หลังจากจุนห่าวและหานรุ่ยร่วมมือกับกลุ่มของอู๋โม่วหานแล้ว พวกเขาก็เข้าร่วมกับกองกำลังของอู๋โม่วหาน หลังจากพูดคุยเื่แผนความร่วมมือ พวกเขาก็ออกเดินทางไปยังเขตแดนของสุนัขจื่อเหมย เนื่องจากเป็การเดินทางร่วมกับกองกำลังใหญ่ จุนห่าวและหานรุ่ยจึงชะลอความเร็วลง ผ่านไปสี่วัน พวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทาง เนื่องจากผลไม้ชิงลัวใกล้จะสุกงอมในไม่ช้า สัตว์อสูรเกือบจะทั้งหมดในเขตเทือกเขาอู๋หยินจึงออกจากรัง ด้วยเหตุนี้ กลุ่มของจุนห่าวจึงไม่พบสัตว์อสูรที่ทรงพลังใดๆ บนทางสายนี้
เมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง คนทั้งกลุ่มก็ชะลอความเร็วลง อู๋โม่วหานและพรรคพวกฉีดยาิญญาชนิดพิเศษเข้าสู่ร่างกายตนเอง สิ่งนี้จะช่วยรบกวนประสาทการดมกลิ่นของสุนัขจื่อเหลย เมื่อเห็นจุนห่าวมองไปทางพวกเขา อู๋โม่วหานยกิญญาขึ้น พร้อมพูดกับจุนห่าวว่า “สุนัขจื่อเหลยไวต่อกลิ่นยิ่งนัก ยาิญญานี้ช่วยรบกวนประสาทการดมกลิ่นของสุนัขจื่อเหลยได้ อย่าบอกนะว่าคุณชายจุนมิได้เตรียมมา?”
จุนห่าวลูบจมูกและพูดอย่างงุ่มง่ามว่า “คุณชายอู๋ ช่างรอบคอบเสียจริง เราไม่ได้เตรียมมา” จุนห่าวเตรียมยาิญญามาจำนวนมาก ทว่าเขากลับไม่ได้เตรียมยาิญญาแทรกแซง จุนห่าวคิดในใจ พลาดทำตัวเปิ่นๆ ต่อหน้าอู๋โม่วหานเสียแล้ว
อู๋โม่วหานเห็นจุนห่าวยิ้มอย่างอายๆ รู้สึกภูมิใจเล็กน้อย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ายังมีเหลืออยู่บ้าง หากคุณชายจุนและคุณชายหานไม่รังเกียจ ข้าจะมอบให้ท่านสี่ขวด”
จุนห่าวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่รังเกียจ เช่นนั้น ต้องขอบคุณคุณชายอู๋แล้ว”
จุนห่าวพูดจบ อู๋โม่วหานก็มอบยาิญญาสองขวดให้แก่จุนห่าว หลังจากจุนห่าวรับไป ก็ยื่นอีกสองขวดให้หานรุ่ย หานรุ่ยรับยา พร้อมพยักหน้าให้อู๋โม่วหานเพื่อแสดงความซาบซึ้งใจ
เมื่อพวกเขาเตรียมตัวพร้อมแล้ว คนทั้งกลุ่มก็ค่อยๆ ย่องเข้าไปในเขตแดนของสุนัขจื่อเหลย สุนัขจื่อเหลยอาศัยอยู่ในหุบเขา ทั้งสามด้านของหุบเขามีหน้าผาสูงชันยิ่งนัก และมีทางเข้าเพียงทางเดียว หากขังสุนัขจื่อเหลยไว้ข้างในก็เหมือนการจับเต่าในไห ในทำนองเดียวกัน หากพวกเขาถูกปิดปากทาง ก็เหมือนการจับเต่าในไหเช่นกัน น่าเสียดาย สุนัขจื่อเหลยมักอยู่รวมกันเป็กลุ่ม หนึ่งสายพันธุ์จะมีหลายร้อยตัว นำโดยาาสุนัขจื่อเหลยที่มีพลังปราณสูงสุด พวกเขาไม่กี่คนนี้ไม่พอที่จะจับมันเหมือนจับเต่าในไหได้ หากกระทำการไม่ดี คงถูกพวกมันจับตัวเหมือนจับเต่าในไหเสียแทน ดังนั้น พวกเขาทำได้เพียงแอบย่องเข้าไป
ครั้นจุนห่าวและพรรคพวกมาถึงปากตรงทางเข้าหุบเขา ภายในนั้นเงียบสงัด และไม่เห็นสุนัขจื่อเหลยสักตัว คนทั้งกลุ่มโบกมือให้กันและกัน พลางแอบย่องก็ไปในหุบเขาอย่างรวดเร็ว ภายในหุบเขามีขนาดใหญ่มาก สุนัขจื่อเหลยอาศัยอยู่ในถ้ำทั้งสองด้านของหุบเขา คนทั้งกลุ่มเดินเข้ามาในหุบเขาแต่ไม่พบสุนัขจื่อเหลยเลย
จุนห่าวเอนตัวไปประชิดไหล่ของหานรุ่ย พร้อมพูดกับหานรุ่ยด้วยเสียงกระซิบว่า “ดูท่าจะมีอะไรผิดปกติ เรามาถึงกลางหุบเขาแล้ว ก็ยังไม่พบสุนัขจื่อเหลยสักตัว หรือว่า...าาสุนัขจื่อเหลยจะพาสุนัขจื่อเหลยทั้งหมดออกจากที่นี่ไปแล้ว”
หานรุ่ยก็รู้สึกแปลกๆ ขมวดคิ้วและพูดว่า “เป็ไปได้น้อยมาก ต่อให้าาสุนัขจื่อเหลยจะไป่ชิงผลไม้ชิงลัว ก็น่าจะพาไปเฉพาะตัวที่แข็งแกร่ง ตัวที่อ่อนแอหรือเจ็บป่วยน่าจะทิ้งไว้”
“คิดดูแล้ว หากมิใช่เพราะปัญญาของาาสุนัขจื่อเหลยนั้นไม่สูง เราคงสงสัยว่าาาสุนัขจื่อเหลยตั้งใจใช้กลยุทธ์ผังเมืองที่ว่างเปล่า ดึงดูดกองกำลังเข้ามา”
อู๋โม่วหานก็รู้สึกว่าสถานการณ์ผิดปกติ ก่อนมาเขาได้คิดเผื่อไว้ในหลายๆ สถานการณ์ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเป็เช่นนี้ พวกเขามาจับสุนัขจื่อเหลย มิใช่มาที่นี่เพื่อท่องเที่ยว ไม่มีสุนัขจื่อเหลย พวกเขาจะมาจับอะไร เช่นนี้ก็เท่ากับพวกเขาเสียเวลามาเปล่าๆ
อู๋โม่วหานเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา มองไปทางจุนห่าวและหานรุ่ยพร้อมพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณชายจุนและคุณชายหานคิดว่ายังไงกับสถานการณ์ที่ผิดปกตินี้?”
จุนห่าวพูดอย่างขมวดคิ้วว่า “สถานการณ์ผิดปกติ แต่ข้าก็ไม่มีความห็นดีๆ อะไร”
อู๋โม่วหานกล่าวแนะนำว่า “ถ้าเช่นนั้น เราลองเข้าไปให้ลึกขึ้นอีกหน่อยไหม?”
จุนห่าวตอบอย่างเห็นด้วยว่า “คงมีแค่ทางนี้เท่านั้น ไม่เช่นนั้น ก็เท่ากับว่าเรามาเสียเวลา”
คนทั้งกลุ่มเข้าไปลึกขึ้น ภายในคือที่อยู่อาศัยของสุนัขจื่อเหลยที่มีพลังปราณสูง ทุกคนจึงระวังตัวมากขึ้น ระหว่างทาง ได้เห็นร่องรอยการใช้ชีวิตของสุนัขจื่อเหลยที่บางอย่างยังดูใหม่ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสุนัขจื่อเหลยมิได้ย้ายบ้าน แต่ยังคงอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้
เมื่อกลุ่มของจุนห่าวเดินลึกเข้าไปในหุบเขาชั้นใน ภายในยังคงเงียบสงัดและว่างเปล่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ให้เห็น ความผิดปกติล้วนแสดงถึงวิกฤต
“หรือเจอดีให้แล้ว นี่สุนัขจื่อเหมยย้ายรังแล้วหรือ” สมาชิกคนหนึ่งในทีมของอู๋โม่วหานกล่าวขึ้น เดิมทีเขาคิดว่าคงต้องสู้สุดชีวิต คิดไม่ถึงว่า กลับไม่พบอันตรายใดๆ
“ไม่เหมือนย้ายรัง ที่นี่ยังมีร่องรอยการใช้ชีวิตที่ดูสดใหม่ การย้ายกลุ่มชาติพันธุ์มิได้ง่ายดายขนาดนั้น” สมาชิกอีกคนกล่าวขึ้น
“บางทีเราอาจโชคไม่ดี พวกมันเพิ่งย้ายไปได้ไม่นาน และเราก็เพิ่งมาทีหลัง” สมาชิกอีกคนกล่าวขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น ไม่ถือว่าเราลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์หรือ?”
“ก็อาจจะเป็ไปได้”
เมื่อเห็นว่าไม่มีอันตราย ทุกคนจึงเริ่มพูดคุยอย่างอิสระ บรรยากาศเปลี่ยนจากความตึงเครียดกลายเป็ผ่อนคลาย
จุนห่าว หานรุ่ย และอู๋โม่วหานยืนอยู่ด้านหน้าของกองกำลัง ฟังเสียงพูดคุยอันแซ็งแซ่ของฝูงชน คิดในใจ ที่นี่คือที่กบดานของศัตรู พวกเขาทำเหมือนกับตลาดสดโดยไม่รู้สึกถึงวิกฤตใดๆ นี่คิดจะรนหาที่ตายกันรึ
อู๋โม่วหานะโใส่ทุกคนว่า “เงียบให้หมด ตื่นตัวไว้สิ ที่นี่คือที่กบดานของศัตรู พวกเ้ายังคร้านที่จะทำตัวเช่นนี้ ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ?”
ฟังคำพูดของอู๋โม่วหาน บรรยากาศกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง จุนห่าวมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไร เขาพูดกับอู๋โม่วหานว่า “คุณชายอู๋ เรากระจายกันค้นหาเถอะ รออยู่อย่างนี้มิใช่วิธีการที่ดี”
“ข้าก็คิดเช่นกัน” อู๋โม่วหานพูดอย่างเห็นด้วย
จุนห่าวพูดจบ ก็จากไปพร้อมกับหานรุ่ย เห็นพฤติกรรมของจุนห่าว อู๋โม่วหานหาได้โกรธไม่ จุนห่าวมิใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา พวกเขาแค่ร่วมมือกันชั่วคราว จุนห่าวไม่จำเป็ต้องฟังคำสั่งของเขา มองเงาด้านหลังของจุนห่าวและหานรุ่ย อู๋โม่วหานก็สั่งคนให้กระจายกำลังออกตามหา
หลังจากจุนห่าวและหานรุ่ยออกจากกลุ่ม ทั้งสองคนก็แอบเข้าไปข้างใน สาเหตุที่จุนห่าวสลัดจากอู๋โม่วหานและพรรคพวก ก็เพราะว่าเมื่อครู่นี้สายฟ้าบอกเขาว่า เขารู้สึกว่าข้างในมีบางสิ่งที่สำคัญต่อเขา
ฟังคำพูดของสายฟ้า จุนห่าวจึงนำหานรุ่ยไปตามทิศทางที่สายฟ้ารับรู้ หานรุ่ยซึ่งเชื่อมั่นในตัวจุนห่าว เขาจึงติดตามจุนห่าวไปโดยไม่เอ่ยถามอะไร
จุนห่าวพาหานรุ่ยมาหยุดอยู่ที่ผนังของหุบเขาด้านนอก จุนห่าวมองผนังหุบเขาเปลือยๆ พลางเอ่ยกับหานรุ่ยว่า “เสี่ยวรุ่ย สายฟ้าบอกว่ามีบางสิ่งที่สำคัญสำหรับเขาทางนี้ แต่เมื่อมาถึงที่นี่กลับเป็ทางตัน ข้าคิดว่ามีบางอย่างแปลกๆ แน่ บนผนังหุบเขานี้ เราลองตรวจดูว่ามีกลไกอะไร”
“เข้าใจแล้ว งั้นเรารีบหาโดยเร็วเถอะ คนที่อยู่ข้างหลังใกล้ตามมาทันแล้ว” หานรุ่ยกล่าว พวกเขาเดินเร็ว และเว้นระยะทางให้ห่างกับคนของอู๋โม่วหานขึ้น อีกประเดี๋ยวคนของอู๋โม่วหานคงมาถึงในไม่ช้า
จุนห่าวและหานรุ่ยไม่ละทิ้งความคิดนี้ ลูบทุกมุมของผนังหุบเขา และตรวจดูทุกรางนิ้วด้วยมือ แต่ก็ไม่มีกลไกใดๆ เกิดขึ้น
จุนห่าวเงยหน้าขึ้นมองผนังหุบเขา้า มีแต่ตรงนั้นที่ไม่ได้ตรวจสอบ จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยว่า “ข้าจะขึ้นไปดู เ้ารอข้าอยู่ข้างล่างนี้” พูดจบ จุนห่าวก็นำจุนหนานที่อยู่ตรงอ้อมอกย้ายไปด้านหลัง และดึงกริชออกมาสองเล่ม พร้อมใช้กริชเจาะบนผนังหุบเขา จุนห่าวค่อยๆ ปีนขึ้นไป้าของผนังหุบเขา ทำอย่างนี้ไปเรื่อยจนถึง แต่ก็ไม่พบอะไรเลย เขามองลงไปพลางบอกหานรุ่ยให้ทราบทันทีว่าไม่มีกลไกอะไร
เมื่อเห็นจุนห่าวและจุนหนานปีนขึ้นไป้าผนังหุบเขา หานรุ่ยเกิดความรู้สึกหวาดหวั่น เขาพูดกับจุนห่าวอย่างเส้นไร้เสียงว่า “ไม่มีก็ลงมาเถอะ”
ส่วนจุนตงที่เห็นจุนหนานอยู่บนหลังของจุนห่าว รู้สึกอิจฉายิ่งนัก เขาเองก็อยากขึ้นไป
หลังจากจุนห่าวลงมา ทั้งสองคนก็เริ่มค้นหาด้านล่าง พวกเขาคิดว่าหากมีกลไกก็น่าจะอยู่ด้านล่าว สุนัขจื่อเหลยตัวไม่สูง หากทำกลไกไว้้า พวกเขาคงไม่สะดวกนัก
หานรุ่ยพลันคิดถึงที่เสี่ยวไป๋บอกว่า เขามีดวงตาเสกสรรปั้นเท็จ ที่สามารถมองเห็นทุกสิ่งที่เป็จริง หานรุ่ยพูดกับจุนห่าวว่า “ข้าจะลองใช้ดวงตาเสกสรรปั้นเท็จดู” พูดจบ เขาก็รวบรวมสมาธิ และให้สมาธิทั้งหมดของเขาอยู่ในดวงตา เขาสำรวจทุกมุมของผนังหุบเขาาอย่างระมัดระวัง
จุนห่าวเห็นดวงตาของหานรุ่ยแตกต่างไปจากเดิม ดวงตาลึกล้ำมาก จุนห่าวไม่กล้ารบกวน จึงได้แต่ปกป้องหานรุ่ยอยู่ข้างกาย เพื่อป้องกันเื่ที่ไม่คาดฝัน
หานรุ่ยค้นหาทุกตารางนิ้ว ในที่สุดเขาก็พบสถานที่ที่แตกต่าง เขาเอื้อมมือออกไปและกดอย่างแรง ผนังหุบเขาก็ราวกับประตูใหญ่ และเปิดช่องกว้างมากกว่าหนึ่งเมตร
เมื่อเห็นว่าผนังหุบเขาเปิดออก หานรุ่ยจึงปิดตาเสกสรรปั้นเท็จ พูดกับจุนห่าวว่า “เราเข้าไปกันเถอะ” พูดจบ หานรุ่ยก็พุ่งพรวดเข้าประตูไป จุนห่าวตามเข้าไปข้างหลังติดๆ ทันทีที่จุนห่าวเข้าไป ผนังหุบเขาก็ปิดลง
จุนห่าวและหานรุ่ย ยืนนิ่งมองอุโมงค์ลึกกว้าง 1 เมตร โดยมีแร่ที่ไม่รู้จักทั้งสองด้านของผนังหุบเขาที่ส่องแสงในแสงสลัว
“ท่านพ่อ ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างดึงดูดข้าอยู่ข้างใน” สายฟ้าพูดอย่างกระตือรือร้น เขารู้สึกว่าเืของเขาเดือดพล่านไปทั้งตัว
จุนห่าวรับรู้ถึงความกระตือรือร้นของสายไฟแล้ว จุนห่าวครุ่นคิด เห็นทีในนี้จะมีของที่มีความสำคัญต่อสายฟ้าอย่างยิ่ง ถ้าอย่างนั้น เขาต้องเอามันมาให้สายฟ้าให้ได้
จุนห่าวยืนอยู่ตรงนั้น มองดูแร่ที่ไม่รู้จักที่ส่องแสงด้วยสีหน้าที่สุดจะพรรณนาไม่ได้ เขาพูดกับหานรุ่ยว่า “เสี่ยวรุ่ย ที่นี่มีบางอย่างไม่ธรรมดา? ที่นี่เหมือนมนุษย์ขุดขึ้นมา หากดูจากสติปัญญาของสุนัขจื่อเหลยแล้ว คงไม่อาจทำสิ่งเหล่านี้ได้”
หานรุ่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าก็ไม่แน่ใจนัก แต่ที่นี่ต้องไม่ธรรมดาแน่ และแน่นอนว่ามิใช่สุนัขจื่อเหลยที่ทำขึ้นมา เห็นแร่เรืองแสงเ่าั้ไหม ข้าไม่เลยเห็นมาก่อน และไม่เคยพบในบันทึกของพวกมัน”
จุนห่าวครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวไป๋อาจจะรู้ ยังไงสารานุกรมในจิตสำนึกของมันก็มีทุกอย่าง” จุนห่าวพูดจบ ก็สื่อสารกับเสี่ยวไป๋โดยพลัน จุนห่าวงงงวย โดยปกติแล้ว เสี่ยวไป๋จะโพล่งออกมาโดยไม่ต้องเรียก วันนี้กลับให้เขาต้องเป็ฝ่ายเริ่มสื่อสารก่อน
“เสี่ยวไป๋อยู่ไหม?” จุนห่าวถามอย่างไม่แน่ใจนัก เขาเกรงว่าเสี่ยวไป๋กำลังบำเพ็ญเพียร หากรบกวนการบำเพ็ญเพียรของเสี่ยวไป๋ย่อมไม่ดีแน่
“มีอะไร ข้ากำลังฝันว่าข้าได้แต่งงานกับหงส์ขาวอยู่เลย” เสี่ยวไป๋พูดไม่อย่างพอใจ พลางคิดในใจ มันไม่ง่ายที่จะฝันหวานเช่นนี้ ยังมิทันได้เคลิบเคลิ้มอะไรมาก ก็ถูกจุนห่าวรบกวน จุนห่าวช่างไม่ดูตาม้าตาเรือเสียจริง
จุนห่าวคิดในใจ เสี่ยวไป๋ฝันหวานเก่งเสียจริง ฝันว่าได้แต่งงานกับหงส์ขาว คงเป็เพราะคิดเช่นนี้อยู่ตลอดวัน ตกกลางคืนจึงเก็บเอาไปฝัน
“เ้ารู้ไหมว่าแร่เรืองแสงคืออะไร?” จุนห่าวเอ่ยถามตรงๆ
“ก็คือหินรุ่งโรจน์มิใช่หรือ? มีอะไรให้ตกอกใ” เสี่ยวไป๋พูดอย่างไม่แยแส หยุดอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวไป๋ก็พูดด้วยเสียงสูงว่า “หินรุ่งโรจน์ เหตุใดหินรุ่งโรจน์ถึงปรากฏที่นี่ หินรุ่งโรจน์เป็ผลผลิตของแดนเซียนนะ”
จุนห่าวยักไหล่พลางคิดในใจ หากเขารู้คงไม่ต้องถามเสี่ยวไป๋แล้ว
เสี่ยวไป๋รวบรวมสติอยู่พักหนึ่ง มันใช้จิตแห่งการรับรู้มองรอบๆ ไม่พบอันตรายใด มันพูดกับจุนห่าวว่า “พวกเ้าเข้าไปเถอะ ข้างในต้องมีโอกาสอันยิ่งใหญ่แน่”
