนพูดถึงจะเป็กระทรวงพาณิชย์ระดับประเทศ เธอที่คิดว่าเป็สำนักงานพาณิชย์ของอำเภอหลี่ว์จึงพยักหน้าด้วยความยินดี แล้วบอกว่า
“ดีค่ะ คุณช่วยไปถามให้ฉันหน่อยนะ ว่าจะขอสิทธิ์ในการเป็ตัวแทนจำหน่ายได้อย่างไร และมีเงื่อนไขอะไรบ้าง พวกเราจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า”
เมื่อคังอิงกับสือเจียงหย่วนคุยกันจนได้ข้อสรุปว่าแต่ละคนต้องทำอะไรบ้าง ในใจของพวกเขาก็มีเป้าหมายในการต่อสู้แล้ว และจิตใจของพวกเขาก็สงบลงมาก
คังอิงรู้ดีว่าก่อนจะลงทุนทำธุรกิจใดๆ สิ่งที่ต้องห้ามอย่างยิ่งคือความใจร้อน เมื่อรถมาถึงบ้านสันโดษแสนสงบ สือเจียงหย่วนก็ส่งเธอแล้วขอตัวจากไป
คังอิงอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ เธอจึงปั่นจักรยานออกไปที่ตัวเมืองอีกครั้ง สำหรับเธอการออกไปข้างนอกเพื่อมองหาโอกาส อาจคว้าโอกาสดีๆ เอาไว้ได้
หลังจากที่สือเจียงหย่วนออกจากบ้านสันโดษแสนสงบ เขาก็กลับไปยังหอพักพนักงานของสำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ซึ่งเป็ที่พักของหนิงชิ่งเซิงผู้เป็ลูกพี่ลูกน้อง
หนิงชิ่งเซิงทำงานอยู่ที่สำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ถึงแม้ว่าเขาจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านตัวเองแล้วก็ตาม แต่ด้วยสวัสดิการที่ดีของสำนักงาน พนักงานต่างก็ได้รับการจัดสรรบ้านกันทุกคน ดังนั้นคนที่ไม่ได้พักอยู่ที่นี่อย่างหนิงชิ่งเซิงก็จะได้รับอพาร์ตเมนต์แบบห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น
หลังจากที่สือเจียงหย่วนมาถึงอำเภอหลี่ว์ เพื่อความสะดวกเวลาเข้าออก เขาจึงขอลูกกุญแจจากหนิงชิ่งเซิง แล้วเข้ามายึดครองที่นี่
บ้านใหม่ของครอบครัวป้ารองในตัวเมืองเป็บ้านที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง เป็อาคารสี่ชั้น และด้านหน้ามีลานบ้านบรรยากาศดีมาก
เนื่องจากสือเจียงหย่วนได้รับาเ็ เขากลัวว่าถ้าป้ารองเห็นเข้า จะรีบไปฟ้องแม่ของเขาที่เมืองหลวงแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ถ้าเป็แบบนั้นเขาคงไม่สามารถวิ่งวุ่นทำธุรกิจแบบนี้ได้อีก โชคดีที่เขายังมีหอพักของลูกพี่ลูกน้องให้พักอาศัยอยู่
ถ้าคนที่บ้านรู้ว่าเขาได้รับาเ็เพราะทำธุรกิจล่ะก็ จะต้องบังคับให้เขากลับไปทำงานที่เดิมอย่างแน่นอน
สือเจียงหย่วนเป็เ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนของรัฐที่อยู่ระหว่างลาพักงานโดยไม่รับเงินเดือนเพื่อมาทำธุรกิจ เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย จากนั้นก็ถูกส่งไปทำงานที่กระทรวงในเมืองหลวง แต่สือเจียงหย่วนไม่ชอบชีวิตที่วนเวียนอยู่แต่ที่ทำงานและบ้าน เมื่อกระแสการทำธุรกิจเริ่มเฟื่องฟู อีกทั้งทางหน่วยงานยังสนับสนุนให้ข้าราชการทำธุรกิจส่วนตัว เขาจึงตัดสินใจลาพักงานเพื่อไปทำธุรกิจ
ครอบครัวของเขาไม่เห็นด้วยกับการทำธุรกิจ หลังจากต่อสู้กันอยู่พักใหญ่ พวกเขาก็ได้ข้อสรุปโดยมีเงื่อนไขว่าให้เวลาเขาสามปี หากภายในสามปีเขาทำสำเร็จ ก็จะอนุญาตให้เขาลาออกจากงานได้ แต่หากภายในสามปีเขายังคงทำอะไรไม่ได้ ก็ให้กลับไปทำงานที่เดิม
ตอนแรกสือเจียงหย่วนคิดว่าจะลาออกไปเลย จะได้ลุยงานได้เต็มที่ แต่เนื่องจากครอบครัวไม่เห็นด้วย เขาจึงทำได้เพียงลาพักงานโดยไม่รับเงินเดือน ถือเป็การประนีประนอมกับทางครอบครัว
ปัจจุบันนโยบายของประเทศจีนอนุญาตให้ทำเช่นนี้ได้ และยังสนับสนุนให้ข้าราชการกล้าที่จะลงทุนในตลาดธุรกิจ เหล่าข้าราชการที่มีความกล้าที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางนี้ล้วนแต่ได้รับการชื่นชมจากคนหนุ่มสาวที่อยู่รอบตัว
แต่ในมุมมองของผู้ปกครองกลับไม่เป็อย่างนั้น ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะคิดว่าการทำธุรกิจนั้นไม่มั่นคง พวกเขาหวังว่าลูกๆ จะสามารถทำงานได้อย่างมั่นคงในหน่วยงานของรัฐบาล ถึงรายได้จะไม่มาก แต่ก็ใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขโดยไม่ต้องดิ้นรนอะไร
ทว่าสือเจียงหย่วนไม่ใช่คนที่ชอบอยู่นิ่งๆ เมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายที่ต้องวนเวียนอยู่แต่ที่ทำงานกับบ้าน สือเจียงหย่วนกลับชอบที่จะต่อสู้ในตลาดธุรกิจมากกว่า เขาคิดว่าการทำเช่นนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย และกระตุ้นความทะเยอทะยานของเขาได้
เขาไม่อยากใช้ชีวิตอีกไม่กี่ปีแล้วแต่งงานมีลูก จากนั้นก็มีชีวิตเหมือนกับรุ่นพี่ในที่ทำงานซึ่งวันๆ เอาแต่เดินถือกระเป๋าเอกสารแล้วปั่นจักรยานไปๆ มาๆ ระหว่างบ้านกับที่ทำงาน
ในความคิดของสือเจียงหย่วน ชีวิตแบบนั้นมันน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน ชีวิตเมื่อวาน ชีวิตวันนี้ และชีวิตวันพรุ่งนี้ ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยสักนิด ช่างราบเรียบเหมือนน้ำนิ่ง
สือเจียงหย่วนลงทุนทำธุรกิจได้ปีกว่าแล้ว เขาได้เห็นทั้งเล่ห์เหลี่ยมและกลโกงในตลาดธุรกิจ รวมไปถึงั์ใหญ่ในวงการที่ประสบความสำเร็จอย่างซื่อสัตย์สุจริต สิ่งเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จเหมือนพวกเขา
ระหว่างทำธุรกิจสิ่งที่เขาได้ฝึกฝนมากที่สุดก็คือการแยกแยะผู้คน สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือการได้มาเจอกับคังอิงที่อำเภอหลี่ว์แห่งนี้
สือเจียงหย่วนรู้สึกว่าคังอิงเป็ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความยืดหยุ่นและจิติญญาแห่งการต่อสู้ เธอเหมือนกับเมล็ดพันธุ์ที่ขาดสารอาหารและดินที่อุดมสมบูรณ์ ขอแค่เพียงนำเมล็ดพันธุ์นี้ไปปลูกในดินที่มีสารอาหารครบถ้วน มันก็จะหยั่งราก และแตกหน่อได้อย่างรวดเร็ว ความรู้สึกนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตั้งความหวังกับเธอ
หลังจากสือเจียงหย่วนกลับมาถึงหอพักของลูกพี่ลูกน้อง เขากำลังจะนอนลง ทว่ากลับเปลี่ยนใจหยิบโทรศัพท์ในหอพักขึ้นมาโทรหาจ้าวซื่อหงเพื่อนสนิทที่เมืองหลวงทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้